ผมอยากรู้เรื่องความรอด
ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ลองดูบทแสดงความเชื่อนะครับ
"ขาพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้าพระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพสร้างฟ้าดิน เชื่อถึงพระเอกบุตรเยซูคริสต์สวามีของเราปฏิสนธิเดชะพระจิต บังเกิดจากพระนางมารีอาพรหมจารีย์ รับทรมาณสมัยปอนซีโอปีลาตโตถูกตรึ้งกางเขน ตาย และฝังใว้เสด็จลงได้บาดาลวันที่ 3 กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย เสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระบิดา และจะเสด็จกลับมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตายขาพเจ้าเชื่อถึงพระจิตพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ การยกบาป การคืนชีพของเนื้อหนัง และชีวิตนิรันดร์ อาแมน"
เสด็จลงได้บาดาล
//// หมายความว่าเสด็จลงไปเผยแพร่ให้แก่เหล่าวิญญาณที่ยังอยู่ในที่มืด เพื่อให้รู้จักพระเยซูเจ้าและเข้าสูพระอาณาจักรของพระองค์
คาทอลิคเราเชื่อว่าเมื่อวิญญาณคนต่างศาสนาได้ตายไปแล้วมิใช่ว่าจะดิ่งลงนรกกันหมดทุกคนนะครับ ยังมีสถานที่ๆหนึ่งที่เรียกว่าที่มืด ที่ตรงนี้ไม่มีความทุกข์แต่ก็ยังไม่มีความสุขเต็มที่เพราะยังไม่ได้เห็นพระเจ้า เป็นที่สำหรับวิญญาณที่ยังไม่ได้ล้างบาป ดังนั้นหากคนที่นับถือศาสนาอื่นแต่ทำความดีมีเมตตาจิตกุศลก็มีสิทธ์ไปสวรรค์ได้ครับ แต่ก็ต้องรอจนถึงวันพิพากษา
และจะเสด็จกลับมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
///// พระองค์เป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่งดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อถึงเวลาก็ย่อมกลับไปหาพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่มี สวรรค์ของชาวพุทธ หรือสวรรค์ของมุสลิม หรือสวรรค์ของชาวคริสต์ แต่มีเพียงสวรค์แห่งเดียวก็คือ สวรรค์ของพระเป็นเจ้าครับ ;D
"ขาพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้าพระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพสร้างฟ้าดิน เชื่อถึงพระเอกบุตรเยซูคริสต์สวามีของเราปฏิสนธิเดชะพระจิต บังเกิดจากพระนางมารีอาพรหมจารีย์ รับทรมาณสมัยปอนซีโอปีลาตโตถูกตรึ้งกางเขน ตาย และฝังใว้เสด็จลงได้บาดาลวันที่ 3 กลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย เสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระบิดา และจะเสด็จกลับมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตายขาพเจ้าเชื่อถึงพระจิตพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ การยกบาป การคืนชีพของเนื้อหนัง และชีวิตนิรันดร์ อาแมน"
เสด็จลงได้บาดาล
//// หมายความว่าเสด็จลงไปเผยแพร่ให้แก่เหล่าวิญญาณที่ยังอยู่ในที่มืด เพื่อให้รู้จักพระเยซูเจ้าและเข้าสูพระอาณาจักรของพระองค์
คาทอลิคเราเชื่อว่าเมื่อวิญญาณคนต่างศาสนาได้ตายไปแล้วมิใช่ว่าจะดิ่งลงนรกกันหมดทุกคนนะครับ ยังมีสถานที่ๆหนึ่งที่เรียกว่าที่มืด ที่ตรงนี้ไม่มีความทุกข์แต่ก็ยังไม่มีความสุขเต็มที่เพราะยังไม่ได้เห็นพระเจ้า เป็นที่สำหรับวิญญาณที่ยังไม่ได้ล้างบาป ดังนั้นหากคนที่นับถือศาสนาอื่นแต่ทำความดีมีเมตตาจิตกุศลก็มีสิทธ์ไปสวรรค์ได้ครับ แต่ก็ต้องรอจนถึงวันพิพากษา
และจะเสด็จกลับมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
///// พระองค์เป็นพระเจ้าของทุกสรรพสิ่งดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อถึงเวลาก็ย่อมกลับไปหาพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่มี สวรรค์ของชาวพุทธ หรือสวรรค์ของมุสลิม หรือสวรรค์ของชาวคริสต์ แต่มีเพียงสวรค์แห่งเดียวก็คือ สวรรค์ของพระเป็นเจ้าครับ ;D
จากคำถามของคุณนะครับ โดยเฉพาะประโยคนี้
คำว่าความรอดแบบชาวคริสต์คืออะไรครับ ถ้าหมายถึงสวรรค์ ผมตอบเลยว่าไม่ใช่ ความรอดไม่ใช่แค่สวรรค์ ผมอยากให้คุณลองพิจารณาจากรพะคัมภีร์บทนี้ครับ
รม 3:27-31 ผลแห่งความเชื่อ
ดังนั้น คำโอ้อวดของเราอยู่ที่ไหนเล่า ไม่มีที่สำหรับจะโอ้อวดอะไรอีกแล้ว ด้วยกฎเกณฑ์อะไรหรือ ด้วยกฎเกณฑ์ของการกระทำหรือ ไม่ใช่ ด้วยกฎเกณฑ์ของความเชื่อ เนื่องจากเราถือว่ามนุษย์ได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยปฏิบัติตามสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ พระเจ้าเป็นพระเจ้าของชาวยิวเท่านั้นหรือ ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนต่างชาติด้วยหรือ แน่นอน ยังเป็นพระเจ้าของคนต่างชาติด้วย เพราะพระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะทรงบันดาลให้ผู้เข้าสุหนัตเป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ และจะทรงบันดาลให้ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตเป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อเช่นเดียวกัน เราใช้ความเชื่อมาทำลายธรรมบัญญัติกระนั้นหรือ ไม่เลย เรากลับสนับสนุนธรรมบัญญัติด้วย
รม 4:1-8 อับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อ
มีสิ่งใดที่เราจะพูดได้เกี่ยวกับอับราฮัม บรรพบุรุษผู้ซึ่งเราสืบเชื้อสายตามธรรมชาติ ถ้าอับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมเพราะกิจการที่เขากระทำ เขาย่อมมีเหตุผลที่จะภูมิใจได้ แต่ไม่ใช่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวไว้หรือว่า อับราฮัมมีความเชื่อในพระเจ้า และนี่ก็นับได้ว่าเป็นความชอบธรรมสำหรับเขา เมื่อคนหนึ่งทำงาน ค่าจ้างที่ได้รับจากงานนั้นก็ไม่นับเป็นบุญคุณ แต่เป็นสิทธิที่พึงได้ เมื่อไม่ได้มองที่ความประพฤติ คนที่มีความเชื่อในผู้ที่บันดาลให้คนชั่วกลับเป็นผู้ชอบธรรม ความเชื่อนี้เองนับว่าเป็นความชอบธรรม กษัตริย์ดาวิดก็ตรัสไว้เช่นเดียวกันนี้ พระองค์ทรงเรียกบางคนว่าเป็นผู้มีความสุข ถ้าพระเจ้าประทานความชอบธรรมให้ผู้นั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาได้กระทำ โดยตรัสว่า
เป็นความสุขของผู้ที่ได้รับการอภัยความผิด
ผู้ซึ่งบาปของเขาถูกลบล้าง
เป็นความสุขของผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ
-------แต่เชื่อปุ๊บทำเลวยังไงก็ได้งั้นหรือ การทำดีทำชั่วไม่มีความหมายงั้นหรือ พระคัมภีร์บอกเช่นนี้ครับ
1ปต 1:17
ถ้าท่านเรียกพระองค์ผู้ทรงพิพากษาตามการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียงว่า
ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ
คำว่าความรอดแบบชาวคริสต์คืออะไรครับ ถ้าหมายถึงสวรรค์ ผมตอบเลยว่าไม่ใช่ ความรอดไม่ใช่แค่สวรรค์ ผมอยากให้คุณลองพิจารณาจากรพะคัมภีร์บทนี้ครับ
รม 3:27-31 ผลแห่งความเชื่อ
ดังนั้น คำโอ้อวดของเราอยู่ที่ไหนเล่า ไม่มีที่สำหรับจะโอ้อวดอะไรอีกแล้ว ด้วยกฎเกณฑ์อะไรหรือ ด้วยกฎเกณฑ์ของการกระทำหรือ ไม่ใช่ ด้วยกฎเกณฑ์ของความเชื่อ เนื่องจากเราถือว่ามนุษย์ได้รับความชอบธรรมโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยปฏิบัติตามสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ พระเจ้าเป็นพระเจ้าของชาวยิวเท่านั้นหรือ ไม่ได้เป็นพระเจ้าของคนต่างชาติด้วยหรือ แน่นอน ยังเป็นพระเจ้าของคนต่างชาติด้วย เพราะพระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว พระองค์จะทรงบันดาลให้ผู้เข้าสุหนัตเป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อ และจะทรงบันดาลให้ผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตเป็นผู้ชอบธรรมโดยอาศัยความเชื่อเช่นเดียวกัน เราใช้ความเชื่อมาทำลายธรรมบัญญัติกระนั้นหรือ ไม่เลย เรากลับสนับสนุนธรรมบัญญัติด้วย
รม 4:1-8 อับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อ
มีสิ่งใดที่เราจะพูดได้เกี่ยวกับอับราฮัม บรรพบุรุษผู้ซึ่งเราสืบเชื้อสายตามธรรมชาติ ถ้าอับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมเพราะกิจการที่เขากระทำ เขาย่อมมีเหตุผลที่จะภูมิใจได้ แต่ไม่ใช่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวไว้หรือว่า อับราฮัมมีความเชื่อในพระเจ้า และนี่ก็นับได้ว่าเป็นความชอบธรรมสำหรับเขา เมื่อคนหนึ่งทำงาน ค่าจ้างที่ได้รับจากงานนั้นก็ไม่นับเป็นบุญคุณ แต่เป็นสิทธิที่พึงได้ เมื่อไม่ได้มองที่ความประพฤติ คนที่มีความเชื่อในผู้ที่บันดาลให้คนชั่วกลับเป็นผู้ชอบธรรม ความเชื่อนี้เองนับว่าเป็นความชอบธรรม กษัตริย์ดาวิดก็ตรัสไว้เช่นเดียวกันนี้ พระองค์ทรงเรียกบางคนว่าเป็นผู้มีความสุข ถ้าพระเจ้าประทานความชอบธรรมให้ผู้นั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาได้กระทำ โดยตรัสว่า
เป็นความสุขของผู้ที่ได้รับการอภัยความผิด
ผู้ซึ่งบาปของเขาถูกลบล้าง
เป็นความสุขของผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ
-------แต่เชื่อปุ๊บทำเลวยังไงก็ได้งั้นหรือ การทำดีทำชั่วไม่มีความหมายงั้นหรือ พระคัมภีร์บอกเช่นนี้ครับ
1ปต 1:17
ถ้าท่านเรียกพระองค์ผู้ทรงพิพากษาตามการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียงว่า
ขอบคุณคุณ HOLY ครับ :) คุณพ่อคุณแม่ของผมนั้นผมเองไม่เคยถามท่านเหมือนกันว่าท่านเชื่อเหมือนกับที่ผมเชื่อหรือเปล่าแต่เท่าที่ผมรู้คุณพ่อคุณแม่ของผมไม่เคยว่ากล่าวหรือกีดกันผมในเรื่องการนับถือศาสนาเลย แต่ยังไงก็ตามผมเองจะพยายามบอกกล่าวเรื่องของพระเจ้าและพระบุตรเจ้าให้ท่านทั้งสองรู้ทีละน้อยซึ่งต่อจากนั้นคงเป็นไปตามพระทัยพระบิดาแล้วหล่ะครับ ขอบคุณอีกครั้งน่ะครับคุณ HOLY :)
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ดีคะ
อย่าลืมสวดให้พะเจ้าเปิดใจพวกท่านด้วยนะคะ
อย่าลืมสวดให้พะเจ้าเปิดใจพวกท่านด้วยนะคะ
เรียนคุณเจ้าของกระทู้ครับ
ผมว่านะเรื่องความอยู่รอดในชีวิตหลังความตาย เป็นเรื่องที่เกิดจากการปฏิบัติตัวขณะมีชีวิตอยู่
เราเชื่อว่า ต่อให้นับถือศาสนาอะไร หากประพฤติดี กระทำตัวชอบ คนรอบข้างก็สบายใจ ไม่ต้องตกนรกตั้งแต่มีชีวิต
เราเชื่ออย่างนั้นนะ
ผมว่านะเรื่องความอยู่รอดในชีวิตหลังความตาย เป็นเรื่องที่เกิดจากการปฏิบัติตัวขณะมีชีวิตอยู่
เราเชื่อว่า ต่อให้นับถือศาสนาอะไร หากประพฤติดี กระทำตัวชอบ คนรอบข้างก็สบายใจ ไม่ต้องตกนรกตั้งแต่มีชีวิต
เราเชื่ออย่างนั้นนะ
คนรอบข้างสบายใจ แล้วพระเจ้าล่ะคะmapisit เขียน: หากประพฤติดี กระทำตัวชอบ คนรอบข้างก็สบายใจ ไม่ต้องตกนรกตั้งแต่มีชีวิต

ถ้าห่วงก็สวดให้นะคะW. Michael เขียน: ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[

เรียนคุณบัดดี้ ครับ
กรณีนี้ ผมเห็นว่า ให้คนรอบข้างสบายใจ เพราะผมว่าคนรอบข้างก็คือพระเจ้ารอบตัว
แล้วถ้าพระเจ้าที่อยู๋ในคนรอบข้างไม่สบายใจ แล้วพระเจ้าที่อยู่ข้างบน จะสบายใจได้ยังไงครับ
ผมยังยืนยันว่า ให้ทำอะไรที่ตัวเอง และคนรอบข้างสบายใจ

กรณีนี้ ผมเห็นว่า ให้คนรอบข้างสบายใจ เพราะผมว่าคนรอบข้างก็คือพระเจ้ารอบตัว
แล้วถ้าพระเจ้าที่อยู๋ในคนรอบข้างไม่สบายใจ แล้วพระเจ้าที่อยู่ข้างบน จะสบายใจได้ยังไงครับ
ผมยังยืนยันว่า ให้ทำอะไรที่ตัวเอง และคนรอบข้างสบายใจ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ขออภัยมากๆกระทู้สำคัญปานนี้มาตอบช้าW. Michael เขียน: ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[
ความจริงที่ว่า ผู้นับถือศาสนาอื่น สามารถรับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า และได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า(เฉกคริสตชน) นอกเหนือจากหนทางธรรมดาที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้นั้น(ตามระเบียบวิธีของคริสตชน) เห็นได้ว่า มิได้เป็นการลบล้างการเรียกร้องสู่ความเชื่อและการรับศีลล้างบาปแต่อย่างใด เพราะพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทรงประทานพระหรรษทานให้แก่มวลมนุษย์อยู่แล้ว [สำนวนการแปล พระสังฆราช ยอด พิมพิสาร+แก้ไขโดยผู้เขียน]
ศาสตร์ว่าด้วยความรอดและความสัมพันธ์นั้น ลึกมากๆ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ขออภัยมากๆกระทู้สำคัญปานนี้มาตอบช้าMan of Macedonia เขียน:W. Michael เขียน: ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[
RELIGIONS NOSTRA AETATE
(ประกาศสภาสังคายนาวาติกัน ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่2)
ความจริงที่ว่า ผู้นับถือศาสนาอื่น สามารถรับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า และได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า(เฉกคริสตชน) นอกเหนือจากหนทางธรรมดาที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้นั้น(ตามระเบียบวิธีของคริสตชน) เห็นได้ว่า มิได้เป็นการลบล้างการเรียกร้องสู่ความเชื่อและการรับศีลล้างบาปแต่อย่างใด เพราะพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทรงประทานพระหรรษทานให้แก่มวลมนุษย์อยู่แล้ว [สำนวนการแปล พระสังฆราช ยอด พิมพิสาร+แก้ไขโดยผู้เขียน]
ศาสตร์ว่าด้วยความรอดและความสัมพันธ์นั้น ลึกมากๆ ผมเชื่อว่าการศึกษาทางเทววิทยาความรอดในสมัยพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ชอบด้วยเหตุผลแล้ว จึงทำให้มีประกาศนี้ขึ้นมา ซึ่งสวดคล้องกับ
งั้นนิยามคำว่า นรก ก็คือ อะไรก็ได้ที่ไม่สบายใจ ส่วนสวรรค์คือ อะไรก็ได้ที่สบายใจ เหรอคะmapisit เขียน: เรียนคุณบัดดี้ ครับ
กรณีนี้ ผมเห็นว่า ให้คนรอบข้างสบายใจ เพราะผมว่าคนรอบข้างก็คือพระเจ้ารอบตัว
แล้วถ้าพระเจ้าที่อยู๋ในคนรอบข้างไม่สบายใจ แล้วพระเจ้าที่อยู่ข้างบน จะสบายใจได้ยังไงครับ
ผมยังยืนยันว่า ให้ทำอะไรที่ตัวเอง และคนรอบข้างสบายใจ
![]()
ถ้างั้นเกิดมีพ่อติดเหล้า แม่เล่นไพ่ พ่อกับแม่อยากได้เงิน อยากให้ลูกสาวไปขายตัว จะได้มีเงิน และสบายใจ ไม่งั้นก็ด่าลูกเช้าเย็น ว่าเป็นลูกกาลกิณี ไม่กตัญญู แบบนี้เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ ก็ต้องไปขายตัวใช่มั้ยคะ (คือลูกสาวก็สบายใจนะ ได้นอนกับผู้ชายด้วย แถมได้เงินอีก พ่อแม่ก็ไม่ด่า อะไรจะมีความสุขขนาดนี้)
ขออภัยมากๆกระทู้สำคัญปานนี้มาตอบช้าMan of Macedonia เขียน:W. Michael เขียน: ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[
RELIGIONS NOSTRA AETATE
(ประกาศสภาสังคายนาวาติกัน ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่2)
ความจริงที่ว่า ผู้นับถือศาสนาอื่น สามารถรับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า และได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า(เฉกคริสตชน) นอกเหนือจากหนทางธรรมดาที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้นั้น(ตามระเบียบวิธีของคริสตชน) เห็นได้ว่า มิได้เป็นการลบล้างการเรียกร้องสู่ความเชื่อและการรับศีลล้างบาปแต่อย่างใด เพราะพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทรงประทานพระหรรษทานให้แก่มวลมนุษย์อยู่แล้ว [สำนวนการแปล พระสังฆราช ยอด พิมพิสาร+แก้ไขโดยผู้เขียน]
ศาสตร์ว่าด้วยความรอดและความสัมพันธ์นั้น ลึกมากๆ ผมเชื่อว่าการศึกษาทางเทววิทยาความรอดในสมัยพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ชอบด้วยเหตุผลแล้ว จึงทำให้มีประกาศนี้ขึ้นมา ซึ่งสวดคล้องกับ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ขออภัยมากๆกระทู้สำคัญปานนี้มาตอบช้าBuddy เขียน:งั้นนิยามคำว่า นรก ก็คือ อะไรก็ได้ที่ไม่สบายใจ ส่วนสวรรค์คือ อะไรก็ได้ที่สบายใจ เหรอคะmapisit เขียน: เรียนคุณบัดดี้ ครับ
กรณีนี้ ผมเห็นว่า ให้คนรอบข้างสบายใจ เพราะผมว่าคนรอบข้างก็คือพระเจ้ารอบตัว
แล้วถ้าพระเจ้าที่อยู๋ในคนรอบข้างไม่สบายใจ แล้วพระเจ้าที่อยู่ข้างบน จะสบายใจได้ยังไงครับ
ผมยังยืนยันว่า ให้ทำอะไรที่ตัวเอง และคนรอบข้างสบายใจ
![]()
ถ้างั้นเกิดมีพ่อติดเหล้า แม่เล่นไพ่ พ่อกับแม่อยากได้เงิน อยากให้ลูกสาวไปขายตัว จะได้มีเงิน และสบายใจ ไม่งั้นก็ด่าลูกเช้าเย็น ว่าเป็นลูกกาลกิณี ไม่กตัญญู แบบนี้เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ ก็ต้องไปขายตัวใช่มั้ยคะ (คือลูกสาวก็สบายใจนะ ได้นอนกับผู้ชายด้วย แถมได้เงินอีก พ่อแม่ก็ไม่ด่า อะไรจะมีความสุขขนาดนี้)
Man of Macedonia เขียน:W. Michael เขียน: ที่ผมอยากรู้คือว่า ผมเองเป็นผู้เชื่อใหม่ที่วันหนึ่งอาจจะได้รับการล้างบาปถ้าผมปฏิบัติดีผมเองก็ไปสวรรค์แต่ญาติพี่น้องผมบางคนที่นับถือพุทธเช่นคุณพ่อคุณแม่ของผม(ซึ่งผมเป็นห่วงมาก)ท่านยังคงเป็นพุทธศาสนิกชนอยู่แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด ท่านจะได้รับความรอดแบบชาวคริสต์บ้างหรือเปล่าครับ? คือผมเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะครับ :-[
RELIGIONS NOSTRA AETATE
(ประกาศสภาสังคายนาวาติกัน ในสมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่2)
ความจริงที่ว่า ผู้นับถือศาสนาอื่น สามารถรับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า และได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า(เฉกคริสตชน) นอกเหนือจากหนทางธรรมดาที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้นั้น(ตามระเบียบวิธีของคริสตชน) เห็นได้ว่า มิได้เป็นการลบล้างการเรียกร้องสู่ความเชื่อและการรับศีลล้างบาปแต่อย่างใด เพราะพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทรงประทานพระหรรษทานให้แก่มวลมนุษย์อยู่แล้ว [สำนวนการแปล พระสังฆราช ยอด พิมพิสาร+แก้ไขโดยผู้เขียน]
ศาสตร์ว่าด้วยความรอดและความสัมพันธ์นั้น ลึกมากๆ ผมเชื่อว่าการศึกษาทางเทววิทยาความรอดในสมัยพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 ชอบด้วยเหตุผลแล้ว จึงทำให้มีประกาศนี้ขึ้นมา ซึ่งสวดคล้องกับ
งั้นกระซิบข้างหูMan of Macedonia เขียน: เห็นด้วยในส่วนหนึ่ง แต่ไม่ขอออกความเห็นเป็นสาธารณะแล้วกันครับ

รออ่านๆๆๆค่ะจุดประสงค์พระสมณสาส์นนี้ ออกมา เพื่อแย้งกับ แนวคิด
ที่ว่า "ไม่มีความรอดนอกพระศาสนจักร"(Extra Ecclesiam, nulla Salus!);St.Cyprian of Carthage
ทั้งยังเป็นที่มาของพระสมณสาส์นของพระสันตะปาปาในอดีตมากมาย เป็นต้นว่า (พระสันตะปาปาอินโนเซนต์)
นำมาซึ่ง สงคราม,การประหัตประหาร,การเบียดเบียน
เรื่องนี้นักบวชคาธอลิคเองก็คิดหนักทั่วโลกเหมือนกันนะครับในการตอบคำถามดีๆ
(ทำให้ภาพของสายอนุรักษนิยมกับหัวสมัยใหม่ชัดเจนมาก ซึ่งเวลาเลือกตั้งลับ มีข่าวเสมอพวกเรื่องสาย ปฏิเสธไม่ได้ทีเดียว)
เอาล่ะ,มีในงานวิจัยพอดี รออ่านแล้วกันครับ ^ ^

ผมเห็นด้วยกับคุณบัดดี้นะครับBuddy เขียน:งั้นนิยามคำว่า นรก ก็คือ อะไรก็ได้ที่ไม่สบายใจ ส่วนสวรรค์คือ อะไรก็ได้ที่สบายใจ เหรอคะmapisit เขียน: เรียนคุณบัดดี้ ครับ
กรณีนี้ ผมเห็นว่า ให้คนรอบข้างสบายใจ เพราะผมว่าคนรอบข้างก็คือพระเจ้ารอบตัว
แล้วถ้าพระเจ้าที่อยู๋ในคนรอบข้างไม่สบายใจ แล้วพระเจ้าที่อยู่ข้างบน จะสบายใจได้ยังไงครับ
ผมยังยืนยันว่า ให้ทำอะไรที่ตัวเอง และคนรอบข้างสบายใจ
![]()
ถ้างั้นเกิดมีพ่อติดเหล้า แม่เล่นไพ่ พ่อกับแม่อยากได้เงิน อยากให้ลูกสาวไปขายตัว จะได้มีเงิน และสบายใจ ไม่งั้นก็ด่าลูกเช้าเย็น ว่าเป็นลูกกาลกิณี ไม่กตัญญู แบบนี้เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ ก็ต้องไปขายตัวใช่มั้ยคะ (คือลูกสาวก็สบายใจนะ ได้นอนกับผู้ชายด้วย แถมได้เงินอีก พ่อแม่ก็ไม่ด่า อะไรจะมีความสุขขนาดนี้)
คาทอลิคเราหลายๆครั้งมีนิสัยแปลกอยู่อย่างคือ
เกรงใจมนุษย์มากกว่าเกรงใจพระเจ้า
บางคนปรานีปรานอมจนไปห้อยจตุคามเลยก็มี ปรานีปรานอมจนมีพฤติกรรมแบบภรรยาของประกาศกโฮเซยา คือรักไปทั่ว ไม่ได้รักเฉพาะสามีตัวเอง แจกจ่ายความรักให้ชายอื่นนอกจากสามีตัวเองด้วยใจกว้าง จนสุดท้ายถึงกับมีลูกกับชายชู้ อันเป็นสัญลักษณ์แห่ง การชอบปันใจไปนมัสการพระเทียมเท็จที่พระเจ้าไม่พอพระทัยที่สุด
พระเยซูสอนเราว่า จงรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ แต่ให้รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง สิ่งนี้มันชี้ชัดในตัวเองอยู่แล้วว่า คุณเห็นพระเยซูในตัวเพื่อมนุษย์ที่ต่ำต้อย คุณรักเขาให้เท่าคุณเองเลย แต่คุณจะรักมนุษย์คนหนึ่งเท่าพระเจ้าไม่ได้อยู่แล้วนะครับ เพราะคุณรักคนอื่นเท่าตัวเอง แต่ต้องรักพระเจ้ามากกว่าตัวเองนะครับ
มธ 10:37
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2007 4:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตายในแสงสว่างย่อมดีกว่ามีชีวิตในความมืดครับ เพราะบางทีที่เราคิดว่าเรามีชีวิตอยู่ความมืดซึ่งคือเงาแห่งความตายมันหลอกเราไม่ให้ให้รู้ว่าที่จริงกำลังตาย(ฝ่ายจิต)ได้ครับ
ลก 1:78
เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา
พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน
ดังแสงอรุโณทัย
ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย
เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนิน
ไปตามทางแห่งสันติสุข
ยน 3:16
พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลกแต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษแต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้วเพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้วแต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง และไม่เข้าใกล้ความสว่างเกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริงย่อมเข้าใกล้ความสว่างเพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า
ยน 12:25
ผู้ที่รักชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น
ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้
ก็ย่อมจะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับชีวิตนิรันดร
ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา
เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา
เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
ผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา
ประเด็นอยู่ที่เราจะรักพระเจ้าในทุกด้านที่พระองค์เป็น หรืออยากจะรักพระเจ้าในด้านที่เราชอบเท่านั้น
ลก 1:78
เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา
พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน
ดังแสงอรุโณทัย
ส่องแสงสว่างให้ทุกคนที่อยู่ในความมืดและในเงาแห่งความตาย
เพื่อจะนำเท้าของเราให้ดำเนิน
ไปตามทางแห่งสันติสุข
ยน 3:16
พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมากจึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศแต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลกแต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษแต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้วเพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า ประเด็นของการตัดสินลงโทษก็คือความสว่างเข้ามาในโลกนี้แล้วแต่มนุษย์รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะการกระทำของเขานั้นชั่วร้าย ทุกคนที่ทำความชั่วย่อมเกลียดความสว่าง และไม่เข้าใกล้ความสว่างเกรงว่าการกระทำของตนจะปรากฏชัดแจ้ง แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามความจริงย่อมเข้าใกล้ความสว่างเพื่อให้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาทำได้ทำโดยพึ่งพระเจ้า
ยน 12:25
ผู้ที่รักชีวิตของตนย่อมจะเสียชีวิตนั้น
ส่วนผู้ที่พร้อมจะสละชีวิตของตนในโลกนี้
ก็ย่อมจะรักษาชีวิตนั้นไว้สำหรับชีวิตนิรันดร
ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา
เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
ผู้ใดรับใช้เรา ผู้นั้นจงตามเรามา
เราอยู่ที่ใด ผู้รับใช้ของเราก็จะอยู่ที่นั่นด้วย
ผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาจะประทานเกียรติแก่เขา
ประเด็นอยู่ที่เราจะรักพระเจ้าในทุกด้านที่พระองค์เป็น หรืออยากจะรักพระเจ้าในด้านที่เราชอบเท่านั้น
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
มีครับ(แต่คำว่า"มี"เป็นการกล่าวกว้างๆนะครับ)Oasis_Thai_DeSeRT เขียน: .
ครับ แสดงว่า จุดยืนของคาทอลิกนี่ มีความรอดนอกพระศาสนาจักรหรือไม่ครับ อ่านไปอ่านมา เริ่มเป๋ เพราะขัดกันเอง บ้างบอกว่ามี บ้างบอกว่าไม่มี หรือแล้วแต่คนจะบอก
ถ้าอารมย์ดีหน่อยก็บอกว่ามี ถ้าอารมย์เย็นๆ ก็บอกว่าไม่มี
ช่วยชี้ชัดๆ ให้ผมฟังหน่อยครับ
.
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7340.45
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
สมมุติว่าคุณเชื่อพระเยซูแล้ว แต่ยังไม่ได้ล้างบาป ไม่ได้บัปติสมา
บัตรประชาชนยังเป็นพุทธอยู่ ตายแล้วเผาศพด้วย
แต่คุณเชื่อพระเยซู เชื่อว่าพระองค์เป้นพระผู้ไถ่
แบบนี้ถือว่าเขาอยุ่ในศาสนจักรรึยังล่ะค่ะ
เขามีสิทธิ์รอดมั๊ย เขายังไม่เข้าพิธีเลย
นั่นแหละ... ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกจึงไม่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด
ยังมีคนเชื่อพระเจ้าเยอะแยะที่ยังไม่ได้เข้าพิธี แต่มีความเชื่อ
คุณจะไปตัดสินได้อย่างไรว่าใครรอดไม่รอด
หน้าที่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าเพียงผู้เดียว
ดังนั้นพระศาสนจักรงดการพูดว่า "ไม่มีความรอดนอกพระศาสนจักร"
บัตรประชาชนยังเป็นพุทธอยู่ ตายแล้วเผาศพด้วย
แต่คุณเชื่อพระเยซู เชื่อว่าพระองค์เป้นพระผู้ไถ่
แบบนี้ถือว่าเขาอยุ่ในศาสนจักรรึยังล่ะค่ะ
เขามีสิทธิ์รอดมั๊ย เขายังไม่เข้าพิธีเลย
นั่นแหละ... ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกจึงไม่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด
ยังมีคนเชื่อพระเจ้าเยอะแยะที่ยังไม่ได้เข้าพิธี แต่มีความเชื่อ
คุณจะไปตัดสินได้อย่างไรว่าใครรอดไม่รอด
หน้าที่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าเพียงผู้เดียว
ดังนั้นพระศาสนจักรงดการพูดว่า "ไม่มีความรอดนอกพระศาสนจักร"
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
หน้าที่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าเพียงผู้เดียว~@Little lamb@~ เขียน: สมมุติว่าคุณเชื่อพระเยซูแล้ว แต่ยังไม่ได้ล้างบาป ไม่ได้บัปติสมา
บัตรประชาชนยังเป็นพุทธอยู่ ตายแล้วเผาศพด้วย
แต่คุณเชื่อพระเยซู เชื่อว่าพระองค์เป้นพระผู้ไถ่
แบบนี้ถือว่าเขาอยุ่ในศาสนจักรรึยังล่ะค่ะ
เขามีสิทธิ์รอดมั๊ย เขายังไม่เข้าพิธีเลย
นั่นแหละ... ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกจึงไม่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด
ยังมีคนเชื่อพระเจ้าเยอะแยะที่ยังไม่ได้เข้าพิธี แต่มีความเชื่อ
คุณจะไปตัดสินได้อย่างไรว่าใครรอดไม่รอด
หน้าที่ตัดสินว่าใครจะรอดไม่รอด เป็นสิทธิ์ของพระเจ้าเพียงผู้เดียว
ดังนั้นพระศาสนจักรงดการพูดว่า "ไม่มีความรอดนอกพระศาสนจักร"
ดังนั้นพระศาสนจักรงดการพูดว่า "ไม่มีความรอดนอกพระศาสนจักร"