ผมไม่ชอบการทะเลาะ
เล่าเลยนะครับ
วันนี้ผมทั้งทำการบ้านอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทำไปเรื่อยๆ เพื่อนอีกคนหนึ่งชนแขนเพื่อนอีกคนหนึ่ง แล้วเพื่อนที่โดนชนก็ไปดุอีกคนที่ทำ คนที่ทำก็ไม่พอใจทะเลาะไปทะเลาะมาซะดังลั่นไปฝั่งแม้น้ำเจ้าพระยา แล้วคนที่ทำก็ออกไปที่อื่นหน้าตาแบบไม่สบอารมณ์ ผมก็จับคนที่โดนชนแขนมาเทศน์ต่างๆนาๆ บอกว่าจะทะเลาะกันไปทำไมนักหนาทะเลาะกันอยู่นั่นไม่เคยมีสันติภาพฯลฯ ฯลฯๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เข้าก็ฟังมั่ง ไม่ฟังมั่งหันไปคุยกะอีกคนมั่ง พอใกล้ๆจะกลับบ้าน ผมเห็นคนที่ทำยื่นอยู่ก็เข้าไปทักว่ามีอะไรติดผมอยู่ เข้าหันมา ตานี่จิกเข้าไปเส้นประสาทส่วนกลางและส่วนปลายเลย แล้วก็ไปด้วยอารมณ์แบบโมโห โทสะล้วนๆ ยังกะผมไปฆ่าพ่อแม่เค้ามายังไงยังงั้น ผมก็งงสิผมไปทำอะไรให้เมื่อไหร่ แต่จะสืบเรื่องงสืบราวได้ว่า มันโมโหไอ้เพื่อนที่ไปชนแขนมันคงคิดว่าผมเล่นกับคนที่โดนชนมันก็เลยไม่เล่นกะผม แล้วมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย เค้าสองคนทะเลาะกันบ่อยมากแล้วแต่ละครั้ง(ไม่รู้จะทะเลาะอะไรหนักหนา)
ตอนนั้นเขาก็ทะเลาะกัน แล้วก็คือคนที่ไปชนแขนน่ะ เขาเป็นคนที่อยากเป็นคริสต์เหมือนผม และก็เป็นคนที่ผมมาขอของที่เว็บหลายๆอย่างให้บ่อยๆ พอเค้าทะเลาะกันตอนนั้น เขาเอาของทุกอย่างมาคืนผม และผมเกี่ยวไรอีกและ ผมคนเดียวไม่พอพาลไปหาพระเจ้าอีก โกรธเพื่อนแต่ทิ้งพระงั้นหรอ ไม่ไหวจริงๆ ทิ้งพระง่ายๆเพราะโทสะของตน ความโกรธเคืองนี่มันครอบงำคนไปทั่วจริงๆเห็นแล้วรำคาญสุดๆ น่าเบื่อ แล้วตอนนี้ก็ทะเลาะอีก โอ้ย คนที่เป็นทุกข์ก็ไม่ใช่ทั้งสองคนนั่นแต่เป็นผมซะงั้นทุกครั้งไป หนักสมองทั้งสองข้างจริงๆ ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน อะไรนิอะไรหน่อยก็ไม่รู้รักวางตัวให้อภัย ถืออุดมคติไม่แคร์กันอยู่นั่นแหละ อยู่กันแค่นี้อยู่ไม่ได้ไม่อายฝูงวัวฝูงควายที่มันอยู่กันอาจดีจะกว่าอีก
ตัวผมนี่น้ะยังถือคติว่า ต่อให้เขาเอามีดมาแทง>> ก็ไม่โกรธ<< ไม่รู้จะมาบ่นอะไรให้เขาอีกแหละเพราะคำจะบ่นมีล้นฟ้า ก็ไม่รู้จะทำไงทำดีทำกันไม่ได้ ขอพระเจ้าเมตตาเค้า ช่วยสวดให้พวกเค้าเยอะๆน่ะครับ
วันนี้ผมทั้งทำการบ้านอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทำไปเรื่อยๆ เพื่อนอีกคนหนึ่งชนแขนเพื่อนอีกคนหนึ่ง แล้วเพื่อนที่โดนชนก็ไปดุอีกคนที่ทำ คนที่ทำก็ไม่พอใจทะเลาะไปทะเลาะมาซะดังลั่นไปฝั่งแม้น้ำเจ้าพระยา แล้วคนที่ทำก็ออกไปที่อื่นหน้าตาแบบไม่สบอารมณ์ ผมก็จับคนที่โดนชนแขนมาเทศน์ต่างๆนาๆ บอกว่าจะทะเลาะกันไปทำไมนักหนาทะเลาะกันอยู่นั่นไม่เคยมีสันติภาพฯลฯ ฯลฯๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เข้าก็ฟังมั่ง ไม่ฟังมั่งหันไปคุยกะอีกคนมั่ง พอใกล้ๆจะกลับบ้าน ผมเห็นคนที่ทำยื่นอยู่ก็เข้าไปทักว่ามีอะไรติดผมอยู่ เข้าหันมา ตานี่จิกเข้าไปเส้นประสาทส่วนกลางและส่วนปลายเลย แล้วก็ไปด้วยอารมณ์แบบโมโห โทสะล้วนๆ ยังกะผมไปฆ่าพ่อแม่เค้ามายังไงยังงั้น ผมก็งงสิผมไปทำอะไรให้เมื่อไหร่ แต่จะสืบเรื่องงสืบราวได้ว่า มันโมโหไอ้เพื่อนที่ไปชนแขนมันคงคิดว่าผมเล่นกับคนที่โดนชนมันก็เลยไม่เล่นกะผม แล้วมันเกี่ยวกันไหมเนี่ย เค้าสองคนทะเลาะกันบ่อยมากแล้วแต่ละครั้ง(ไม่รู้จะทะเลาะอะไรหนักหนา)
ตอนนั้นเขาก็ทะเลาะกัน แล้วก็คือคนที่ไปชนแขนน่ะ เขาเป็นคนที่อยากเป็นคริสต์เหมือนผม และก็เป็นคนที่ผมมาขอของที่เว็บหลายๆอย่างให้บ่อยๆ พอเค้าทะเลาะกันตอนนั้น เขาเอาของทุกอย่างมาคืนผม และผมเกี่ยวไรอีกและ ผมคนเดียวไม่พอพาลไปหาพระเจ้าอีก โกรธเพื่อนแต่ทิ้งพระงั้นหรอ ไม่ไหวจริงๆ ทิ้งพระง่ายๆเพราะโทสะของตน ความโกรธเคืองนี่มันครอบงำคนไปทั่วจริงๆเห็นแล้วรำคาญสุดๆ น่าเบื่อ แล้วตอนนี้ก็ทะเลาะอีก โอ้ย คนที่เป็นทุกข์ก็ไม่ใช่ทั้งสองคนนั่นแต่เป็นผมซะงั้นทุกครั้งไป หนักสมองทั้งสองข้างจริงๆ ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน อะไรนิอะไรหน่อยก็ไม่รู้รักวางตัวให้อภัย ถืออุดมคติไม่แคร์กันอยู่นั่นแหละ อยู่กันแค่นี้อยู่ไม่ได้ไม่อายฝูงวัวฝูงควายที่มันอยู่กันอาจดีจะกว่าอีก
ตัวผมนี่น้ะยังถือคติว่า ต่อให้เขาเอามีดมาแทง>> ก็ไม่โกรธ<< ไม่รู้จะมาบ่นอะไรให้เขาอีกแหละเพราะคำจะบ่นมีล้นฟ้า ก็ไม่รู้จะทำไงทำดีทำกันไม่ได้ ขอพระเจ้าเมตตาเค้า ช่วยสวดให้พวกเค้าเยอะๆน่ะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย sunofgod เมื่อ อังคาร ธ.ค. 18, 2012 7:30 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
...เวลานั้น เพื่อนน่าจะขอโทษกันตรงนั้นเลย เพราะเราไม่ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ เพื่อนคงยินดีให้อภัย....
ลูก sun ไม่ต้องซีเรียสเพื่อนมาก ให้เวลาเพื่อนหน่อยเดี๋ยวเพื่อนก็หายโมโห....
วันรุ่นใจร้อน ..พยายามปรับตัวหน่อย รักกันไว้เถิด มีความรักสามัคคีกันใครก็ทำอะไรเราไม่ได้..
ลูก sun ไม่ต้องซีเรียสเพื่อนมาก ให้เวลาเพื่อนหน่อยเดี๋ยวเพื่อนก็หายโมโห....
วันรุ่นใจร้อน ..พยายามปรับตัวหน่อย รักกันไว้เถิด มีความรักสามัคคีกันใครก็ทำอะไรเราไม่ได้..
ใช้ครับมาม๊า แต่เพื่อนทั้งสองคน พูดเป็นปากเดียวกันเลย ว่า ไม่แคร์ ไม่เห็นจะต้องทะเลาะกันเลย ทะเลาะกันเรื่องเด็กอนุบาลมากเลย >>เรื่องชนแขน<<rosa-lee เขียน:...เวลานั้น เพื่อนน่าจะขอโทษกันตรงนั้นเลย เพราะเราไม่ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ เพื่อนคงยินดีให้อภัย....
ลูก sun ไม่ต้องซีเรียสเพื่อนมาก ให้เวลาเพื่อนหน่อยเดี๋ยวเพื่อนก็หายโมโห....
วันรุ่นใจร้อน ..พยายามปรับตัวหน่อย รักกันไว้เถิด มีความรักสามัคคีกันใครก็ทำอะไรเราไม่ได้..
คนที่ชนแขนอีกคน ชื่อว่า วศิน คนที่โดนชนแล้วโมโห ชื่อว่า เชอรรี่ ผู้ชายกะผู้หญิงทะเลาะกัน
วันนี้คาบวิชานาฎศิลป์ ครูให้นักเรียนทุกๆๆคนออกมารำหน้าชั้นเรียน รำไปหลายคนจนถึงเชอร์รี่ซึ่งวศินนั่งอยู่ข้างหน้าผม พอเชอร์รี่รำปุ๊บ หน้าถอดสีเลยแบบแค้นฝังลึก จนถึงช่วงพัก วศินทะเลาะกับเชอร์รี่อีกโดยขุดเรื่องเดิมมาพูด ทะเลาะกันแบบสุดๆ ขอย้ำว่าทะเลาะกันหนักมากๆ จนเชอร์รี่ร้องไห้ วศินบอกว่ากูไม่แคร์ ก็มันทำยั่งงี้ก่อนอย่างงู้นก่อน ฯลฯ แล้วก็เก็บกระเป๋ากระแทกโต๊ะแรงๆ หน้าบึ้งทั้งชั่วโมง ส่วนเชอร์รี่ก็ร้องไห้นานเป็นชั่วโมงกว่าจะหยุด ทั้งคู่ยืนยัน นั่งยัน นอนยัง เป็นคำขาดว่าจะเป็นคู่แค้น เป็นศัตรูกันจนวันตาย แบบไม่ให้อภัย พระวาจาที่ผมพูดให้เชอร์รี่ฟังก็ไม่เคยจะซาบซึ้งเข้า ความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าของวศินก็ไม่เคยเจาะลึกถึงวิญญาณแห่งการเมตตา อภัย แล้ว วศินก็ไม่เล่นกับผมเพราะโกรธเพื่อน พวกเขาหาสันติภาพก็ไม่ได้เลยจิตใจไม่รู้จักแก่นแท้ อย่าดำรงชีวิตเป็นมนุษย์อย่างไม่เป็นมนุษย์...
ที่จะรักษาตนให้พ้นการวิวาทก็เป็นเกียรติ แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน สภษ 20:3
พระเยซูทรงสอนถึงความรักที่เราพึงมีต่อกันและกัน ว่าจะเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ให้ทุกคนรู้ ว่าท่านเป็นสาวกของพระองค์ (ยน 13:31-35) พระเยซูเจ้ายังสอนอีกว่า พวกเราจะต้องรักผู้อื่น
เหมือนที่ เรารักตัวของเราเอง และเราต้องจดจำไว้เสมอๆ ว่า พระเจ้าทรงรักเรา
“จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย” (ลก 6:27-32)
“ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย” (ลก 6:29)
พระเยซูเจ้าสอนเราในบทข้าแต่พระบิดาว่า “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” (มธ 6:12) หมายความว่า พระเจ้าให้อภัยเราก็ต่อเมื่อเรายอมให้อภัยผู้อื่น นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงสอนว่า “ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น” (มธ 5:23-24)
อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน... จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัดแล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง (ลก 6:37-42)
วันนี้คาบวิชานาฎศิลป์ ครูให้นักเรียนทุกๆๆคนออกมารำหน้าชั้นเรียน รำไปหลายคนจนถึงเชอร์รี่ซึ่งวศินนั่งอยู่ข้างหน้าผม พอเชอร์รี่รำปุ๊บ หน้าถอดสีเลยแบบแค้นฝังลึก จนถึงช่วงพัก วศินทะเลาะกับเชอร์รี่อีกโดยขุดเรื่องเดิมมาพูด ทะเลาะกันแบบสุดๆ ขอย้ำว่าทะเลาะกันหนักมากๆ จนเชอร์รี่ร้องไห้ วศินบอกว่ากูไม่แคร์ ก็มันทำยั่งงี้ก่อนอย่างงู้นก่อน ฯลฯ แล้วก็เก็บกระเป๋ากระแทกโต๊ะแรงๆ หน้าบึ้งทั้งชั่วโมง ส่วนเชอร์รี่ก็ร้องไห้นานเป็นชั่วโมงกว่าจะหยุด ทั้งคู่ยืนยัน นั่งยัน นอนยัง เป็นคำขาดว่าจะเป็นคู่แค้น เป็นศัตรูกันจนวันตาย แบบไม่ให้อภัย พระวาจาที่ผมพูดให้เชอร์รี่ฟังก็ไม่เคยจะซาบซึ้งเข้า ความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าของวศินก็ไม่เคยเจาะลึกถึงวิญญาณแห่งการเมตตา อภัย แล้ว วศินก็ไม่เล่นกับผมเพราะโกรธเพื่อน พวกเขาหาสันติภาพก็ไม่ได้เลยจิตใจไม่รู้จักแก่นแท้ อย่าดำรงชีวิตเป็นมนุษย์อย่างไม่เป็นมนุษย์...
ที่จะรักษาตนให้พ้นการวิวาทก็เป็นเกียรติ แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน สภษ 20:3
พระเยซูทรงสอนถึงความรักที่เราพึงมีต่อกันและกัน ว่าจะเป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ให้ทุกคนรู้ ว่าท่านเป็นสาวกของพระองค์ (ยน 13:31-35) พระเยซูเจ้ายังสอนอีกว่า พวกเราจะต้องรักผู้อื่น
เหมือนที่ เรารักตัวของเราเอง และเราต้องจดจำไว้เสมอๆ ว่า พระเจ้าทรงรักเรา
“จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย ผู้ใดเอาเสื้อคลุมของท่านไป จงปล่อยให้เขาเอาเสื้อยาวไปด้วย จงให้แก่ทุกคนที่ขอท่าน และอย่าทวงของของท่านคืนจากผู้ที่ได้แย่งไป ท่านอยากให้เขาทำต่อท่านอย่างไร ก็จงทำต่อเขาอย่างนั้นเถิด ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาด้วย” (ลก 6:27-32)
“ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย” (ลก 6:29)
พระเยซูเจ้าสอนเราในบทข้าแต่พระบิดาว่า “โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น” (มธ 6:12) หมายความว่า พระเจ้าให้อภัยเราก็ต่อเมื่อเรายอมให้อภัยผู้อื่น นอกจากนั้นพระองค์ยังทรงสอนว่า “ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น” (มธ 5:23-24)
อย่าตัดสินเขาแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงตัดสินท่าน อย่ากล่าวโทษเขา แล้วพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน... จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัดแล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง (ลก 6:37-42)
เคยมีน่ะผู้หญิงผู้ชายเทาะเลอะกันส่วนมากก็เป็นนงี้เเหละเเค้นจนวันตาย ขอให้ได้เเก้เเค้นทางไหนฉันก็ทำ สุดท้ายรู้ไหมเป็นไงสองคนนั้นตอนนี้กลายเป็นเเฟนกันเรียบร้อยค่ะ นึกเเล้วก็คำตาม เเต่ของพี่ซันคงไม่happyเท่าไหร สวดให้เค้ากลับใจเยอะๆละกัน
ใช่แล้วน้องเมจิ เขียน: เคยมีน่ะผู้หญิงผู้ชายเทาะเลอะกันส่วนมากก็เป็นนงี้เเหละเเค้นจนวันตาย ขอให้ได้เเก้เเค้นทางไหนฉันก็ทำ สุดท้ายรู้ไหมเป็นไงสองคนนั้นตอนนี้กลายเป็นเเฟนกันเรียบร้อยค่ะ นึกเเล้วก็คำตาม เเต่ของพี่ซันคงไม่happyเท่าไหร สวดให้เค้ากลับใจเยอะๆละกัน