บทความจาก นายทหาร(ยศอะไรแล้วคะ อา) สายัณห์ เสวิวัฒน์ แห่งกองทัพบกสหรัฐ
หรือ ที่พวกเรารู้จักในนาม Yan Agape ในบอร์ดของเรานะคะ
++++++++++++++++++++
“มาร์คัส นายทหารโรมันหนุ่ม”
(MARCUS THE CENTURION)
1.ชุดรบจำลองของทหารโรมัน
“นายท่าน กำแพงวิหารเยรูซาเล็มทำท่าจะพังมิพังแหล่ เพราะโดนก้อนหินที่หน่วยวิศวกรโยธาของเราใช้เครื่องเขวี้ยง
อัดจนแตกปริเป็นหย่อม ๆ ข้าขอแนะให้ท่านออกคำสั่งเปลี่ยนรูปขบวนรบของกองร้อย จากขบวนหัวหมูมาเป็นขบวนสี่เหลี่ยจัตุรัส
ให้ทหารทุกคนเอาโล่ประกบติดกันเป็นกำแพงรอบตัวและเหนือหัว เพราะไอพวกยิวเวลาจนตรอกพร้อมจะสู้ตายรุมรายล้อมโอบทุกรอบทิศ
พอพวกเราเปลี่ยนขบวนรบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเสร็จ พวกเราจะเริ่มเคลื่อนตัวเข้าชิดกำแพง โล่เหนือหัวจะป้องกันลูกไฟ ก้อนอิฐ ก้อนหิน
ธนูและหอกจากพวกมันที่อยูบนกำแพง”
อันโธนิอัส จ่าอาวุโส มือขวาของข้าตะโกนเสียงก้องแล้วเอาดาบประจำตัวตวัดตัดหัวยิวขบถที่ทะเล่อทะล่า เอาหอกแอบแทงข้างหลัง
ข้าชำเลืองมองลูกน้องซ้ายขวาที่กำลังสู้ประชิดตัว สับสนอลหม่าน ฝุ่นคว้าง เสียงดาบกระแทกกันดังสนั่นลั่นหู เสียงสบถสาปแช่ง
คำรามดีเดือดเลือดพุ่งกระฉูดกระฉาดแดงฉานนองพื้น
“เฮ้ย! นี่ข้า มาร์คัส ผู้บังคับกองร้อยของเจ้ากำลังพูดอยู่ ทุกคนจงเปลี่ยนรูปขบวนรบเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเดี๋ยวนี้ทันที
เอาตัวข้าเป็นตรงกลางด้านหน้าของขบวนหันหน้าสู่กำแพงวิหาร ประกบโล่รอบขบวนและเหนือหัว ฆ่าไอ้ยิวทุกคนที่ขวางหน้า
เมื่อถึงกำแพงที่พังทลายข้าจะออกคำสั่งให้พวกเจ้าแปรขบวนเป็นหมวดหมู่ ลุยศึกย่ำวิหาร ฆ่าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า!”
ไม่เกินอึดใจที่พวกข้าแปรรูปขบวนรบเป็นทรงจัตุรัส กำแพงวิหารเยรูซาเล็มห่างไม่เกิน 15 ก้าวก็พลันถล่มทะลายเศษอิฐ ก้อนหิน
ศิลาน้อยใหญ่ พุ่งกระจาย ฝุ่นควันหมุนเป็นเกลียวลอยคว้าง ลูกน้องของข้าพากันล้มระเนระนาด โล่ที่ยกปิดหัวร่วงหล่นจากมือเพราะก้ออิฐ ก้อนหิน
พุ่งลงทับโถมใส่
เสียงสบถสาปแช่งคำรามร้องไห้โหยหวนก็พลันประสานกันทั่วสนามรบ ไอ้ยิวขบถซวนเซเสียขบวนบาดเจ็บล้มตายเหมือนพวกข้า
ลูกน้องของข้าที่ลุกยืนได้ก็พากันคำรามตวาดก้อง พุ่งลุยเข้าช่องกำแพงที่ล้มทะลายกลายสภาพเป็นกองอิฐกองหิน
เลือดเข้าตา คลั่งศึกเพราะอาคาตแค้น และเห็นชัยชนะในเอื้อมมือ กำลังขวัญ กำลังใจ เพิ่มพูนเป็นทวี พวกยิวขบถ
ถอยกรูดเสียขวัญ ศึกประชิดตัวก็เปิดฉากขึ้นอีกวาระหนึ่ง อุตลุดชุลมุนไปทั่ว
ข้าตะโกนเรียกจ่าอันโธนิอัสให้ตามข้าลุยศึกเข้าใจกลางวิหาร
ผู้นำศาสนาของชาวยิว พากันวิ่งหนีตัวสั่นงันงกหนวดยาวประอกพลิ้วไหวเพราะความกลัว เรียกร้องร่ำไห้ขอให้เทพบิดรของพวกมัน
ช่วยให้ภัยภิบัตินี้จงสลายไป เครื่องสักการบูชาที่ทำด้วยทองคำเหลืองอร่ามงามตากระเด็นกระดอนหลุดจากมือ เมื่อทรวงอกหรือท่อนแขน
ถูกตวัดตัดออกจากร่าง ม่านในวิหารถูกไฟเผาผลาญ ควันคลุ้ง แตกกระทบพื้นลูกไฟกระเด็นกระดอนเป็นจุดเป็นหย่อม ส่องแสงวอมแวม
กระทบเครื่องสักการบูชา สะท้อนแสงวูบวาบในกำแพงวิหาร
“มาร์คัส นายทหารโรมันหนุ่ม”
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 14, 2008 4:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
“ฆ่ามันทุกคน! ทำลายวิหารของมันให้พังทลายอย่าให้อิฐให้ให้หินซ่อนตัวของมันได้ เอาให้มันเรียบเหมือนหาดทรายของเมืองอเล็กซานเดรีย
เมืองขึ้นของเราในอียิปต์ ที่พวกเราจะกวาดต้อนเชลยชายหญิงของนครเยรูซาเล็ม และสิ่งของมีค่าเครื่องสักการบูชาขึ้นเรือกลับโรม
ห้จักรพรรดิ เวสปาเซียนวุฒิสมาชิกชาวโรมได้ยลดู ให้ศัตรูของโรมและแว่นแคว้นใต้อำนาจโรมได้เห็นศักดาพลานุภาพ ไม่หาญกล้าก่อการ
ขบถคิดร้ายเหมือนไอ้ยิวในแคว้นจูเดียนี้”
ข้าตะโกนเสียงแหบคลั่งศึก ยกเท้าถึบฟารีสีหนวดขาวยาวถึงเอวให้กระเด็นติดกำแพง เหมือนเศษสวะไร้ค่า เสียงเครื่องสักการะทบพื้นที่
ขวางหน้าดังโช้งเช้งโฉ่งฉ่างกังวานก้องหู
“มาร์คัส!”
เสียงนายทหารโรมันเพื่อนข้าดังก้องโสต
2.จักรพรรดิ์ เวสปาเซียน ผู้สร้างสนามยุทธ (COLLOSAM) ค.ศ.7080 ชื่อเดิมของ COLLOSAM
เป็นพระนามของพระองค์ FLAVIAN APHITHEATKE จักรพรรดิ์ TITUS ลูกนายสร้างต่อเสร็จปี ค.ศ.80
“ท่านแม่ทัพไททัส มีคำสั่งให้นายทหารระดับกองร้อยขึ้นไปรายงานตัวที่ฐานทัพของท่านนอกเมืองเยรูซาเล็ม
ปล่อยให้ลูกน้องคนสนิทคุมกำลังขจัดขบถที่เหลือตาย เก็บกวาดต้อนเชลยชายหญิงและของมีค่าได้แล้ว”
ข้าพยักหน้ายิ้มให้เพื่อนและออกคำสั่งให้จ่าอันโธนิอัสคุมกำลังแทนข้า ก่อนที่จะเดินตามเพื่อเข้าไป มีทหาร 20 นายตามคุ้มกันใกล้ชิด
เพื่อนข้าบอกข้าว่า เพื่อนผู้บังคับกองร้อย 4 ใน 10 ของทัพข้าได้เสียชีวิตเพื่อโรมในศึกนี้ ถ้าจะนับจำนวนของผู้บังคับกองร้อยที่เสียชีวิต
ในสนามรบปราบขบถยิวในแคว้นจูเดียเมื่อเริ่มศึก 5 ปีที่แล้ว เพื่อนข้าเสียชีวิต 11 คน
แม่ทัพไททัส ผู้ที่พวกข้าเคารพยกย่องในฝีมือการรบ ความกล้าหาญ จิตใจเผื่อแผ่ต่อพวกข้านี้ เป็นลูกชายคนโต
ของจักรพรรดิเวสปาเซียน ผู้ทรงเป็นเทพที่ชาวโรมและอาณาจักรโรมกราบไหว้สรรเสริญ มีกำเนิดในฐานันดรศักดิ์ขุนศึก แล้วไต่เต้าเป็น
วุฒิสมาชิกฝีมือรบเกรียงไกร ไหวพริบเฉียบแหลม คุมกำลังทหารใต้พระหัตถ์บุกเบิกทางทำลายศัตรู ปราบดาภิเษกเป็นจักรพรรดิแห่งโรม
พระองค์ทรงมีนโยบายขยายอาณาจักรโรมด้วยการทูตและมหาอำนาจทางกำลังรบ
ทรงเริ่มก่อสร้างสนามกีฬายุทธใจกลางโรมให้เป็นที่สำราญใจของชาวโรม กล่าวกันว่าสนามกีฬายุทธนี้จุคนได้ถึง 8 หมื่นคน
ใหญ่โตมโหฬาร เป็นสัญลักษณ์อำนาจของโรมที่จะข่มขวัญอริให้แตกกระเจิง เมื่อได้เห็นได้ยล พ่อของข้าซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกร่วมใจ
ของพระจักรพรรดิได้บอกให้ข้ารู้แล้วเก็บไว้ในใจว่า จักรพรรดิเวสปาเซียนเพื่อนนายทหารรุ่นเดียวกับท่านไม่ได้เป็นเทพหรอก
ที่พระองค์บุกตัวเองและบังคับให้วุฒิสภาประกาศองค์ว่าเป็นเทพ ก็เพื่อจะได้โน้มเหนี่ยวใจชาวโรมให้มีความจงรักภักดีต่อพระองค์
ผู้ทรงศักดาเหมือนเทพในพิภพนี้ และการก่อสร้างสนามกีฬายุทธอันใหญ่โตอลังการนี้ ได้ทำให้พระคลังของพระองค์ชวนทรุด
จะหยุดสร้างก็ไม่ได้ จะเสียพระพักตร์
3.ประตูชัยไททัส เทิดพระเกียรติปราบขบถยิวในแคว้นจูเดีย สู้กัน ค.ศ.67-80 ด้านในประตูชัยสลักรูปพรายและเครื่องสักการบูชา
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 14, 2008 4:36 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ชาวโรมและศัตรูจะหยามเราให้ระคายโสต พระสมองอันเฉียบแหลมได้ทำให้พระองค์ได้สติคิดแผนการอันลึกซึ้งมี
ผลสามอย่างสมพระหฤทัย ผลแรกก็คือประกาศศึกกำหลาบยิวขบถในแคว้นจูเดียให้ราบคาบไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อโรมตลอดไปในภายหน้า
ผลสองกำราบนิกายใหม่ของยิวที่ได้รุกลามไปทั่วในอาณาจักรโรม อันนิกายนี้มีก่อเกิดมาจากบุรุษผู้เรียกตัวเองว่า “บุตรของพระเทพบิดร”
เป็นผู้สอนธรรมนอกคอกของศาสนายิว ก่อเกิดความแตกแยกร้าวฉานจนพวกผู้นำศาสนายิวฟ้องร้องต่อปิลาโต ผู้ครองแคว้นจูเดียเมื่อเกือบ
40 ปีมาแล้ว ปิลาโตตัดสินประหารชีวิตให้ตรึงกางเขน
การตายของบุคคลผู้นี้ควรจะเป็นการสิ้นสุดของนิกายใหม่ แต่กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของนิกายที่นับวันนับจะเติบโตขยายจำนวนผู้ติดตาม
สมัยที่จะถูกฆ่าถูกเบียดเบียนทำลาย และแม้จะโดนจักรพรรดิเนโรกล่าวหาว่าเป็นผู้จุดเพลิงทำลายโรมของเราเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
ยิ่งฆ่าเหมือนยิ่งยุให้กลับใจเป็นผู้ติดตามบุรุษผู้นั้น ที่แปลกก็คือพวกนี้ไม่ได้จับอาวุธต่อสู้ลุกฮือทำร้ายใคร แม้กับศัตรูที่จะฆ่าตัวเอง
เป็นนิกายที่แปลกประหลาดจิตใจอ่อนแอไม่เป็นภัยร้ายต่อโรมด้านกำลัง แต่เป็นภัยร้ายด้านความเชื่อที่กำลังขยายตัวแข่งรัศมีบารมี
ของพระจักรพรรดิเวสปาเซียน
จุดเริ่มต้นของนิกายอยู่ที่แคว้นจูเดีย จะจู่โจมทำลายก็ต้องเริ่มจากจุดนั้น และผลที่สามที่พ่อเองก็นึกไม่ถึงคือ
ชัยในครั้งนี้จะทำให้โรมมีเชลยหญิงชายเป็นจำนวน 90 หมื่นกว่า ๆ ที่จะขายเป็นทาสหรือเอาเป็นแรงงานสร้างสนามกีฬายุทธ์
และสิ่งของเครื่องสักการบูชา ของมีค่าจากวิหารเยรูซาเล็มและของชาวยิวในแคว้นจูเดีย ก็จะกลายเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
พระคลังที่ซวนทรุดก็จะกลับกลายเป็นพระคลังที่มีทรัพย์ล้นโรม
4.แผนที่อาณาจักรซีมาสมัยต้นคริสตศักราช
เสร็จจากประชุม ข้ากับทหารรู้ใจ 20 นายก็พากันเดินกลับที่พักพลของข้า แม้จะเป็นเวลาหัวค่ำนครเยรูซาเล็มยังสว่างไสว
เปลวไฟลุกฉานเปล่งรัศมีทั่วเมือง ควันไฟดำลอยพุ่งเป็นลำเหนือท้องฟ้า เสียงอาวุธกระทบกระแทกกันดังทั่วทุกทั่วมุมเมือง
เสียงตวาดสบถ เสียงร้องโหยหวน เพราะความเจ็บปวด เสียงร้องที่กระหายของทหารโรมัน สลับกับเสียงกระซิกร้องไห้
วอนขอความเมตตาจากยิวสาวและไม่สาวดังระงมเซ็งแซ่
ข้ายืนมองสภาพเบื้องหน้าด้วยหัวใจชาชิน มุมเมืองที่ห่างเกือบสุดสายตา ได้แปรสภาพเป็นค่ายกักกันเชลย เสียงโซ่ตรวนดังครืดคราดลากพื้น
เชลยขบถรอดตายเสื้อผ้าประดับลายขาดรุ่งริ่ง บาดแผลท่วมตัวยืนห่อไหล่ กับหน้าหมดอาลัยตายหยากในชีวิต เชลยหญิงต่างฐานะต่างฐานันดร
ยืนเรียงรายมีโซ่ตรวนล่ามขากอดกันร้องไห้วอนขอเมตตา เด็กเล็กไม่เกิน 10 ขวบและชายหญิงชราพ้นวัยจับอาวุธเดินล้อมรอบผู้คุม
ยื่นของมีค่าขอไถ่เชลย ผู้คุมจิกหัวกระชากผมลากถูให้พ้นหูพ้นตา ก่อนที่จะยัดของมีค่าเข้าถุงย่ามข้างเอว แส้หนังพลิ้วสะบัดกระทบแผ่นหลังผู้ชรา
ที่งก ๆ เงิ่น ๆ ตัวสั่นขวัญกระเส่าร้องเรียกให้พระเทพบิดรของพวกมันช่วยปัดเป่าให้ฝันร้ายสลายไป
แล้วหูของข้าก็ได้ยินเสียงสาปแช่งบุรุษที่เรียกตัวเองว่า “บุตรของเทพบิดร” หัวหน้าผู้นำศาสนายิวแก่ผมขาวหนวดยาวถึงเอว
แหงนหน้าตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเชลย ข้าพอจะจับใจความได้ว่าบุรุษผู้นั้นได้ทำนายถึงความพินาศฉิบหายของนครเยรูซาเล็ม
และชาวยิวที่บังอาจร่วมใจฆ่าบุตรของพระเทพบิดรที่บังเกิดมาเพื่อจะเป็นผู้นำของพวกยิว
สายตาของข้าเหลือบมองไปเห็นไม้กางเขนหลายอันที่ตั้งเรียงรายไปตามสองฟากฝั่งของถนนใจกลางเมือง เสียงค้อนตีตะปูเหล็ก
ทะลุลำแขนลำขาของไอ้ยิวขบถดังโป๊กเป๊กระคนกับเสียงโอดครวญตะเบ็งสาปแช่งร้องขอความเมตตา
ข้าจะเบือนหน้าหนีก็เหลือบไปเห็นชาวยิวหญิงชายมีอยู่กลุ่มหนึ่ง กำลังเอาก้อนหินระดมปาไปที่ชาวยิวหญิงชายมีอายุ 4-5 คนที่
หันหน้าฝ่ามือกอดกันเป็นวงกลม ไม่ได้ร้องวอนขอเมตตาหรือสาบแช่ง
5.เชลยและเครื่องสักการบูชา ของมีค่าในขบวนแห่ชัยชนะของจักรพรรดิไททัส
ก่อนจะครองราชย์แทนพ่อ รูปสลักในด้านในของประตูหลัง
ผลสามอย่างสมพระหฤทัย ผลแรกก็คือประกาศศึกกำหลาบยิวขบถในแคว้นจูเดียให้ราบคาบไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อโรมตลอดไปในภายหน้า
ผลสองกำราบนิกายใหม่ของยิวที่ได้รุกลามไปทั่วในอาณาจักรโรม อันนิกายนี้มีก่อเกิดมาจากบุรุษผู้เรียกตัวเองว่า “บุตรของพระเทพบิดร”
เป็นผู้สอนธรรมนอกคอกของศาสนายิว ก่อเกิดความแตกแยกร้าวฉานจนพวกผู้นำศาสนายิวฟ้องร้องต่อปิลาโต ผู้ครองแคว้นจูเดียเมื่อเกือบ
40 ปีมาแล้ว ปิลาโตตัดสินประหารชีวิตให้ตรึงกางเขน
การตายของบุคคลผู้นี้ควรจะเป็นการสิ้นสุดของนิกายใหม่ แต่กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของนิกายที่นับวันนับจะเติบโตขยายจำนวนผู้ติดตาม
สมัยที่จะถูกฆ่าถูกเบียดเบียนทำลาย และแม้จะโดนจักรพรรดิเนโรกล่าวหาว่าเป็นผู้จุดเพลิงทำลายโรมของเราเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
ยิ่งฆ่าเหมือนยิ่งยุให้กลับใจเป็นผู้ติดตามบุรุษผู้นั้น ที่แปลกก็คือพวกนี้ไม่ได้จับอาวุธต่อสู้ลุกฮือทำร้ายใคร แม้กับศัตรูที่จะฆ่าตัวเอง
เป็นนิกายที่แปลกประหลาดจิตใจอ่อนแอไม่เป็นภัยร้ายต่อโรมด้านกำลัง แต่เป็นภัยร้ายด้านความเชื่อที่กำลังขยายตัวแข่งรัศมีบารมี
ของพระจักรพรรดิเวสปาเซียน
จุดเริ่มต้นของนิกายอยู่ที่แคว้นจูเดีย จะจู่โจมทำลายก็ต้องเริ่มจากจุดนั้น และผลที่สามที่พ่อเองก็นึกไม่ถึงคือ
ชัยในครั้งนี้จะทำให้โรมมีเชลยหญิงชายเป็นจำนวน 90 หมื่นกว่า ๆ ที่จะขายเป็นทาสหรือเอาเป็นแรงงานสร้างสนามกีฬายุทธ์
และสิ่งของเครื่องสักการบูชา ของมีค่าจากวิหารเยรูซาเล็มและของชาวยิวในแคว้นจูเดีย ก็จะกลายเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์
พระคลังที่ซวนทรุดก็จะกลับกลายเป็นพระคลังที่มีทรัพย์ล้นโรม
4.แผนที่อาณาจักรซีมาสมัยต้นคริสตศักราช
เสร็จจากประชุม ข้ากับทหารรู้ใจ 20 นายก็พากันเดินกลับที่พักพลของข้า แม้จะเป็นเวลาหัวค่ำนครเยรูซาเล็มยังสว่างไสว
เปลวไฟลุกฉานเปล่งรัศมีทั่วเมือง ควันไฟดำลอยพุ่งเป็นลำเหนือท้องฟ้า เสียงอาวุธกระทบกระแทกกันดังทั่วทุกทั่วมุมเมือง
เสียงตวาดสบถ เสียงร้องโหยหวน เพราะความเจ็บปวด เสียงร้องที่กระหายของทหารโรมัน สลับกับเสียงกระซิกร้องไห้
วอนขอความเมตตาจากยิวสาวและไม่สาวดังระงมเซ็งแซ่
ข้ายืนมองสภาพเบื้องหน้าด้วยหัวใจชาชิน มุมเมืองที่ห่างเกือบสุดสายตา ได้แปรสภาพเป็นค่ายกักกันเชลย เสียงโซ่ตรวนดังครืดคราดลากพื้น
เชลยขบถรอดตายเสื้อผ้าประดับลายขาดรุ่งริ่ง บาดแผลท่วมตัวยืนห่อไหล่ กับหน้าหมดอาลัยตายหยากในชีวิต เชลยหญิงต่างฐานะต่างฐานันดร
ยืนเรียงรายมีโซ่ตรวนล่ามขากอดกันร้องไห้วอนขอเมตตา เด็กเล็กไม่เกิน 10 ขวบและชายหญิงชราพ้นวัยจับอาวุธเดินล้อมรอบผู้คุม
ยื่นของมีค่าขอไถ่เชลย ผู้คุมจิกหัวกระชากผมลากถูให้พ้นหูพ้นตา ก่อนที่จะยัดของมีค่าเข้าถุงย่ามข้างเอว แส้หนังพลิ้วสะบัดกระทบแผ่นหลังผู้ชรา
ที่งก ๆ เงิ่น ๆ ตัวสั่นขวัญกระเส่าร้องเรียกให้พระเทพบิดรของพวกมันช่วยปัดเป่าให้ฝันร้ายสลายไป
แล้วหูของข้าก็ได้ยินเสียงสาปแช่งบุรุษที่เรียกตัวเองว่า “บุตรของเทพบิดร” หัวหน้าผู้นำศาสนายิวแก่ผมขาวหนวดยาวถึงเอว
แหงนหน้าตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเชลย ข้าพอจะจับใจความได้ว่าบุรุษผู้นั้นได้ทำนายถึงความพินาศฉิบหายของนครเยรูซาเล็ม
และชาวยิวที่บังอาจร่วมใจฆ่าบุตรของพระเทพบิดรที่บังเกิดมาเพื่อจะเป็นผู้นำของพวกยิว
สายตาของข้าเหลือบมองไปเห็นไม้กางเขนหลายอันที่ตั้งเรียงรายไปตามสองฟากฝั่งของถนนใจกลางเมือง เสียงค้อนตีตะปูเหล็ก
ทะลุลำแขนลำขาของไอ้ยิวขบถดังโป๊กเป๊กระคนกับเสียงโอดครวญตะเบ็งสาปแช่งร้องขอความเมตตา
ข้าจะเบือนหน้าหนีก็เหลือบไปเห็นชาวยิวหญิงชายมีอยู่กลุ่มหนึ่ง กำลังเอาก้อนหินระดมปาไปที่ชาวยิวหญิงชายมีอายุ 4-5 คนที่
หันหน้าฝ่ามือกอดกันเป็นวงกลม ไม่ได้ร้องวอนขอเมตตาหรือสาบแช่ง
5.เชลยและเครื่องสักการบูชา ของมีค่าในขบวนแห่ชัยชนะของจักรพรรดิไททัส
ก่อนจะครองราชย์แทนพ่อ รูปสลักในด้านในของประตูหลัง
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 14, 2008 4:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
6.โคลิเซียมจุ 80,000.- คน
ทหารของข้าพากันยืนมองด้วยความประหลาดใจ
“ดูเถิดแม้กระทั่งในยามที่พวกมันแพ้ศึก บ้านเมืองพินาศล่มจมความเกลียดชังต่อพวกเชื้อชาตเดียวกันแต่ต่างศาสนาก็ยังมีอำนาจ
อิทธิพลให้พวกมันจับก้อนหินปาฆ่าชาวยิวเหมือนกัน”
ลูกน้องของข้าคนหนึ่งเอ่ยเสียงแหบตะโกนขับไล่
ข้าและลูกน้องเดินผ่านชาย หญิงชราผู้ยืนห่อไหล่เลือดอาบหัวไม่ได้ประสานตาสู้พวกข้า เสียงโอดครวญของเชลยที่ถูกตรึงกางเขน
ร้องขอเมตตา ขอน้ำดื่มดับความกระหายดังเข้าหูข้า เมื่อพวกข้าเดินผ่านมุ่งหน้ากลับค่ายพักของข้า แล้วพวกข้าก็หยุดชะงักกลางถนนเมื่อได้ยิน
เสียงสบถด่าของทหารโรมันนายหนึ่ง
“เฮ้ย!! ข้าบอกแล้วว่าอย่าให้น้ำกับไอ้พวกขบถนี้ พวกมันจะต้องรับทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะตายสาสมกับโทษของมัน”
ชายหญิงชรา 7-8 คนงก ๆ เงิ่น ๆ ขออภัย และขอความเมตตาเพราะเชลยเหล่านี้ไม่สามารถจับอาวุธต่อสู้ได้อีกแล้ว
ทหารโรมันกลุ่มนั้นหัวเราะแล้วตวาดให้หลบหนีไป
หนึ่งในกลุ่มของชายหญิงชราพลันหันหน้าจ้องมองที่ข้าสายตาเป็นประกายจ้า
“ข้าแต่นายทหารโรมันผู้สูงศักดิ์ ข้าขอความเมตตาให้น้ำชุบผ้าแก่นักโทษเหล่านี้เถิด พวกเขาไม่สามารถจะเป็นพิษ
เป็นภัยทำร้ายพวกท่านได้อีกแล้ว ไม่เกินรุ่งเช้าพวกเขาก็จะสิ้นลมหายใจ...”
ข้าประสานตากับบุรุษชราผู้นั้น จิตใจไหวหวั่นในความกล้าความเมตตาพลันบังเกิด
“เฮ้ย!!~ ทหารโรมันเกรียงไกรของข้า จงอนุญาตให้ชายหญิงชรากลุ่มนี้เอาน้ำชุบผ้าแตะผิวปากพวกเชลย ไม่เกินวันพวกมันก็จะสิ้นชีวิต
และพวกยิวมันจะได้รู้ว่าทหารโรมันยังมีความเมตตาปราณีกับศัตรูที่สูญสิ้นอิสรภาพ”
บุรุษชราเดินงก ๆ เงิ่น ๆ เอามือคว้าผ้าคลุมไหล่ข้าจับจรดกับปากไม่ได้หวาดกลัว
“ท่านนี้มีเมตตานัก ท่านทำให้ข้านึกถึงนายทหารโรมันผู้หนึ่ง เมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ได้ขอพระเยซูเจ้า พระบุตร
พระผู้ไถ่ของพวกข้าให้ทรงมีเมตตารักษาคนรับใช้ของท่านที่เจ็บหนักจวนตาย พระผู้ไถ่ของพวกข้าทรงสนพระทัยที่นายทหารโรมันผู้นั้น
มีความกล้าหาญเสี่ยงต่อการสูญเสียอำนาจ ร้องขอนักบวชธรรมชาวยิวเมืองขึ้นของโรมให้ช่วยคนรับใช้พระผู้ไถ่ทรงแสดงพระประสงค์จะเสด็จ
ไปถึงบ้านรักษาคนรับใช้ให้ถึงที่ แต่แล้วพระองค์ก็ทรงทึ่งสุด.... เมื่อนายทหารผู้นั้นกล่าวว่า พระองค์ไม่ต้องถ่อมองค์ถึงขนาดนั้น
ตรัสแค่คำเดียวคนรับใช้ของท่านก็จะหายเจ็บ ความเชื่อของนายทหารผู้นั้นได้กลายเป็นตัวอย่าง
ให้แก่พวกข้าและคริสตชนต่างชาติ นับถือยกย่องพร้อมปฏิบัติตามจนถึงปัจจุบันนี้”
ข้ายืนนิ่งมองตามชายชราผู้นั้น ซึ่งเดินงก ๆ เงิ่น ๆ เอามือกุมเท้าเชลยที่ถูกตรึงกางเขนพูดปลอบประโลมแล้วเอาผ้าชุบน้ำติดปลายไม้แต
ะที่ริมฝีปากหญิงชรา เหมือนจะเป็นภรรยาร่วมทุกข์ร่วมสุข ยกไหน้ำขึ้นบนไหล่แล้วสองคนตายายก็เดินห่างออกไป
ข้าขยับตัวแล้วเดินนำทหารมุ่งตัดข้ามถนนพุ่งสู่ค่ายพักบนเนินเห็นไกลตา จิตใจคำนึงถึงผู้บังคับกองร้อยโรมันผู้หาญกล้าคนนั้น
ฉับพลันทันใดข้าก็เห็นไอ้ยิวขบถเกือบ 40 คน พุ่งทะยานออกจากก้อนหินต้นไม้ข้างทาง กวัดแกว่งหอกและดาบโถมใส่พวกข้า พวกข้า
พยายามรวมตัวหันหลังชนกันเป็นวงกลมชักดาบสู้ แต่ทหารเกือบสิบนายของข้าโดนหอกที่แอบพุ่งเสียบนอนฟุบสิ้นชีวิตระเนระนาด
ข้าชักดาบออกจากฝักไม่ทันจะหลุด ก็มีความรู้สึกเหมือนมีมือยักษ์ใหญ่มาตบโครมที่ทรวงอก ดิ้นผงะลงกับพื้นกำลังเสื่อมสลาย
หัวใจของข้าแทบจะกระเด็นออกจากอก เมื่อมองเห็นปลายหอกปักที่อกข้า ข้าเอามือกุมด้ามหอกเหลียวมองรอบ ๆ ตัว ทหารของข้า 20 คนนอนตายตาค้างรอบตัวข้า
7.โคลิเซียมด้านใน (รูปอาถ่ายเอง)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ พ.ย. 14, 2008 4:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
8.กรุงเยรูซาเล็มในปัจจุบัน โดนยึดโดนทำลาย 2 ครั้ง ครั้งแรก 925ปีก่อนคริสตศักราช หลังสุด ค.ศ.1948 (สงครามอาหรับ อิสราเอล)
ในสายตาอันพร่าพราย ข้าเห็นไอ้ยิวขบถคนหนึ่งเอื้อมมือจิกผมของข้าคำรามกระหึ่ม ดาบขาวคมวับจ้องจะตวัดตัดคอข้า
“เฮ้ย!! โชคของพวกเรา ไอ้นายทหารโรมันผู้นี้โดนหอกของข้าปักอกดิ้นกับพื้น ข้าจะตัดหัวแล้วเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองให้ไอ้นรก
โรมันได้รู้ถึงพิษสงของพวกเราประชากรของพระเป็นเจ้า”
ก่อนที่คมดาบของมันจะตวัดตัดคอข้า เสียงเย็นแผ่วเบาแจ่มใสของบุรุษชราที่ได้กล่าวสนทนากับข้าเมื่อครู่ก็ดังขึ้นข้างถนน
“ข้าแต่ท่านผู้ร่วมชาติ ข้าขอความเมตตาต่อนายทหารโรมันผู้นี้เถิด ขอท่านอย่าตัดหัวเขาเลย ไม่เกินอึดใจเขาก็จะสิ้นชีวิตแล้ว ข้าขออนุญาตเอา
น้ำชุบผ้าแตะปากบรรเทากระหายให้เขาด้วยเถิด”
“เฮ้ย!! ไอ้เฒ่านอกคอก แกก็คงจะเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ติดตามนักแสวงธรรมนอกคอกผู้นั้น เสียชาติเกิดเป็นประชากรของพระเป็นเจ้า
แทนที่จะร่วมมือร่วมใจจับอาวุธต่อสู้ไอ้โรมัน พวกเจ้ากลับทำตัวเฉยไม่ช่วยแล้วจะขอความเมตตาให้กับศัตรูของเราซะอีก”
ไอ้ยิวขบถสบถสาปแช่ง แล้วก็พากันวิ่งหายลับไป
ชายชราทรุดตัวลงข้างกายข้า เอาผ้าชุบน้ำในโถจากภรรยาแล้วแตะปากข้า ข้าเอาลิ้นแตะน้ำที่เย็นฉ่ำรสเลิศ
“ข้าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ไต่ถามท่านเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้นที่ท่านได้ติดตามเชื่อมั่น กล้าแม้จะเสี่ยงตายเดินตาม มีความเมตตาปราณีให้กับข้าที่เป็นศัตรู
และกับไอ้ยิวขบถที่เกลียดชังพวกท่าน..”
ชายชราเอื้อมมือแตะที่ทรวงอกของข้า เลือดไหลท่วมนิ้ว สบตาข้าแล้วพูดเสียงแจ่มใสแผ่วเบา
“นายทหารโรมันผู้อาภัพ ท่านจะได้พบกับพระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ของชาวเรา และพระองค์จะทรงต้อนรับท่านให้เข้าสู่อาณาจักรสวรรค์
เหมือนนายทหารโรมันผู้นั้น ซึ่งได้ทำหน้าที่ของทหารอย่างดีที่สุดและมีใจเมตตาต่อคนรับใช้ ความเมตตาของท่านที่มีต่อเชลยผู้ถูกตรึงกางเขน
ศัตรูของท่าน เป็นบุญกุศลที่จะสนองตอบท่านตลอดนิรันดร์กาล ด้วยว่าพระผู้ไถ่ได้ทรงตรัสว่า เป็นบุญของเขาที่มีเมตตาต่อผู้อื่น
เพราะพระเป็นเจ้าจะทรงมีเมตตาต่อเขาเช่นกัน...”
9.รูปปั้นจักรพรรดิไททัส
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ พ.ย. 17, 2008 11:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
10.รูปจำลองวิหารเยรูซาเล็ม ที่ถูกทำลาย 2 ครั้ง ครั้งแรก 957ปีก่อนคริสตศักราชที่ 70 (ไททัสและทหารโรมัน)
11.หน่วยรบทหารราบโรมัน “หัวหมู่”
รูปภาพ จาก http://www.wikipedia.org
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ พ.ย. 17, 2008 11:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณครับผม
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอบคุณครับ พี่มากี้จิง กรุณาจัดตัวอักษรใหม่ ให้น่าอ่านด้วยครับ จุ๊บๆๆๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อันนี้อ่านยากเหรอ... ตัวใหญ่แล้วน๊า แต่พอทำตัวใหญ่ วรรคมันก็เลื่อนอ่ะ