เหตุการณ์เวลานั้นโดยย่อ
ในปี ค.ศ.1941 กองทัพอักษะ(ฝ่ายนาซี) มีชัยเหนือประเทศยูโกสลาเวีย บรรดาพระราชวงศ์ที่เคยเรืองอำนาจจึงต้องลี้ภัยออกจากประเทศ ดังนั้นนาซีจึงดำเนินแผนงานขั้นต่อไปก็คือการลบประเทศยูโกสาเวียออกจากแผนที่ โดยยืมมือจากชาวยูโกสลาเวียเอง ซึ่งบัดนั้นกำลังแตกแยกกันออกเป็นฝักฝ่ายจากเรื่องเชื้อชาติ หนึ่งในนั้นคือ กระบวนการอุสตาซี ภายใต้ผู้นำ “หุ่นเชิดของนาซี” ชื่อ อันเต ปาเวลิช ที่ได้ใช้โอกาสนี้ประกาศอิสรภาพให้แก่ประเทศโครเอเชีย
หลังจากนั้นกระบวนการอุสตาซีก็ได้ดำเนินโยบายฆ่าล้างชาวเซอร์เบีย ยิว และโรมาเนีย เพื่อคงไว้แต่สายเลือดโครเอเชียแท้ๆเท่านั้น โดยเฉพาะชาวเซอร์เบียที่ขณะนั้นคิดเป็นร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมดของประเทศ ที่ถูกตกเป็นเป้าหมายของการสังหารหมู่จากกลุ่มอุสตซี เหตุการณ์เหล่านี้ดำเนินมาเรื่อย จนถึงจุดที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงกลางปีเดียวกัน
อักษรซีรีล วัด และโรงเรียนของคริสชนออร์โธดอกซ์ถูกสั่งปิด ชาวเซอร์เบียทุกคนถูกบังคับให้สวมปลอกแขน เวลานั้นมี 1 ใน 3 ถูกฆ่า 1 ใน 3 ถูกขับไล่ และ 1 ใน 3 ถูกให้เปลี่ยนมาเป็นคาทอลิก ไม่เพียงเท่านั้นพวกอุสซาตียังได้สร้างค่ายกักกันขึ้นเพื่อขังชาวเซอร์เบียจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะถูกทำร้าย ถูกปล่อยให้อดอยาก และถูกฆ่า
แต่กระนั้นท่ามกลางการข่มเหงนี้ก็ได้มีกลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านสองกลุ่มออกมา นั่นคือ กลุ่มของโยซิป โบรช ที่มีจุดหมายในการดำเนินนโยบายสังคมนิยม และกลุ่มของนายพลดราจา มิโฮโลวิช ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาประเพณีของเซอร์เบียและของพระมหากษัตริย์ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ชิงชังชาวโครเอเชียและลัทธิสังคมนิยมมาก นโยบายกลุ่มนี้คือการ “ป้องกันตัวจากพวกอุสตาซีและแก้แค้นชาวโครเอเชียและชาวมุสลิม”
เจซดีมีร์ ดันกิซ
ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1941 มิโฮโลวิชก็ได้สั่งให้เจซดีมีร์ ดันกิซคุมกลุ่มเชตนิกไปยังทางตะวันออกของประเทศบอสเนีย โดยระหว่างทางเขาก็ได้รวบรวมชาวบอสเนียเซอร์เบียมาจนมาถึงตะวันออกของประเทศบอสเนียในวันที่ 16 สิงหาคม หลังจากนั้นในต้นเดือนกันยายนดันกิซก็ได้ตั้งตนเป็นผู้นำกลุ่มเชตนิกทุกกลุ่มในภาคตะวันออกของบอสเนีย
จนลุถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน กลุ่มเชตนิกก็เข้าคุมเมืองโกรัชเด หลังจากนั้นอีกสองวันถัดมาดันกิซก็ได้เดินทางมากล่าวสุนทรพจน์ที่จัตุรัสกลางเมืองท่ามกลางชาวเซอร์เบีย ชาวโครเอเชีย และชาวมุสลิมบอสเนีย ในตอนท้ายเขาได้ประกาศว่าชาวเซอร์เบียไม่อาจอยู่รวมกับชาวมุสลิมได้อีกต่อไป ดังนั้นนับแต่นั้นมากลุ่มเชตนิกก็เริ่มกระจายไปอยู่ทุกหัวมุมเมือง พวกเขาเริ่มฆ่า เริ่มออกข่มขืน เริ่มออกปล้นสะดมและเริ่มเผาบ้านเรือนของประชาชนจำนวนมาก
แม่น้ำดรีนาบริเวณเมืองโกรัชเด
มีผู้คนจำนวนมากถูกฆ่าตายบนสะพานข้ามแม่น้ำดรีนา ก่อนจะถูกทิ้งศพลงมา ส่วนชาวมุสลิมบางคนก็ถูกฆ่า ก่อนเอาศพไปแขวนตามต้นไฟและเสาไฟ อย่างน่าเอจอนาถ เหตุการณ์นองเลือดดำเนินไปเรื่อยๆจากเพียงแค่โกรัชเด กลุ่มเชตนิกก็ได้ตั้งเป้าใหม่นั่นก็คือการกำจัดมุสลิมให้สิ้นซากไปจากภาคตะวันออกของบอสเนีย เพื่อตอบโต้การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวเซอร์เบียของพวกอุสตาซี