พระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน ในใจของท่านมหาตมะคานธี
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 18, 2011 2:50 am
คานธี กับ พระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงกางเขน
Tharakan Anniyll เขียน ย.อัศวิน ถอดความ
ความจริงอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปเกี่ยวกับการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก แม้กระทั่งท่านมหาตมะคานธียังยืนยันว่า “ถ้าปราศจากกางเขนชีวิตเราจะไม่สมบูรณ์, ถ้าปราศจากกางเขนชีวิตก็คือความตายที่ยังมีลมหายใจอยู่”
“ประชาชาติก็เช่นเดียวกับปัจเจกชน จะดำรงอยู่ได้ก็โดยผ่านทางความปวดร้าวทรมานของไม้กางเขน” เป็นข้อความที่ท่านมหาตมะคานธีเขียนลงในหนังสือ “ยังอินเดีย” (Young India) เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1931
ในสมุดบันทึกประจำวันของมหาเทพ เดซาย (MahadevDesai) ได้บรรยายไว้อย่างแจ่มชัด ถึงความประทับใจที่ที่านมหาตมะคานธีได้รับหลังจากที่ได้เพ่งพินิจ รูปปั้นพระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขนในโบสถ์ซิสตีน (Sistine Chapel) ภายในพระมหาวิหาร นักบุญเปโตร ที่กรุงโรม
ท่านมหาตมะคานธีได้วาดภาพความคล้ายคลึงระหว่างพระเยซูเจ้า กับประชาชนอินเดียยากจนในชนบท ท่านเขียนว่า “ภาพพระเยซูเจ้าที่ท่านเห็นที่วาติกัน คงมาปรากฏต่อสายตาของท่านตลอดเวลา พระกายของพระองค์ท่านถูกห่อหุ้มด้วยผ้าผืนเล็กๆ แบบเดียวกับคนยากจนในชนบทอินเดียใช้นุ่งห่มและความเมตตาสงสารที่ภาพนั้นฉายออก ช่างน่าประทับใจเสียนี่กระไร!”
ท่านมหาตมะคานธีวิเคราะห์ว่า พระเยซูเจ้าคือสัญลักษณ์และการมาจุติของคนยากจนในอินเดีย ทั้งหิวโหย ทั้งขาดเครื่องนุ่งห่ม พระเยซูเจ้าทรงโศกเศร้าและน่าจะเป็นความโศกเศร้าของอินเดีย พระเยซูคือสัตยวาที (ผู้พุดแต่ความจริง) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดศาสดาจารย์ที่โด่งดังที่สุด อุปมาเป็นบุคคลยากจนทางจิตใจ เทียบได้กับพระภิกขุของศาสนาฮินดู
แบบอย่างที่พระเยซูเจ้าต้องทรงทนทุกข์ทรมานจนสิ้นพระชนม์ สาเหตุเพราะทรงยึดมั่นในความจริง ได้สร้างความประทับใจแก่มหาตมะคานธีอย่างซาบซึ้ง
ขณะที่ท่านคานธีกำลังถูกไต่สวนในคดีก่อการกบฎในปี ค.ศ. 1922 ท่านไม่ป้องกันตนเอง ท่านกล่าวว่าทุกข้อที่ได้เขียนไว้ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น และถ้าท่านจะต้องได้รับโทษภายใต้กรอบกฎหมายของแผ่นดินเพราะเหตุนี้ ก็ขอให้ศาลลงโทษขั้นรุนแรงที่สุด ท่าทีอันแข็งกร้าวนี้ ท่านมหาตมะคานธีได้ถอดแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่มีบันทึกไว้ในพระวรสาร ตอนที่พระองค์ทรงยืนยันความจริงจนสิ้นพระชนม์ชีพ (ยน.18:33-38 และ 19:11)
Tharakan Anniyll เขียน ย.อัศวิน ถอดความ
ความจริงอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปเกี่ยวกับการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก แม้กระทั่งท่านมหาตมะคานธียังยืนยันว่า “ถ้าปราศจากกางเขนชีวิตเราจะไม่สมบูรณ์, ถ้าปราศจากกางเขนชีวิตก็คือความตายที่ยังมีลมหายใจอยู่”
“ประชาชาติก็เช่นเดียวกับปัจเจกชน จะดำรงอยู่ได้ก็โดยผ่านทางความปวดร้าวทรมานของไม้กางเขน” เป็นข้อความที่ท่านมหาตมะคานธีเขียนลงในหนังสือ “ยังอินเดีย” (Young India) เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1931
ในสมุดบันทึกประจำวันของมหาเทพ เดซาย (MahadevDesai) ได้บรรยายไว้อย่างแจ่มชัด ถึงความประทับใจที่ที่านมหาตมะคานธีได้รับหลังจากที่ได้เพ่งพินิจ รูปปั้นพระเยซูเจ้าถูกตรึงบนไม้กางเขนในโบสถ์ซิสตีน (Sistine Chapel) ภายในพระมหาวิหาร นักบุญเปโตร ที่กรุงโรม
ท่านมหาตมะคานธีได้วาดภาพความคล้ายคลึงระหว่างพระเยซูเจ้า กับประชาชนอินเดียยากจนในชนบท ท่านเขียนว่า “ภาพพระเยซูเจ้าที่ท่านเห็นที่วาติกัน คงมาปรากฏต่อสายตาของท่านตลอดเวลา พระกายของพระองค์ท่านถูกห่อหุ้มด้วยผ้าผืนเล็กๆ แบบเดียวกับคนยากจนในชนบทอินเดียใช้นุ่งห่มและความเมตตาสงสารที่ภาพนั้นฉายออก ช่างน่าประทับใจเสียนี่กระไร!”
ท่านมหาตมะคานธีวิเคราะห์ว่า พระเยซูเจ้าคือสัญลักษณ์และการมาจุติของคนยากจนในอินเดีย ทั้งหิวโหย ทั้งขาดเครื่องนุ่งห่ม พระเยซูเจ้าทรงโศกเศร้าและน่าจะเป็นความโศกเศร้าของอินเดีย พระเยซูคือสัตยวาที (ผู้พุดแต่ความจริง) ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดศาสดาจารย์ที่โด่งดังที่สุด อุปมาเป็นบุคคลยากจนทางจิตใจ เทียบได้กับพระภิกขุของศาสนาฮินดู
แบบอย่างที่พระเยซูเจ้าต้องทรงทนทุกข์ทรมานจนสิ้นพระชนม์ สาเหตุเพราะทรงยึดมั่นในความจริง ได้สร้างความประทับใจแก่มหาตมะคานธีอย่างซาบซึ้ง
ขณะที่ท่านคานธีกำลังถูกไต่สวนในคดีก่อการกบฎในปี ค.ศ. 1922 ท่านไม่ป้องกันตนเอง ท่านกล่าวว่าทุกข้อที่ได้เขียนไว้ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น และถ้าท่านจะต้องได้รับโทษภายใต้กรอบกฎหมายของแผ่นดินเพราะเหตุนี้ ก็ขอให้ศาลลงโทษขั้นรุนแรงที่สุด ท่าทีอันแข็งกร้าวนี้ ท่านมหาตมะคานธีได้ถอดแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่มีบันทึกไว้ในพระวรสาร ตอนที่พระองค์ทรงยืนยันความจริงจนสิ้นพระชนม์ชีพ (ยน.18:33-38 และ 19:11)