อยากเป็นคริส ใจจะขาด

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:20 am

ทั้งตระกูล พุทธจ๋ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พ่อ แม่ ญาติ รับไม่ได้แน่ๆถ้าเปลี่ยนศาสนา   


แต่ทำไงดีคะ


เราอยากเป็นจะแย่แล้ว


แต่กลัวแม่เสียใจอะคะ


ใครประสบปัญหาแบบนี้มาบ้างไหมคะ  แล้วแก้ปัญหาอย่างไร


ช่วยทีนะคะ


: xemo031 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:29 am

ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดูรึยังครับ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:33 am

sasuke เขียน: ลองคุยกับคุณพ่อคุณแม่ดูรึยังครับ?
เคยพูดเปรยๆไว้อะคะ  แต่แม่ก็พูดกลับมาว่า  อย่ากระแ_ะไปหน่อยเลย แม่ไม่ได้ด่านะคะ แค่พูดเหน็บแนม เฉยๆ


ทีนี้หัวข้อที่จะขอเสนอแม่ไปนั้น  ก็โดน ตัดสิทธิ์ืคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:37 am

อายุเท่าไหร่แล้วครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:43 am

Holy เขียน: อายุเท่าไหร่แล้วครับ
21 ค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:50 am

ระหว่างนี้ก็หาไบเบิ้ลหรือหนังสือเสริมศรัทธาอื่นๆมาอ่านดูก่อน หรือลองมาเข้าโบสถ์ดูก่อนก็ได้นะครับ

อย่าเพิ่งคิดว่าหมดหวังซิครับ ค่อยๆลองแย๊บคุณแม่ไปเรื่อย (ที่สำคัญคือต้องแย๊บตอนคุณแม่อารมณ์ดีด้วย  : xemo017 :)
ดีแล้วล่ะครับ ที่พยายามจะไม่หักหาญน้ำใจคุณแม่ ค่อยๆไปทำไปเดี๋ยวเค้าก็ค่อยๆเข้าใจเราเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 3:57 am

sasuke เขียน: ระหว่างนี้ก็หาไบเบิ้ลหรือหนังสือเสริมศรัทธาอื่นๆมาอ่านดูก่อน หรือลองมาเข้าโบสถ์ดูก่อนก็ได้นะครับ

อย่าเพิ่งคิดว่าหมดหวังซิครับ ค่อยๆลองแย๊บคุณแม่ไปเรื่อย (ที่สำคัญคือต้องแย๊บตอนคุณแม่อารมณ์ดีด้วย  : xemo017 :)
ดีแล้วล่ะครับ ที่พยายามจะไม่หักหาญน้ำใจคุณแม่ ค่อยๆไปทำไปเดี๋ยวเค้าก็ค่อยๆเข้าใจเราเอง
ทำมาหมดและคะ  เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง  ยังไม่กล้าพออะคะ  ไม่รุ้เปนไง  เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 4:20 am

~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทั้งตระกูล พุทธจ๋ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


พ่อ แม่ ญาติ รับไม่ได้แน่ๆถ้าเปลี่ยนศาสนา   


แต่ทำไงดีคะ


เราอยากเป็นจะแย่แล้ว


แต่กลัวแม่เสียใจอะคะ


ใครประสบปัญหาแบบนี้มาบ้างไหมคะ   แล้วแก้ปัญหาอย่างไร


ช่วยทีนะคะ


: xemo031 :
สวดสายประคำค่ะ  แม่พระช่วยได้จริงๆ ขอให้ไว้ใจนะคะ  ::001::
~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทำมาหมดและคะ   เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง  ยังไม่กล้าพออะคะ   ไม่รุ้เปนไง  เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -
อยู่บ้านกลัวพ่อด้วยรึเปล่าคะ อยู่วัดเลยพลอยกลัวพระสงฆ์ไปด้วย  ::001::

สวดสายประคำนะคะ  ::001::

PS.. เดี๋ยววันนี้พี่สวดให้นะคะ  วันนี้เป็นวันที่พี่รับศีลล้างบาปครบ 7 ปีพอดีเลย พี่จะสวดให้น้องเป็นพิเศษวันนี้นะคะ  ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 4:23 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nura
โพสต์: 177
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ต.ค. 18, 2008 2:48 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 9:52 am

ใจเย็นๆนะคะ  ค่อยๆพูดกับคุณแม่ 

ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะจ๊ะ
พี่ก็เติบโตขี้นมาในครอบครัวที่ผูกพันกับศาสนาพุทธเช่นกัน
ตอนแรกพี่ก็กลัว ไม่กล้าพูด
แต่พี่รู้สึกว่า ร้อนรนอยากรับศีลล้างบาป
พี่กลัวว่าแม่จะไม่อนุญาต จีงตัดสินใจรับศีลโดยที่ยังไม่ได้บอกครอบครัว (ตอนนั้นพี่อายุ 24 และอยู่ต่างประเทศ)
เพราะถ้าบอกแล้วแม่ไม่อนุญาตพี่ก็คงต้องรับอยู่ดี (ความรู้สึกในขณะนั้น)
หลังจากที่รับศีล พี่ก็รู้สึกอิ่มเอมใจ แต่มันยังมีอะไรติดค้างในใจเพราะไม่ได้บอกแม่
พี่เลยเริ่มสวดขอให้พระนำทางให้พี่ได้บอกกับแม่
วันหนี่ง หลังจากรับศีลประมาณหนึ่งเดือนมั้ง พี่โทรศัพท์ไปหาแม่ แล้วก็บอกกับแม่ในที่สุด
ปรากฎว่าแม่ยอมรับได้ในสิ่งที่พี่ได้ตัดสินใจ ท่านบอกว่าศาสนาอะไรก็ย่อมทำให้คนเป็นคนดี
การมีพระเป็นที่พี่ง ก็จะทำให้พี่มีที่ยีดเหนี่ยวจิตใจ

ที่เล่าให้ฟังนี้ พี่ไม่ได้ต้องการให้หนูล้างบาปโดยที่ไม่บอกคุณแม่นะ  แค่อยากให้หนูเห็นว่า หนูอาจจะกังวลไปเองอย่างพี่ก็ได้

สวดเยอะๆนะคะ ไม่แปลกที่จะมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเรานะจ๊ะ
สำคัญที่สุดก็คือ เวลาเราจะทำอะไร สิ่งที่เราทำเป็นอย่างไรในสายพระเนตรของพระเจ้า

พี่จะสวดให้หนูด้วยนะคะ
Kongtap
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 10, 2008 10:48 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 9:59 am

คุณมองว่าการเป็นคริสต์คืออะไร.....คือการได้ล้างบาป การได้ไปโบสถ์ร่วมพิธีกรรมต่างๆมากมาย การได้ห้อยกางเขนสวยๆ...(หรือเปล่า)

จริงๆแล้ว
สิ่งเหล่านี้มันมากมายเกินไป และไม่จำเป็น....
ศาสนา ก็คือ ใบมะกอก
เกิดขึ้นหลังจากที่อีฟอาดัมกินผลไม้ ขัดคำสั่งพระองค์ไปเชื่อตัวเองและมารซาตาน เขาทั้งสองที่แต่ก่อนเคยเปลือยเปล่า(กายใจ) กลับต้องหาใบมะกอกมาปกปิด....
ในกรอบของศาสนาก็คือการที่เราจะต้องทำดี ทำตามบัญญัติมากมาย ทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปกปิดความเป็นตัวเรา
แต่จริงๆแล้วพระเจ้าต้องการอะไร...พระเจ้าไม่ต้องการอะไรใหญ่โต เพราะทุกสิ่งในโลกมันก็เล็กน้อยมากกับพระองค์
และที่สำคัญ....พระเจ้ารู้จักจิตใจของเราดีที่สุด....

ต่อให้คุณไปโบสถ์ สารภาพบาป สวด ร้องเพลง เข้าร่วมพิธีกรรมทุกประการ
แต่คุณไม่เคยเชื่อและลึกซึ้งในการชำระบาปชั่วนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์
คุณก็เป็นเพียงฟาริสีคนหนึ่ง...
มันไม่ได้หมายความว่าคริสเตียนทุกคนจะได้เห้นแผ่นดินสวรรค์
คนที่ไปโบสถ์ ร่วมพิธีกรรมทุกอย่างก็อาจจะไม่ได้ชื่อว่าเป็นคนชอบธรรมในพระเยซูคริสต์

แต่คนที่จะได้เห็นแผ่นดินสวรรค์นั้น
ก็คือคนที่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีอะไรเลย และเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ เชื่อในพระโลหิต
ต่อจะให้เขาอยู่ที่บ้าน พิการ แร้นแค้น ต่ำต้อย ไม่เคยไปโบสถ์ ไม่เคยทำพลีกรรมต่างๆ
เขาก็เห็นแผ่นดินของสวรรค์ได้.......


ผมกำลังจะบอกคุณว่า....พระเจ้าทอดพระเนตรที่จิตใจของคุณ...
แล้วพระเจ้าจะบอกคุณเองถึงการกระทำภายหน้า....


__________________________
ผมเองเคยดิ้นรนที่จะได้ล้างบาปมาสามปี...แต่หลังจากนั้นผมได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่อย่างแท้จริง ทำให้ผมรู้ว่า...จิตใจของเราเนี่ยแหละ ที่พระเจ้ามอง....ไม่ใช่เปลืองนอกของศาสนา
ผมหลุดสิ้นจากพันธนการ และเป็นอิสระในจิตใจมากขึ้น ผมไม่ต้องยึดติดกับสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว
ถึงวันนี้ผมจะยังไม่ได้รับการชำระบาปในรูปแบบพิธีกรรม และผมก็ไม่ต้องการอย่างนั้นแล้ว....

แต่วันนี้ผมกลับเป็นคนชอบธรรมในพระนามของพระเยซูคริสต์

พันธสัญญาเดิม
มนุษย์ได้รับการอภัยเมื่อยกบาปของตัวเองไปไว้ที่ศรีษะของสัตว์บูชายัญ
เมื่อพระเยซูเสด็จมา บาปของเราก็ได้รับการไถ่โดย John ปกที่พระเศียรของพระเยซูคริสต์
เมื่อวันที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เมื่อพระโลหิตตกลงบนแผ่นดิน (แผ่นดินก็คือจิตใจ) โลหิตของพระองค์ก็ชำระล้างบาปของโลก
ผู้ที่เชื่อในพระองค์ คือผู้ที่จิตใจของเขามีพระโลหิตของพระองค์
มีพระโลหิตนิรันดร์ของพระเยซูเท่านั้นที่ปกปิดบาปของเราได้ แม้ว่าเราจะเป็นคนบาปเพียงใดก็ตาม
เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรมาที่จิตใจของเรา....เราก็จะเป็นผู้ชอบธรรมในพระนามพระเยซูคริสต์ เพราะพระเจ้าไม่เห็นบาปที่มีอยู่ในใจของเรา

_______________________________
แค่วันที่คุณเชื่อในการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์
วันนั้นคุณก็คือ คริสเตียนคนหนึ่งแล้ว.....
หลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์
พระองค์ร้องว่า.....สำเร็จแล้ว....

ใช่แล้ว....ทุกอย่างสำเร็จแล้ว
เราไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว....

มีเพียงจิตใจของเราเท่านั้น ที่ถ้าเราเชื่อในพระโลหิตของพระองค์ เราก็จะรอด....

______________
ผมขอสรุปตรงนี้ว่า....

ทุกอย่างสำเร็จแล้ว.....
ถ้าจิตใจของคุณเชื่อในการชำระล้างบาปชั่วนิรันดร์ คุณก็คือผู้ชอบธรรมในพระนามของพระองค์
พระเจ้าทอดพระเนตรมาที่จิตใจของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งต่างๆที่มนุษย์พยายามสร้าง....
พระเจ้าอยู่ข้างคุณ...
______________________________


ข้าแต่พระเจ้า
ขอพระองค์ทำให้เขาเดินในทางสว่าง ให้เขาเห็นในทางที่ถูกต้อง
ขอให้แสงสว่างเกิดขึ้นในแผ่นดิน(จิตใจของเขา)
ขอพระองค์ทรงนำทาง
อธิฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์...
tan
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 13, 2008 8:47 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 10:55 am

ครับ  ::011:: พระอยู่ที่ใจนะ แต่ถ้าอยากจะเป็น ตอบปัญหาดั่งนี้นะ
1 เปลี่ยนทำไม  ::010::
2 เปลี่ยนเพื่อใคร ::010::
3 เปลี่ยนเพราะรักพระ  หรือเพราะอะไร ::013::
4 พร้อมรึยังนะจิตใจเรา ::015::
5 เชื่อ รัก ศรัทธา  มั่นคง  ขนาดไหน : xemo026 :
  :angel:ผมเองก็อายู่ 21นะ ครับเป็นคริสตังยืน ก้เคยเจอปัญญหาแบบเดียวกันนะ  ที่ผมทำคือ  ไปโบสถ์ไปร่วมมิสซา ไปหาคุณพ่อ สวดสายประคำ(มียังไม่มีจะส่งไปให้เอาที่อยู่มาดิ) ทบทวนตนเอง  ปฎิบัติตนเป็นคริสชน พูดคุยเล่าเรื่องราวของกิจกรรมที่เราทำให่ท่านฟัง แรกๆอดทนหน่อย ทำตัวดีๆด้วย  ไปเรียนคำสอนพรางๆก็ได้ครับเราต้องเข้าหานะ
และสุดท้ายเชื่อในแผนการพระเจ้า อดทน รอคอย แต่อย่าทิ้งความพยายาม พระเรียกคุณแล้ว แต่เป็นช่วงลองใจก็ว่าได้นะ
      ว่างๆเมวมาคุญกันได้tan-seta@hotmail.com  พระอวยพระพรครับ (ใจกล้าๆด้วย  สู้ๆนะครับ)  : xemo017 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 11:21 am

Kongtap เขียน: คุณมองว่าการเป็นคริสต์คืออะไร.....คือการได้ล้างบาป การได้ไปโบสถ์ร่วมพิธีกรรมต่างๆมากมาย การได้ห้อยกางเขนสวยๆ...(หรือเปล่า)

จริงๆแล้ว
สิ่งเหล่านี้มันมากมายเกินไป และไม่จำเป็น....
ศาสนา ก็คือ ใบมะกอก
เกิดขึ้นหลังจากที่อีฟอาดัมกินผลไม้ ขัดคำสั่งพระองค์ไปเชื่อตัวเองและมารซาตาน เขาทั้งสองที่แต่ก่อนเคยเปลือยเปล่า(กายใจ) กลับต้องหาใบมะกอกมาปกปิด....
ในกรอบของศาสนาก็คือการที่เราจะต้องทำดี ทำตามบัญญัติมากมาย ทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปกปิดความเป็นตัวเรา
แต่จริงๆแล้วพระเจ้าต้องการอะไร...พระเจ้าไม่ต้องการอะไรใหญ่โต เพราะทุกสิ่งในโลกมันก็เล็กน้อยมากกับพระองค์
และที่สำคัญ....พระเจ้ารู้จักจิตใจของเราดีที่สุด....
เชื่อพระ เป็นคริสต์โดยไม่ได้ล้างบาป ตามความคิดของตัวเองนะคะ เหมือนแต่งงานแบบอยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่เข้าพิธีน่ะค่ะ  ::001:: ถามว่า สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ไหน ก็คงอยู่ที่สองคนนั้นรักกันจริง แต่มันมีหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น เราอาจมองว่า มันเป็นแค่พิธี แต่ในด้านจิตวิญญาณมันเป็นมากกว่านั้นนะคะ เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มี หรือไม่สำคัญ  ::001::

ศีลล้างบาป เปลี่ยนเราในระดับวิญญาณนะคะ ไม่ใช่ระดับจิตใจ มันพูดยาก เรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช้จะเห็นกันแบบจะๆ ขึ้นกับประสบการณ์  ::001::

ที่ตัวเองเห็นและเชื่อในศีลล้างบาปมากๆ ก็เพราะคนที่ดึงให้เข้าวัดครั้งแรกคือ คริสตังนอนที่ปฎิเสธพระเจ้าโดยสิ้นเชิง (เรียกได้ว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ศีลล้างบาปที่ติดตัวมา ... เค้าเป็นคนดีนะคะ แต่เค้าไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีจริง)  เค้าบอกเราว่า พระเจ้าไม่มีจริง ศาสนาเป็นสิ่งสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง  ::001::  แต่ระหว่างที่เค้าพูดกับเรา เรากลับเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในคนอื่น มันมีอะไรบางอย่างที่มาสัมผัส ยิ่งเค้าบอกว่า พระเจ้าไม่มีจริงมากเท่าไหร่ ใจเราก็ร้อนรนมากขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงดูด และจากนั้นก็เริ่มไปวัดคาทอลิกตั้งแต่นั้นมา  ::001::

เมื่อรับศีลล้างบาป วิญญาณคุณจะไม่เหมือนคนอื่นนะคะ คุณจะมีตราประทับของพระองค์ วิญญาณคุณจะเปลี่ยน  ::001::  เปลี่ยนแบบไม่รู้ตัว  ::001::

พระอวยพรนะคะ  ::001::
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 12:15 pm

อายุอานามของเจ้าของกระทู้ ไม่ใช่น้อยแล้ว น่าจะตัดสินใจเองได้แล้ว

แต่ก่อนอื่นให้พิจารณาคำแนะนำของพี่ๆเพื่อนๆ ที่แนะนำไปแล้ว เลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง

สำหรับความเห็นของเจี๊ยบ สิ่งที่คุณน่าจะทำก่อนที่จะไปถามพ่อแม่ คือ

1.เข้าวัด (คาทอลิก) เข้าโบสถ์(คริสเตียน) ที่ใกล้บ้าน หรือที่สะดวก

2.เรียนคำสอน (หลักข้อเชื่อ) เพื่อให้รู้ว่าตัวเองเชื่ออะไร หรือทำไมเราเชื่อเรื่องพระเจ้า

3.ไปมิสซา หรือนมัสการสม่ำเสมอ จนเติบโตในความเชื่อ

4.ล้างบาป (รับติสมา) เป็นสมาชิกของวัด/ของโบสถ์

5.แล้วค่อยๆเปิดเผยกับครอบครัว และบอกเขาว่า ทำไมพี่จึงตัดสินใจ เป็นผู้ติดตามพระเยซูคริสต์

6.การมีชีวิตที่อ่าน พระคัมภีร์ การภาวนา พระเจ้าจะทรงเปิดเผยให้เอง
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 1:39 pm

~Holy Maiden Nerine~ เขียน: ทำมาหมดและคะ   เหลืออย่างเดียวคุยกับบาทหลวง  ยังไม่กล้าพออะคะ   ไม่รุ้เปนไง  เหนบาทหลวง แล้วกลัวอะคะ - -
ลองด้อม ๆ มอง ๆ ดู บาทหลวงที่ท่าทางใจดี แล้วรู้สึกถูกชะตา แล้วลองเข้าไปคุยพร้อมกับเพื่อนที่เป็นคาทอลิกซิคะ แล้วค่อยแนะนำตัวเองให้บาทหลวงรู้จัก แล้วจึงค่อย ๆ คุยปรึกษาและเล่าเรื่องเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ให้บาทหลวงเขาฟัง เผื่อบาทหลวงท่านจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้ ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ท่านไม่โดดกัดคุณหรอก รับรองด้วยเกียรติเนตรนารีเลยค่ะ
ไม่เชื่อให้เตะก้น 2 ทีซิเอ้า ...  : xemo029 :

แล้วจะร่วมสวดภาวนาให้เหมือนกับพี่ ๆ คนอื่น ๆ เขานะคะ ... จะสวดให้เป็นพิเศษเลย  ::017::

ขอพระอวยพรค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 9:02 pm

ขอบคุณสำหรับ ข้อความกับ แรงภาวนานะคะ

ถึงเราจะ 21 แต่ เราก็ยังเป็นลูกเล็กๆของแม่อยู่ดี ใช่ไหมคะ :emotion_057:

เรากลัวที่จะทำให้เเม่เสียใจคะ  แม่บนโลกมีอยู่คนเดียวนะคะ ทำอะไรก็เห็นหัวท่านบ้าง ท่านอุส่าห์แบกท้องออกเรามา จริงไหมคะ :emotion_057:

การที่เราจะไปตัดสินใจทำอะไรเองเลยนั้น  สำหรับเรา เป็นไปไม่ได้คะ

ช่วงนี้ก็ ได้แต่ คอย พูด ตะล่อมๆไปเรื่อยๆ

จะพยายามคะ  :grin:
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 9:40 pm

ผมขอรอดด้วยพระคุณความเชื่อก็พอแล้วครับ  :angel:
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 10:44 pm

wowowow เขียน: ผมขอรอดด้วยพระคุณความเชื่อก็พอแล้วครับ  :angel:
แต่ต้องมีการปฏิบัติด้วยครับ

แถลงไข คุณรู้ว่ารอดโดยพระคุณและความเชื่อ ต้องอธิบายว่า พระคุณของใคร และเชื่ออะไร ด้วย

นอกจากนั้น ก็ต้องมีการปฏิบัติ เช่น ต้องร่วมมิสซา/นมัสการ ต้องล้างบาป(รับบัพติสมา) ต้องดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซู เป็นต้น :cheesy:
Kongtap
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 10, 2008 10:48 am

อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 11:21 am

Buddy เขียน:
Kongtap เขียน: คุณมองว่าการเป็นคริสต์คืออะไร.....คือการได้ล้างบาป การได้ไปโบสถ์ร่วมพิธีกรรมต่างๆมากมาย การได้ห้อยกางเขนสวยๆ...(หรือเปล่า)

จริงๆแล้ว
สิ่งเหล่านี้มันมากมายเกินไป และไม่จำเป็น....
ศาสนา ก็คือ ใบมะกอก
เกิดขึ้นหลังจากที่อีฟอาดัมกินผลไม้ ขัดคำสั่งพระองค์ไปเชื่อตัวเองและมารซาตาน เขาทั้งสองที่แต่ก่อนเคยเปลือยเปล่า(กายใจ) กลับต้องหาใบมะกอกมาปกปิด....
ในกรอบของศาสนาก็คือการที่เราจะต้องทำดี ทำตามบัญญัติมากมาย ทำตามกฏเกณฑ์ต่างๆ เพื่อปกปิดความเป็นตัวเรา
แต่จริงๆแล้วพระเจ้าต้องการอะไร...พระเจ้าไม่ต้องการอะไรใหญ่โต เพราะทุกสิ่งในโลกมันก็เล็กน้อยมากกับพระองค์
และที่สำคัญ....พระเจ้ารู้จักจิตใจของเราดีที่สุด....
เชื่อพระ เป็นคริสต์โดยไม่ได้ล้างบาป ตามความคิดของตัวเองนะคะ เหมือนแต่งงานแบบอยู่ด้วยกันเฉยๆ โดยไม่เข้าพิธีน่ะค่ะ  ::001:: ถามว่า สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ไหน ก็คงอยู่ที่สองคนนั้นรักกันจริง แต่มันมีหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น เราอาจมองว่า มันเป็นแค่พิธี แต่ในด้านจิตวิญญาณมันเป็นมากกว่านั้นนะคะ เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่า ไม่มี หรือไม่สำคัญ  ::001::

ศีลล้างบาป เปลี่ยนเราในระดับวิญญาณนะคะ ไม่ใช่ระดับจิตใจ มันพูดยาก เรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช้จะเห็นกันแบบจะๆ ขึ้นกับประสบการณ์  ::001::

ที่ตัวเองเห็นและเชื่อในศีลล้างบาปมากๆ ก็เพราะคนที่ดึงให้เข้าวัดครั้งแรกคือ คริสตังนอนที่ปฎิเสธพระเจ้าโดยสิ้นเชิง (เรียกได้ว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ศีลล้างบาปที่ติดตัวมา ... เค้าเป็นคนดีนะคะ แต่เค้าไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีจริง)  เค้าบอกเราว่า พระเจ้าไม่มีจริง ศาสนาเป็นสิ่งสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง  ::001::  แต่ระหว่างที่เค้าพูดกับเรา เรากลับเห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นในคนอื่น มันมีอะไรบางอย่างที่มาสัมผัส ยิ่งเค้าบอกว่า พระเจ้าไม่มีจริงมากเท่าไหร่ ใจเราก็ร้อนรนมากขึ้น รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงดูด และจากนั้นก็เริ่มไปวัดคาทอลิกตั้งแต่นั้นมา  ::001::

เมื่อรับศีลล้างบาป วิญญาณคุณจะไม่เหมือนคนอื่นนะคะ คุณจะมีตราประทับของพระองค์ วิญญาณคุณจะเปลี่ยน  ::001::  เปลี่ยนแบบไม่รู้ตัว  ::001::

พระอวยพรนะคะ  ::001::
ใช่ครับ ผมก็ว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญ....

แต่สมมติ ถ้าคนสองคนนั้นรักกันมากๆ เขากำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน แต่มีเหตุให้เขาทั้งสองแต่งงานไม่ได้ มันหมายความว่า เขาทั้งสองจะไม่สามารถใช้ชีวิตความรักได้งั้นหรือ หรือถ้ามุ่งแต่จะแต่งงานกัน แต่วันนึงก็เลิกกัน แล้วการแต่งงานมันจะมีประโยชน์อะไร.....
พิธีแต่งงาน มันเทียบได้มั้ย กับจิตใจที่เขาทั้งสองคนรักกัน.....
เรื่องนี้ก็คงไม่ต่างกับพิธีล้างบาป...

วันคริสมาสคือวันที่พระเยซูบังเกิดมาบนแผ่นดิน......พระคัมภีร์พูดเปรียบแผ่นดินในฐานะจิตใจของมนุษย์....
ดังนั้นทุกคนที่ได้เห็นพระเยซู พระเยซูเกิดขึ้นในจิตใจของเขา เขาก็จะได้เฉลิมฉลองงานวันคริสมาสต์ในจิตใจของเขา
เมื่อวันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน เขาได้เชื่อในพระโลหิตของพระองค์ ได้เชื่อถึงการชำระล้างบาปชั่วนิรันดร์ของพระองค์ ได้เชื่อถึงกิจการที่สำเร็จแล้วของพระองค์
วันนั้นเขาก็เป็นคริสเตียนเต็มตัว เขาจะได้รับความรอด ได้เป็นผู้ชอบธรรมในพระองค์
ถ้าจิตใจของเขาเต็มไปด้วยจิตใจของพระเยซู เต็มไปด้วยความเชื่อในพระองค์ แต่เขาไม่สามารถอยู่ในฐานะที่จะล้างบาปได้
พระเจ้าจะทอดทิ้งเขาหรือ...เขาจะไม่ได้รับความรอดใช่มั้ย....
ไม่เลย....พระเจ้าไม่ทอดทิ้งคนที่พระเจ้าสร้างความสว่างในแผ่นดินของเขา.....

ผมอยากให้คุณเจ้าของกระทู้
ลองวาดรูปหัวใจของตัวเอง แล้วลองจินตนาการดูว่า คุณจะสามารถวาดรูปอะไรใส่อะไรเข้าไป แล้วทำให้หัวใจของคุณไม่มีที่ว่าง
คุณอาจจะกำลังวาดรูปวงกลมเล็กๆๆๆๆๆๆๆๆ ให้เต็ม
แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีทางเต็มได้หรอก

รูปเดียวที่จะสามารถวาดใส่เข้าไป แล้วไม่เหลือที่ว่างในหัวใจนั้นก็คือ รูปหัวใจขนาดเท่าหัวใจของคุณเอง......

(และให้หัวใจนั้น เป็นของพระเยซูเถิด....)

คุณลองถามตัวคุณเองว่า.....พระเยซูเติมเต็มจิตใจของคุณแล้วหรือยัง....คุณเชื่อพระองค์แล้วหรือยัง.....
ถ้าคุณเชื่อถึงกิจการอันก่อเกิดความชอบธรรมนั้นแล้ว....คุณเป็นอิสระ คุณเป็นคริสเตียน

แล้วเรื่องอื่นนั้น....ให้เป็นเรื่องของทีหลัง ให้พระเจ้านำทาง.....


คงเหมือนกับพิธีแต่งงาน ที่คนทั้งสองต้องรักกันก่อน ส่วนการแต่งงานนั้นให้มันเป็นไปตามทางของมัน

ตอนนี้ให้คุณเชื่อในพระองค์ ไม่ใช่มองในเรื่องเปลืองนอกอย่างเดียว.....แล้วพระเจ้าจะนำทางคุณไปเอง.......

****ผมไม่ได้บอกนะว่า พิธีการล้างหรือพิธีกรรม ไม่สำคัญ
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือจิตใจ เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรที่สิ่งนี้นั่นแหละ......
ให้คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคด เรียนคำสอน ท่องจำได้หมด แล้วบอกบาทหลวงว่าคุณเชื่อ แต่พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นจิตใจของคุณว่าจริงๆแล้ว คุณก็ยังไม่ได้ลึกซึ้งกับมันเท่าไหร่.....



ขอพระเจ้าอวยพรครับ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 12:27 pm

Kongtap เขียน:
****ผมไม่ได้บอกนะว่า พิธีการล้างหรือพิธีกรรม ไม่สำคัญ
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือจิตใจ เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรที่สิ่งนี้นั่นแหละ......
ให้คุณเป็นคนหน้าซื่อใจคด เรียนคำสอน ท่องจำได้หมด แล้วบอกบาทหลวงว่าคุณเชื่อ แต่พระเจ้าทอดพระเนตรเห็นจิตใจของคุณว่าจริงๆแล้ว คุณก็ยังไม่ได้ลึกซึ้งกับมันเท่าไหร่.....

ขอพระเจ้าอวยพรครับ
ใช่นะคะ แต่อย่าลืมว่า พระรักเรา มากกว่าที่เราจะรักพระองค์ได้นะ  ::001::

ความเห็นส่วนตัวนะคะ  คนที่เป็นคริสต์ใหม่ๆ การให้ความรักกับพระองค์ พยายามรักพระองค์ให้มากเท่าที่จะทำได้ เป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่จะทำให้ก้าวหน้าในความสัมพันธ์ และให้เราได้เห็นพระเป็นเจ้าในชีวิตเราได้ดี คือ การยอมให้พระองค์แสดงความรักของพระองค์ให้เราได้เห็น และการได้เห็นความรักอย่างไม่มีเงื่อนไขของพระองค์  ::001:: ประสบการณ์นี้เป็นสิ่งจำเป็นนะคะ และการที่เราจะเห็นได้นั้น ส่วนมากมักมาจากความบกพร่องของเรา ไม่ใช่ความสมบูรณ์ ไม่ได้สอนให้ทำตัวเลว เพื่อให้เห็นความรักพระนะคะ ทำตัวปกตินี่แหละ ข้อบกพร่องก็ไม่ต้องไปหาเพิ่มที่ไหน มีอยู่แล้วใจตัว  ::001::

เรื่องล้างบาป คิดว่า คงไม่มีใครหลอกคุณพ่อได้หรอกค่ะ นอกซะจากว่า พ่อยอมให้หลอก เพื่อให้เห็นความรัก ความเมตตาของพระ  ::001::

หลายครั้ง เราไม่ได้หลอกนะ แต่เราคิดว่า เราเชื่อ เราศรัทธานะ แต่คุณพ่อจะดูออกว่า มันยังไม่ใช่นะ ต้องอีกนิด  ::001::

ขออนุญาตถามได้มั้ยคะ สะดวกหรือไม่สะดวกที่จะเล่า ก็ไม่เป็นไรนะคะ  ::001:: ทำไมถึงเปลี่ยนใจไม่ล้างบาปคะ หรือว่า ไปเข้าโบสถ์โปรฯแทน  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
แบกะดิน
โพสต์: 1085
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 7:49 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 7:44 pm

หัวอกเดียวกัน
แต่ตอนนี้เราล้างบาปแล้วเมื่อต้นปีนี้เอง
กว่าจะผ่านมาได้ ก็แทบแย่เหมือนกัน
ต้องภาวนาเยอะๆๆน้ะค้ะ พระฟังเราอยู่แล้วว

ไม่มีสิ่งใดที่พระเยซูจะทำให้เราไม่ได้และสิ่งนั้นต้องไม่ขัดตามน้ำพระทัย

(ตอนนี้ตระกูลเรามีครบทุกศาสนา พุทธ จีน คริสเตียน คริสตัง อิสลาม )
Dis volentibus

อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 8:36 pm

ข้าน้อยเอง ช่วงเวลาที่เรียนคำสอนอยู่ก็ไม่ได้บอกทางครอบครัวไปตรงๆ ว่าจะ" เปลี่ยนศาสนา" อ่าค่ะ
เพราะคิดว่า ถ้าพูดไปเเบบหักมุมเลยอาจจะเกิดอาการต่อต้าน
เลยใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ทยอยเอาหนังสือศาสนาเข้าบ้านบ้าง ค่อยๆเอากางเขนไปไว้ในบ้านบ้าง
ข้าพเจ้าใช้เวลาเกือบ 2 ปี เเต่เป็น 2 ปีที่อยู่อย่างมีความสุขเเม้จะถูกพจญในบางเวลา  :grin:

จริงๆเเล้วการที่ผู้ใหญ่ในบ้านพยายามไม่อยากให้ลูกหลานเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ก็อาจจะเพราะพวกท่าน"เป็นห่วง"
เกรงว่า จะไปนับถืออะไรที่ผิดๆ สอนให้ทำไม่ดี เเละบางที สอนให้เกลียดพ่อเเม่ (อันนี้หลายๆท่านชอบนำมาอ้าง)
ดังนั้น เราจึงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ แก้ไขนิสัยเสียหลายๆอย่างในตัวเรา เเล้วในที่สุด ผู้ใหญ่อาจจะยอมรับว่า
"การนับถือคริสต์ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกท่านคิด"

เชื่อว่า ซักวันหนึ่งหากเป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็จะได้ประกาศยืนยันความเชื่อต่อหน้าครอบครัว
ของข้าพเจ้าก็คือ ก่อนล้างบาป (เพราะตามธรรมเนียมคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นต้องขออนุญาตจากครอบครัว เป็นความท้าทายอย่างเเรง)
ถึงได้มีโอกาสบอกกับคุณเเม่ คุยกันดีๆ เเล้วก็ผ่านไปด้วยดี ทั้งๆที่ ไม่น่าจะผ่าน (ขอขอบพระคุณพระเจ้า)

เเต่ สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ พยายามอย่าทำตัวเเปลกเเยก
เช่น ถ้ามีงานของพี่น้องต่างศาสนา หากเราช่วยอะไรได้ ก็ช่วย เเต่พยายามอย่าให้ขัดความเชื่อของเรา (ไหว้พระ รูปเคารพฯลฯ)
ไม่ใช่ว่า งานไหว้เจ้า ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป งานศพเเบบพุทธ ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป อันนี้ก็เกินไปค่า

ที่สำคัญ ต้องอดทน หมั่นสวดภาวนา จนกว่าจะถึงเวลานั้น  : emo027 :

ขอพระเจ้าอวยพรเจ้าของกระทู้ เเละพี่น้องที่ประสบปัญหาเดียวกันทุกท่าน  : emo038 : : emo038 : : emo038 : สู้ๆค่า
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 10:33 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Kongtap
โพสต์: 8
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 10, 2008 10:48 am

อาทิตย์ ธ.ค. 14, 2008 11:51 pm

Buddy เขียน:
Kongtap เขียน:
::001:: ทำไมถึงเปลี่ยนใจไม่ล้างบาปคะ หรือว่า ไปเข้าโบสถ์โปรฯแทน  ::001::
อันนี้หลังไมค์ได้มั้ยอ่า.....


แต่พูดเปรยๆไว้ว่า.....

จิตใจของผมเป็นอิสระได้ก็เพราะผมได้รู้ความจริงที่เป็นความจริงแท้

เด๋วแอดเมล์คุยกันที่หลังดีกว่า
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

จันทร์ ธ.ค. 15, 2008 5:14 am

Kongtap เขียน:
Buddy เขียน:
Kongtap เขียน:
::001:: ทำไมถึงเปลี่ยนใจไม่ล้างบาปคะ หรือว่า ไปเข้าโบสถ์โปรฯแทน  ::001::
อันนี้หลังไมค์ได้มั้ยอ่า.....


แต่พูดเปรยๆไว้ว่า.....

จิตใจของผมเป็นอิสระได้ก็เพราะผมได้รู้ความจริงที่เป็นความจริงแท้

เด๋วแอดเมล์คุยกันที่หลังดีกว่า
ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น ถามเฉยๆ แต่ถ้าอยากเล่า ก็ IM มาก็ได้ค่ะ  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ธ.ค. 16, 2008 8:07 am

†Ecclēsia เขียน: ข้าน้อยเอง ช่วงเวลาที่เรียนคำสอนอยู่ก็ไม่ได้บอกทางครอบครัวไปตรงๆ ว่าจะ" เปลี่ยนศาสนา" อ่าค่ะ
เพราะคิดว่า ถ้าพูดไปเเบบหักมุมเลยอาจจะเกิดอาการต่อต้าน
เลยใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป ทยอยเอาหนังสือศาสนาเข้าบ้านบ้าง ค่อยๆเอากางเขนไปไว้ในบ้านบ้าง
ข้าพเจ้าใช้เวลาเกือบ 2 ปี เเต่เป็น 2 ปีที่อยู่อย่างมีความสุขเเม้จะถูกพจญในบางเวลา  :grin:

จริงๆเเล้วการที่ผู้ใหญ่ในบ้านพยายามไม่อยากให้ลูกหลานเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น ก็อาจจะเพราะพวกท่าน"เป็นห่วง"
เกรงว่า จะไปนับถืออะไรที่ผิดๆ สอนให้ทำไม่ดี เเละบางที สอนให้เกลียดพ่อเเม่ (อันนี้หลายๆท่านชอบนำมาอ้าง)
ดังนั้น เราจึงต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำ แก้ไขนิสัยเสียหลายๆอย่างในตัวเรา เเล้วในที่สุด ผู้ใหญ่อาจจะยอมรับว่า
"การนับถือคริสต์ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่พวกท่านคิด"

เชื่อว่า ซักวันหนึ่งหากเป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็จะได้ประกาศยืนยันความเชื่อต่อหน้าครอบครัว
ของข้าพเจ้าก็คือ ก่อนล้างบาป (เพราะตามธรรมเนียมคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นต้องขออนุญาตจากครอบครัว เป็นความท้าทายอย่างเเรง)
ถึงได้มีโอกาสบอกกับคุณเเม่ คุยกันดีๆ เเล้วก็ผ่านไปด้วยดี ทั้งๆที่ ไม่น่าจะผ่าน (ขอขอบพระคุณพระเจ้า)

เเต่ สิ่งที่ต้องคำนึงก็คือ พยายามอย่าทำตัวเเปลกเเยก
เช่น ถ้ามีงานของพี่น้องต่างศาสนา หากเราช่วยอะไรได้ ก็ช่วย เเต่พยายามอย่าให้ขัดความเชื่อของเรา (ไหว้พระ รูปเคารพฯลฯ)
ไม่ใช่ว่า งานไหว้เจ้า ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป งานศพเเบบพุทธ ไม่เกี่ยวกับคริสต์ ใครชวนก็ไม่ไป อันนี้ก็เกินไปค่า

ที่สำคัญ ต้องอดทน หมั่นสวดภาวนา จนกว่าจะถึงเวลานั้น  : emo027 :

ขอพระเจ้าอวยพรเจ้าของกระทู้ เเละพี่น้องที่ประสบปัญหาเดียวกันทุกท่าน  : emo038 : : emo038 : : emo038 : สู้ๆค่า
ได้อีก
ตอบกลับโพส