+++ มาแพร่ธรรมกันเถอะ +++
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 12, 2005 7:02 am
มาแพร่ธรรมกันเถอะ
โดย โปรดปราน (พีพี )
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราได้ให้แก่ท่าน แล้วจงทราบเถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ' (มัทธิว 28:19-20 )
เมื่อกลางเดือน ตุลาคม 2005 ศกนี้ หลังจากนั่งหลังขด หลังแข็งผ่าน สองสัมมนา ที่เชียงใหม่ ฉันเลยถือโอกาส พักผ่อนต่อสี่วัน จึงขึ้นไปเยี่ยมให้กำลังใจ คุณพ่อทิวา ที่ป่าตึงอีกครั้งหนึ่ง ณ ป่าตึง ขณะนี้ เป็น‘ปลายฝนต้นหนาว พืชพรรณ เขียวชอุ่ม ช่างสงบ สดชื่นมากทีเดียว’ วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม เป็นวันแพร่ธรรมสากล ฉันมีโอกาสร่วมมิสซา กับพี่น้องปกาเกอะญอที่วัดนักบุญปาตริก ได้ฟังการเทศนา จากพ่อเจ้าวัด คุณพ่อได้เล่าถึงการออกไปเยี่ยมพี่น้องคาทอลิกตามหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขต การอภิบาลของท่าน ว่า ชาว ปกาเกอะญอ ที่ อยู่ในถิ่นกันดารนั้น ได้มีโอกาสรู้จัก และสัมผัสความรักของพระเจ้า ตรีเอกภาพ เพราะการแพร่ธรรม ของธรรมทูตฝรั่ง ขณะนี้ บางหมู่บ้านไม่มีวัด ไม่มีคุณพ่อ หรือ บางหมู่บ้านมีวัดเก่าๆ แต่ไม่มีคุณพ่อประจำ ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตังเหล่านั้นยังคงรักษาความเชื่อ ด้วยการสวดภาวนา อย่างสม่ำเสมอ บางหมู่บ้านที่พ่อเจ้าวัดนักบุญปาตริก นำทีม ( ซิสเตอร์ และครูคำสอน ) ไปเยี่ยม ไม่มีพระสงฆ์ไปทำมิสซา ห้า ปีมาแล้ว เช้าวันนั้นคุณพ่อทิวาได้ย้ำในคำเทศนาให้สัตตบุรุษเห็นความสำคัญของการแพร่ธรรม โดยเฉพาะในครอบครัว ของพี่น้องคริสตัง ซึ่งเป็นภาระสำคัญของคริสตชนเอง และตั้งแต่ วันที่23 ตุลาคม ถึง ตุลาคม 2006 เป็นปีแห่งการแพร่ธรรม
หลังจากได้ฟังคุณพ่อเล่าถึงพันธกิจที่ทีมของท่านได้ออกไปทำ ความคิดฉันแล่นไปไกล คิดถึงความรัก ของพระเยซูเจ้า และซาบซึ้งใจ ถึงชีวิตธรรมทูตยุคแรกๆ ที่ยอมทุกข์ยาก ลำบาก เพื่อให้คนทุกชาติ ทุกชนเผ่าได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อธรรมทูต เหล่านั้นได้จากชุมชนไปแล้ว พวกเขาได้ทิ้ง มรดกแห่งความเชื่อและศรัทธาพระผู้เป็นเจ้า ตกทอดมาถึงชุมชน ฉันคิดต่อไป ว่าทำอย่างไร ที่จะให้พี่น้องเหล่านั้น ที่ได้สัมผัสความรักของพระเยซูเจ้า แล้วยังเข้มแข็งในความเชื่อ มีโอกาส ร่วมมิสซา ทุกวันอาทิตย์ หรือบ่อยขึ้น ลึกๆในจิตใจซาบซึ้ง และขอบคุณพระเจ้า ที่ ฉันมี โบสถ์ นมัสการทุกวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับพี่น้องคริสตัง ที่มีพระสงฆ์ ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณทุกๆวันอาทิตย์ แล้วพี่น้องที่อยู่ในที่กันดาร ห่างไกล ออกไป ไม่บาทหลวง ดูแล ทำอย่างไรที่จะให้พวกเขาเติบโตในความเชื่อ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าและพระศาสนจักร ส่วนคนที่มีโอกาส ร่วมมิสซา ประจำ จะมีภาระใจร่วมงานกับพระเยซูเจ้าอย่างไร
1. แพร่ธรรมคือพระราชกิจของพระเยซูคริสต์
��มื่อมนุษย์คู่แรกได้ทำความบาปแล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการ ฝ่ายจิตวิญญาณที่จะช่วยและไถ่โทษมนุษย์ โดยที่พระเจ้าเสด็จมาในสภาพมนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์เพื่อกู้มนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาป
��ักบุญยอห์นได้บันทึกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”��รือนักบุญเปาโล เขียนไว้ดังนี้ “คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราและทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ” ( 2 โครินธ์. 5:19 )
จากข้อพระคัมภีร์ที่ยกมานี้ชี้ให้เห็นถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงพระเจ้าและทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า พระเยซูทรงรับพระราชกิจนี้โดยการรับสภาพมนุษย์ มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทำไม? เพราะเป็นทางสุดท้ายแล้วที่มนุษย์จะเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า
�� มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับมดตัวหนึ่ง คือมดได้ตกลงไปในบ่อน้ำเจ้าของบ่อพยายามช่วยมดตัวนั้น โดยใช้ไม้เล็กๆ ยื่นไปให้มดเคราะห์ร้ายนั้นเกาะ แต่เจ้ามดไม่ยอมเกาะ ชายคนนั้นให้จึงคิดวิธีการใหม่คือ ได้จับมดตัวหนึ่งวางไว้บนไม้แล้วเอาไม้นั้นแหย่ลงไปในบ่อน้ำ ครั้นเมื่อมดตัวที่อยู่ในบ่อน้ำเห็นมดอีกตัว กำลังไต่ไม้นั้น มันจึงมีความเชื่อและกล้าไต่ตามขึ้นมา แล้วมันจึงรอดชีวิตจากการจมน้ำในบ่อนั้น เช่นเดียวกับพวกเรานี่แหละที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักโดยให้พระเยซูรับภาระคือต้องรับโทษแทนเราบนกางเขน โดยพระชนม์ของพระเยซูเองเป็นค่าจ้างของความบาป เป้าหมายที่พระเยซูทรงรับภาระนี้เพราะพระองค์ทรงรักคนบาปที่หยิ่งยโสและจิตใจแข็งกระด้างให้กลับคืนดีกับพระเจ้า
�� พระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อพวกเรา ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่ พระเยซูทรงรักพวกเราใน ขณะที่เราเป็นคนบาปอยู่ “.....ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (โรม. 5:8)��
ขณะดำรงพระชนม์ในโลกนี้ พระเยซูทรงมีพระราชกิจ มากมายซึ่งเราอ่านพบในพระวรสารทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ สั่งสอน และรักษาโรคและทุกอย่างที่ทรงกระทำนั้นคือการแพร่ธรรมของพระองค์
โดย โปรดปราน (พีพี )
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนาม พระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราได้ให้แก่ท่าน แล้วจงทราบเถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ' (มัทธิว 28:19-20 )
เมื่อกลางเดือน ตุลาคม 2005 ศกนี้ หลังจากนั่งหลังขด หลังแข็งผ่าน สองสัมมนา ที่เชียงใหม่ ฉันเลยถือโอกาส พักผ่อนต่อสี่วัน จึงขึ้นไปเยี่ยมให้กำลังใจ คุณพ่อทิวา ที่ป่าตึงอีกครั้งหนึ่ง ณ ป่าตึง ขณะนี้ เป็น‘ปลายฝนต้นหนาว พืชพรรณ เขียวชอุ่ม ช่างสงบ สดชื่นมากทีเดียว’ วันอาทิตย์ ที่ 23 ตุลาคม เป็นวันแพร่ธรรมสากล ฉันมีโอกาสร่วมมิสซา กับพี่น้องปกาเกอะญอที่วัดนักบุญปาตริก ได้ฟังการเทศนา จากพ่อเจ้าวัด คุณพ่อได้เล่าถึงการออกไปเยี่ยมพี่น้องคาทอลิกตามหมู่บ้าน ที่อยู่ในเขต การอภิบาลของท่าน ว่า ชาว ปกาเกอะญอ ที่ อยู่ในถิ่นกันดารนั้น ได้มีโอกาสรู้จัก และสัมผัสความรักของพระเจ้า ตรีเอกภาพ เพราะการแพร่ธรรม ของธรรมทูตฝรั่ง ขณะนี้ บางหมู่บ้านไม่มีวัด ไม่มีคุณพ่อ หรือ บางหมู่บ้านมีวัดเก่าๆ แต่ไม่มีคุณพ่อประจำ ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตังเหล่านั้นยังคงรักษาความเชื่อ ด้วยการสวดภาวนา อย่างสม่ำเสมอ บางหมู่บ้านที่พ่อเจ้าวัดนักบุญปาตริก นำทีม ( ซิสเตอร์ และครูคำสอน ) ไปเยี่ยม ไม่มีพระสงฆ์ไปทำมิสซา ห้า ปีมาแล้ว เช้าวันนั้นคุณพ่อทิวาได้ย้ำในคำเทศนาให้สัตตบุรุษเห็นความสำคัญของการแพร่ธรรม โดยเฉพาะในครอบครัว ของพี่น้องคริสตัง ซึ่งเป็นภาระสำคัญของคริสตชนเอง และตั้งแต่ วันที่23 ตุลาคม ถึง ตุลาคม 2006 เป็นปีแห่งการแพร่ธรรม
หลังจากได้ฟังคุณพ่อเล่าถึงพันธกิจที่ทีมของท่านได้ออกไปทำ ความคิดฉันแล่นไปไกล คิดถึงความรัก ของพระเยซูเจ้า และซาบซึ้งใจ ถึงชีวิตธรรมทูตยุคแรกๆ ที่ยอมทุกข์ยาก ลำบาก เพื่อให้คนทุกชาติ ทุกชนเผ่าได้สัมผัสกับความรักของพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อธรรมทูต เหล่านั้นได้จากชุมชนไปแล้ว พวกเขาได้ทิ้ง มรดกแห่งความเชื่อและศรัทธาพระผู้เป็นเจ้า ตกทอดมาถึงชุมชน ฉันคิดต่อไป ว่าทำอย่างไร ที่จะให้พี่น้องเหล่านั้น ที่ได้สัมผัสความรักของพระเยซูเจ้า แล้วยังเข้มแข็งในความเชื่อ มีโอกาส ร่วมมิสซา ทุกวันอาทิตย์ หรือบ่อยขึ้น ลึกๆในจิตใจซาบซึ้ง และขอบคุณพระเจ้า ที่ ฉันมี โบสถ์ นมัสการทุกวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับพี่น้องคริสตัง ที่มีพระสงฆ์ ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณทุกๆวันอาทิตย์ แล้วพี่น้องที่อยู่ในที่กันดาร ห่างไกล ออกไป ไม่บาทหลวง ดูแล ทำอย่างไรที่จะให้พวกเขาเติบโตในความเชื่อ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้าและพระศาสนจักร ส่วนคนที่มีโอกาส ร่วมมิสซา ประจำ จะมีภาระใจร่วมงานกับพระเยซูเจ้าอย่างไร
1. แพร่ธรรมคือพระราชกิจของพระเยซูคริสต์
��มื่อมนุษย์คู่แรกได้ทำความบาปแล้ว พระเจ้าทรงจัดเตรียมแผนการ ฝ่ายจิตวิญญาณที่จะช่วยและไถ่โทษมนุษย์ โดยที่พระเจ้าเสด็จมาในสภาพมนุษย์โดยทางพระเยซูคริสต์เพื่อกู้มนุษย์ให้พ้นจากความผิดบาป
��ักบุญยอห์นได้บันทึกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”��รือนักบุญเปาโล เขียนไว้ดังนี้ “คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเราและทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ” ( 2 โครินธ์. 5:19 )
จากข้อพระคัมภีร์ที่ยกมานี้ชี้ให้เห็นถึงพระเยซูคริสต์ที่ทรงเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงพระเจ้าและทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้า พระเยซูทรงรับพระราชกิจนี้โดยการรับสภาพมนุษย์ มาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทำไม? เพราะเป็นทางสุดท้ายแล้วที่มนุษย์จะเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้า
�� มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับมดตัวหนึ่ง คือมดได้ตกลงไปในบ่อน้ำเจ้าของบ่อพยายามช่วยมดตัวนั้น โดยใช้ไม้เล็กๆ ยื่นไปให้มดเคราะห์ร้ายนั้นเกาะ แต่เจ้ามดไม่ยอมเกาะ ชายคนนั้นให้จึงคิดวิธีการใหม่คือ ได้จับมดตัวหนึ่งวางไว้บนไม้แล้วเอาไม้นั้นแหย่ลงไปในบ่อน้ำ ครั้นเมื่อมดตัวที่อยู่ในบ่อน้ำเห็นมดอีกตัว กำลังไต่ไม้นั้น มันจึงมีความเชื่อและกล้าไต่ตามขึ้นมา แล้วมันจึงรอดชีวิตจากการจมน้ำในบ่อนั้น เช่นเดียวกับพวกเรานี่แหละที่พระเจ้าทรงสำแดงความรักโดยให้พระเยซูรับภาระคือต้องรับโทษแทนเราบนกางเขน โดยพระชนม์ของพระเยซูเองเป็นค่าจ้างของความบาป เป้าหมายที่พระเยซูทรงรับภาระนี้เพราะพระองค์ทรงรักคนบาปที่หยิ่งยโสและจิตใจแข็งกระด้างให้กลับคืนดีกับพระเจ้า
�� พระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อพวกเรา ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่ พระเยซูทรงรักพวกเราใน ขณะที่เราเป็นคนบาปอยู่ “.....ขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (โรม. 5:8)��
ขณะดำรงพระชนม์ในโลกนี้ พระเยซูทรงมีพระราชกิจ มากมายซึ่งเราอ่านพบในพระวรสารทั้งสี่เล่ม ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ สั่งสอน และรักษาโรคและทุกอย่างที่ทรงกระทำนั้นคือการแพร่ธรรมของพระองค์