พระอัยกาแห่งออร์โธดอกซ์ในบูลกาเรียต้องการเร่งกระบวนการรวมเป็นหนึ่งให้เร็วขึ้น
พระอัยกาแห่งออร์โธดอกซ์ในบูลกาเรียต้องการเร่งกระบวนการรวมกับทางโรมให้เร็วขึ้น
พระ ราชาคณะแห่งออร์โธดอกซ์ในบูลกาเรียได้แสดงความปรารถนาของท่านต่อพระสันตะปา ปาเบเนดิกต์ที่ 16 เพื่อให้มีการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และประสงค์ให้มีการเร่งกระบวนการเข้ารวมกับทางพระศาสนจักรคาทอลิกให้เร็ว ขึ้น
เมื่อ วันพุธที่ผ่านมา Bishop Tichon หัวหน้าของสังฆมณฑลส่วนกลางและยุโรปตะวันตกของพระอัยกาแห่งบูลกาเรียได้บอก กับพระสันตะปาปาว่า "เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และเราจะได้ร่วม เฉลิมฉลองด้วยกันในที่สุด"
ท่านพระ สังฆราชกล่าวให้คำมั่นว่า ท่านจะใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อทำงานอย่างเร่งด่วนในการทำให้ "เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคาทอลิกและออร์โธดอกซ์"
Bishop Tichon กล่าวต่อว่า "การเสวนาทางเทววิทยาที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ไซปรัสเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง, เราต้องแสวงหาหนทางที่จะมาเฉลิมฉลองร่วมกันให้เร็วที่สุด"
"คาทอลิกจะไม่กลายเป็นออร์โธดอกซ์และในทางกลับกันออร์โฑธดอกซ์ก็ไม่ได้กลายเป็นคาทอลิกเช่นกัน. เราจะยืนร่วมกันในพระแท่นบูชา"
"เรา มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาเพื่อแสดงความปรารถนาของเราในการเป็นหนึ่งเดียวกัน และเพราะพระองค์เป็นประมุขแห่งโรม,เมื่องซึ่งเป็นเจ้าภาพในการทำงานนี้" ท่านสังฆราชกล่าว
พระสันตปาปาเบเนดิกต์ ทรงมีหมายกำหนดการที่จะเสด็จเยือนไซปรัสใน เดือนมิถุนายน 2010
http://www.palangjai.0fees.net/anglican.html
พระ ราชาคณะแห่งออร์โธดอกซ์ในบูลกาเรียได้แสดงความปรารถนาของท่านต่อพระสันตะปา ปาเบเนดิกต์ที่ 16 เพื่อให้มีการรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และประสงค์ให้มีการเร่งกระบวนการเข้ารวมกับทางพระศาสนจักรคาทอลิกให้เร็ว ขึ้น
เมื่อ วันพุธที่ผ่านมา Bishop Tichon หัวหน้าของสังฆมณฑลส่วนกลางและยุโรปตะวันตกของพระอัยกาแห่งบูลกาเรียได้บอก กับพระสันตะปาปาว่า "เราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียวกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และเราจะได้ร่วม เฉลิมฉลองด้วยกันในที่สุด"
ท่านพระ สังฆราชกล่าวให้คำมั่นว่า ท่านจะใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อทำงานอย่างเร่งด่วนในการทำให้ "เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคาทอลิกและออร์โธดอกซ์"
Bishop Tichon กล่าวต่อว่า "การเสวนาทางเทววิทยาที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ไซปรัสเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง, เราต้องแสวงหาหนทางที่จะมาเฉลิมฉลองร่วมกันให้เร็วที่สุด"
"คาทอลิกจะไม่กลายเป็นออร์โธดอกซ์และในทางกลับกันออร์โฑธดอกซ์ก็ไม่ได้กลายเป็นคาทอลิกเช่นกัน. เราจะยืนร่วมกันในพระแท่นบูชา"
"เรา มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปาเพื่อแสดงความปรารถนาของเราในการเป็นหนึ่งเดียวกัน และเพราะพระองค์เป็นประมุขแห่งโรม,เมื่องซึ่งเป็นเจ้าภาพในการทำงานนี้" ท่านสังฆราชกล่าว
พระสันตปาปาเบเนดิกต์ ทรงมีหมายกำหนดการที่จะเสด็จเยือนไซปรัสใน เดือนมิถุนายน 2010
http://www.palangjai.0fees.net/anglican.html
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
ขอเป็นอีกหนึ่งคำภาวนาในเราเป็นหนึ่งเดียวกันโดยเร็วครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
จะเป็นไปตามนั้น อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา
เป็น อิทธิพล ของ European Union ค่ะ แต่ถึงอย่าง ไร ในเรื่อง ความต่าง และเรา ยังยึดถือไม่เปลี่ยน ก็ยังคงมีอยู่ โดยเรา จะไม่ อยู่ภายใต้ วาติกัน ค่ะ
อันนี้ ยืมมาจากกระทู้พี่ แม็ก
ในหลักข้อเชื่อนิเชข้อที่9
"ข้อพเจ้าเชื่อในพระจิตศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต ทรงบังเกิดมาจากพระบิดา"
คาทอลิกจะเป็น .........ทรงเนื่องมาจากพระบิดาและพระบุตร
การบังเกิดของพระจิตเจ้า ข้อแตกต่างระหว่างคาทอลิกและออร์โธด๊อกซ์
(ออร์โธด๊อกซ์ ณ ที่นี้คือออร์ธด๊อกซ์ทั้งหมดเลย เพราะเชื่อแบบเดียวกัน)
ออร์โธด๊อกซ์:
พระจิตเจ้าบังเกิดมาจากพระบิดาเท่านั้น ประดุงดวงอาทิตย์ให้กำเนิดแสง(=พระเยซู)และความอบอุ่น(=พระจิต)
เทียบ ยน.15:26 พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ชัด ว่ามาจากพระบิดา
คาทอลิก: (ป.ล.คำอธิบายนี้ผมให้คุณพ่อเทพประสิทธิ์ช่วยอธิบายให้)
พระจิตเกิดมาจากความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร
ขออภัยพี่น้องคาทลิก ณ ที่นี้ด้วยว่า ขอยอมรับว่านี่เป็นข้อที่ใหญ่ที่คาทอลิกกับออร์โธด๊อกซ์รวมกันได้ไม่100%
เพราะ สำหรับคริสเตียนออร์โธด๊อกซ์แล้วคำอธิบายจากอีกฟากเป็นทั้งการหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพของพระวาจาพระเจ้าและพระจิตศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรง
ยังไงก็ขอให้ศึกษาอย่างเดียวดีกว่าจะขยายความเรื่องความขัดแย้งต่อ
เพราะด้านหลักข้อเชื่อมันละเอียดอ่อนจริงๆ
และตัวอย่างอื่นๆ ที่แตกต่าง(ไว้ผมมาเขียนอีกที)ขอเขียนเฉพาะมุมมองออร์ฯ
1.แม่พระมีบาปกำเนิด แต่ไม่ได้ทำบาปตลอดชีวิต
เหตุว่าหากยกแม่พระเกินเหตุ อาจทำให้แม่พระไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปและแม่พระอาจไม่ตั้งใจอยากให้ยกตัวแม่เกินกว่าที่แม่เป็นด้วย
แต่บาปของแม่พระและของเราทุกคน สลายไปบนกางเขนแล้ว
ดังนั้นก่อนการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ แม่พระยังมีบาปกำเนิด แต่หลังพระคริสต์เสด็จฟื้นจากความตายบาปน้นได้ถูกยก
2.แม่พระคือบันไดสวรรค์(อันนี้ไม่มีในพระคัมภีร์ตามอักษร แต่มีเชิงการตีความ)
หากใครยกตัวกระโดดเข้าประตูสวรรค์ก็ไม่ว่า เพราะบันไดแม่พระคือบันไดแห่งความถ่อมตน
3.การเท่าเทียมกับของพระสังฆราช และสันตะสำนักต่างๆ
4.ธรรมชาติของพระคริสต์(ข้อนี้คอปติกมีการอธิบายชัดแล้วจากความไม่เข้าใจกันพันกว่าปี
ปัจจุบันจึงเชื่อเหมือนกันหมดทั้งออร์เรียนทัล ออร์-อีสเตอร์น ออร์-คาทอลิก
5.ไม่มีไฟชำระ อย่างน้อยก็ไม่มีในคริสตชน
เทียบลก.23:43 และ มก.16:16
ผู้เชื่อจะไม่ถูกตัดสินอีก เป็นคำตรัสของพระคริสต์โดยตรง
6.ไม่เชื่อเรื่องความไมรู้พลั้งของพระสันตะปาปาแห่งโรม แม้จะเป็ความเชื่อและการสอนก็ตาม
เพราะเราเป็นแค่มนุษย์
7.ด้านการปกครอง พระศาสนจักรไม่มีสิทธิแทรกแซงอาณาจักรทุกกรณี เพราะพระศาสนจักรและอาณาจักรต้องแยกออกจากกัน
อันนี้ ยืมมาจากกระทู้พี่ แม็ก
ในหลักข้อเชื่อนิเชข้อที่9
"ข้อพเจ้าเชื่อในพระจิตศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต ทรงบังเกิดมาจากพระบิดา"
คาทอลิกจะเป็น .........ทรงเนื่องมาจากพระบิดาและพระบุตร
การบังเกิดของพระจิตเจ้า ข้อแตกต่างระหว่างคาทอลิกและออร์โธด๊อกซ์
(ออร์โธด๊อกซ์ ณ ที่นี้คือออร์ธด๊อกซ์ทั้งหมดเลย เพราะเชื่อแบบเดียวกัน)
ออร์โธด๊อกซ์:
พระจิตเจ้าบังเกิดมาจากพระบิดาเท่านั้น ประดุงดวงอาทิตย์ให้กำเนิดแสง(=พระเยซู)และความอบอุ่น(=พระจิต)
เทียบ ยน.15:26 พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ชัด ว่ามาจากพระบิดา
คาทอลิก: (ป.ล.คำอธิบายนี้ผมให้คุณพ่อเทพประสิทธิ์ช่วยอธิบายให้)
พระจิตเกิดมาจากความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร
ขออภัยพี่น้องคาทลิก ณ ที่นี้ด้วยว่า ขอยอมรับว่านี่เป็นข้อที่ใหญ่ที่คาทอลิกกับออร์โธด๊อกซ์รวมกันได้ไม่100%
เพราะ สำหรับคริสเตียนออร์โธด๊อกซ์แล้วคำอธิบายจากอีกฟากเป็นทั้งการหมิ่นพระบรมเด ชานุภาพของพระวาจาพระเจ้าและพระจิตศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรง
ยังไงก็ขอให้ศึกษาอย่างเดียวดีกว่าจะขยายความเรื่องความขัดแย้งต่อ
เพราะด้านหลักข้อเชื่อมันละเอียดอ่อนจริงๆ
และตัวอย่างอื่นๆ ที่แตกต่าง(ไว้ผมมาเขียนอีกที)ขอเขียนเฉพาะมุมมองออร์ฯ
1.แม่พระมีบาปกำเนิด แต่ไม่ได้ทำบาปตลอดชีวิต
เหตุว่าหากยกแม่พระเกินเหตุ อาจทำให้แม่พระไม่ใช่มนุษย์ทั่วไปและแม่พระอาจไม่ตั้งใจอยากให้ยกตัวแม่เกินกว่าที่แม่เป็นด้วย
แต่บาปของแม่พระและของเราทุกคน สลายไปบนกางเขนแล้ว
ดังนั้นก่อนการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ แม่พระยังมีบาปกำเนิด แต่หลังพระคริสต์เสด็จฟื้นจากความตายบาปน้นได้ถูกยก
2.แม่พระคือบันไดสวรรค์(อันนี้ไม่มีในพระคัมภีร์ตามอักษร แต่มีเชิงการตีความ)
หากใครยกตัวกระโดดเข้าประตูสวรรค์ก็ไม่ว่า เพราะบันไดแม่พระคือบันไดแห่งความถ่อมตน
3.การเท่าเทียมกับของพระสังฆราช และสันตะสำนักต่างๆ
4.ธรรมชาติของพระคริสต์(ข้อนี้คอปติกมีการอธิบายชัดแล้วจากความไม่เข้าใจกันพันกว่าปี
ปัจจุบันจึงเชื่อเหมือนกันหมดทั้งออร์เรียนทัล ออร์-อีสเตอร์น ออร์-คาทอลิก
5.ไม่มีไฟชำระ อย่างน้อยก็ไม่มีในคริสตชน
เทียบลก.23:43 และ มก.16:16
ผู้เชื่อจะไม่ถูกตัดสินอีก เป็นคำตรัสของพระคริสต์โดยตรง
6.ไม่เชื่อเรื่องความไมรู้พลั้งของพระสันตะปาปาแห่งโรม แม้จะเป็ความเชื่อและการสอนก็ตาม
เพราะเราเป็นแค่มนุษย์
7.ด้านการปกครอง พระศาสนจักรไม่มีสิทธิแทรกแซงอาณาจักรทุกกรณี เพราะพระศาสนจักรและอาณาจักรต้องแยกออกจากกัน
แก้ไขล่าสุดโดย เจนจิรา เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 13, 2009 9:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
บ้างครั้งการที่เราจะรวมกัน เราอาจต้องยอมตัดส่วนนั้นบ้างเกลาส่วนนี้บ้างเพื่อให้จิ๊กซอร์ เข้ากันได้อย่างพอดี
ซึ่งสันตะสำนักได้พยายามมาตลอดอย่างที่เห็นอยู่..............
หากผลเป็นเช่นไร ผมก็พร้อมจะทำตามนะ และผมเห็นว่าจะรวมได้หรือไม่ได้
จะกี่เปอร์เซนต์ก็แล้วแต่
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
หญิงพรหมจรรย์ยังตั้งครรภ์มาแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์
ซึ่งสันตะสำนักได้พยายามมาตลอดอย่างที่เห็นอยู่..............
หากผลเป็นเช่นไร ผมก็พร้อมจะทำตามนะ และผมเห็นว่าจะรวมได้หรือไม่ได้
จะกี่เปอร์เซนต์ก็แล้วแต่
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
หญิงพรหมจรรย์ยังตั้งครรภ์มาแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เห็นด้วยนะข้า-พระ-เจ้า เขียน: บ้างครั้งการที่เราจะรวมกัน เราอาจต้องยอมตัดส่วนนั้นบ้างเกลาส่วนนี้บ้างเพื่อให้จิ๊กซอร์ เข้ากันได้อย่างพอดี
ซึ่งสันตะสำนักได้พยายามมาตลอดอย่างที่เห็นอยู่..............
หากผลเป็นเช่นไร ผมก็พร้อมจะทำตามนะ และผมเห็นว่าจะรวมได้หรือไม่ได้
จะกี่เปอร์เซนต์ก็แล้วแต่
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้
หญิงพรหมจรรย์ยังตั้งครรภ์มาแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้หากเป็นพระประสงค์ของพระองค์
ถ้าน้ำพระทัยพระเจ้า(หากใช่) ในครั้งนี้ ก็คงจะเป็นข่าวดีสำหรับทุกๆคน และคงเป็นเครื่องพิสูจน์พระศาสนจักรอย่างแท้จริงถึงความเป็นพระศาสนจักรของพระเจ้า โดยพระเจ้า ที่ไม่ใช่อำนาจ และความยึดมั่นของตัวมนุษย์ หรือกลุ่มสังคม
ระหว่างคาทอลิก - ออโธด๊อกส์ ตอนนี้ คงเหลือแต่การคงไว้ซึ่งความจริง ที่ไม่ใช่อะไรต่อมิอะไรที่มาตั้งเป็นกำแพง
อย่างไร ก็ขอรอดูดีกว่า งานนี้งานใหญ่เชียว
ส่วนตัว ผมเชื่อในจุดร่วม และจุดต่าง เพราะความจริงย่อมมีเพียงสิ่งเดียวและหนึ่งเดียว
แต่ผมก็มักจะได้ยิน คนพูดว่าตนเป็นเลือด คาทอลิก เลือดโบราณ ฉันคือเพนเทคอส ฉันคือสิทธิชนยุคสุดท้าย.. แล้วอีกหลายฉันคือเลือด....เลย
ฉัน.... ทั้งนั้น
อันที่จริง กำลังนึกถึง โปรเตสแตน - พระศาสนจักร ว่าน้ำพระทัยพระเจ้ามีอย่างไรบ้าง
แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เห็นด้วยนะครับjacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
อันนี้ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มแบ่งอำนาจกันแล้ว เหมือนในอดีตที่กลุ่มหนึ่งบอกว่าฉันคือกลุ่มของคนนั้น ส่วนอีกกลุ่มบอกฉันคือคนของคนนี้jacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
ในขณะนั้นหากใครสักคนอยากมีอำนาจ ก็จะเรียกร้องให้อีกฝ่ายและตัวเองมีอำนาจของใครของมัน โดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร
แต่แน่นอนมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาทั้งหลายเชื่อในสิทธิของเปโตรที่พระเยซูมอบให้
ส่วนเรื่องการเมืองไม่มีความรู้ครับ
แต่ที่แน่ๆตราบใดที่ สันตะสำนักยังเดินอยู่ในหนทางแห่งพระเป็นเจ้า ผมก็ยินดีที่จะเดินตามต่อไปตามทางที่พระเยซูเป็นผู้วางไว้ไม่ขอเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือย้อนกลับแน่นอนครับ
หากมีความเห็นใดที่ไม่ถูกต้อง ขออภัยด้วยนะครับ (ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นครับ)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 14, 2009 12:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
เห็นด้วยค่ะข้า-พระ-เจ้า เขียน:อันนี้ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มแบ่งอำนาจกันแล้ว เหมือนในอดีตที่กลุ่มหนึ่งบอกว่าฉันคือกลุ่มของคนนั้น ส่วนอีกกลุ่มบอกฉันคือคนของคนนี้jacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
ในขณะนั้นหากใครสักคนอยากมีอำนาจ ก็จะเรียกร้องให้อีกฝ่ายและตัวเองมีอำนาจของใครของมัน โดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร
แต่แน่นอนมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาทั้งหลายเชื่อในสิทธิของเปโตรที่พระเยซูมอบให้
ส่วนเรื่องการเมืองไม่มีความรู้ครับ
แต่ที่แน่ๆตราบใดที่ สันตะสำนักยังเดินอยู่ในหนทางแห่งพระเป็นเจ้า ผมก็ยินดีที่จะเดินตามต่อไปตามทางที่พระเยซูเป็นผู้วางไว้ไม่ขอเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาหรือย้อนกลับแน่นอนครับ
หากมีความเห็นใดที่ไม่ถูกต้อง ขออภัยด้วยนะครับ (ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นครับ)
คริสตชนเรา ไม่เคยแตกแยกกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะโปรติสต๊านต์ ออร์โตด๊ก หรือ กาโตลิ๊ก(โปรเตสแตนท์ ออร์โธด๊อกซ์ หรือคาทอลิก)
เพราะเรารวมเป็นหนึ่งในพระคริสต์อยู่แล้ว
ป.ล.แต่รวมนิกายคงจะยาย ไม่ว่าจะด้านคำสอน ด้านปกครอง ด้านจารีต
ขอให้ข้อคิด
ถ้ามีกุญแจ แต่ถ้าแก้ไปเรื่อยๆแล้วเขว จนเกิดความวุ่นวายและผิดเพี้ยน
ท้ายสุดต้องแก้ให้กลับมาที่เดิมแต่ก็ไม่สามารถเหมือนก่อนได้
ไม่มีกุญแจเลยยังจะดีกว่า
ป.ล.2 เรื่องกุญแจเปโตร มีคำอธิบายแบบออร์โธด๊อกซ์
หรือที่จริงต้องพูดว่าคำอธิบายของฤษีในยุคที่ยังไม่มีการแตกแยกเลยด้วยซ้ำ(หรือยุคแรกเริ่ม)
ไว้ช่วงเทศกาลธรรมดาแล้ว ผมรวบรวมข้อแตกต่างของออร์ฯ-คาทอ-และคำอธิบายดีกว่า
ป.ล.3ผมสนับสนุนคริสตสัมพันธ์เพื่อความเป็นเอกภาพเสมอ
(แต่ไม่ใช่การที่ให้มารวมอยู่ในสันตะสำนักเดียว ยกเว้น สันตะสำนักพระคริสต์ในแผ่นดินสวรรค์)
เพราะเรารวมเป็นหนึ่งในพระคริสต์อยู่แล้ว
ป.ล.แต่รวมนิกายคงจะยาย ไม่ว่าจะด้านคำสอน ด้านปกครอง ด้านจารีต
ขอให้ข้อคิด
ถ้ามีกุญแจ แต่ถ้าแก้ไปเรื่อยๆแล้วเขว จนเกิดความวุ่นวายและผิดเพี้ยน
ท้ายสุดต้องแก้ให้กลับมาที่เดิมแต่ก็ไม่สามารถเหมือนก่อนได้
ไม่มีกุญแจเลยยังจะดีกว่า
ป.ล.2 เรื่องกุญแจเปโตร มีคำอธิบายแบบออร์โธด๊อกซ์
หรือที่จริงต้องพูดว่าคำอธิบายของฤษีในยุคที่ยังไม่มีการแตกแยกเลยด้วยซ้ำ(หรือยุคแรกเริ่ม)
ไว้ช่วงเทศกาลธรรมดาแล้ว ผมรวบรวมข้อแตกต่างของออร์ฯ-คาทอ-และคำอธิบายดีกว่า
ป.ล.3ผมสนับสนุนคริสตสัมพันธ์เพื่อความเป็นเอกภาพเสมอ
(แต่ไม่ใช่การที่ให้มารวมอยู่ในสันตะสำนักเดียว ยกเว้น สันตะสำนักพระคริสต์ในแผ่นดินสวรรค์)
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
ประตูสวรรค์มีประตูเดียว หนทางที่ไปก็มีทางเดียว
และแน่นอน บนหนทางอันยาวไกลที่มุ่งสู่สวรรค์ย่อมไม่ราบเรียบตลอดเส้นทาง
แต่กระนั้นเราก็ไม่เคยเปลี่ยนทางเดิน ไม่เคยเลี้ยวไปไหนเรายังอยู่ในทางที่มุ่งสู่สวรรค์นั้น
และการที่จะเดินไปสู้ประตูนั้นเราไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีผู้คนมากมายไปกับเรา
บ้างครั้งเราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของสภาพทางเดิน(ยุคสมัย)
เพราะเราเห็นแก่ผู้คนมากมายที่เดินมากับเรา
และแน่นอนที่สุดเราจะไม่มีวันเปลี่ยนประตู ,ทางเดิน ,หรือแม้แต่กุญแจที่จะไขประตู
(ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นและขออภัยหากไม่ถูกต้องครับ)
และแน่นอน บนหนทางอันยาวไกลที่มุ่งสู่สวรรค์ย่อมไม่ราบเรียบตลอดเส้นทาง
แต่กระนั้นเราก็ไม่เคยเปลี่ยนทางเดิน ไม่เคยเลี้ยวไปไหนเรายังอยู่ในทางที่มุ่งสู่สวรรค์นั้น
และการที่จะเดินไปสู้ประตูนั้นเราไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีผู้คนมากมายไปกับเรา
บ้างครั้งเราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของสภาพทางเดิน(ยุคสมัย)
เพราะเราเห็นแก่ผู้คนมากมายที่เดินมากับเรา
และแน่นอนที่สุดเราจะไม่มีวันเปลี่ยนประตู ,ทางเดิน ,หรือแม้แต่กุญแจที่จะไขประตู
(ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นและขออภัยหากไม่ถูกต้องครับ)
หนทางเดียวคือ "พระเยซู"ข้า-พระ-เจ้า เขียน: ประตูสวรรค์มีประตูเดียว หนทางที่ไปก็มีทางเดียว
และแน่นอน บนหนทางอันยาวไกลที่มุ่งสู่สวรรค์ย่อมไม่ราบเรียบตลอดเส้นทาง
แต่กระนั้นเราก็ไม่เคยเปลี่ยนทางเดิน ไม่เคยเลี้ยวไปไหนเรายังอยู่ในทางที่มุ่งสู่สวรรค์นั้น
และการที่จะเดินไปสู้ประตูนั้นเราไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีผู้คนมากมายไปกับเรา
บ้างครั้งเราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของสภาพทางเดิน(ยุคสมัย)
เพราะเราเห็นแก่ผู้คนมากมายที่เดินมากับเรา
และแน่นอนที่สุดเราจะไม่มีวันเปลี่ยนประตู ,ทางเดิน ,หรือแม้แต่กุญแจที่จะไขประตู
(ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นและขออภัยหากไม่ถูกต้องครับ)
ไม่ว่าจะเดินยังไง หากเดินอยู่ในหนทางนี้ยังไงก็ถึงจุดหมายแน่นอน ไม่ว่าโลก การเปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีผลต่อเรา
จะมีกุญแจหรือไม่มีกุญแจไม่สำคัญเลย เพราะเราเดินโดยมีพระเยซูจูงมืออยู่ คนที่พาเราเข้าสวรรค์คือพระเยซู
ไม่ใช่ ท่านอันดรู ท่านเปโตร หรือท่านเปาโล เพราะท่านเหล่านี้ไม่ใช่คนตัดสินใจว่าใครจะได้เข้าหรือไม่ได้เข้า
ทุกคน ไม่ว่าท่านเป็นใคร นิกายไหน หากดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซู ผมเชื่อว่ายังไงก็จะต้องได้รับความรอดอย่างแน่นอน
เห็นด้วย ค่ะ เพียงแค่ เรา รัก พระองค์ ด้วยสุดจิต สุดใจ พระดำเนิน ชีวิต ตามพระ มรรคา ค่ะsasuke เขียน:หนทางเดียวคือ "พระเยซู"ข้า-พระ-เจ้า เขียน: ประตูสวรรค์มีประตูเดียว หนทางที่ไปก็มีทางเดียว
และแน่นอน บนหนทางอันยาวไกลที่มุ่งสู่สวรรค์ย่อมไม่ราบเรียบตลอดเส้นทาง
แต่กระนั้นเราก็ไม่เคยเปลี่ยนทางเดิน ไม่เคยเลี้ยวไปไหนเรายังอยู่ในทางที่มุ่งสู่สวรรค์นั้น
และการที่จะเดินไปสู้ประตูนั้นเราไม่ได้ไปคนเดียว แต่มีผู้คนมากมายไปกับเรา
บ้างครั้งเราจึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของสภาพทางเดิน(ยุคสมัย)
เพราะเราเห็นแก่ผู้คนมากมายที่เดินมากับเรา
และแน่นอนที่สุดเราจะไม่มีวันเปลี่ยนประตู ,ทางเดิน ,หรือแม้แต่กุญแจที่จะไขประตู
(ความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นและขออภัยหากไม่ถูกต้องครับ)
ไม่ว่าจะเดินยังไง หากเดินอยู่ในหนทางนี้ยังไงก็ถึงจุดหมายแน่นอน ไม่ว่าโลก การเปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีผลต่อเรา
จะมีกุญแจหรือไม่มีกุญแจไม่สำคัญเลย เพราะเราเดินโดยมีพระเยซูจูงมืออยู่ คนที่พาเราเข้าสวรรค์คือพระเยซู
ไม่ใช่ ท่านอันดรู ท่านเปโตร หรือท่านเปาโล เพราะท่านเหล่านี้ไม่ใช่คนตัดสินใจว่าใครจะได้เข้าหรือไม่ได้เข้า
ทุกคน ไม่ว่าท่านเป็นใคร นิกายไหน หากดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซู ผมเชื่อว่ายังไงก็จะต้องได้รับความรอดอย่างแน่นอน
- Jeanne d'Arc
- โพสต์: 235
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm
แต่ผมว่าถ้ามีศูนย์กลางอยู่ที่เดียวกันก็ดีเหมือนกันนะครับ จะง่ายในการประสานของพระศาสนจักรทั่วโลกjacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
(คือ คาทอลิคก็ขึ้นกับวาติกันเหมือนเดิมเพื่อการประสานงาน ส่วนออร์ธอด็อกซ์ผมยังไม่ทราบนะครับ แต่ก็ร่วมประสานงานในจุดเดียวกัน โดยไม่กลายเป็นคาทอลิคไปก็ได้นะ ผมว่า)
ส่วนที่พระศาสนจักรมีส่วนเกี่ยวกับอำนาจการเมืองเพราะคนไม่ดีแทรกซึมเข้าไปในสมัยนั้น ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน(ความเป็นคาทอลิค ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ ผิดตรงที่ช่องโหว่ในสมัยนั้นมากกว่า)
Orthodox นั้น การตัดสินใจจะไม่ได้มา จาก คนคนเดียว ค่ะ จะมีการมาประชุมให้ครบจาก orthodox ทุกประเทศ ก่อน แล้ว ค่อย ลงมติ เอกฉันท์หากมีเรื่อง สำคัญ ที่จะตัดสินใจร่วมกัน ( แบบ เลือกตั้ง ) แล้วเรา ค่อยตัดสินใจร่วมกัน สมัยก่อน แยก นิกาย เราก็เป็น เคยทำแบบนี้ ร่วมกัน มาก่อน นะค่ะDEVINE ∴ CRUSADER เขียน:แต่ผมว่าถ้ามีศูนย์กลางอยู่ที่เดียวกันก็ดีเหมือนกันนะครับ จะง่ายในการประสานของพระศาสนจักรทั่วโลกjacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
(คือ คาทอลิคก็ขึ้นกับวาติกันเหมือนเดิมเพื่อการประสานงาน ส่วนออร์ธอด็อกซ์ผมยังไม่ทราบนะครับ แต่ก็ร่วมประสานงานในจุดเดียวกัน โดยไม่กลายเป็นคาทอลิคไปก็ได้นะ ผมว่า)
ส่วนที่พระศาสนจักรมีส่วนเกี่ยวกับอำนาจการเมืองเพราะคนไม่ดีแทรกซึมเข้าไปในสมัยนั้น ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน(ความเป็นคาทอลิค ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ ผิดตรงที่ช่องโหว่ในสมัยนั้นมากกว่า)
เห็นด้วย และเป็นเช่นนี้จริง สมัยแรกปกครองเช่นนี้jacky เขียน:Orthodox นั้น การตัดสินใจจะไม่ได้มา จาก คนคนเดียว ค่ะ จะมีการมาประชุมให้ครบจาก orthodox ทุกประเทศ ก่อน แล้ว ค่อย ลงมติ เอกฉันท์หากมีเรื่อง สำคัญ ที่จะตัดสินใจร่วมกัน ( แบบ เลือกตั้ง ) แล้วเรา ค่อยตัดสินใจร่วมกัน สมัยก่อน แยก นิกาย เราก็เป็น เคยทำแบบนี้ ร่วมกัน มาก่อน นะค่ะDEVINE ∴ CRUSADER เขียน:แต่ผมว่าถ้ามีศูนย์กลางอยู่ที่เดียวกันก็ดีเหมือนกันนะครับ จะง่ายในการประสานของพระศาสนจักรทั่วโลกjacky เขียน: แต่ สิ่งหนึ่ง ที่ Orthodox เชื่อว่า Catholic ทำผิดในเรื่อง การขึ้น ตำแหน่ง ของพระสันตปาปา ที่ มีอำนาจ ควบคุม พระศาสนจักร โดย สำนัก วาติกัน โดยเริ่มแรก เรา ตกลงกันว่า พระศาสนจักรแต่ละที่ จะที อำนาจ ของใครของ มันโดยไม่มีใคร เป็นใหญ่กว่าใคร และ ศาสนาจะไม่ ขึ้นอยู่กับการเมือง ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ Catholic ได้ ก้าวล่วง หลักข้อเชื่อ ที่เราเคยทำร่วมกันมา ( หาก ถ้อยคำรุนแรง ต้อง ขออถัยด้วยค่ะ เพราะ อันนี้ orthodox เขาพูดต่อกันมา )
(คือ คาทอลิคก็ขึ้นกับวาติกันเหมือนเดิมเพื่อการประสานงาน ส่วนออร์ธอด็อกซ์ผมยังไม่ทราบนะครับ แต่ก็ร่วมประสานงานในจุดเดียวกัน โดยไม่กลายเป็นคาทอลิคไปก็ได้นะ ผมว่า)
ส่วนที่พระศาสนจักรมีส่วนเกี่ยวกับอำนาจการเมืองเพราะคนไม่ดีแทรกซึมเข้าไปในสมัยนั้น ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน(ความเป็นคาทอลิค ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ ผิดตรงที่ช่องโหว่ในสมัยนั้นมากกว่า)
ย้ำว่าต้องเอกฉันท์จริงๆ(ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่,เกิน50% หรือ2ใน3)แต่ต้องเป็น100%
เพราะเราพยายามอย่างยิ่งที่พระให้พระจิตศักสิทธิ์เป็นผู้บริหารผ่านทางคณะ ไม่ใช่คนคนเดียวหรือสันตะสำนักเดียว
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
พระอัยกาท่านกล่าวไว้ชัด เเละน่าฟังเป็นอย่างมากค่ะ
"คาทอลิกจะไม่กลายเป็นออร์โธดอกซ์และในทางกลับกันออร์โฑธดอกซ์ก็ไม่ได้กลายเป็นคาทอลิกเช่นกัน. เราจะยืนร่วมกันในพระแท่นบูชา"
ฟังดูดีสำหรับข้าพเจ้า (คาทอลิก) ค่ะ : xemo026 :
"คาทอลิกจะไม่กลายเป็นออร์โธดอกซ์และในทางกลับกันออร์โฑธดอกซ์ก็ไม่ได้กลายเป็นคาทอลิกเช่นกัน. เราจะยืนร่วมกันในพระแท่นบูชา"
ฟังดูดีสำหรับข้าพเจ้า (คาทอลิก) ค่ะ : xemo026 :
คงไม่ว่าอะไร เพราะเจอเรื่องที่สะดุดตัวเองนิดหน่อย
กฏหมายพระศาสนจักร บรรพที่4มาตรา908
"ห้ามพระสงฆ์คาทอลิกร่วมถวายบูชามิสซากับพระสงฆ์ หรือศาสนบริกรของศาสนจักร หรือชุมชนศาสนาที่ไม่มีสายัมพันธ์เต็มรูปแบบกับศาสนจักรคาทอลิก"
ยังไงออร์โธด๊อกซ์ก็ไม่ใช่Catholic Church of Eastern(กลุ่มจารีตตะวันออกที่ขึ้นกับสันะสำนักโรมัน)
แล้วจะถวายบูชากันยังไงเมื่อติดข้อนี้
(และแน่นอน เหมือนจะเคยบอกไปแล้ว "ออร์โธด๊อกซ์ร่วมภาวนาบูชากับศาสนิกอื่นหรือนิกายอื่นไม่ได้
ถือว่าผิดกฏหมายศาสนาและเป็นบาปที่ต้องแก้บาป")
----------------
ก็คงย้ำลิมิตของออร์โธด๊อกซ์ เราได้แค่เอกภาพแห่งพระศาสนจักรอันสืบจากอัครสาวกได้
แต่รวมกับโรมทั้งการปกครองและการสอนไม่ได้
หลายคนอาจคิดว่าออร์โธด๊อกซ์ดูหัวแข็ง แต่ถ้าเราไม่หัวแข็ง ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบมานานคงจะถูกทำลาย
เพราะเวลาผ่านไป จิตใจจะตกต่ำเรื่อยๆ ถ้ามาแก้ไขให้เหมาะกับยุคที่จิตที่ตกลงฝ่ายต่ำตามสมัยไป
พระเยซูคริสต์ไถ่เราด้วยความยากลำบาก หากทำอะไรตามสบายเหมาะกับยุคสมัย
สำหรับออร์โธด๊อกซ์แล้ว ถือว่านั่นเป็นการหมิ่นพระมหาทรมาณด้วย
ยกตัวอย่าง
การรับศีลมหาสนิท
สำหรับออร์ฯเราต้องอกอาหารตั้งแต่ตื่น(น้ำก็ไม่ได้)ทางที่ดีต้องอดตั้งแต่เที่ยงคืน
ในสมัยนี้คาทอลิกอนุญาให้งดแต่อาหาร1ช.ม.
ส่วนตัวผม ไม่ควรแก้ตามความสบาย เพราะจะไปหมิ่นศีลมหสนิทซะเอง
หากแก้ตามสบายมากๆเข้า พระกายและพระโลหิตของพระคริสต์ในศีลมหาสนิทจะมีค่าอะไร?
-----------
สำหรับมุมมองของออร์โธด๊อกซ์
มนุษย์ต้องเข้าหาพระเจ้าเพราะพระเจ้าลงมาไถ่เราแล้ว
และพระศาสนจักร(สมาพันธ์ออร์โธด๊อกซ์)
"ต้องการคนที่ต้องการพระเจ้าจริงๆ"
เพราะการไถ่ได้มาโดยลำบาก เราจึงต้องลำบากในโลกนี้เพื่อเข้าหาพระเจ้า
จึงทำใจไม่ได้อย่างยิ่งเมื่อมีการแก้กฏให้อ่อนลง
---------------
มุมมองผมแล้วคาทอลิกกับออร์โธด๊อกซ์ไม่เคยแตกจากกันเลยเพราะเราอยู่ในชื่อ
"พระศาสนจักรอันสืบเนื่องจากอัครสาวก"
(ไม่ใช่คาทอลิก หรือ ออร์โธด๊อกซ์)
ป.ล.กรุณาอย่าเข้าใจคำพูดของผมเกินจากตัวอักษร
มีคนเคยกล่าวว่า
"ศาสนสัมพันธ์ไม่ใช่การรวมศาสนาหรือนิกาย แต่เป็นการประกาศจุดยืนของตนเองให้เด่นชัด และยึดจุดยืนร่วมเพื่อกระชับความสัมพันธ์"
กฏหมายพระศาสนจักร บรรพที่4มาตรา908
"ห้ามพระสงฆ์คาทอลิกร่วมถวายบูชามิสซากับพระสงฆ์ หรือศาสนบริกรของศาสนจักร หรือชุมชนศาสนาที่ไม่มีสายัมพันธ์เต็มรูปแบบกับศาสนจักรคาทอลิก"
ยังไงออร์โธด๊อกซ์ก็ไม่ใช่Catholic Church of Eastern(กลุ่มจารีตตะวันออกที่ขึ้นกับสันะสำนักโรมัน)
แล้วจะถวายบูชากันยังไงเมื่อติดข้อนี้
(และแน่นอน เหมือนจะเคยบอกไปแล้ว "ออร์โธด๊อกซ์ร่วมภาวนาบูชากับศาสนิกอื่นหรือนิกายอื่นไม่ได้
ถือว่าผิดกฏหมายศาสนาและเป็นบาปที่ต้องแก้บาป")
----------------
ก็คงย้ำลิมิตของออร์โธด๊อกซ์ เราได้แค่เอกภาพแห่งพระศาสนจักรอันสืบจากอัครสาวกได้
แต่รวมกับโรมทั้งการปกครองและการสอนไม่ได้
หลายคนอาจคิดว่าออร์โธด๊อกซ์ดูหัวแข็ง แต่ถ้าเราไม่หัวแข็ง ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบมานานคงจะถูกทำลาย
เพราะเวลาผ่านไป จิตใจจะตกต่ำเรื่อยๆ ถ้ามาแก้ไขให้เหมาะกับยุคที่จิตที่ตกลงฝ่ายต่ำตามสมัยไป
พระเยซูคริสต์ไถ่เราด้วยความยากลำบาก หากทำอะไรตามสบายเหมาะกับยุคสมัย
สำหรับออร์โธด๊อกซ์แล้ว ถือว่านั่นเป็นการหมิ่นพระมหาทรมาณด้วย
ยกตัวอย่าง
การรับศีลมหาสนิท
สำหรับออร์ฯเราต้องอกอาหารตั้งแต่ตื่น(น้ำก็ไม่ได้)ทางที่ดีต้องอดตั้งแต่เที่ยงคืน
ในสมัยนี้คาทอลิกอนุญาให้งดแต่อาหาร1ช.ม.
ส่วนตัวผม ไม่ควรแก้ตามความสบาย เพราะจะไปหมิ่นศีลมหสนิทซะเอง
หากแก้ตามสบายมากๆเข้า พระกายและพระโลหิตของพระคริสต์ในศีลมหาสนิทจะมีค่าอะไร?
-----------
สำหรับมุมมองของออร์โธด๊อกซ์
มนุษย์ต้องเข้าหาพระเจ้าเพราะพระเจ้าลงมาไถ่เราแล้ว
และพระศาสนจักร(สมาพันธ์ออร์โธด๊อกซ์)
"ต้องการคนที่ต้องการพระเจ้าจริงๆ"
เพราะการไถ่ได้มาโดยลำบาก เราจึงต้องลำบากในโลกนี้เพื่อเข้าหาพระเจ้า
จึงทำใจไม่ได้อย่างยิ่งเมื่อมีการแก้กฏให้อ่อนลง
---------------
มุมมองผมแล้วคาทอลิกกับออร์โธด๊อกซ์ไม่เคยแตกจากกันเลยเพราะเราอยู่ในชื่อ
"พระศาสนจักรอันสืบเนื่องจากอัครสาวก"
(ไม่ใช่คาทอลิก หรือ ออร์โธด๊อกซ์)
ป.ล.กรุณาอย่าเข้าใจคำพูดของผมเกินจากตัวอักษร
มีคนเคยกล่าวว่า
"ศาสนสัมพันธ์ไม่ใช่การรวมศาสนาหรือนิกาย แต่เป็นการประกาศจุดยืนของตนเองให้เด่นชัด และยึดจุดยืนร่วมเพื่อกระชับความสัมพันธ์"
แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: ป.ล.3ผมสนับสนุนคริสตสัมพันธ์เพื่อความเป็นเอกภาพเสมอ
(แต่ไม่ใช่การที่ให้มารวมอยู่ในสันตะสำนักเดียว ยกเว้น สันตะสำนักพระคริสต์ในแผ่นดินสวรรค์)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 1:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- Slave of God
- โพสต์: 336
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm
เหตุสำคัญที่ออร์โธด๊อกซ์ แยกจากคาทอลิก เพราะไม่อยากเปลี่ยนแปลง จริงหรือครับ?
เอาไว้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ดีกว่าครับ...
สุดท้ายแล้วก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับว่าเปลี่ยนอะไร เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไร และใครเป็นผู้เปลี่ยน
ถ้ามาถกกันในนี้ พลอยจะเป็นรอยร้าวกันเปล่าๆ
เพราะเราไม่ใช่ผู้มีอำนาจในเรื่องดังกล่าวเลย
และ
"หมิ่นพระมหาทรมาน" และ "ไม่เห็นแก่การที่พระคริสต์ไถ่เรา"
และ
ไม่รู้คนอื่นคิดอย่างไร แต่ด้วยความสุภาพอย่างแท้จริง ผมค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโกรธหรอกนะฮะ
ดังนั้นผมว่า...เราควรจะร่วมกันสวดภาวนาเพื่อให้พระจิตนำเราไปสู่ความเป็นหนึ่ง โดยอาศัยวิถีที่พระบิดาเจ้าทรงพระกรุณา โดยอาศัยพระมหาทรมานที่พระคริสต์เมตตาเรา
สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่พระองค์จะนำเราไป อย่างไรเสีย พระศาสนจักรที่อยู่บนโลกนี้ก็เป็นของพระเป็นเจ้า
ให้พระองค์ทรงนำเถิด...
ปล.
ปล. สุดท้าย อย่างไรเสีย กฎหมายพระศาสนจักรต่างๆ นอกเหนือจากพระคัมภีร์แล้วก็เป็นสิ่งที่มนุษย์นิพนธ์ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามกาลเวลา...แม้แต่รูปแบบคำสอน
ก็มีการพัฒนาเรื่อยมานับแต่สมัยอัครสาวก....
เหนืออื่นใดสิ่งที่พระคริสต์ต้องการจากเรา ก็คือการเดินตามรอยของพระองค์ มิใช่หรือ ?
เราหลีกเลี่ยงที่จะคุยกันในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายบ้างก็ดีนะครับ
เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ยังเป็นมนุษย์ที่ยังอยู่บนโลกนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมองว่าตนเป็น "ความจริง" เพียงหนึ่งเดียว
สุดท้ายแล้วก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับว่าเปลี่ยนอะไร เมื่อไหร่ ทำไม อย่างไร และใครเป็นผู้เปลี่ยน
ถ้ามาถกกันในนี้ พลอยจะเป็นรอยร้าวกันเปล่าๆ
เพราะเราไม่ใช่ผู้มีอำนาจในเรื่องดังกล่าวเลย
และ
ส่วนตัวผมแล้ว ค่อนข้างแรง นะครับ ความคิดเห็นนี้ เหมือนกำลังด่าว่าคาทอลิก "ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติ" "จิตใจตกต่ำเรื่อยๆ และตกฝ่ายต่ำตามสมัย"แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: หลายคนอาจคิดว่าออร์โธด๊อกซ์ดูหัวแข็ง แต่ถ้าเราไม่หัวแข็ง ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบมานานคงจะถูกทำลาย
เพราะเวลาผ่านไป จิตใจจะตกต่ำเรื่อยๆ ถ้ามาแก้ไขให้เหมาะกับยุคที่จิตที่ตกลงฝ่ายต่ำตามสมัยไป
พระเยซูคริสต์ไถ่เราด้วยความยากลำบาก หากทำอะไรตามสบายเหมาะกับยุคสมัย
สำหรับออร์โธด๊อกซ์แล้ว ถือว่านั่นเป็นการหมิ่นพระมหาทรมาณด้วย
"หมิ่นพระมหาทรมาน" และ "ไม่เห็นแก่การที่พระคริสต์ไถ่เรา"
และ
อันนี้ก็เหมือนกับว่าคาทอลิก ไม่ได้ "พยายามอย่างยิ่งให้พระจิตเป็นผู้บริหารศาสนจักร" หรือ "คาทอลิกใช้คนๆ เดียวในการบริหาร"แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: เพราะเราพยายามอย่างยิ่งที่พระให้พระจิตศักสิทธิ์เป็นผู้บริหารผ่านทางคณะ ไม่ใช่คนคนเดียวหรือสันตะสำนักเดียว
ไม่รู้คนอื่นคิดอย่างไร แต่ด้วยความสุภาพอย่างแท้จริง ผมค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโกรธหรอกนะฮะ
ดังนั้นผมว่า...เราควรจะร่วมกันสวดภาวนาเพื่อให้พระจิตนำเราไปสู่ความเป็นหนึ่ง โดยอาศัยวิถีที่พระบิดาเจ้าทรงพระกรุณา โดยอาศัยพระมหาทรมานที่พระคริสต์เมตตาเรา
สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่พระองค์จะนำเราไป อย่างไรเสีย พระศาสนจักรที่อยู่บนโลกนี้ก็เป็นของพระเป็นเจ้า
ให้พระองค์ทรงนำเถิด...
ปล.
ถ้าเอาจริงๆ แล้ว ในส่วนของสำนักปรัชญาประวัติศาสตร์ อันนี้น่าคิดครับ...ข้า-พระ-เจ้า เขียน: เหตุสำคัญที่ออร์โธด๊อกซ์ แยกจากคาทอลิก เพราะไม่อยากเปลี่ยนแปลง จริงหรือครับ?
ปล. สุดท้าย อย่างไรเสีย กฎหมายพระศาสนจักรต่างๆ นอกเหนือจากพระคัมภีร์แล้วก็เป็นสิ่งที่มนุษย์นิพนธ์ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขตามกาลเวลา...แม้แต่รูปแบบคำสอน
ก็มีการพัฒนาเรื่อยมานับแต่สมัยอัครสาวก....
เหนืออื่นใดสิ่งที่พระคริสต์ต้องการจากเรา ก็คือการเดินตามรอยของพระองค์ มิใช่หรือ ?
เราหลีกเลี่ยงที่จะคุยกันในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายบ้างก็ดีนะครับ
เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ยังเป็นมนุษย์ที่ยังอยู่บนโลกนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมองว่าตนเป็น "ความจริง" เพียงหนึ่งเดียว
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 6:32 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ถ้าเป็นผมจะไม่พูดว่าใครดีหรือไม่ดี เพราะ "ไม่มีใครชอบธรรมเลยสักคนเดียว" (ปัญญาจารย์ 7:20)
ผมไม่อยากพูดอะไรล้วงลูกใครเพราะผมก็ไม่ได้ดีพอจะตัดสินคนอื่น และไม่ชอบให้ใครพูดอะไรแบบนั้นด้วย
เพราะรังแต่จะให้เกิดความแตกแยก และเกิดความไม่สามัคคีในพระศาสนจักรเดียวของพระคริสต์
ไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่พระคริสต์เถอะนะครับ
ผมไม่อยากพูดอะไรล้วงลูกใครเพราะผมก็ไม่ได้ดีพอจะตัดสินคนอื่น และไม่ชอบให้ใครพูดอะไรแบบนั้นด้วย
เพราะรังแต่จะให้เกิดความแตกแยก และเกิดความไม่สามัคคีในพระศาสนจักรเดียวของพระคริสต์
ไม่เห็นแก่ผมก็เห็นแก่พระคริสต์เถอะนะครับ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
พระเยซู ไถ่เราด้วยความcodeยากลำบากกกกมากกกกกกกกกก
และส่วนตัว ทุกวันนี้ และเท่าที่พอคลุกอยู่กับเพื่อนคริสเตียงต่างประเทศ
ขอยกย่องและยอมรับ นิกายโปรเตสแตน มาเป็นอันดับ 1 ในการประกาศ เลี้ยงลูกแกะ และความเข้าถึง
อันดับ 2 คือ คาทอลิก ครับ (ซึ่งผมก็เชื่อว่าหลายคนเข้าถึงตัวพิธียากกว่าโปร แต่แค่เรียนคำสอนไปวัดประจำก็จะเข้าถึงมากขึ้น)
ทุกวันนี้ ผมรักนิกายโรมันคาทอลิกครับ (จากเดิมที่เคยถูกสอนให้เข้าใจผิดๆ)
ได้สัมผัสคุณพ่อ คุณพ่อเป็นกันเอง ไม่ได้เจ้าพิธีเลย
แม้กระทั่งในมิสซา ก็มีพ่อหลายคน ที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ขึงขังทำมิสซา
เป็นกันเอง สงบ ไม่วุ่นวาย จริงใจ ไม่รู้สิ สัมผัสได้แบบนั้น
แต่ถ้าผมจะต้องไปเข้าพระศาสนจักรที่เคร่งครึ มากๆๆๆ ผมคงเข้าไม่ถึงอ่ะ จริงๆนะ ผมเกิดมายุคนี้นี่นา
ยังไงคริสตจักร พระศาสนจักรยุคใหม่ ที่บางคนมองว่า เปลี่ยนให้ทันสมัย แต่ผมดูแล้วเค้าก็ยังคงไว้ซึ่งความจริงนิครับ
ขออภัยหากพูดไม่เข้าหู
ปล.อาจกลับมาปรับรายละเอียดใหม่
และส่วนตัว ทุกวันนี้ และเท่าที่พอคลุกอยู่กับเพื่อนคริสเตียงต่างประเทศ
ขอยกย่องและยอมรับ นิกายโปรเตสแตน มาเป็นอันดับ 1 ในการประกาศ เลี้ยงลูกแกะ และความเข้าถึง
อันดับ 2 คือ คาทอลิก ครับ (ซึ่งผมก็เชื่อว่าหลายคนเข้าถึงตัวพิธียากกว่าโปร แต่แค่เรียนคำสอนไปวัดประจำก็จะเข้าถึงมากขึ้น)
ทุกวันนี้ ผมรักนิกายโรมันคาทอลิกครับ (จากเดิมที่เคยถูกสอนให้เข้าใจผิดๆ)
ได้สัมผัสคุณพ่อ คุณพ่อเป็นกันเอง ไม่ได้เจ้าพิธีเลย
แม้กระทั่งในมิสซา ก็มีพ่อหลายคน ที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ขึงขังทำมิสซา
เป็นกันเอง สงบ ไม่วุ่นวาย จริงใจ ไม่รู้สิ สัมผัสได้แบบนั้น
แต่ถ้าผมจะต้องไปเข้าพระศาสนจักรที่เคร่งครึ มากๆๆๆ ผมคงเข้าไม่ถึงอ่ะ จริงๆนะ ผมเกิดมายุคนี้นี่นา
ยังไงคริสตจักร พระศาสนจักรยุคใหม่ ที่บางคนมองว่า เปลี่ยนให้ทันสมัย แต่ผมดูแล้วเค้าก็ยังคงไว้ซึ่งความจริงนิครับ
ขออภัยหากพูดไม่เข้าหู
ปล.อาจกลับมาปรับรายละเอียดใหม่
ขอแบ่งปันจาก พระวาจาทรงชีวิต เดือนมกราคม 2009 ของกลุ่มโฟโคลาเร นะคะ
"มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว" 1 โครินทร์ 12:20
แม้เราจะแตกต่างกัน แต่เราก็เป็นของขวัญให้แก่กันและกันได้ เราเป็นตัวของเราเอง
และช่วยทำให้แผนการของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราสำเร็จบริบูรณ์ได้ด้วยการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ในกลุ่มคริสตชน ซึ่งมีพระพรพิเศษหลากหลาย และต่างใช้เพื่อการรับใช้ผู้อื่น นักบุญเปาโลใช้ชื่อเรียก
กลุ่มคริสตชนเช่นนี้ว่าเป็นพระคริสตเจ้า ความจริงคือว่า ร่างกายนี้ ซึ่งประกอบด้วยมวลสมาชิก
เป็นร่างกายของพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง พระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในพระศาสนจักร (คริสตจักร)
และพระศาสนจักร (คริสตจักร) เป็นพระกายของพระองค์ ในศีลล้างบาป(บัพติสมา) องค์พระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์)เจ้าทรงรวบรวม
ผู้รับพิธีล้างเข้าร่วมเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า และผู้นั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มคริสตชน
ดังนั้น สมาชิกทั้งหมดจึงเป็นพระคริสตเจ้า การแบ่งแยกถูกทำลายไป การแบ่งเขาแบ่งเราไม่มีอีกแล้ว
"มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว" 1 โครินทร์ 12:20
เพราะเหตุว่าร่างกายเป็นแต่เพียงร่างกาย ดังนั้น สมาชิกของกลุ่มคริสตชน จึงสามารถทำวิถีชีวิตแบบใหม่นี้
ให้เป็นจริงขึ้นได้ ด้วยการเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรามีเอกภาพก็เพราะเรามีความแตกต่าง
และความหลากหลาย กลุ่มชนมิใช่ก้อนวัตถุไร้ชีวิต แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิต และมีสามชิกมากมาย
เราคริสตชนจึงถือว่า การก่อให้เกิดการแตกแยก เป็นการทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราควรจะต้องทำ
และเพราะรัก ความรักซึ่งกันและกันเท่านั้น ที่จะทำให้อวัยวะต่างๆ รวมเป็นร่างกายเดียวได้
เคียร่า ลูบิค
That all may be one (Jh. 17,21)
We were born for these words, for unity, to give a contribution to its realization in the world.
Chiara Lubich
http://www.focolare.org/home.php?lingua=EN
ประชาสัมพันธ์ "วันอธิษฐานภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชน" ค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=12988.0
"มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว" 1 โครินทร์ 12:20
แม้เราจะแตกต่างกัน แต่เราก็เป็นของขวัญให้แก่กันและกันได้ เราเป็นตัวของเราเอง
และช่วยทำให้แผนการของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราสำเร็จบริบูรณ์ได้ด้วยการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ในกลุ่มคริสตชน ซึ่งมีพระพรพิเศษหลากหลาย และต่างใช้เพื่อการรับใช้ผู้อื่น นักบุญเปาโลใช้ชื่อเรียก
กลุ่มคริสตชนเช่นนี้ว่าเป็นพระคริสตเจ้า ความจริงคือว่า ร่างกายนี้ ซึ่งประกอบด้วยมวลสมาชิก
เป็นร่างกายของพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง พระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในพระศาสนจักร (คริสตจักร)
และพระศาสนจักร (คริสตจักร) เป็นพระกายของพระองค์ ในศีลล้างบาป(บัพติสมา) องค์พระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์)เจ้าทรงรวบรวม
ผู้รับพิธีล้างเข้าร่วมเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า และผู้นั้นเป็นสมาชิกของกลุ่มคริสตชน
ดังนั้น สมาชิกทั้งหมดจึงเป็นพระคริสตเจ้า การแบ่งแยกถูกทำลายไป การแบ่งเขาแบ่งเราไม่มีอีกแล้ว
"มีอวัยวะหลายส่วน แต่มีร่างกายเดียว" 1 โครินทร์ 12:20
เพราะเหตุว่าร่างกายเป็นแต่เพียงร่างกาย ดังนั้น สมาชิกของกลุ่มคริสตชน จึงสามารถทำวิถีชีวิตแบบใหม่นี้
ให้เป็นจริงขึ้นได้ ด้วยการเสริมสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เรามีเอกภาพก็เพราะเรามีความแตกต่าง
และความหลากหลาย กลุ่มชนมิใช่ก้อนวัตถุไร้ชีวิต แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิต และมีสามชิกมากมาย
เราคริสตชนจึงถือว่า การก่อให้เกิดการแตกแยก เป็นการทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราควรจะต้องทำ
และเพราะรัก ความรักซึ่งกันและกันเท่านั้น ที่จะทำให้อวัยวะต่างๆ รวมเป็นร่างกายเดียวได้
เคียร่า ลูบิค
That all may be one (Jh. 17,21)
We were born for these words, for unity, to give a contribution to its realization in the world.
Chiara Lubich
http://www.focolare.org/home.php?lingua=EN
ประชาสัมพันธ์ "วันอธิษฐานภาวนาเพื่อเอกภาพคริสตชน" ค่ะ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=12988.0
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 2:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ในมุมมองของออร์โธด๊อกซ์ จะมองว่าคาทอลิกแยกตัวเองไปนะ(ในปี1054)ข้า-พระ-เจ้า เขียน: เหตุสำคัญที่ออร์โธด๊อกซ์ แยกจากคาทอลิก เพราะไม่อยากเปลี่ยนแปลง จริงหรือครับ?
(เพราะแยกจากสันตะสำนักหลักทั้ง4= โรม,เยรูซานเลม-อันติโอก,คอนสแตนตินโนเปิล,อเล็กซานเดรีย)
และมุมมองของออร์โธด๊อกซ์อีสเทอร์น สายออร์เรียนทัลออร์โธด๊อกซ์ก็แยกออกไป(ในปี541)
(เพราะพระศาสนจักรคอปติกแห่งอเล็กซานเดรียแยกตัวจากสันตะสำนักที่เหลือ)
ในกรณีนี้คอปติกเองก็ยอมรับว่าแยกตัวเรื่องคำสอนเรื่องธรรมชาติพระคริสต์
(ปัจจุบันสอนตรงกันแล้ว เป็นการเข้าใจผิดกว่า1000ปีจนต้องแตกแยกในพระศาสนจักร)
ในไม่ช้า จะไม่มีคาทอลิก ออร์โธด๊อกซ์ ลูเธอแรน เพรสไบทีเรียน หรือโปรเตสแตนท์ต่างๆอีก
เพราะพระคริสต์จะเสด็จกลับมาอีกครั้งที่2เพื่อปกครองโลก1พันปี(ตามตัวอักษร)
ตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรแล้ว เพราะการรวมครั้งนี้ไม่ใช่การรวมโดยมนุษย์ แต่โดยพระคริสตเยซูเอง
แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: มุมมองผมแล้วคาทอลิกกับออร์โธด๊อกซ์ไม่เคยแตกจากกันเลยเพราะเราอยู่ในชื่อ
"พระศาสนจักรอันสืบเนื่องจากอัครสาวก"
(ไม่ใช่คาทอลิก หรือ ออร์โธด๊อกซ์)
ป.ล.กรุณาอย่าเข้าใจคำพูดของผมเกินจากตัวอักษร
มีคนเคยกล่าวว่า
"ศาสนสัมพันธ์ไม่ใช่การรวมศาสนาหรือนิกาย แต่เป็นการประกาศจุดยืนของตนเองให้เด่นชัด และยึดจุดยืนร่วมเพื่อกระชับความสัมพันธ์"แมวเทา แห่งจารีตตะวันออก เขียน: ป.ล.3ผมสนับสนุนคริสตสัมพันธ์เพื่อความเป็นเอกภาพเสมอ
(แต่ไม่ใช่การที่ให้มารวมอยู่ในสันตะสำนักเดียว ยกเว้น สันตะสำนักพระคริสต์ในแผ่นดินสวรรค์)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 18, 2009 1:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.