จะมีพิธีกรรมที่ โบสถ์เซนต์มาร์ก & เซนต์จอร์จ คอปติกออร์โธด็อกซ์ บางกะปิ ในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 เวลา 10:30 น.

คริสตสัมพันธ์ เอกภาพในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:46 am

จะมีพิธีกรรมที่ โบสถ์เซนต์มาร์ก & เซนต์จอร์จ คอปติกออร์โธด็อกซ์ บางกะปิ (St. Mark and St. George Coptic Orthodox Church Bang Kapi) ในวันพุธที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 เวลา 10:30 น. - 12:30 น. โดย พระคุณเจ้า Metropolitan Youssef แห่งรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

พี่น้องที่รักผู้เป็นสมาชิกในพระกายพระคริสต์ พระคุณเจ้า Metropolitan Youssef แห่งรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังจะมาสวดภาวนาทำพิธีกรรมในวันพุธ เวลา 10:30 น. - 12:30 น. พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับพระพรจากการชุมนุมกันในพระคริสต์ ในการรับศีลมหาสนิท

พวกเรารอที่จะพบพี่น้องทุกคนในพระหรรษทานของพระเจ้า

รูปภาพ

⛪️ โบสถ์เซนต์มาร์ก & เซนต์จอร์จ คอปติกออร์โธด็อกซ์ บางกะปิ St. Mark and St. George Coptic Orthodox Church Bang Kapi
🏠 ที่อยู่
262 ซอยลาดพร้าว 107 แยก 8 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10240 ประเทศไทย

📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/Pw63JSEemxLovTw78?g_st=ic

👍 เพจ
https://www.facebook.com/StsMarkGeorgeC ... tid=LQQJ4d

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

Beloved brothers and sisters members of the Body of Christ. His Eminence Metropolitan Youssef of Florida US is going to pray the liturgy on Wednesday from 10:30 am- 12:30 pm we would love to be blessed by the fellowship in Christ in receiving the Holy Communion.

Looking forward to see you all by the Grace of God.

⛪️ St. Mark and St. George Coptic Orthodox Church Bang Kapi โบสถ์เซนต์มาร์ก & เซนต์จอร์จ คอปติกออร์โธด็อกซ์ บางกะปิ
🏠 Address
262, Soi Lat Phrao 107 Yeak 8, Tambon Khlong Chan, Bang Kapi District, Bangkok 10240, Thailand

📍 Google Maps
https://maps.app.goo.gl/Pw63JSEemxLovTw78?g_st=ic

👍 Facebook Page
https://www.facebook.com/StsMarkGeorgeC ... tid=LQQJ4d

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

#คริสต์ #ออร์โธด็อกซ์ #คอปติกออร์โธด็อกซ์ #คอปติก #พิธีกรรม #โบสถ์เซนต์มาร์คเซนต์จอร์จคอปติกออร์โธด็อกซ์ #ซอยลาดพร้าว107แยก8 #ซอยลาดพร้าว107 #ลาดพร้าว #คลองจั่น #บางกะปิ #กรุงเทพมหานคร #กรุงเทพ #orthodox #CopticOrthodoxChurch #CopticOrthodox #Coptic #liturgy #SaintMarkAndSaintGeorgeCopticOrthodoxChurch #KhlongChan #BangKapi #Bangkok #Thailand

CR. : Coptic Orthodox Church Of Thailand - Diocese of Sydney
https://www.facebook.com/photo/?fbid=12 ... 1590028113
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:49 am

+ พบศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ไทย ตอนที่ 1

ชาวไทยส่วนใหญ่นั้นคงรู้จักคริสตศาสนาแน่นอน โดยเฉพาะนิกายคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักนิกายออร์โธด็อกซ์หรือศาสนจักรตะวันออก ยิ่งโดยเฉพาะนิกายคอปติกออร์โธด็อกซ์แล้ว หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แค่ในข่าวเกี่ยวกับการข่มเหงที่เกิดขึ้นโดยชาวมุสลิมในอียิปต์หรือข่าวโป๊ปคอปติกเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แต่แอดมินค่อนข้างแน่ใจว่า แทบไม่มีใครทราบว่าศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นได้มาเผยแผ่ถึงประเทศไทยของเราแล้ว

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา แอดมินได้เดินทางเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนจักรคอปติกที่วัดนักบุญมาร์คและนักบุญจอร์จ(St.Mark and St.George Coptic Orthodox Church) ซึ่งวัดยังมีลักษณะเป็นเพียงบ้านแต่ต่อเติมเป็นวัดเท่านั้น

ทั้งนี้แอดมินได้สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนจักรคอปติกออร์ด็อกซ์ในหลายๆด้านด้วย โดยการสนทนานั้นเป็นไปอย่างราบรื่น พ่อเป็นคนใจดีมาก ท่านเป็นคนอารมณ์ดีและมักจะพูดติดตลกให้ได้หัวเราะระหว่างสนทนากันอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว แต่เนื่องจากเรื่องของเวลาที่มีจำกัด เพราะคุณพ่อต้องไปทำธุระต่อ ทำให้คำตอบหลายข้อนั้นอาจไม่ครอบคลุม

คุณพ่อที่แอดมินได้สนทนาด้วยนั้นชื่อว่าคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอส(Fr.Yohanna Bestawros) เป็นบาทหลวงจากออสเตรเลียซึ่งเข้ามาเผยแผ่คริสตศาสนานิกายคอปติกออร์โธด็อกซ์ในไทยมาตั้งแต่เริ่มแรก

1.ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์คืออะไรครับคุณพ่อ?

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นเป็นหนึ่งในศาสนจักรของออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ ซึ่งแยกออกมาเมื่อสภาสังคายนาสากลชาลซีดอนค.ศ.451 ทำให้กลายเป็นหนึ่งในศาสนจักรที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับที่สองท่ามกลางนิกายที่ไม่ใช่ยิว(non-Jew denomination)ทั้งหมด ศาสนจักรแรกคือที่เยรูซาเล็ม มีนักบุญเจมส์อัครสาวก(น้องชายพระเยซู หรือรู้จักกันในอีกชื่อคือ ยากอบ)เป็นพระสังฆราชองค์แรก ศาสนจักรที่สองคืออันติโอก ซึ่งในพระคัมภีร์กล่าวว่าที่อันติโอกพวกสาวกได้ชื่อว่าเป็นชาวคริสต์เป็นครั้งแรก(กิจการ 11:26)

ศาสนจักรที่สามคือศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียนั่นเอง ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากนักบุญมาระโกอัครสาวก(นักบุญมาร์ค)ท่านเกิดที่ดินแดนลิเบีย ซึ่งท่านได้เผยแพร่ความเชื่อไปทั่วแอฟริกาเหนือและท่านได้ก่อตั้งศาสนจักรขึ้นที่อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันช่วงค.ศ.49 ซึ่งถือว่าเป็นต้นกำเนิดของศาสนจักรคอปติก เป็นหนึ่งในศาสนจักรทั้งห้า(คือเยรูซาเล็ม อันติโอก อเล็กซานเดรีย คอนสแตนติโนเปิล และโรม)ของคริสตศาสนจักรในยุคแรก โดยนักบุญมาระโกอัครสาวกนั้นทางคอปติกถือว่าท่านเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกอีกด้วย

คุณพ่ออธิบายต่อด้วยว่าหลักข้อเชื่อและหลักเทววิทยาหลายอย่างต่างก็มีที่มาจากศาสนจักรในอียิปต์หรือศาสนจักรอเล็กซานเดรียนั่นเอง มีนักบุญจากศาสนจักรอเล็กซานเดรียที่มีชื่อเสียงด้านเทววิทยามากมายเช่นนักบุญอะธานาซิอุส(โป๊ปคอปติกองค์ที่ 20) นักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรีย(โป๊ปคอปติกองค์ที่ 24)เป็นต้น

2.ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์มีหลักข้อเชื่ออะไรบ้างครับ?

ศาสนจักรคอปติกนั้นยึดถือหลักข้อเชื่อไนเซีย หลักข้อเชื่อของนักบุญอะธานาซิอุส พระคัมภีร์ไบเบิลซึ่งอันนี้เป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว รวมไปถึงคำสอนที่สืบเนื่องมาจากอัครสาวกเฉกเช่นเดียวกับศาสนจักรอื่นๆ และกฎหมายพระศาสนจักรก่อนสภาสังคายนาสากลชาลซีดอนด้วย(เนื่องจากทางคอปติกไม่ยอมรับสภาสังคายนาสากลครั้งที่ 4 ที่ชาลซีดอน จึงไม่ยอมรับกฎหมายพระศาสนจักรของสภานั้นและครั้งถัดๆมาด้วย)

3.วิถีชีวิตชาวคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นเป็นเช่นไรครับ? เช่นเรื่องการรับประทานอาหาร การสวดภาวนา

(คุณพ่ออธิบายถึงชีวิตพระนักพรตก่อนว่า) ลัทธิอยู่อารามหรืออารามวาสี(Monasticism)นั้นก็มีต้นกำเนิดมาจากศาสนจักรอียิปต์(อเล็กซานเดรีย) ปัจจุบันมีอารามจำนวนมากอยู่ตามทะเลทรายในอียิปต์ ตลอดแม่น้ำไนล์ตั้งแต่ทิศเหนือของอียิปต์จนถึงอียิปต์ใต้เลยล่ะ

"เอ คุณพ่อพูดเหมือนว่าอารามบนภูเขาเอธอส(กรีกออร์โธด็อกซ์) และอารามนักพรตอื่นๆนี่ต่างก็ได้มาจากอียิปต์ใช่มั้ยครับ?"

"อ้าว แน่นอน เพราะอียิปต์เป็นต้นกำเนิดของลัทธิอารามวาสี ไม่ว่าจะโรม กรีก รัสเซีย ต่างก็ได้รับมาจากอียิปต์ทั้งสิ้น"

(คุณพ่ออธิบายต่อว่า)เมื่อพระนักพรตตื่นนอน พวกเขาก็จะมาวัดน้อยและสวดภาวนากันโดยพระนักพรตทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์จะมีการสวดภาวนาเป็นช่วงๆตลอดทั้งวันถึง 7 ช่วงเวลา ได้แก่
1)6.00 น.
2)9.00 น.
3)12.00 น.(เวลาเที่ยง)
4)15.00 น.
5)18.00 น.
6)ภาวนาก่อนนอน
7)เที่ยงคืน

ยิ่งไปกว่านั้น พ่อกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พระนักพรตคอปติกจะสวดภาวนาตลอดเวลา แม้กำลังทำงานอยู่ พวกเขาก็ยังสวดภาวนาอย่างเคร่งครัด
ส่วนทางด้านฆราวาส คุณพ่อบอกว่าชาวคอปติกควรรับศีลมหาสนิทอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง(วันอาทิตย์)และควรมาฟังแก้บาป(ศีลอภัยบาป)กับบาทหลวงอย่างน้อยเดือนละครั้ง และก่อนมารับศีลมหาสนิทต้องอดอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนของวันเสาร์จนกว่าจะได้รับศีลมหาสนิท แต่ถ้าป่วยอยู่ ไม่สามารถอดอาหารได้ก็สามารถไปแก้บาปและขออนุญาตในเรื่องนี้จากบาทหลวงได้ ยิ่งไปกว่านั้นทางคอปติกยังมีการอดอาหารทุกวันพุธและวันศุกร์อีกด้วย(แต่การอดอาหารในที่นี้ไม่ได้แปลว่าอดอาหารไปเลย ไม่กินสักมื้อ หากแต่หมายถึงการละเว้นจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์ หรือพูดง่ายๆคือมังสวิรัตินั่นเอง) อีกทั้งทางคอปติกจะมีช่วงอดอาหารทั้งหมดมากถึง 220 วันเลยทีเดียว

4.ทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นใช้ปฏิทินพิธีกรรมอะไรและจารีตพิธีกรรมไหนที่ทางศาสนจักรคอปติกนั้นใช้อยู่

ทางคอปติกนั้นจะใช้ปฏิทินพิธีกรรมคอปติก(Coptic Calendar) และทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์จะฉลองวันคริสต์มาสวันเดียวกับทางศาสนจักรอีสเทีร์นออร์โธด็อกซ์(วันที่ 7 มกราคม)อีกด้วย

ส่วนจารีตพิธีกรรมนั้นคือจารีตอเล็กซานเดรีย ทางคอปติกเชื่อกันว่าพีธีกรรมของพวกเขาถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญมาระโกอัครสาวก(นักบุญมาร์ค)นั่นเอง แต่หลักๆแล้วพิธีกรรม(คุณพ่อบอกว่ามากถึง 95 %) เป็นพิธีกรรมของนักบุญบาซิลผู้ยิ่งใหญ่(St.Basil the great) นอกจากนี้พีธีกรรมของคอปติกยังถูกเขียนขึ้นโดยนักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรียซึ่งมักพบที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และนักบุญเกรกอรี่แห่งนาเซียนซัส(St. Gregory of Nazianzus)ซึ่งมักจะใช้ช่วงวันสมโภชที่เกี่ยวกับพระเยซู

ทีนี้มาถึงคำถามที่แอดมินเชื่อว่าหลายคนคงให้ความสนใจและหลายคนอาจสงสัยกันมานานแล้ว

5.ผมทราบมาว่าศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์เองก็มีตำแหน่ง"โป๊ป"เหมือนกันกับศาสนจักรคาทอลิก แล้วระหว่างสองโป๊ปของสองศาสนจักรนั้นต่างกันอย่างไรบ้างครับคุณพ่อ?

คุณพ่อจำแนกข้อแตกต่างเป็นข้อๆให้ได้เห็นเลยทีเดียวครับ ซึ่งผมจะยกมาให้ได้อ่านกันดังนี้

ด้านโป๊ปหรือพระสันตะปาปาคาทอลิก
-มีหลักข้อเชื่อว่าพระสันตะปาปาไม่รู้ผิดพลาด(Papal infallbillity)
-เป็นประมุขศาสนจักรที่มีอำนาจสูงสุดในศาสนจักรแต่เพียงผู้เดียว
-เป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากนักบุญเปโตรอัครสาวกหรือนักบุญปีเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นพระสันตะปาปาคาทอลิกองค์แรก
-พระสันตะปาปาคาทอลิกทรงประทับอยู่ที่มหาวิหารนักบุญเปโตร นครรัฐวาติกัน

ด้านโป๊ปคอปติก
-ไม่มีหลักข้อเชื่อว่าโป๊ปหรือพระสันตะปาปาไม่รู้ผิดพลาด
-แม้จะเป็นประมุขศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ แต่โป๊ปคอปติกก็ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดในศาสนจักรเลย แต่ทางคอปติกจะยึดถือหลัก"สูงสุดท่ามกลางความเท่าเทียม" (First among equals) โดยจะให้สภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์(Holy Synod)มีอำนาจสูงสุด โป๊ปคอปติกจะเพียงแค่ได้รับเกียรติสูงสุดในบรรดาพระสังฆราชและเป็นประธานสภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ไม่ได้มีอำนาจสูงสุด(หลักFirst among equalsนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับทางศาสนจักรอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ที่พระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลเองก็ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดเช่นกัน)
-เป็นตำแหน่งที่สืบทอดมาจากนักบุญมาระโกอัครสาวกหรือนักบุญมาร์ค ซึ่งถือว่าเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรก
-โป๊ปคอปติกทรงประทับอยู่ที่อาสนวิหารนักบุญมาระโก(นักบุญมาร์ค)ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์

ซึ่งนั่นคือความแตกต่างใหญ่ๆของสองโป๊ปสองศาสนจักร

ทีนี้เรื่องการเลือกตั้งโป๊ปคอปติกเองก็มีส่วนน่าสนใจไม่น้อย เพราะวิธีการเลือกนั้นค่อนข้างแตกต่างจากศาสนจักรอื่นอยู่ไม่น้อย คุณพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้ว่า
เริ่มแรก สภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นจะคัดเลือกพระนักพรตตามทะเลทรายหรือพระสังฆราชทั่วๆไปและจะนำมาโหวตกันให้เหลือ 7 คน แล้วโหวตอีกครั้งและเลือก 3 คนแรก เมื่อเลือกได้แล้วก็จะนำรายชื่อซึ่งเขียนบนกระดาษใส่ไว้ในกล่องแก้วใหญ่ๆเอาไว้ แล้ววางไว้บนพระแท่นและประกอบพิธีกรรมตามปกติขณะที่มีกล่องแก้ววางอยู่บนพระแท่นเป็นเวลาสามวัน

เมื่อครบสามวันแล้ว พวกเขาจะสวดภาวนาขอพระเจ้าทรงเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะมาเป็นโป๊ปคอปติกแล้วนำเด็กชายวัยประมาณห้าขวบมาสักคนหนึ่งที่ร่วมพิธี จะเป็นใครก็ได้ และนำผ้าปิดตาเด็กชายคนนั้นแล้วให้เขานำมือหย่อนลงไปเพื่อหยิบกระดาษที่เขียนชื่อมาแผ่นหนึ่ง เมื่อได้แล้ว ก็จะกางออกว่าใครได้เป็นโป๊ปคอปติกองค์ต่อไป

คุณพ่อบอกว่า ต้องกางชื่อที่ไม่ได้ถูกเลือกด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่มีการโกงกันเกิดขึ้น เพราะไม่งั้นแล้วเผลอๆครั้งต่อไปอาจมีคนแอบใส่ชื่อคนเดียวสามแผ่นเลยก็ได้นะ(ฮ่าๆ)

//AdminMichael

โปรดติดตามต่อตอนที่ 2
คำอธิบายภาพอยู่ในภาพ ซึ่งเป็นภาพพิธีกรรมศีลมหาสนิทและภาพแอดมินกับคุณพ่อโยฮันนา

ปล.เนื่องจากคำถามและคำตอบที่ได้สนทนากันนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำต้องแปลสิ่งที่ได้จดไว้ทั้งหมด อีกทั้งเรื่องที่ได้สนทนากันนั้นยาวมาก สนทนากันหลายชั่วโมงเลยทีเดียว จึงจำต้องย่อสิ่งที่ได้สนทนากันซึ่งอาจมีบางอย่างขาดหายไปบ้าง หากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่น่าพอใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ปล.2 เนื่องจากพิธีกรรมของทางคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นมีเพียงเดือนละครั้งโดยบาทหลวงซึ่งเดินทางมาจากออสเตรเลีย หากผู้ใดสนใจจะเข้าร่วมพิธีกรรมศีลมหาสนิทของทางศาสนจักรคอปติก โปรดส่งข้อความถึงแอดมินก่อนนะครับ เพื่อที่จะได้ระบุเวลาที่แน่นอนแก่ผู้สนใจไปให้เมื่อใกล้ถึงเวลาครับ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... 192&type=3
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:49 am

ต่อจากตอนที่ 1

6.ทางศาสนจักรคอปติกนั้นมีวันฉลองสมโภชอะไรที่สำคัญบ้างครับ?
ทางศาสนจักรคอปติกนั้นมีวันฉลองสำคัญอยู่หลายวัน(ซึ่งวันเวลานั้นกำหนดตามปฏิทินคอปติก วันอาจเปลี่ยนไปตามแต่ละปี)เช่น
-วันสมโภชการประสูติของพระเยซู(Feast of the Nativity) 7 มกราคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงเข้าพิธีสุหนัต(Feast of Circumcision) 15 มกราคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงแสดงองค์(Feast of Epiphany) 20 มกราคม 2016
-วันสมโภชการถวายพระเยซูในวิหาร(Feast of the Lord's entry the temple) 16 กุมภาพันธ์ 2016
-วันสมโภชแห่งกางเขน(Feast of the cross) 19 มีนาคม 2016
-วันสมโภชแม่พระรับสาร(Feast of Annunciation) 7 เมษายน 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์(Feast of Resurrection) 1 พฤษภาคม 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์(Feast of Ascention) 9 มิถุนายน 2016
-วันสมโภชพระเยซูทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง(Feast of Transfiguration) 19 สิงหาคม 2016

นอกจากนี้ยังมีวันสมโภชที่น่าสนใจอื่นๆด้วยเช่นวันสมโภชปีใหม่คอปติก(11 กันยายน 2016) วันสมโภชครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ลี้ภัยมายังอียิปต์(1 มิถุนายน 2016) เป็นต้น

7.กางเขนคอปติกมีความหมายอย่างไรครับ? (แอดมินถามมาด้วยเผื่อใครสนใจ)
กางเขนคอปติกนั้น เหมือนกับกางเขนทั่วไปคือจะมีเส้นสองเส้นตัดกันเป็นมุมฉาก แต่ตัดกันโดยที่ความยาวทั้งสองเส้นเท่ากันและมีมุมสามมุมในแต่ละแขนสี่แขนกางเขน หมายถึงพระตรีเอกานุภาพ แล้วเนื่องจากมีสี่แขน จึงมีทั้งหมด 12 มุม หมายถึงอัครสาวกทั้ง 12 นั่นเอง และในรูปภาพกางเขนคอปติกมักจะมีตัวอักษรคอปติกกำกับไว้ว่า"พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า"

8.ทำไมศาสนจักรคอปติกถึงใช้ฉาบและไทรแองเกิลเป็นเครื่องดนตรีระหว่างพิธีศีลมหาสนิทล่ะครับ?
คุณพ่อไม่ได้กล่าวตรงๆเรื่องฉาบ แต่กล่าวถึงเรื่องการใช้เครื่องดนตรี คุณพ่อกล่าวไว้ว่าในไบเบิลก็กล่าวถึงการใช้เครื่องดนตรีระหว่างการขับร้องเพลงสรรเสริญอยู่แล้ว(อพยพ 15:20) แต่สำหรับไทรแองเกิลนั้น คุณพ่อบอกว่าถูกเพิ่มขึ้นมาในภายหลัง

ทีนี้มาถึงคำถามที่ค่อนข้างจริงจังพอสมควร และหลายคนอาจอยากจะทราบเช่นกัน

9.สถานการณ์ของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในอียิปต์เป็นอย่างไรและการข่มเหงยังคงเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้หรือไม่ครับ?
พอถึงคำถามนี้ คุณพ่อสนทนากับแอดมินด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า ซึ่งผมคิดว่าไม่สามารถจะเขียนบรรยายเองได้จึงขอร้องให้คุณพ่อช่วยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ คุณพ่อเขียนมาเป็นประวัติศาสตร์คร่าวๆดังนี้

"การข่มเหงชาวคอปติกนั้นมีมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 4 โดยชาวโรมันเมื่อจักรพรรดิไดโอคลีเชี่ยนขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งโรม หรือแม้กระทั่งก่อนหน้านี้ก็ถูกข่มเหงโดยหลายบุคคล เช่นจักรพรรดิเนโร จักรพรรดิมาร์คัส เอาเรลิอุส จักรพรรดิทราจัน
จักรพรรดิดอมีเชียน หลังจากนั้น(พ้นสมัยจักรวรรดิโรมัน) ก็ตามด้วยพวกมุสลิมช่วงคริสตศตวรรษที่ 7 จนถึงปัจจุบัน บางครั้งการข่มเหงหนักขึ้น บางครั้งการข่มเหงเบาลง ซึ่งมันขึ้นอยู่กับขันติธรรมทางศาสนาหรือการยอมรับความแตกต่างทางศาสนาของเคาะลีฟะฮ์(หรือกาหลิบ ผู้นำรัฐอิสลามและผู้สืบทอดอำนาจต่อจากนบีมูฮัมหมัด) พวกมัมลุก(ราชวงศ์หนึ่งซึ่งเคยปกครองอียิปต์) หรือพวกเติร์ก(ตุรกี ในอดีตคือจักรวรรดิออตโตมัน)
ปัจจุบันนั้นการข่มเหงยังคงเกิดขึ้นโดยพวกวาฮาบีซึ่งแสดงออกมาในรูปของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม"

คุณพ่อกล่าวเสริมว่าทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นถูกข่มเหงมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัยเลย ไม่มีสมัยไหนที่ว่างเว้น
และเมื่อผมพูดถึงโบสถ์คอปติกหลายแห่งที่ถูกเผาตามข่าวที่ได้อ่าน คุณพ่อกล่าวทันทีว่าแน่นอน เป็นความจริง โบสถ์ของศาสนจักรคอปติกหลายแห่งในอียิปต์ถูกเผาและทำลายลงโดยพวกวาฮาบี(คุณพ่อพูดว่าพวก"วาฮาบี"นะครับ ไม่ได้พูดว่ามุสลิม)

ผมถามคุณพ่อว่า"แล้วทำไมโป๊ปคอปติกแต่ละท่านจึงสามารถอยู่ในอียิปต์ได้นานนับพันปีล่ะครับ?"
คุณพ่อไม่ได้บอกถึงเหตุผลทางประวัติศาสตร์ แต่คุณพ่อกล่าวกับผมเป็นคำพูดเชิงความเชื่อว่า"พ่อเชื่อว่าโป๊ปคอปติก ถูกปกป้องโดยพระเจ้า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่โป๊ปคอปติกยังคงอยู่ได้นับพันปีตลอดเวลาที่มุสลิมยึดครองอียิปต์"

เมื่อคุณพ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าและไม่พูดอะไรต่อ แอดมินจึงภาวนาขอพระเจ้าปกป้องโป๊ปคอปติกออร์ด็อกซ์ที่อียิปต์และตัดเข้าคำถามถัดไปเลยดีกว่า

10.ศาสนสัมพันธ์ระหว่างคริสตศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์และศาสนจักรอื่นๆเป็นอย่างไรบ้างครับ?
คุณพ่อกล่าวว่า "จริงๆแล้วศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์(ออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์)กับกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์)นั้นร่วมเอกภาพกันโดยสมบูรณ์นะ สองศาสนจักรสามารถรับศีลมหาสนิทด้วยกันได้"
แต่คุณพ่อก็กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าเป็นการร่วมเอกภาพที่มีเฉพาะศาสนจักรกรีกออร์โธด็อกซ์แห่ง"อเล็กซานเดรีย"เท่านั้น เพราะทางพระอัยกาแห่งคอนสแตนติโนเปิลนั้นไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ทางศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นยังเป็นสมาชิกของสภาคริสตจักรโลก(world council of churches)และโป๊ปคอปติกองค์ปัจจุบันคือโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 ได้เข้าพบผู้นำศาสนจักรมาแล้วหลายครั้งอีกด้วย
ทั้งพระสันตะปาปาฟรานซิส(คาทอลิก) พระอัยกาคีริลแห่งมอสโคว์และรัสเซียทั้งมวล(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์) พระอัยกาธีโอดอร์ที่ 2 ของกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย(อีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ - องค์นี้พบบ่อยเพราะอยู่ที่อียิปต์เหมือนกัน)

เพิ่งทราบมาด้วยว่าคุณพ่อโยฮันนานั้นรู้จักกับคุณพ่อโอเล็ก ชีรีปานิน เจ้าอาวาสวัดนักบุญนิโคลัส กรุงเทพฯ แห่งศาสนจักรรัสเซียออร์โธด็อกซ์ในไทยด้วย คุณพ่อโยฮันนาพูดถึงคุณพ่อโอเล็กด้วยว่าเป็นบาทหลวงที่ดี พูดภาษาอังกฤษได้เก่งอีกต่างหาก

ว่าจะถามอีกหลายๆเรื่องรวมถึงศาสนจักรคอปติกในประเทศไทย แต่พอมาถึงตรงนี้ก็มีคนมาแจ้งว่าคุณพ่อต้องไปทำภารกิจต่อที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งที่นั่นมีวัดคอปติกอยู่อีกแห่งหนึ่งด้วย จึงได้เพียงรายละเอียดคร่าวๆว่า

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นได้เริ่มทำงานมิชชั่นนารีเผยแผ่คริสตศาสนาคอปติกในไทยตั้งแต่ปีค.ศ.2004 และจดทะเบียนตั้งเป็นมูลนิธิ"เซนต์มาร์คแอนด์เซนต์จอร์ท" มีวัดทั้งหมด 2 วัด ที่หนึ่งอยู่ที่ซอยลาดพร้าว 107 แยก 8 เขตบางกะปิกรุงเทพฯ ใกล้กับมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ชื่อว่าวัดนักบุญมาร์คและนักบุญจอร์จ อีกที่หนึ่งอยู่ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตั้งเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกด้วยชื่อว่าวัดนักบุญเจมส์อัครสาวก คุณพ่อกล่าวว่ามีผู้นับถือในไทยประมาณ 116 คน(ตัวเลขไม่ค่อยแน่นอนนัก)

แต่เนื่องจากเพิ่งเข้าไทยได้ไม่นาน จึงยังไม่มีวัดที่มีลักษณะเป็นวัดจริงๆ วัดที่มีอยู่ในไทยจึงเป็นเพียงบ้านแต่ต่อเติมเป็นวัดเท่านั้น และไม่มีบาทหลวงประจำอยู่ในไทย จะมีบาทหลวงจากออสเตรเลียมาประกอบพิธีกรรมเพียงเดือนละครั้งเท่านั้น ซึ่งศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในไทยจะสังกัดสังฆมณฑลแห่งซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แต่ก็นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ที่กำลังเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในไทยในขณะนี้

ก่อนจากลา แอดมินได้ถามคุณพ่อว่าจะมีแผนการสร้างวัดอย่างเป็นทางการหรือเปล่า? คุณพ่อบอกว่าเราก็อยากจะสร้างและกำลังอยู่ระหว่างวางแผนกันอยู่แม้อาจมีอุปสรรคบางประการก็ตาม

จากคำกล่าวของคุณพ่อทำให้เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน ชาวไทยคงจะได้เห็นวัดคอปติกอันสวยงามใจกลางกรุงเทพฯก็เป็นได้ครับ

สุดท้ายนี้ ทางเพจประวัติศาสตร์คริสตศาสนาทั้งตะวันตกและตะวันออกขอขอบพระคุณคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอสเป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติร่วมสนทนากับทางแอดมินเพจ ทั้งนี้ทางแอดมินเพจขอภาวนาต่อพระเจ้า ขอพระองค์ทรงอวยพรศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ให้เติบโตมากขึ้นในไทยและขอพระองค์ทรงโปรดอวยพรคุณพ่อโยฮันนา เบสตาวรอสและพันธกิจของคุณพ่อให้ยั่งยืนเติบโตสืบไป

ทั้งนี้ขอให้คริสตศาสนิกชน โปรดภาวนาเพื่อศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ที่กำลังถูกข่มเหงที่อียิปต์ในขณะนี้และภาวนาขอพระเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองโป๊ปคอปติกให้ปลอดภัยจากอันตรายใดๆทั้งปวงด้วยเถิด Amen

/AdminMichael

คำอธิบายภาพอยู่ในภาพ ซึ่งเป็นภาพวัดและห้องรับแขกของทางวัด

ปล.เนื่องจากคำถามและคำตอบที่ได้สนทนากันนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำต้องแปลสิ่งที่ได้จดไว้ทั้งหมด อีกทั้งเรื่องที่ได้สนทนากันนั้นยาวมาก สนทนากันหลายชั่วโมงเลยทีเดียว จึงจำต้องย่อสิ่งที่ได้สนทนากันซึ่งอาจมีบางอย่างขาดหายไปบ้าง หากเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่น่าพอใจ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ปล.2 เนื่องจากพิธีกรรมของทางคอปติกออร์โธด็อกซ์นั้นมีเพียงเดือนละครั้งโดยบาทหลวงซึ่งเดินทางมาจากออสเตรเลีย หากผู้ใดสนใจจะเข้าร่วมพิธีกรรมศีลมหาสนิทของทางศาสนจักรคอปติก โปรดส่งข้อความถึงแอดมินก่อนนะครับ เพื่อที่จะได้ระบุเวลาที่แน่นอนแก่ผู้สนใจไปให้เมื่อใกล้ถึงเวลาครับ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... e0285606d6
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:49 am

ศาสนจักรคริสเตียนทั่วโลก ตอนที่ 2
ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย (Coptic Orthodox Church of Alexandria)

รูปภาพ

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียนั้นเป็นศาสนจักรหนึ่งในคริสตศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ มีถิ่นกำเนิดที่ดินแดนประเทศอียิปต์ในปัจจุบันและร่วมเอกภาพกับศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์อื่นๆได้แก่ศาสนจักรเอธิโอเปียและเอริเทรียออร์โธด็อกซ์เตวาฮีโด ศาสนจักรอัครทูตอาร์เมเนีย ศาสนจักรซีรีแอกออร์โธด็อกซ์แห่งอันติออกและศาสนจักรมาลานคาร่าออร์โธด็อกซ์ซีเรีย

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่สมัยพระเยซูจนถึงยุคอัครสาวก

อียิปต์นั้นมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์คริสตศาสนามาตั้งแต่สมัยของพระเยซูแล้วโดยที่อียิปต์นี่เองที่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ได้อพยพมาตามคำกล่าวของทูตสวรรค์เพื่อหนีการประหารเด็กทารกโดยพระบัญชาของพระเจ้าเฮโรดหลังพวกนัก‍ปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่‍ให้กลับไปเฝ้าเฮ‌โรดความว่า

"แล้วพวกนัก‍ปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่‍ให้กลับไปเฝ้าเฮ‌โรด พวก‍เขาจึงกลับไปยังเมืองของพวกตนทางอื่นเมื่อพวก‍เขาไปแล้วก็มีทูต‍สวรรค์องค์หนึ่งขององค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าได้มาปรา‌กฏแก่โย‌เซฟในความฝันแล้วบอกว่า
'จงลุก‍ขึ้นพาพระ‍กุมารกับมารดาหนีไปประ‌เทศอียิปต์ และคอย‍อยู่ที่นั่นจน‍กว่าเราจะบอกเจ้า เพราะ‍ว่าเฮ‌โรดจะแสวง‍หาพระ‍กุมาร เพื่อจะประ‌หารชีวิตเสีย'
ในเวลากลาง‍คืนโย‌เซฟจึงลุก‍ขึ้น พาพระ‍กุมารกับมารดาไปยังประ‌เทศอียิปต์ และได้อยู่ที่นั่นจนเฮ‌โรดสิ้น‍พระ‍ชนม์ ทั้ง‍นี้เกิด‍ขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระ‍วจนะขององค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า ซึ่งได้ตรัสผ่านทางผู้‍เผย‍พระ‍วจนะว่า เราได้เรียกบุตรของเราให้ออกมาจากอียิปต์" (มัทธิว 2:12-15)

ต่อมาเมื่อพระเยซูทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เหล่าอัครสาวกก็กระจายออกไปประกาศพระวรสาร ประกาศความเชื่อต่อผู้คนหลากเชื้อชาติ หนึ่งในนั้นคือนักบุญมาระโกหรือนักบุญมาร์คอัครสาวก ท่านได้เดินทางมายังเมืองอเล็กซานเดรียของอียิปต์เพื่อเผยแพร่ความเชื่อ(ปีที่ท่านมานั้นไม่แน่นอนนัก หลายแหล่งระบุไม่ตรงกัน) เรื่องนี้ทางคอปติกเองก็มีตำนานครับ เรื่องราวมีดังนี้

เมื่อนักบุญมาระโกมาถึงและกำลังเดินตามถนนในเมืองอเล็กซานเดรียโดยที่รองเท้าของท่านนั้นขาด นักบุญมาระโกจึงไปซ่อมรองเท้าที่ร้านของอนาเนียส(Ananias) และขณะที่อนาเนียสกำลังซ่อมรองเท้าของนักบุญมาระโกอยู่นั้น เข็มที่ใช้ซ่อมรองเท้าก็ทิ่มเข้านิ้วของเขาทำให้เขาเจ็บอย่างมาก เขาจึงร้องว่า"โอ้ ข้าแต่พระเจ้าหนึ่งเดียว!" เมื่อนักบุญมาระโกเห็น ท่านจึงภาวนาต่อพระเป็นเจ้าขอพระองค์รักษาเขาให้หายและทันใดนั้นนิ้วของอนาเนียสที่ถูกเข็มทิ่มก็หายเป็นปกติ ซึ่งสร้างความแปลกใจแก่อนาเนียสมาก นักบุญมาระโกจึงพูดคุยกับอนาเนียสเพื่อให้เขารู้ว่าใครคือ"พระเจ้าหนึ่งเดียว"ที่แท้จริงและใครเป็นผู้ที่รักษาเขา จากนั้นอนาเนียสก็เชิญนักบุญมาระโกมาที่บ้านของเขาซึ่งต่อมาเขาและครอบครัวของเขาได้เข้ารับศีลล้างบาปหลังยืนยันความเชื่อคริสตศาสนาและหลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้เชื่อมากขึ้น บ้านของอนาเนียสก็กลายเป็นที่ประชุมของคริสเตียน ทางคอปติกเชื่อว่าบ้านของอนาเนียสนั้นเป็นวัดหรือโบสถ์หลังแรกของอียิปต์อีกด้วย

ซึ่งนอกจากนักบุญมาระโกจะเป็นผู้ก่อตั้งศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียแล้ว ทางคอปติกถือว่าท่านเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกด้วย(เช่นเดียวกับทางกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียที่ถือว่าท่านเป็นพระอัยกาองค์แรกเหมือนกัน)

ต่อมาท่านได้แต่งตั้งอนาเนียสเป็นพระสังฆราช(ต่อมาอนาเนียสได้เป็นโป๊ปคอปติกองค์ที่ 2 ต่อจากนักบุญมาระโก) หลังจากนั้นก็มีคริสเตียนมากขึ้นเรื่อยๆ ทางคอปติกเชื่อว่าต่อมาท่านได้โปรดศีลบวชพระสงฆ์ 3 องค์และสังฆานุกรอีก 7 คน เพื่อช่วยงานอภิบาลของอนาเนียส

ค.ศ.68 นักบุญมาระโกก็สิ้นชีวิตโดยมีตำนานว่าในวันหนึ่งที่นักบุญมาระโกกำลังประกอบพิธีกรรมศีลมหาสนิท วันนั้นเป็นวันเดียวกับวันที่พวกนอกศาสนาฉลองเทพเซราพิส(Serapis) เทพเจ้าของพวกนอกศาสนาองค์หนึ่ง ด้วยการสนับสนุนของเจ้าเมืองชาวโรมัน พวกนอกศาสนาจึงบุกเข้ามาและเข้าโจมตีวัดที่นักบุญมาระโกกับคริสเตียนคนอื่นๆกำลังสวดภาวนา พวกเขาจับนักบุญมาระโกมัดไว้กับเชือกแล้วลากท่านไปตามถนนในเมือง พอตกกลางคืนก็นำตัวท่านไปขังไว้และในวันต่อมาท่านก็ถูกลากไปตามถนนซ้ำอีกและสิ้นชีวิตด้วยการเป็นมรณสักขี

แม้นักบุญมาระโกจะสิ้นชีวิตไปแล้ว แต่กลุ่มคริสเตียนที่อยู่แถบอเล็กซานเดรียก็ยังเติบโตมากขึ้น อนาเนียสได้ขึ้นเป็นพระสังฆราชแห่งอเล็กซานเดรียต่อจากนักบุญมาระโก ถึงตรงนี้คงกล่าวได้ว่าศาสนจักรนี้เป็นหนึ่งในคริสตศาสนจักรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้

+++++++++++++++++++++++++++++

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่หลังยุคอัครสาวกจนถึงมุสลิมเข้ายึดครองประเทศอียิปต์

ขณะที่ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียเติบโตมากขึ้น การข่มเหงก็มีมากขึ้นเช่นกัน ศาสนจักรคอปติกนั้นได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศาสนจักรที่ทุกข่มเหงมากที่สุด หนักที่สุดและมีอย่างยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะสมัยจักรพรรดิไดโอคลีเชี่ยน(Emperor Diocletian)แห่งจักรวรรดิโรมัน ทำให้บางครั้งจะมีคนเรียกศาสนจักรนี้ว่า"Church of Martyrs"
(ศาสนจักรแห่งมรณสักขี)

แต่แม้จะถูกข่มเหงมากเสียเพียงใด ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียกลับมีคุณูปการแก่คริสตศาสนาเป็นอย่างมาก มีการตั้งโรงเรียนแห่งอเล็กซานเดรีย(School of Alexandria)ซึ่งเป็นสถาบันเทววิทยาคริสตศาสนาที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคแรก ต่อมาได้เป็นศูนย์กลางทางเทววิทยาแห่งหนึ่งของโลก มีเหล่าพระสังฆราชหลายองค์จากที่ต่างๆมาสอนวิชาที่นี่ มีคณบดีคนสำคัญๆและทำให้เกิดนักปราชญ์ นักวิชาการ นักเทววิทยาออกมาเป็นจำนวนมาก

เช่นนักบุญคลีเมนต์อเล็กซานเดรีย(St.Clement of Alexandria) นักเทววิทยาและปิตาจารย์ศาสนจักร, ออริเจน(Origen) นักเทววิทยาและงานเขียนที่มีชื่อเสียงของเขา,นักบุญไดโอนิซิอุสแห่งอเล็กซานเดรีย(St.Dionysius of Alexandria),นักบุญดิไดมัสผู้ตาบอด(Saint Didymus the Blind) นักเทววิทยาผู้ตาบอด,นักบุญปีเตอร์ ผู้เป็นตราแห่งเหล่ามรณสักขี(Saint Peter the Seal of Martyrs),นักบุญอะธานาซิอุส (St..Athanasius of Alexandria) ปิตาจารย์และปราชญ์ศาสนจักร ผู้เป็นกำลังหลักในการต้านลัทธิอาเรียน ฯลฯ

สถาบันเทววิทยาแห่งนี้ยังมีส่วนสำคัญในการยืนยันความเชื่อที่ถูกต้องและต่อต้านความเชื่อนอกรีตในยุคแรกอีกด้วยทั้งลัทธิอาเรียน เนสตอเรียน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่นี่เป็นศูนย์กลางเทววิทยาที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกในอดีต

นอกจากสถาบันเทววิทยาแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อคริสตศาสนาไม่แพ้กัน นั่นคือ"ลัทธิอารามวาสี"

ลัทธิอารามวาสีคือการใช้ชีวิตถือสันโดษ ละทิ้งสิ่งทางโลกและจะอาศัยในอารามที่สงบซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนแถบอียิปต์ช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 3 มีอารามมากมายตั้งอยู่ตามทะเลทรายหรือตามถ้ำในแถบอียิปต์โดยมีนักบุญแอนโทนี่ผู้ยิ่งใหญ่(St.Anthony the Great)เป็นพระนักพรตคนสำคัญและกล่าวกันว่าท่านเป็นผู้เริ่มชีวิตอารามวาสีเป็นคนแรกด้วยซึ่งต่อมาลัทธิอารามวาสีก็ได้รับความนิยมและแพร่กระจายออกไปจนปัจจุบันมีอารามของศาสนจักรต่างๆมากมายและเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตถือสันโดษตามแบบพระคัมภีร์ได้เป็นอย่างดี

ค.ศ.325 เกิดสภาสังคายนาสากลแห่งไนเซียขึ้นเพื่อต้านลัทธิอาเรียน ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียเองก็มีส่วนสำคัญในสภาสังคายนาสากลครั้งนี้ โดยเฉพาะนักบุญอะธานาซิอุสแห่งอเล็กซานเดรีย แม้ขณะนั้นท่านยังเป็นสังฆานุกรอยู่ แต่ท่านก็ได้ต่อต้านลัทธินี้ในสภาอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว หลังจากนั้นก็เกิดสภาสังคายนาสากลแห่งคอนสแตนติโนเปิลครั้งที่ 1 (สภาครั้งที่ 2) ในปีค.ศ.381 และสภาสังคายนาสากลแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 1 (สภาครั้งที่ 3) ศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรียก็ยังคงมีส่วนสำคัญต่อสภาสังคายนาสากล เช่นนักบุญไซริลแห่งอเล็กซานเดรียในสภาสังคายนาสากลแห่งเอเฟซัส ท่านเป็นประธานสภาครั้งนั้นและประกาศประณามคำสอนนอกรีตของเนสตอริอุสและบัพพาชนียกรรมเขา

การแตกแยกของศาสนจักร

แต่แล้วประวัติศาสตร์ของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ก็เกิดจุดที่ต้องแตกแยกขึ้นมา เมื่อช่วงคริสตศตรรษที่ 5 ยูตีเชส(Eutyches) บาทหลวงและเป็นเจ้าอาวาสในกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้สอนคำสอนนอกรีตว่าพระคริสต์มีธรรมชาติเดียว คือธรรมชาติของความเป็นพระเจ้าเท่านั้น เขาร้องขอให้จักรพรรดิธีโอดอซิอุสที่ 2 เปิดสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 2 เมื่อปีค.ศ.449 ได้สำเร็จ ซึ่งมีโป๊ปดิออสกอรัสแห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Dioscorus of Alexandria) มาด้วยกันกับพระอัยกาจูเวนนัลแห่งเยรูซาเล็ม(Juvenal of Jerusalem) พระอัยกาดอมนัสแห่งอันติออก(Domnus of Antioch) ซึ่งผลคือ โป๊ปดิออสกอรัสกลับไม่อ่านจดหมายจากพระสันตะปาปาลีโอที่ 1 ที่ประกาศยืนยันว่าพระคริสต์มีสองพระธรรมชาติกลับประกาศว่ายูตีเชสนั้นถูกต้อง ไม่ผิด และนำไปสู่สภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนในอีกสองปีต่อมา

แม้ตามประวัติศาสตร์ทั่วๆไปที่เราได้อ่านกันจะเป็นทางโป๊ปดิออสกอรัสนั้นสนับสนุนยูตีเชส แต่ในทางคอปติกแล้ว จะมองอีกมุมหนึ่งคือแท้จริงแล้วท่านเป็นผู้ปกป้องความเชื่อที่ถูกต้อง ทางคอปติกมองว่าสภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนเป็นสภาที่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง โป๊ปดิออสกอรัสและศาสนจักรคอปติกถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกับยูตีเชสเพราะท่านเป็นประธานสภาสังคายนาแห่งเอเฟซัสครั้งที่ 2 ซึ่งให้อภัยยูตีเชสว่าไม่ผิด โดยในภายหลัง สภาของทางคอปติกเองก็ประณามคำสอนของยูตีเชสเหมือนกัน โป๊ปดิออสกอรัสยังได้กล่าวข้อเปรียบเทียบเรื่องธรรรมชาติพระคริสต์ ซึ่งเป็นการปกป้องความเชื่อที่ถูกต้องด้วย แต่ท่านก็ถูกกล่าวหานานัปการ โดยหลักๆมาจากการที่โป๊ปดิออสกอรัสประกาศบัพพาชนียกรรมพระสังฆราชแห่งโรมและไม่ได้ปรากฏตัวในสภาสังคายนาถึงสามครั้ง

ช่วงสภาสังคายนาสากลแห่งชาลซีดอนช่วงหลังๆ ซึ่งผู้แทนจากอียิปต์ไม่ได้อยู่ด้วย ศาสนจักรแห่งคอนสแตนติโนเปิลและโรมได้รับอำนาจแทนศาสนจักรแห่งอเล็กซานเดรีย ศาสนจักรอียิปต์ถูกตราหน้าว่าเป็น"พวกโมโนฟีไซต์" (เชื่อว่าพระคริสต์มีพระธรรมชาติเดียวคือธรรมชาติของคความเป็นพระเจ้า)ซึ่งทางคอปติกเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดที่เกิดจากปัญหาทางภาษาศาสตร์และการตีความหมายกัน เพราะในปัจจุบันทางคอปติกจะยึดถือหลัก"มีอาฟีไซต์" (Miaphysite-ความเป็นพระเจ้าและมนุษย์ของพระคริสต์มารวมกันเป็นธรรมชาติเดียว

เมื่อโป๊ปดิออสกอรัสทรงลี้ภัยและสิ้นพระชนม์ลงในปีค.ศ.454 พระอัยกาโพรเทอริอุส(Proterius)ได้รับการสถาปนาแทนโป๊ปดิออสดอรัส แต่ไม่ได้รับการยอมรับโดยคริสตศาสนิกชนในอียิปต์และยังคงภักดีต่อโป๊ปดิออสกอรัส นับตั้งแต่นั้นมา ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียนี้ก็ถูกจักรพรรดิไบแซนไทน์ข่มเหงเรื่อยมา วัดถูกทำลาย ผู้คนสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง จักรพรรดิจัสติเนียนประกาศปิดวัดทั้งหมดและข่มเหงชาวคอปติกในอียิปต์

เหตุการณ์เป็นแบบนี้จนกระทั่งเกิดศาสนาใหม่ขึ้นมาบนคาบสมุทรอารเบีย ชาวอาหรับหันไปนับถือศาสนานี้และต่อมาไม่นานก็ได้เข้าครอบครองอียิปต์นั่นคือศาสนาอิสลามนั่นเอง

+++++++++++++++++++++++++++++

ประวัติศาสตร์ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียตั้งแต่หลังมุสลิมเข้ายึดครองประเทศอียิปต์จนถึงปัจจุบัน

ช่วงที่มุสลิมเริ่มเข้ายึดครองประเทศอียิปต์นั้นตรงกับสมัยโป๊ปเบนจามินที่ 1 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Banjamin I of Alexandria) แม้จะเป็นคนศาสนาอื่นเข้ามายึดครองและมาอยู่เหนืออำนาจ แต่กว่าสี่ศตวรรษหลังจากมุสลิมเข้าครองอียิปต์ ศาสนจักรคอปติกก็เจริญรุ่งเรืองและชาวอียิปต์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวคริสต์ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะศาสดาของศาสนาอิสลามเคยได้เทศน์สอนด้วยความเมตตาต่อชาวคอปติกไว้ว่า

"เมื่อเจ้ายึดครองอียิปต์แล้ว จงดีต่อชาวคอปติกสำหรับการที่พวกเขาเป็นผู้อยู่ในความคุ้มครองและเป็นญาติมิตรของเจ้า"
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:50 am

ดังนั้นชาวคอปติกจึงมีเสรีภาพในการนับถือคริสตศาสนาโดยจ่ายภาษีพิเศษที่เรียกว่า"จิซยา" (Jizya) ซึ่งจะทำให้พวกเขาเป็น"ผู้ถูกคุ้มครอง" และถ้าหากว่ามีใครที่จ่ายภาษีนี้ไม่ได้ ก็จะมีอยู่ 2 ทางเลือกคือ เปลี่ยนมานับถืออิสลามหรือจะยอมเสียสิทธิพลเรือนที่จะได้รับการ"คุ้มครอง" ซึ่งบางครั้งอาจหมายถึง "ถูกฆ่า" แต่อย่างไรก็ตามแม้จะมีการบัญญัติกฎแบบนี้ ภายใต้ราชวงศ์อับบาซิด ชาวคอปติกก็ยังคงอยู่กับหนึ่งในยุคที่สงบที่สุดของพวกเขา ภาษาคอปติกยังคงเป็นภาษาที่ใช้พูดกันทั่วอียิปต์ก่อนจะค่อยๆหันมาใช้ภาษาอารบิก ทำให้ในพิธีกรรมของคอปติกนั้นจะมีการนำใช้ทั้งภาษาคอปติกและอารบิก

แต่สถานการณ์ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ชาวคริสต์คอปติกเริ่มถูกกีดกันทางศาสนาเช่นเรื่องของการถูกกีดกันไม่ให้สร้างวัดใหม่หรือซ่อมวัดเก่า งานฉลองทางศาสนาในที่สาธารณะถูกกีดกันและเรื่องทางกฎหมายอื่นๆ ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างช้าๆแต่เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่ 12 มุสลิมก็กลายเป็นคนส่วนใหญ่ในอียิปต์แทนชาวคริสต์คอปติก สถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากอยู่อย่างสงบกลับกลายเป็นว่าต้องอยู่ท่ามกลางความเป็นศัตรูของมุสลิม

ในศตวรรษที่ 19 สถานการณ์เริ่มดีขึ้นภายใต้ราชวงศ์ของมูฮัมหมัด อาลี ภาษีจิซยาได้ถูกยกเลิกไปในปีค.ศ.1855 และต่อมาหลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่กระนั้นในปัจจุบันทางคอปติกก็ยังต้องประสบกับการข่มเหงทางความเชื่อจากชาวมุสลิมที่มีแนวคิดรุนแรงและจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในประเทศอียิปต์

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในปัจจุบันนั้นถือหลักคริสตศาสนศาสตร์แบบ Miaphysitism ซึ่งเชื่อว่าความเป็นพระเจ้าและมนุษย์ของพระคริสต์มารวมกันเป็นธรรมชาติเดียวโดยไม่คละปนกัน ไม่สับสนและไม่ผลัดเปลี่ยนกัน เช่นเดียวกับศาสนจักรออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์อื่นๆเช่นซีรีแอกออร์โธด็อกซ์แห่งอันติออก ศาสนจักรอัครทูตอาร์เมเนีย เป็นต้น

ศาสนจักรนี้ใช้จารีตพิธีกรรมอเล็กซานเดรียซึ่งประกอบไปด้วยพิธีกรรมของนักบุญบาซิล นักบุญเกรกอรี่และนักบุญไซริล ใช้ภาษาคอปติกเป็นหลักและอาจมีภาษาอารบิกผสมด้วย แต่อย่างไรก็ตามพิธีกรรมของทางคอปติกนั้นก็สามารถใช้ภาษาอื่นได้ เช่นภาษาอังกฤษ ซึ่งจารีตนี้เป็นจารีตพิธีกรรมเดียวกับศาสนจักรเอธิโอเปียและเอริเทรียออร์โธด็อกซ์เตวาฮีโด เพียงแต่สองศาสนจักรนี้จะใช้ภาษากีอิซ(Ge'ez)

ประมุขแห่งศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์ในปัจจุบันคือโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 (Pope Tawadros II) โดยได้รับเลือกผ่านธรรมเนียมโบราณของคอปติกจากสภาสงฆ์อันศักดิ์สิทธิ์เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.2012 และได้รับการสถาปนาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.2012 เป็นโป๊ปคอปติกและพระอัยกาแห่งสังฆสำนักแห่งนักบุญมาร์คองค์ที่ 118 ต่อจากโป๊ปชีนูดาที่ 3 (Pope Shenouda III)ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปเมื่อ 17 มีนาคม ค.ศ.2012

ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาคริสตจักรโลก(World Council of Churches) เมื่อปีค.ศ.1948 โดยเป็นสมาชิกก่อตั้ง ศาสนจักรนี้ค่อนข้างมีศาสนสัมพันธ์กับต่างนิกายทั้งคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ โดยเฉพาะกับศาสนจักรกรีกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย

ทางเว็บไซต์ของสภาคริสตจักรโลกได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์มีสมาชิกประมาณ 12,000,000คน แบ่งออกเป็นในอียิปต์ 11,000,000 คน และทวีปอื่นๆอีก 1,000,000 คน
แต่กระนั้นสถิติก็ไม่แน่นอนนักเพราะสถานการณ์ทางการเมืองและสังคมจากอดีตจนถึงปัจจุบันที่อียิปต์ ทำให้ชาวคอปติกจำนวนมากอพยพไปยังต่างประเทศ โดยมีผู้นับถือส่วนใหญ่ที่อียิปต์ และกระจายออกไปทั้งจากผู้อพยพในทวีปอเมริกาและยุโรปและมีมาจากการเผยแผ่ศาสนาในทวีปแอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน

กางเขนแบบคอปติก
รูปภาพ

นักบุญมาระโกหรือมาร์คอัครสาวก ผู้เผยแพร่ความเชื่อไปยังดินแดนอียิปต์
รูปภาพ

ภาพนักบุญแอนโทนี่ผู้ยิ่งใหญ่(St.Anthony the Great) กล่าวกันว่าท่านเป็นผู้เริ่มชีวิตอารามวาสีเป็นคนแรก
รูปภาพ

โป๊ปไซริลที่ 6 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Cyril VI of Alexandria) โป๊ปคอปติกองค์ที่ 116 ตั้งแต่ปีค.ศ.1959-1971
รูปภาพ

โป๊ปชีนูดาที่ 3 แห่งอเล็กซานเดรีย(Pope Cyril VI of Alexandria) โป๊ปคอปติกองค์ที่ 117 ตั้งแต่ปีค.ศ.1971-2012
รูปภาพ

ภาพโป๊ปชีนูดาที่ 3 พบพระสันตะปาปาพอลที่ 6 เมื่อปีค.ศ.1973 และได้เซ็นข้อตกลงเรื่องคริสตศาสนศาสตร์ร่วมกัน

นอกจากนี้ท่านยังเป็นโป๊ปคอปติกองค์แรกที่ได้พบพระสันตะปาปาแห่งโรมในรอบ 1500 ปี

เครดิตภาพ:http://todayquestions.blogspot.com/2012 ... chive.html
รูปภาพ

ภาพโป๊ปทาวาดรอสที่ 2 โป๊ปคอปติกองค์ปัจจุบัน
รูปภาพ

ภาพพิธีกรรมศีลมหาสนิทของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย
รูปภาพ

ภาพพิธีกรรมศีลมหาสนิทของศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย
รูปภาพ

/AdminMichael

ข้อมูลอ้างอิง : http://www.copticcentre.com/the-coptic- ... h/history/
http://lacopts.org/orthodoxy/coptic-ort ... h/history/
http://www.stabraam.org/the-coptic-fait ... ml?start=3
https://www.oikoumene.org/en/member-chu ... dox-church
https://www.cia.gov/library/publication ... os/eg.html

CR. : https://www.facebook.com/media/set/?set ... 261&type=3
Arttise
โพสต์: 918
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร พ.ค. 21, 2024 12:50 am

‘คอปติก’ (Coptic) คือคริสต์ศาสนานิกายโบราณของอียิปต์ ซึ่งหลายคนยังไม่รู้ว่าในย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ มีโบสถ์เล็กๆซ่อนอยู่

‘คอปติก’ (Coptic) คือคริสต์ศาสนานิกายโบราณของอียิปต์ ซึ่งหลายคนยังไม่รู้ว่าในย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ มีโบสถ์เล็ก ๆ ของคริสต์ศาสนิกชนชาวอียิปต์ซ่อนอยู่

ปติสร เพ็ญสุต เจ้าของคอลัมน์ครุ่นคริสต์ พาเยือนโบสถ์เซนต์มาร์กและเซนต์จอร์จของนิกายคอปติก เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของคนอียิปต์คริสต์ในไทย สืบประวัติที่มาที่ไป พร้อมร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายตะวันออก ซึ่งยังใช้ภาษาที่สืบทอดจากอียิปต์โบราณมาประกอบพิธี!

#readthecloud #TheCloud #ครุ่นคริสต์ #คอปติก #Coptic #คริสต์นิกาย #ศาสนาอียิปต์โบราณ #ชุมชนชาวอียิปต์ #โบสถ์เซนต์มาร์ก #โบสถ์เซนต์จอร์จ #ลาดพร้าว #กรุงเทพ

COPTIC IN BANGKOK
เยือนชุมชนคนอียิปต์คริสต์ในไทย ร่วมพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายตะวันออก ใช้ภาษาที่สืบทอดจากอียิปต์โบราณ

เรื่องและภาพ ปติสร เพ็ญสุต

รูปภาพ

ภาพจำโดยทั่วไปเมื่อเราพูดถึงชาวอียิปต์ก็คงเป็นเรื่องของฟาโรห์ พีระมิด สฟิงซ์ หรือแม่น้ำไนล์ แต่ถ้าถามต่อไปว่า ชาวอียิปต์ในปัจจุบันนับถือศาสนาอะไร คงจะตอบได้ทันทีว่า ก็น่าจะเป็นศาสนาอิสลามตามแบบฉบับของราชวงศ์ฟาติมียะฮฺที่เคยปกครองอียิปต์มานานช้า

แต่ถ้าถามต่อไปถึงศาสนาคริสต์ในอียิปต์ เรามีภาพจำอะไรบ้าง อียิปต์มีคริสต์ศาสนิกชนด้วยหรือ หรืออาจจะสงสัยต่อไปว่า แล้วในกรุงเทพฯ มีชุมชนชาวอียิปต์ด้วยหรือ วันนี้จะพาไปเยี่ยมชนชุมชนน้อย ๆ ของ ‘ชาวคอปติก’ (Coptic) คริสต์ศาสนานิกายโบราณที่ยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางวิถีชีวิตแบบมุสลิม และเมื่อบางคนเดินทางย้ายสำมะโนครัวมาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ พวกเขาก็นำศรัทธาในแบบฉบับของตนเข้ามาปฏิบัติต่อไป ท่ามกลางความหลากหลายของเมืองใหญ่แห่งนี้

รูปภาพ
‘อบูน่า’ หรือบาทหลวงคอปติกกำลังประกอบพิธีกรรม มีเด็กผู้ชายที่กำลังฝึกหัดช่วยพิธีกรรมยืนอยู่ด้านหลัง
คอปติกคืออะไร
อียิปต์ แม้ว่าจะมีประชากรชาวมุสลิมเป็นกลุ่มหลัก แต่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะหันมานับถือศาสนาอิสลาม พวกเขาเคยนับถือศาสนาหลากหลายมาก่อน เริ่มแรกสุดก็คือ ‘ศาสนาอียิปต์โบราณ’ ซึ่งประกอบด้วยการบูชาทวยเทพ อย่างไอซิส โอซิริส รา ฯลฯ และด้วยความที่มีเขตแดนติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้เมื่อโรมันเรืองอำนาจ พวกเขาก็จัดการยึดอียิปต์เป็นเมืองขึ้นเสีย

วัฒนธรรมโรมันผสมกลมกลืนกับศาสนาอียิปต์สร้างสรรค์เทพเจ้าใหม่ๆ ขึ้น และเมื่อศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาทกลายเป็นศาสนาหลักในอาณาจักรโรมัน ศาสนาใหม่นี้ก็แผ่ขยายเข้ามายังดินแดนอาณานิคมด้วย โดยเฉพาะในบริเวณเมืองท่า อย่างเช่นเมืองอเล็กซานเดรีย เกิดการล้มล้างศาสนาโรมันผสมอียิปต์ดั้งเดิมออกไป

อียิปต์และแอฟริกาเหนือจึงกลายเป็นเมืองคริสต์ศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองภายใต้อิทธิพลจากโรมันตะวันออก บ่มเพาะนักปราชญ์ทางศาสนาและนักบุญในคริสต์ศาสนาจำนวนมากมาย ในยุคต้นๆ เกิดนักบุญจำนวนมาก ที่มักจะลงชื่อท้ายด้วยคำว่า ‘แห่งอเล็กซานเดรีย’ หรือ ‘แห่งอียิปต์’ เช่น เคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรีย หรือ มารีย์แห่งอียิปต์ ฯลฯ

ทว่าคริสต์ศาสนาในอียิปต์ก็มีลักษณะเฉพาะตัวและแยกตัวออกจากศูนย์กลางที่กรุงโรมอย่างชัดเจน จนเกิดเป็นนิกายใหม่ที่เรียกว่า คอปติก ปัจจุบันอาจจัดเป็นหนึ่งในสาขาของนิกายออร์โธดอกซ์ พวกเขาสืบทอดประเพณีที่ว่า นักบุญมาระโก หรือ เซนต์มาร์ก (St.Mark) หนึ่งในผู้นิพนธ์พระวรสาร (หนังสือเรื่องราวชีวิตพระเยซู) เป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มคริสตชนที่นี่ และมีการดัดแปลงศาสนสถานอียิปต์-โรมันดั้งเดิมให้เป็นโบสถ์คริสต์

รูปภาพ
มาระโก หรือ เซนต์มาร์ก สาวกผู้บันทึกเรื่องราวของพระเยซูโดยตรง ซึ่งชาวคอปติกเชื่อว่าเป็นผู้เผยแผ่คำสอนของพระคริสต์ในอเล็กซานเดรีย ตอนเหนือของอียิปต์
ภาพ : Stmarkboston.org


ในปัจจุบัน พวกเขายังรักษาความเชื่อดั้งเดิมเอาไว้อย่างกลมกลืนท่ามกลางประชากรกลุ่มใหญ่ที่เป็นมุสลิม ชุมชนคอปติกจึงเป็นแหล่งเดียวที่บริโภคเนื้อหมูได้ในอียิปต์ และยังคงใช้ภาษาคอปติกซึ่งเป็นภาษาที่สืบต่อมาจากภาษาอียิปต์โบราณ ยังรักษาไว้ได้ในพิธีกรรมทางศาสนา (เพราะปัจจุบัน ชาวอียิปต์หันไปพูดภาษาอาหรับตามแบบชาวมุสลิม) ปัจจุบันมีประชากรที่ยังสำรวจไม่แน่นอนระหว่าง 4 – 10 ล้านคน คิดเป็น 10 เปอร์เซนต์ของชาวอียิปต์ทั้งหมด ยังไม่รวมชาวคอปติกโพ้นทะเลที่อพยพออกไปตั้งรกรากในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย รวมทั้งบางส่วนของประเทศไทยด้วย

รูปภาพ
อาสนวิหารเซนต์มาร์กแห่งกรุงไคโร ศูนย์กลางศาสนจักรคอปติกในอียิปต์

พวกเราได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมเยือนชุมชนคอปติกในกรุงเทพฯ ณ โบสถ์เซนต์มาร์กและเซนต์จอร์จ ห้องนมัสการของโบสถ์นั้นเป็นบ้านเช่าหลังใหญ่ในโซนลาดพร้าว นิกายคอปติกได้รับการจัดตั้งในรูปแบบมูลนิธิตั้งแต่ พ.ศ. 2547 และมีการประกอบพิธีกรรมสม่ำเสมอ โดยเชิญบาทหลวงที่เรียกกันว่า อบูน่า เดินทางมาจากออสเตรเลีย

รูปภาพ
บ้านในแถบลาดพร้าว ถูกใช้เป็นโบสถ์สำหรับชุมชนอียิปต์คอปติกในกรุงเทพฯ

รูปภาพ
ภาพนักบุญจอร์จปราบมังกร หนึ่งในนักบุญผู้อุปถัมภ์โบสถ์ชุมชนคอปติกในกรุงเทพฯ

ก่อนเข้าโบสถ์ เราแตะที่พระรูปพระเยซูคริสต์และคุกเข่าลงกราบตามธรรมเนียมของชาวคอปติก

“พวกเราไม่ได้ประกอบพิธีกรรมทุกสัปดาห์ตามแบบคริสตชนทั่วไป เพราะนักบวชต้องเดินทางมาจากออสเตรเลียครับ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงทีเดียว” ศาสนิกท่านหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนามบอกเรา

โบสถ์แห่งนี้จึงมีศาสนิกผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลในยามที่ไม่มีบาทหลวง และแลกเปลี่ยนข่าวสารการนัดหมายกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งก็ได้ข่าวว่ามีโครงการที่จะเชิญนักบวชสักท่านมาพำนักถาวรที่นี่

รูปภาพ

“ส่วนมากพวกเราทำงานในกรุงเทพฯ บางคนก็มีภรรยาเป็นคนไทย และเป็นข้อกำหนดว่าเมื่อจะแต่งงาน ทั้งคู่ต้องนับถือศาสนาคริสต์นิกายคอปติกเหมือนกัน ดังนั้น การมีโบสถ์ในไทยส่วนหนึ่งนอกจากเป็นการประกอบพิธีกรรมแล้ว ยังอำนวยความสะดวกให้กับคู่รักที่ต้องการประกอบพิธีแต่งงานด้วย”

ในวันนี้ เราได้สังเกตพิธีรับบัพติศมา (พิธีศีลล้างบาปเพื่อเข้าสู่คริสต์ศาสนา) ของ คุณซี สาวไทยผู้กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับหนุ่มอียิปต์ การรับบัพติศมาของคุณซีนั้นต้องจุ่มตัวลงในน้ำทั้งตัวในอ่างใหญ่ เธอต้องคอยเอาน้ำร้อนผสมลงไปเพื่อไม่ให้น้ำในอ่างเย็นจนชวนหนาว บาทหลวงเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์บริเวณมือและเท้า รวมทั้งปากและหลังใบหูของเธอด้วย ทั้งหมดเพื่อป้องกันตัวเธอจากความชั่วร้ายของปีศาจ

รูปภาพ

เมื่อพิธีบัพติศมาจบแล้ว สาวอียิปต์ผู้หนึ่งที่นั่งข้าง ๆ บอกเราว่า ต่อไปไม่ต้องตกใจนะ แล้วเธอก็เป่าปากรัวลิ้นเสียงดังลั่น ก่อนหันมายิ้มให้เราอย่างอาย ๆ บอกว่านี่คือวิธีการแสดงความยินดีของสาวอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงานหรือพิธีรับศีลล้างบาปก็ต้องรัวลิ้นแบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะจากบ้านมาไกล พวกเขาก็ยังรักษาความศรัทธาได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งยังเอ่อล้นด้วยสีสันของวัฒนธรรม

“หลายคนที่นี่ไม่ได้มาจากอียิปต์โดยตรง แม้ว่าจะมีปู่ย่าตายายเกิดที่อียิปต์ แต่บางคนก็ทำงานในยุโรปก่อนย้ายมาไทย เด็กหนุ่มชาวคอปติกส่วนมากเติบโตแบบใกล้ชิดศาสนา มักจะถูกฝึกหัดให้เป็น Altar Boy หรือผู้ช่วยพิธีกรรมตั้งแต่เล็กแต่น้อย พวกเราจึงจำขั้นตอนต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าพิธีจะยาวกว่า 2 ชั่วโมงก็ตาม”

รูปภาพ
แท่นบูชาขณะกำลังเตรียมขนมปังศักดิ์สิทธิ์ มีการคลุมผ้าไว้ก่อน เป็นสัญลักษณ์ของผ้าพันพระศพของพระคริสต์

เมื่อโลกเปลี่ยนไป สมาร์ตโฟนถูกใช้ในการบันทึกคำสวดต่าง ๆ แทนหนังสือเล่มหนาหนัก แต่ก็ทำหน้าที่ทดแทนกันได้ไม่เคอะเขิน ภาพของพ่อที่กำลังหัดให้ลูกชายตัวน้อยช่วยประกอบพิธีอย่างคล่องแคล่วนั้น ทำให้มองเห็นถึงอนาคตของเด็กชายที่จะเป็นผู้รักษาความเชื่อของชุมชนต่อไป

รูปภาพ
อบูน่ากำลังประกอบพิธีกรรม โดยมีการ ‘โยนกำยาน’ เป็นเสมือนคำภาวนาต่อพระเจ้า ทำให้ห้องทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นและควันเครื่องหอม

‘อบูน่า’ หรือบาทหลวงในชุดจารีตสีขาว ใส่หมวกทรงสูง ซึ่งในนิกายคอปติกนี้ บาทหลวงทั่วไปใส่หมวกทรงสูงได้ แตกต่างจากบิชอป (หรือสังฆราช) ของคาทอลิก พิธีกรรมเริ่มขึ้นจากการสวดทำวัตร แล้วจึงตามด้วยการนมัสการที่คล้ายกับพิธีของนิกายออร์โธดอกซ์ ควันกำยานหอมตลบอบอวล ขับย้อมบรรยากาศให้ห้องนมัสการดูเปี่ยมมนต์ขลัง ท่ามกลางควันสีขาวหนาแน่น เสียงสวดด้วยสำเนียงรัวเร็วประกอบเสียงฉาบ ให้ความรู้สึกเป็น ‘ตะวันออก’ นอกจากการร้องเพลงด้วยเสียงมนุษย์แล้ว ฉาบดูเหมือนจะเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่ใช้ในพิธีกรรม ไม่มีออร์แกนหรือวงดนตรีป๊อปแบบนิกายอื่นๆ แม้ว่าจะฟังภาษาคอปติกโบราณไม่เข้าใจ แต่เราก็ยังมีส่วนร่วมในการภาวนาได้

รูปภาพ
ศาสนภัณฑ์ต่างๆ ในศาสนจักรคอปติก

หลังจบพิธี ผมถามศาสนิกท่านหนึ่งถึงความแตกต่างทางความเชื่อระหว่างคอปติกกับนิกายอื่น ๆ คำตอบมีเพียงการยักไหล่และตอบว่า “เป็นเรื่องทางการเมืองของคนโบราณ” พวกเรามีพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางไม่ต่างจากนิกายใด ๆ ทัศนะที่ค่อนข้างเปิดกว้างเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะเชิญชวนให้เราเข้าร่วมพิธี ‘มหาสนิท’ ด้วย เมื่อบาทหลวงเชิญขนมปังที่เสกแล้วออกจากห้อง Holy of Holy (อาจจะแปลว่า วิสุทธิสถาน) ซึ่งเป็นห้องประกอบพิธีกรรมชั้นในสุด อบูน่าก็กวักมือให้พวกเราไปรับกินขนมปังก้อนเดียวกันโดยไม่เคอะเขิน ความเปิดกว้างอย่างนี้อาจจะไม่คุ้นชินนักสำหรับโลกที่แตกออกเป็นนิกายต่างๆ ในปัจจุบัน แต่ก็น่าจะเก็บคำถามไว้ในชั้นลึกที่สุดของความคิดดีกว่า

รูปภาพ

CR. : https://readthecloud.co/coptic-in-bangkok/
ตอบกลับโพส