บาปจองหอง-บาปอันร้ายกว่าบาปทั้งมวล

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มี.ค. 07, 2015 3:27 am

-บาปจองหอง-บาปอันร้ายกว่าบาปทั้งมวล-


ในบาปต้น7ประการ บาปจองหอง มีปีศาจประจำบาปคือลูซิเฟอร์ "บาปต้น (Capital Sins)" ตามความหมายแท้จริงคือ ท่าที แนวโน้ม ที่จะนำไปสู่บาป ดังนั้น จึงเป็น "ปฐมเหตุ" ของการทำบาป

และในบรรดาบาปต้นทั้ง7 นักเทววิทยาจำนวนมากยกความจองหองเป็นหัวเชืิ้อของบาปเกือบทุกชนิด และโดยตัวของมันเองมีอานุภาพขัดขวางการปรับปรุงตัวอีกด้วย เพราะมันทำให้คนที่จองหองนั้นคิดว่าตัวเองไม่ผิด และ ไม่รับคำตักเตือนของผู้อื่น มิหนำซำ้กลับโกรธคนตักเตือนซะอีก มันจึงทำหน้าที่เป็นตัวทำลายภูมิคุ้มกัน และการรักษาบาปอื่นของวิญญาณ จัดเป็นโรคเอดส์ของวิญญาณก็ว่าได้


รูปภาพ

บาปแรกของลูชิเฟอร์ผู้ร่วงหล่นจากสวรรค์ และบาปของมนุษย์คู่แรกนั้นคือบาปเดียวกันคือ "บาปจองหอง" นี่เอง บาปที่ทำให้ทูตสวรรค์และมนุษย์คิดว่าจะยิ่งใหญ่เท่าพระเจ้า นำความพินาศมาสู่โลกอย่างยาวนาน มันคือบาปแรกที่แยกทูตสวรรค์และมนุษย์ออกจากพระเจ้า ทูตสวรรค์ต้องกลายเป็นปีศาจ มนุษย์ต้องกลายเป็นคนบาป

เมื่อเรามนุษย์ได้กลายเป็นมนุษย์คนบาปแทนบุตรพระเจ้าผู้ไร้เดียงสาในสวนสวรรค์ เราจึงมีธรรมชาติบาปติดตัว และเราทุกคนล้วนมีความจองหองในตัวตนเองไม่มากก็น้อย ดังจะเห็นได้ว่าคนเราไม่ชอบโดนด่าโดนว่าโดนตำหนิ แต่ชอบด่า ชอบว่า ชอบตำหนิคนอื่น มากกว่า โดยเฉพาะคนที่เราคิดว่าเขาเลวกว่าเรา หรืออีกนัย เราพร้อมจะตำหนิ ติ ด่า คนอื่นโดยมีเหตุผลในจิตใต้สำนึกว่าเราเป็นคนดีกว่าเขาเก่งกว่าเขาฉลาดกว่าเขาฯลฯกว่าเขา แต่เมื่อไหร่เราถอดแว่นแห่งความจองหองออกและเอากระจกแห่งความถ่อมใจมามองตัวเราเอง เราก็จะพบว่าเราเองนี่แหละก็เป็นคนบาปคนเลวมีข้อผิดพลาดและเต็มไปด้วยข้อควรตำหนิไม่น้อยกว่าคนอื่นในโลกเลย

รูปภาพ

บรรดานักบุญจำนวนมากโดยเฉพาะนักบวช ได้อาศัย "ฤทธิ์กุศลความนบนอบ" ต่อสู้กับ "บาปจองหอง" ในตัวท่าน นักบุญจำนวนมากกระโจนใส่ความเชื่อฟังในผู้ใหญ่และพระศาสนจักรซึ่งเป็นแหล่งลี้ภัยจากบาปจองหอง บางท่านถึงขนาดยอมโดนใส่ความโดยไม่แก้ตัว หรือก้มลงขอโทษการตำหนิทุกกรณีไม่ว่าจริงหรือไม่ พวกท่านดูราวกับไร้ศักดิ์ศรีและขี้แพ้ แต่กลับสูงส่งในสายพระเนตรพระเจ้า และมีชัยชนะเหนือตัวตนเอง

แต่ในโลกปัจจุบันทุกวันนี้ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย ได้กลายเป็นโลกที่เสริมสร้างบาปจองหองอย่างเข้มแข็ง บางครั้งเรามีความสุขมากเมื่อมีคนกดถูกใจหรือกดLikeสถานะเวลาเราโพสด่าว่าหรือตำหนิวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น บางครั้งเราเลี้ยงดูให้อาหารมันโดยการหาเรื่องอะไรสักอย่างมาด่าทอออกโซเชียลทุกวัน บางครั้งเราเสียใจและนอยด์มากเวลาเพื่อนไม่กดไลค์รูปอันสวยงามเรา หรือข้อความแสนคมคายของเรา บาปจองหองได้หิวกระหายการยกย่อง ยกยอ และคาดหวังการชื่นชม โดยไม่สนว่าจะยกย่องชื่นชมในเรื่องถูกหรือเรื่องผิด เมื่อความจองหองเติบโต เราจะโกรธคนง่าย และชิงชังคนง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา หรือไม่ชื่นชมสิ่งที่เราทำ เราจะโกรธเมื่อถูกตำหนิ ขัดใจ ในการแสดงความขัดแย้งกับความคิดเรา หรือตัวตนของเรา อย่างรวดเร็ว

ความจองหองจึงเหมือนเนื้อร้ายที่ขัดขวางพระหรรษทานแห่งความสุภาพ ความรัก และสันติสุขต่อเพื่อนพี่น้อง และมันจะพองโตขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มี.ค. 07, 2015 3:31 am

หนทางที่เราจะเอาชนะความจองหอง คือต้องตัดเนื้อร้ายนี้ทันทีที่มันเริ่มงอก โดยไม่ปล่อยให้มันโตและลุกลาม

เรารวดเร็วเสมอที่จะโต้กลับคนอื่นที่ขัดแย้งหรือคิดต่างจากเรา เรารวดเร็วเสมอที่จะตำหนิหรือวิพากษ์ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องคนอื่น ดังนั้นก่อนอื่นจงช้าลง และตั้งสติเมื่อเรามีอารมณ์ขึ้นมา

ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ(ยก 1:19-20)

จากนั้นเราต้องเอาแว่นแห่งความจองหองออกในเวลามองผู้อื่น เพื่อมองคนอื่นเหมือนมองตัวเราเองที่อาจผิดพลาดได้ อาจพลาดพลั้งได้ อาจไม่ได้ตั้งใจชั่วช้าก็ได้

และเมื่อเราไม่รีบร้อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ใคร เราจะมีเวลาพอที่จะรักผู้อื่นก่อน มีเวลาพอที่จะเรียกหาพระหรรษทานแห่งความสุภาพ และฤทธิ์กุศลแห่งความนบนอบถ่อมตน

รูปภาพ

บางครั้งหลังจากเราให้เวลาพระเจ้าทำงานในเราแล้ว เราอาจพบว่าเราไม่ได้อยากด่า อยากตำหนิ อยากวิจารณ์คนอื่นในเรื่องนั้นแล้ว แต่กลับเห็นอกเห็นใจและเข้าใจคนอื่นมากขึ้น และหากแม้เราพิจารณาด้วยใจสุภาพและด้วยความรักเรายังพบว่าจำเป็นต้องตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์ เราก็จะกระทำด้วยความรักและเมตตาจิต มากกว่าจะทำด้วยความเกรียวโกรธ หรือสะใจ

ในทางกลับกันเมื่อมีคนชื่นชมหรือยกย่องเรา เราย่อมรู้สึกดีไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากเรารู้สึกว่าไม่ได้รับความชื่นชมไม่ได้รับความสนใจแล้วเกิดทุกข์ใจขึ้นมา นั่นเริ่มมีความผิดปกติในตัวเราแล้ว เจ้าความจองหองเริ่มอาละวาดขออาหารจากเรา จงหวดมันอย่างรวดเร็วด้วยแส้แห่ง ความสุภาพถ่อมตน ว่า เราได้ทำสิ่งที่ดีก็เพียงพอ ต่อให้ไร้คนยกย่องชื่นชม ก็สมควรแล้ว ด้วยเรานั้นก็แค่คนธรรมดาไม่ได้วิเศษหรือน่ารักกว่าใครทำไมต้องคาดหวังให้คนมายกยอปอปั้นในตัวเราหรือสิ่งที่เราพูด เราคิด และ เราทำ ด้วย ตัวเราเองมีความไม่น่ารัก มีการพูด การคิด การทำที่ไม่น่าชื่นชมมากมาย ไม่โดนด่าทอก็นับว่าโชคดีมากแล้ว การที่คนไม่เห็นด้วยกับเรา ขัดแย้งเรา หรือคัดค้านเราบ้าง ย่อมถูกต้องชอบธรรม เพราะเราไม่ใช่องค์ปรีชาญาณที่ไม่มีความโง่เขลา หรือผู้ชอบธรรมที่มีความถูกต้องเสมอ เราคือคนที่โง่ในหลายเรื่อง และคนที่ทำผิดในชีวิตบ่อยๆ

เมื่อเราไม่หลงคิดว่าเรายิ่งใหญ่แสนดีกว่าที่เราเป็น เราจึงจะพบความยิ่งใหญ่และแสนดีที่พระเจ้าประทานแก่เรา และเราจะเข้าใกล้พระเจ้าแต่ห่างไกลจากปีศาจและบาป

“พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน” ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจากท่าน จงเข้าใกล้พระเจ้าแล้วพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน(ยก 4:6-8)

ขอพระเยซูผู้อ่อนโยนและสุภาพสถิตกับทุกท่าน อาแมน
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

พุธ เม.ย. 15, 2015 12:05 am

ทางพุทธเค้าจะอธิบายแยกเป็นกิเลสที่เรียกว่าอัตตากับมานะ

อัตตาคือเราตัวเองเป็นศูนย์กลางเราเก่งเราแน่ ตัวกูของกูเอาตัวเองเป็นใหญ่อยากทำอะไรก็ทำไม่ยำเกรงผู้ใด

ส่วนมานะนั้นคือเอาผู้อื่นเป็นศูนย์กลางแล้วคอยเปรียบเทียบกับตัวเอง เมื่อเปรียบเทียบแล้วก็พยายามหาจุดที่ตัวเองดีกว่าหรือจุดที่ผู้อื่นด้อยกว่า แล้วก็ให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ เกิดความอิจฉาริษยาตามมา

คนเราจะมีอัตตาหรือมานะมากพร้อมๆกันไม่ได้มันจะมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่เด่นกว่า แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามมันคือความจองหองทั้งสิ้น
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

อาทิตย์ พ.ค. 24, 2015 12:15 am

ขอบคุณครับ เข้าใจตัวเองขึ้นเยอะเลย แหะๆๆ
ตอบกลับโพส