@ คำพยานอัศจรรย์ของคุณพ่อซาเลเซียน ชาวฟิลิปปินส์ @
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พ่อเทศน์ที่วัดพระจิต วันที่ 26 กันยายน
วันนี้ได้มีคุณพ่อชาวฟิลิปปินส์ที่มาเป็นคุณพ่ออยู่ที่บ้านเณรแสงอรุณจังหวัดประจวบฯเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งได้มาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้าให้ฟัง
คุณพ่อองค์นี้เป็นคุณพ่อที่มาจากคณะเซเลเซียน ท่านมาอยู่ที่จ.ประจวบ อ.ทับสะแก สมัยที่คุณพ่อมานั้นที่ ๆ คุณพ่ออยู่ยังเป็นป่าและยังไม่มีวัดคาทอลิก และคุณพ่อองค์นี้เป็นผู้สร้างวัดที่นั่นด้วยตัวของท่านเอง เป็นเวลานับสิบปีที่คุณพ่ออุทิศหยาดเหงื่อแรงงานในการสร้างวัดขึ้นทั้งแบกอิฐแบกหินซึ่งสร้างด้วยมือล้วน ๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาจากการทำงานอย่างนั้น
หลายสิบปีต่อมา วันหนึ่งเนื่องจากว่าเกิดอาการปวดตามร่างกายคุณพ่อก็ได้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่โรงพยาบาลนั้นได้ทำกายภาพโดยการดึง ดึงหัว ดึงแขนดึงขา..จนทำให้คุณพ่อไม่สามารถเดินได้และมีอาการแบบคนที่เป็นโรคอัมพาต คุณพ่อจึงขอร้องให้ซิสเตอร์ช่วยพาคุณพ่อย้ายโรงพยาบาลโดยได้ย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ทางโรงพยาบาลได้จัดโปรแกรมให้คุณพ่อทำกายภาพบำบัดเหมือนคนป่วยท่านอื่น ๆ ระหว่างที่ทำการรักษาตัวนั้นคุณพ่อก็มีความทุกข์ใจมาก ๆ กับสุขภาพร่างกายของท่านเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ท่านสามารถเดินเหินทำงานทุกอย่างได้เป็นปรกติ
แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่สามารถเดินได้เลยซึ่งทำให้คุณพ่อมีความกังวลใจมากวัน ๆ ก็นอนมองเพดาน นอนไปก็รำพึงในใจกับพระองค์ว่าทำไมพระองค์ถึงทำกับพ่อแบบนี้? ทั้ง ๆที่เขาก็ถวายตัวมาเพื่อรับใช้พระองค์ ทั้งแบกอิฐแบกหินสร้างวัดขึ้นมา ทำทุก ๆ อย่างเพื่อพระองค์ แต่ทำไมพระเจ้าถึงทำให้พ่อต้องเดินไม่ได้แบบนี้? เวลาไปทำกายภาพบำบัด เมื่อคุณพ่อถามคนที่มาทำกายภาพในห้องนั้น แต่ละคนล้วนอยุ่ในสภาพนั้นมา 7 ปีบ้าง 15 ปีบ้าง เหล่านี้ล้วนแต่บั่นทอนกำลังใจของคุณพ่อ พ่อบอกว่าปีศาจมันอาศัยช่วงเวลาที่เราเจ็บป่วยล่อลวงเรา สร้างความปั่นป่วนในวิญญาณของเรา มีเสียงวนเวียนไปมาตลอดเวลาในหัวของพ่อว่า ทำเพื่อพระ แล้วสุดท้ายเป็นแบบนี้ พระไม่เห็นช่วยเลย บางครั้ง ที่คุณพ่อถูกโจมตีเข้ามาในความคิดว่า อยู่ชั้น24 กระโดดลงไปเลย แพลบเดียวจบ ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้
ระหว่างนั้น คุณพ่อจึงเข้าไปเฝ้าศีล รำพึงกับพระเยซูเจ้าในวัดน้อยที่ชั้น 24 คุณพ่อก็ถามพระเยซูในศีลมหาสนิทถึงความเจ็บป่วยของคุณพ่อ คล้ายจะตัดพ้อว่าท่านก็ทำงานให้พระองค์อย่างหนักมาหลาย 10 ปี สร้างโรงเรียน สร้างวัดมากมาย แต่ทำไมถึงได้รับการตอบแทนเช่นนี้
คุณพ่อก็ได้ยินเสียงตอบมาว่า
”ลูกอายุเท่าไหร่?”
คุณพ่อตกใจมากจึงตอบไปว่า 51 (อายุในตอนนั้น) พระเยซูเจ้าจึงถามคุณพ่ออีกว่า
”แล้วเราอายุเท่าไหร่”
คุณพ่อมองกางเขนแล้วนึกถึงว่าตอนที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนนั้น พระองค์มีอายุ 33 ปี พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า
“ทำไมถึงยังไม่ขอบคุณเรา เราให้ลูกมีอายุยืนมากกว่าเราอีก”
และคุณพ่อก็ได้ยินพระวาจาที่ทำให้คุณพ่อไม่มีวันลืมเลยจนทุกวันนี้ และเป็นพระวาจาที่คุณพ่อใช้ยึดเหนี่ยวมาตลอดชีวิต
“เราไม่ได้เจิมลูกเพื่อให้ลูกทำงาน
เราไม่ได้เจิมลูกมาเพื่อให้เป็นนักบริหาร
แต่เราเจิมลูกเพื่อให้ ลูกเป็นเรา “
เมื่อคุณพ่อได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ แล้วก็นึกมาคิดว่าถูกและจริงดังที่ได้ยิน พระองค์เจิมคุณพ่อเพื่อให้เป็นดั่งองค์พระเยซูเจ้า มาเป็นพระเยซูเจ้าเอง แล้วคุณพ่อก็ได้ยินเสียงพระองค์ว่า
"การที่ลูกจะเป็นเราได้ ต้องผ่านความทุกข์ยากเหมือนเรา เพื่อลูกจะได้เข้าใจ"
คุณพ่อก็มาคิดได้ว่า จริงด้วย คุณพ่อมีอายุยืนยาวมากกว่าพระเยซูเจ้าอีก ดีเท่าไหร่แล้วที่พระองค์ไม่ได้เรียกคุณพ่อตอนอายุเท่ากัน และเป็นความจริงอีกว่า ถ้าเราจะเป็นพระเยซู เราต้องผ่านความทุกข์เหมือนพระองค์ เมื่อได้ยินดังนั้นคุณพ่อก็เข้าใจ และน้อมรับสภาพความเจ็บป่วยของคุณพ่อ
พอวันรุ่งขึ้นเมื่อเวลาที่คุณพ่อต้องทำกายภาพ คุณพ่อก็สามารถเดินได้เอง จนทำให้คนไข้คนอื่นที่ป่วยเป็นอัมพาตและทำกายภาพอยู่ในตอนนั้นต่างเข้ามาถามพ่อว่าใครเป็นคนรักษาให้และกินยาอะไรถึงเดินได้เช่นนี้หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปที่บ้านแสงอรุณ แต่อีกสามเดือนให้หลัง อาการกลับมาอีก คุณพ่อก็ไม่สามารถเดินได้อีกครั้งขาแขนหมดแรงกะทันหันจนต้องหามออกจากวัดส่งโรงพยาบาล.....
และคุณพ่อก็ได้กลับมาที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์อีกครั้ง มาครั้งนี้คุณหมอจึงให้คุณพ่อทำ MRT ในทันทีเนื่องจากไม่สามารถหาสาเหตุของอาการป่วยได้ และก็พบว่ากระดูกต้นคอข้อที่ 2-4ของคุณพ่อเคลื่อนและได้ทับเส้นเอ็น เส้นประสาท และเส้นเลือด ถ้ามาช้ากว่านี้อีก1-2วันก็จะทำให้เป็นอัมพาต หรือไม่ก็เสียชีวิต ทางแพทย์ต้องการจะทำการผ่าตัดในทันทีเนื่องจากว่าถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้เส้นเลือดเส้นประสาทและเส้นเอ็นตาย....และถึงแม้ว่าผ่าตัดเลยหมอก็บอกว่าโอกาสรอด50-50 อาจผ่าแล้วไม่ฟื้นอีกเลย หรือ เป็นอัมพาตตลอดชีวิต
เมื่อรู้ดังนั้นคุณพ่อก็เลยขอเวลาหมอ 2-3 วันเพื่อไปแก้บาป รับศีล ใช้โทษบาป และไปเฝ้าศีลที่ ชั้น 24 ของโรงพยาบาล หลังจากนั้นคุณพ่อก็เข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลา 10 ชั่วโมง ทำการผ่าที่คอและเอากระดูกที่คอออกและนำกระดูกที่สะโพกมาใส่แทน โดยทำการยึดด้วยลวดไทเทเนียม 36 จุด คุณพ่อได้กล่าวติดตลกว่าคอของพ่อเนี่ยราคาแพงกว่านาฬิกา rolex เสียอีก
ซึ่งปัจจุบันนี้คุณพ่อก็เดินเหินทำงานได้ปรกติเหมือนคนทั่วไปแล้ว
นี่คือคำแบ่งปันของคุณพ่อที่ได้ร่วมถวายบูชามิสซาในวัดพระจิตในวันนี้
วันนี้ได้มีคุณพ่อชาวฟิลิปปินส์ที่มาเป็นคุณพ่ออยู่ที่บ้านเณรแสงอรุณจังหวัดประจวบฯเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งได้มาแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้าให้ฟัง
คุณพ่อองค์นี้เป็นคุณพ่อที่มาจากคณะเซเลเซียน ท่านมาอยู่ที่จ.ประจวบ อ.ทับสะแก สมัยที่คุณพ่อมานั้นที่ ๆ คุณพ่ออยู่ยังเป็นป่าและยังไม่มีวัดคาทอลิก และคุณพ่อองค์นี้เป็นผู้สร้างวัดที่นั่นด้วยตัวของท่านเอง เป็นเวลานับสิบปีที่คุณพ่ออุทิศหยาดเหงื่อแรงงานในการสร้างวัดขึ้นทั้งแบกอิฐแบกหินซึ่งสร้างด้วยมือล้วน ๆ โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาจากการทำงานอย่างนั้น
หลายสิบปีต่อมา วันหนึ่งเนื่องจากว่าเกิดอาการปวดตามร่างกายคุณพ่อก็ได้มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่โรงพยาบาลนั้นได้ทำกายภาพโดยการดึง ดึงหัว ดึงแขนดึงขา..จนทำให้คุณพ่อไม่สามารถเดินได้และมีอาการแบบคนที่เป็นโรคอัมพาต คุณพ่อจึงขอร้องให้ซิสเตอร์ช่วยพาคุณพ่อย้ายโรงพยาบาลโดยได้ย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ทางโรงพยาบาลได้จัดโปรแกรมให้คุณพ่อทำกายภาพบำบัดเหมือนคนป่วยท่านอื่น ๆ ระหว่างที่ทำการรักษาตัวนั้นคุณพ่อก็มีความทุกข์ใจมาก ๆ กับสุขภาพร่างกายของท่านเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ท่านสามารถเดินเหินทำงานทุกอย่างได้เป็นปรกติ
แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่สามารถเดินได้เลยซึ่งทำให้คุณพ่อมีความกังวลใจมากวัน ๆ ก็นอนมองเพดาน นอนไปก็รำพึงในใจกับพระองค์ว่าทำไมพระองค์ถึงทำกับพ่อแบบนี้? ทั้ง ๆที่เขาก็ถวายตัวมาเพื่อรับใช้พระองค์ ทั้งแบกอิฐแบกหินสร้างวัดขึ้นมา ทำทุก ๆ อย่างเพื่อพระองค์ แต่ทำไมพระเจ้าถึงทำให้พ่อต้องเดินไม่ได้แบบนี้? เวลาไปทำกายภาพบำบัด เมื่อคุณพ่อถามคนที่มาทำกายภาพในห้องนั้น แต่ละคนล้วนอยุ่ในสภาพนั้นมา 7 ปีบ้าง 15 ปีบ้าง เหล่านี้ล้วนแต่บั่นทอนกำลังใจของคุณพ่อ พ่อบอกว่าปีศาจมันอาศัยช่วงเวลาที่เราเจ็บป่วยล่อลวงเรา สร้างความปั่นป่วนในวิญญาณของเรา มีเสียงวนเวียนไปมาตลอดเวลาในหัวของพ่อว่า ทำเพื่อพระ แล้วสุดท้ายเป็นแบบนี้ พระไม่เห็นช่วยเลย บางครั้ง ที่คุณพ่อถูกโจมตีเข้ามาในความคิดว่า อยู่ชั้น24 กระโดดลงไปเลย แพลบเดียวจบ ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้
ระหว่างนั้น คุณพ่อจึงเข้าไปเฝ้าศีล รำพึงกับพระเยซูเจ้าในวัดน้อยที่ชั้น 24 คุณพ่อก็ถามพระเยซูในศีลมหาสนิทถึงความเจ็บป่วยของคุณพ่อ คล้ายจะตัดพ้อว่าท่านก็ทำงานให้พระองค์อย่างหนักมาหลาย 10 ปี สร้างโรงเรียน สร้างวัดมากมาย แต่ทำไมถึงได้รับการตอบแทนเช่นนี้
คุณพ่อก็ได้ยินเสียงตอบมาว่า
”ลูกอายุเท่าไหร่?”
คุณพ่อตกใจมากจึงตอบไปว่า 51 (อายุในตอนนั้น) พระเยซูเจ้าจึงถามคุณพ่ออีกว่า
”แล้วเราอายุเท่าไหร่”
คุณพ่อมองกางเขนแล้วนึกถึงว่าตอนที่พระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนนั้น พระองค์มีอายุ 33 ปี พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า
“ทำไมถึงยังไม่ขอบคุณเรา เราให้ลูกมีอายุยืนมากกว่าเราอีก”
และคุณพ่อก็ได้ยินพระวาจาที่ทำให้คุณพ่อไม่มีวันลืมเลยจนทุกวันนี้ และเป็นพระวาจาที่คุณพ่อใช้ยึดเหนี่ยวมาตลอดชีวิต
“เราไม่ได้เจิมลูกเพื่อให้ลูกทำงาน
เราไม่ได้เจิมลูกมาเพื่อให้เป็นนักบริหาร
แต่เราเจิมลูกเพื่อให้ ลูกเป็นเรา “
เมื่อคุณพ่อได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ แล้วก็นึกมาคิดว่าถูกและจริงดังที่ได้ยิน พระองค์เจิมคุณพ่อเพื่อให้เป็นดั่งองค์พระเยซูเจ้า มาเป็นพระเยซูเจ้าเอง แล้วคุณพ่อก็ได้ยินเสียงพระองค์ว่า
"การที่ลูกจะเป็นเราได้ ต้องผ่านความทุกข์ยากเหมือนเรา เพื่อลูกจะได้เข้าใจ"
คุณพ่อก็มาคิดได้ว่า จริงด้วย คุณพ่อมีอายุยืนยาวมากกว่าพระเยซูเจ้าอีก ดีเท่าไหร่แล้วที่พระองค์ไม่ได้เรียกคุณพ่อตอนอายุเท่ากัน และเป็นความจริงอีกว่า ถ้าเราจะเป็นพระเยซู เราต้องผ่านความทุกข์เหมือนพระองค์ เมื่อได้ยินดังนั้นคุณพ่อก็เข้าใจ และน้อมรับสภาพความเจ็บป่วยของคุณพ่อ
พอวันรุ่งขึ้นเมื่อเวลาที่คุณพ่อต้องทำกายภาพ คุณพ่อก็สามารถเดินได้เอง จนทำให้คนไข้คนอื่นที่ป่วยเป็นอัมพาตและทำกายภาพอยู่ในตอนนั้นต่างเข้ามาถามพ่อว่าใครเป็นคนรักษาให้และกินยาอะไรถึงเดินได้เช่นนี้หลังจากนั้นไม่นานคุณพ่อก็ได้ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปที่บ้านแสงอรุณ แต่อีกสามเดือนให้หลัง อาการกลับมาอีก คุณพ่อก็ไม่สามารถเดินได้อีกครั้งขาแขนหมดแรงกะทันหันจนต้องหามออกจากวัดส่งโรงพยาบาล.....
และคุณพ่อก็ได้กลับมาที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์อีกครั้ง มาครั้งนี้คุณหมอจึงให้คุณพ่อทำ MRT ในทันทีเนื่องจากไม่สามารถหาสาเหตุของอาการป่วยได้ และก็พบว่ากระดูกต้นคอข้อที่ 2-4ของคุณพ่อเคลื่อนและได้ทับเส้นเอ็น เส้นประสาท และเส้นเลือด ถ้ามาช้ากว่านี้อีก1-2วันก็จะทำให้เป็นอัมพาต หรือไม่ก็เสียชีวิต ทางแพทย์ต้องการจะทำการผ่าตัดในทันทีเนื่องจากว่าถ้าปล่อยไว้นานจะทำให้เส้นเลือดเส้นประสาทและเส้นเอ็นตาย....และถึงแม้ว่าผ่าตัดเลยหมอก็บอกว่าโอกาสรอด50-50 อาจผ่าแล้วไม่ฟื้นอีกเลย หรือ เป็นอัมพาตตลอดชีวิต
เมื่อรู้ดังนั้นคุณพ่อก็เลยขอเวลาหมอ 2-3 วันเพื่อไปแก้บาป รับศีล ใช้โทษบาป และไปเฝ้าศีลที่ ชั้น 24 ของโรงพยาบาล หลังจากนั้นคุณพ่อก็เข้ารับการผ่าตัดเป็นเวลา 10 ชั่วโมง ทำการผ่าที่คอและเอากระดูกที่คอออกและนำกระดูกที่สะโพกมาใส่แทน โดยทำการยึดด้วยลวดไทเทเนียม 36 จุด คุณพ่อได้กล่าวติดตลกว่าคอของพ่อเนี่ยราคาแพงกว่านาฬิกา rolex เสียอีก
ซึ่งปัจจุบันนี้คุณพ่อก็เดินเหินทำงานได้ปรกติเหมือนคนทั่วไปแล้ว
นี่คือคำแบ่งปันของคุณพ่อที่ได้ร่วมถวายบูชามิสซาในวัดพระจิตในวันนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 28, 2006 12:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบพระคุณพระเจ้าครับ
- BARKER BARBER
- โพสต์: 226
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 24, 2005 8:34 pm
- ที่อยู่: XAVIER HALL / PRISONMINISTRY
ดีจังเลย ครับ
ชื่อ คุณพ่อ ตะปะโญ่ อะไรนี่ละครับBuddy เขียน: คุญพ่อจอห์น ทามาโย ใช่มั้ยคะ พ่อน่ารักมากๆ เหมือนเด็ก : emo045 :
อืมไม่รุว่าเราฟัรึเปล่านะ
แต่ใช่พ่อน่ารักมากๆ
คนเดียวกัน ไม่รู้เหมือนกันว่าสะกดยังไงยศิโยน:ผู้เห็นแด่พระเจ้า เขียน:ชื่อ คุณพ่อ ตะปะโญ่ อะไรนี่ละครับBuddy เขียน: คุญพ่อจอห์น ทามาโย ใช่มั้ยคะ พ่อน่ารักมากๆ เหมือนเด็ก : emo045 :
อืมไม่รุว่าเราฟัรึเปล่านะ
แต่ใช่พ่อน่ารักมากๆ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
จำได้แต่ โย่ ๆ ค่ะ อิอิ
- Good Nanny
- ~@
- โพสต์: 227
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
- ที่อยู่: BKK
ทำไม Buddy ถึงรู้ชื่อคุณพ่อองค์นี้ด้วยล่ะคะ...
อันนี้แค่สงสัยเฉย ๆ นะ เห็นอยู่ไหลตั้งอเมริกาแต่รู้จักพ่อองค์นี้ด้วย
อันนี้แค่สงสัยเฉย ๆ นะ เห็นอยู่ไหลตั้งอเมริกาแต่รู้จักพ่อองค์นี้ด้วย
ชอบจังค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
พระองค์น่ารักมากๆครับ
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
อัศจรรย์มากมายยืนยันว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราเลย
"เราจะอยู่กับท่านเสมอไปตราบจนสิ้นพิภพ"
"เราจะอยู่กับท่านเสมอไปตราบจนสิ้นพิภพ"
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ