นักบุญยามเฝ้าประตู

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

พุธ ต.ค. 20, 2010 12:22 am

รูปภาพ
นักบุญยามเฝ้าประตูในวันนี้ (17 ตุลาคม 2010) ผมคิดถึงพระสงฆ์และนักบวชชาย-หญิงที่มีสุขภาพไม่สู้สมบูรณ์ เจ็บป่วยทุกข์ทรมานด้วยโรคนี่นั่นโน่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากวันนี้ที่กรุงโรม สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงประกอบพิธีแต่งตั้งนักบุญใหม่ หนึ่งในจำนวนนั้นได้แก่ บราเดอร์อังเดร เบแซต ชาวแคนาดา
บราเดอร์อังเดร เกิดเมื่อ 165 ปีมาแล้วที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดาโดยมีชื่อตอนเกิดว่า อัลเฟรด ตอนอายุได้ 10 ขวบ บิดาของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อมารดาซึ่งมีลูกหลายคนไม่มีรายได้มาเจือจุนตามปกติ จึงจำต้องส่งลูกกระจัดกระจายไปอยู่กับญาติๆ ยกเว้นอัลเฟรดซึ่งเป็นเด็กขี้โรค ไม่สบายเจ็บออดแอดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคปวดท้องที่มีอาการรุนแรงเป็นพักๆ และรักษาไม่หายไปจนตลอดชีวิต แม่เลยเก็บไว้ดูแลเอง แต่สองปีถัดมา แม่ก็ล้มป่วยเป็นวัณโรคและเสียชีวิต คุณน้าจึงเอาอัลเฟรดไปเลี้ยง ความที่อัลเฟรดล้มป่วยอยู่เรื่อยๆ ทำให้เขาแทบไม่ได้เรียนหนังสือ ดังนั้น จึงไม่สามารถเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้ รูปแบบของวัฒนธรรมตะวันตกกำหนดให้ชายหนุ่ม-หญิงสาวเมื่อพ้นวัยเรียนต้องช่วยเหลือตัวเอง จะต้องไม่พึ่งพาพ่อแม่ผู้ปกครองอีกต่อไป อัลเฟรดจึงออกหางานทำ งานที่เขาพอทำได้เป็นการใช้แรงงานเป็นหลัก ในโรงงานบ้าง งานในไร่ฟาร์มบ้าง เปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ เนื่องจากเขาต้องหยุดงานบ่อยเพราะล้มป่วยอยู่เสมอ
เมื่ออายุ 22 ปี อัลเฟรดกลับมาที่บ้านเกิด ได้พบกับคุณพ่ออังเดร-เจ้าอาวาส คุณพ่อได้รับเขาเข้าทำงานเป็นเด็กวัด คอยช่วยทำงานต่างๆของวัด ขณะเดียวกันได้จัดให้เรียนคำสอนเพื่อเตรียมตัวรับศีลมหาสนิทครั้งแรก อัลเฟรดสนใจการเรียนคำสอนมาก คุณพ่อเจ้าอาวาสสังเกตเห็นความศรัทธาของอัลเฟรด ทุกวันเขาใช้เวลาเฝ้าศีลและสวดภาวนาบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้ารูปนักบุญยอแซฟ สามปีต่อมา คุณพ่อเริ่มพูดคุยกับอัลเฟรดเรื่องกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์และการเข้าบ้านเณร ในที่สุด อัลเฟรดตอบรับเสียงเรียกของพระ และได้เข้าบ้านเณรของคณะกางเขนศักดิ์สิทธิ์ (Holy Cross) ในจดหมายที่คุณพ่อเขียนถึงอธิการบ้านเณรเพื่อส่งตัวอัลเฟรดเข้าเป็นเณร คุณพ่ออังเดรเขียนตอนหนึ่งว่า ผมขอส่งนักบุญองค์หนึ่งมาให้
อย่างไรก็ตาม การที่อัลเฟรดล้มป่วยบ่อยมากทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเณรเห็นว่า ไม่สมควรสนับสนุนให้อัลเฟรดเป็นเณรต่อไป ยังไงก็คงให้บวชเป็นพระสงฆ์ไม่ได้ จึงได้กำหนดที่จะส่งตัวอัลเฟรดกลับบ้านทันทีที่ภาคการศึกษาสิ้นสุดลง ในช่วงเวลานั้นเอง พระสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลมอนทรีออลได้มาเยี่ยมบ้านเณร เมื่อสบโอกาส อัลเฟรดได้เข้าไปพูดกับพระอัครสังฆราชเรื่องกระแสเรียกของเขา และขอให้พระคุณเจ้าช่วยเขาด้วย อัลเฟรดกราบเรียนว่าเขาต้องการที่จะถวายตัวเพื่อรับใช้พระเจ้า ไม่ว่างานจะต่ำต้อยสักเพียงใดก็ตาม พระอัครสังฆราชเห็นความจริงใจของอัลเฟรดจึงได้พูดกับอธิการบ้านเณร ในที่สุดเขาได้อยู่บ้านเณรต่อ และได้บวชเป็นบราเดอร์ของคณะในขณะที่อายุได้ 29 ปี โดยที่อัลเฟรดใช้ชื่อนักบวชว่า อังเดร เป็นการระลึกถึงคุณพ่ออังเดร ผู้ส่งเขาเข้าบ้านเณร อธิการบ้านเณรได้เขียนบันทึกไว้ว่า บราเดอร์คนนี้หากสุขภาพไม่ดีจนทำงานอะไรไม่ได้สักอย่าง อย่างน้อยเขาจะสามารถทำการสวดภาวนาได้อย่างดีแน่นอน
สมาชิกส่วนใหญ่ในคณะกางเขนศักดิ์สิทธิ์เป็นพระสงฆ์ ทำงานอภิบาลวัดหรือไม่ก็สอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนอตเตรอดามของคณะ ส่วนพวกที่เป็นบราเดอร์นั้นจัดเป็นแผนกแรงงาน คอยทำงานต่างๆที่ต้องใช้แรงกายของคณะ งานที่บราเดอร์อังเดรได้รับมอบหมายให้ทำหลังการถวายตัวแล้ว ได้แก่เป็นยามเฝ้าประตูโรงเรียน โดยมีห้องเล็กๆที่เป็นทั้งห้องนอนและห้องทำงานของเขา เขาทำงานนี้กว่า 40 ปี โดยไม่มีการโยกย้ายไปที่อื่น ในเวลาเย็นค่ำ หรือวันหยุด หากเขาไม่ป่วย อังเดรจะช่วยถูพื้น เช็ดโคมไฟ เช็ดหน้าต่าง ทำความสะอาดอาคารเรียน ขนฟืนมาไว้ข้างเตาผิง ทุกๆเช้า อังเดรเป็นคนตีระฆังปลุกให้ทุกคนตื่น ทุกสัปดาห์เขายังมีหน้าที่ขนเสื้อผ้าเด็กประจำไปส่งซัก และเขายังช่วยทำหน้าที่เป็นช่างตัดผมให้นักเรียนประจำอีกด้วย
ความที่อังเดรเป็นคนเก่าแก่อยู่มานาน จึงเป็นที่รู้จักรักใคร่ของนักเรียน ครู-อาจารย์และผู้คนในละแวกนั้น บางคนมักแวะมาหาอังเดรเพียงเพื่อพูดคุยทักทายกัน หลายคนมาหาเพื่อปรับทุกข์อันเกิดจากปัญหาต่างๆ ซึ่งบราเดอร์อังเดรมักพูดให้กำลังใจให้น้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้า ใครที่เจ็บป่วยมาหา เล่าถึงความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมาน อังเดรจะฟังด้วยความตั้งใจ เขาเข้าใจและรู้ซึ้งเป็นอย่างดีเพราะความเจ็บป่วยชนิดปวดทรมานก็เกิดกับเขาเป็นประจำด้วยเช่นกัน บ่อยครั้งผู้ที่มาหาเล่าไปร้องไห้ไป บราเดอร์อังเดรก็ร้องไห้กับเขาด้วย และในที่สุดการสนทนาจบลงด้วยการที่บราเดอร์สวดภาวนาด้วยกันกับผู้ป่วยเพื่อขอพรจากพระเจ้า อีกทั้งยังภาวนาให้นักบุญยอแซฟช่วยวิงวอนขออีกแรงหนึ่งด้วย
แล้วข่าวก็กระจายไปทั่วมากขึ้นทุกทีว่า มีผู้ที่หายป่วยอย่างน่าอัศจรรย์เมื่อมาหาบราเดอร์อังเดร และมีการสวดภาวนาขอพระเจ้าพร้อมกับบราเดอร์ แต่บราเดอร์ก็พูดอยู่เสมอว่า ผมไม่มีอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเพียงแค่สวดขอพระ และนักบุญยอแซฟเท่านั้น
เมื่อมีพระเอก ก็ต้องมีผู้ร้ายเป็นของคู่กัน พอผู้คนพากันแห่กันมาหาบราเดอร์อังเดรที่บริเวณประตูโรงเรียนมากขึ้น ครูบางคน ผู้ปกครองบางท่านเห็นว่าทำให้เกิดความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบ ผู้ป่วยอาจเอาโรคมาติดนักเรียน อะไรประมาณนั้น ในที่สุด อธิการจึงให้บราเดอร์ย้ายออกไปใช้ห้องที่มีผู้เสนอให้ใช้ได้ฟรีที่สถานีรถรางในตัวเมือง แต่ไม่ช้า ห้องดังกล่าวก็รับไม่ไหว เพราะมีผู้คนมาหาจากทั่วทุกสารทิศ จึงมีการช่วยกันบริจาคที่ดินและเงินสร้างเป็นอาคารที่กว้างขวางมากขึ้น โดยที่บราเดอร์ขอให้มีวัดน้อยด้วย ทางคณะยังได้อนุญาตให้บราเดอร์มีห้องพักส่วนตัวที่นั่นเลยเพื่อความสะดวกในการพบกับผู้ที่มาหา ประมาณกันว่า มีผู้ป่วยที่มาหาบราเดอร์ปีละประมาณหนึ่งล้านคน หรือเดือนละประมาณหนึ่งแสนคน หรือวันะละประมาณสามพันคน
บราเดอร์อังเดรใช้เวลากลางวันพบผู้ป่วยที่เดินทางมาหา พอตกเย็นบราเดอร์ก็ออกเยี่ยมผู้ป่วยที่ป่วยมากจนไม่สามารถเดินทางมาหาได้ ผู้ป่วยทุกคนอย่างน้อยได้รับความบรรเทาใจหลังจากที่ได้พบกับบราเดอร์แล้ว แต่ก็ยังมีรายงานผู้ที่หายป่วยอย่างอัศจรรย์ไม่ขาดระยะ
เนื่องด้วยบราเดอร์อังเดรมีความศรัทธาต่อนักบุญยอแซฟมากเป็นพิเศษ บราเดอร์จึงได้ปรารถอยากสร้างวัดเป็นการถวายเกียรติแก่นักบุญยอแซฟ จึงได้มีการจัดตั้งกองทุนรับบริจาค ซึ่งก็มีคนเป็นจำนวนมากช่วยเหลือด้านการเงินจนสามารถสร้างเป็นวัดขนาดใหญ่ บรรจุคนได้กว่า 1,000 คน
บราเดอร์อังเดรเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1937 ขณะอายุได้ 91 ปี ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่มีการตั้งศพสวดมีผู้มาเคารพศพของท่านเป็นจำนวนกว่าหนึ่งล้านคน หลังจากที่ท่านเสียชีวิตไปแล้ว อัศจรรย์ของผู้ป่วยที่หายโรคยังเกิดขึ้นตลอดเวลา มีไม้เท้าจำนวนมากที่ผู้ป่วยได้ทิ้งไว้ที่วัดนักบุญยอแซฟที่ท่านได้สร้างขึ้นรูปภาพ
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ทรงแต่งตั้งท่านเป็นบุญราศีเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1982 และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงแต่งตั้งท่านเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2010 นับเป็นนักบุญชายองค์แรกของประเทศแคนาดา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้ที่อาจต่ำต้อยในสายตามนุษย์ มีสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์เอาเลย จนดูเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรนัก อย่างเก่งก็เป็นได้แค่ยามเฝ้าประตู จะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าถึงเพียงนี้

ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย

ที่มา : E-mail
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

พุธ ต.ค. 20, 2010 1:09 am

ขอให้ท่านช่วยวิงวอนแด่พระเป็นเจ้าเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายด้วยเถิด อาเมน
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ต.ค. 20, 2010 12:08 pm

เป็นแบบอย่างที่น่ารักมากครับ

หลายครั้งผมคิดว่า การที่เราทำงานที่คนเค้ามองว่าไม่มีค่า
เป็นที่สบพระทัยพระเจ้าหรือไม่

แต่จากตัวอย่างท่านนักบุญบราเดอร์อังเดร
สามารถตอบคำถามได้หมดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6049
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ธ.ค. 15, 2010 1:34 pm

คนที่ต่ำต้อยพระองค์จะยกให้สูงขึ้น เป็นตัวอย่างที่ดี :s007: :s007:
tach
โพสต์: 200
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 22, 2009 9:53 pm

พุธ ต.ค. 12, 2011 12:25 am

นักบุญคัทรีน ลาบูเร ที่เเม่พระเหรียญอัศจรรย์มาประจักษ์ก็เคยนั่งเฝ้าประตู
ตอบกลับโพส