ขอข้อคัมภีร์ที่่สอนวิธีอธิษฐานต่อพระแม่หน่อยคับ
เห็นในมัทธิวบทอะไรจำไม่ได้แล้ว มีแต่สอนให้อธิษฐานต่อพระบิดา
บทไหนบ้างที่สอนให้อธิษฐานต่อพระแม่ กับฑูตสวรรค์และเทพศักดิเทพงับ
บทไหนบ้างที่สอนให้อธิษฐานต่อพระแม่ กับฑูตสวรรค์และเทพศักดิเทพงับ
ดังนั้น จงสารภาพบาปแก่กัน และจงอธิษฐานให้กันเพื่อท่านจะหายจากโรค
คำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผลมากมาย
ยากอบ 5:16
คำอ้อนวอนของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผลมากมาย
ยากอบ 5:16
---การกล่าวให้เกียรติแม่พระจากพระจิตเจ้า
ลก 1:39
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า
ลก 1:39
หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า
ใช่แล้วครับ ^^ ผมสวดก่อนนอนทุกวันHoly เขียน:
วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทาน พระเจ้าสถิตย์กับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใดๆ และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญนักหนา สันตะมารีอามารดาพระเจ้า โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5477.0
แต่ว่าคริสตชนที่ตายไปก่อนเรา ยังหลับอยู่ไม่ใช่เหรอคับ แล้วจะรู้ได้ไงว่าพระแม่มารีย์ยังหลับอยู่หรือป่าว
1เธสะโลนิกา 4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน
1เธสะโลนิกา 4:16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน
พระนางมารีย์ได้รับเกียร์ติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกาย(เนื้อ)เเละวิญญาณ ค่ะ 
ดังนั้นท่านจึงไม่หลับอยู่
ดังนั้นท่านจึงไม่หลับอยู่
ลก 23:39-43 ผู้ร้ายกลับใจ
(39)ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า ‘แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือจงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ’ (40)แต่อีกคนหนึ่งดุเขากล่าวว่า ‘แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกัน (41)สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย’ (42)แล้วเขาทูลว่า ‘ข้าแต่พระเยซู โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์’ (43)พระองค์ตรัสตอบเขาว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์’
---วันนี้นะครับ
(39)ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า ‘แกเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือจงช่วยตนเองและช่วยเราให้รอดพ้นด้วยซิ’ (40)แต่อีกคนหนึ่งดุเขากล่าวว่า ‘แกไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือที่มารับโทษเดียวกัน (41)สำหรับพวกเราก็ยุติธรรมแล้ว เพราะเรารับโทษสมกับการกระทำของเรา แต่ท่านผู้นี้มิได้ทำผิดเลย’ (42)แล้วเขาทูลว่า ‘ข้าแต่พระเยซู โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์’ (43)พระองค์ตรัสตอบเขาว่า ‘เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์’
---วันนี้นะครับ
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
[quote="Holy"]
ลก 23:39-43 ผู้ร้ายกลับใจ
(39)ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า
ลก 23:39-43 ผู้ร้ายกลับใจ
(39)ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน พูดดูหมิ่นพระองค์ว่า
เป็นไปได้ไหมว่ากำลังอยู่ในสถานะหลับอยู่ในเมืองบรมสุขเกษม เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อเสียงแตรครั้งที่เจ็ดดังขึ้น คนที่ตายแล้วจะฟื้น และได้สวมวิญญาณใหม่ซึ่งเป็นนิรันดร์
มีอีกคนนึงที่อยู่ในสถานะหลับในเมืองยรมสุขเกษมก็คือ ลาซารัส เรื่องลาซารัสกับเศรษฐี ที่บอกว่าลาซารัสหลับอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม
มีอีกคนนึงที่อยู่ในสถานะหลับในเมืองยรมสุขเกษมก็คือ ลาซารัส เรื่องลาซารัสกับเศรษฐี ที่บอกว่าลาซารัสหลับอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม
ไม่ครับ เพราะคนเดิม เขียน: เป็นไปได้ไหมว่ากำลังอยู่ในสถานะหลับอยู่ในเมืองบรมสุขเกษม เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อเสียงแตรครั้งที่เจ็ดดังขึ้น คนที่ตายแล้วจะฟื้น และได้สวมวิญญาณใหม่ซึ่งเป็นนิรันดร์
มีอีกคนนึงที่อยู่ในสถานะหลับในเมืองยรมสุขเกษมก็คือ ลาซารัส เรื่องลาซารัสกับเศรษฐี ที่บอกว่าลาซารัสหลับอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม
1.นั่นเป็นเรื่องอุปมา
2.เป็นเรื่องที่ถูกเล่าก่อนการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้าจะสำเร็จไป
ซึ่งผลของการไถ่กู้ พระคัมภีร์ก็ได้บันทึกว่า
คูหาที่ฝังศพเปิดออก ร่างของผู้ศักดิ์สิทธิ์หลายร่างที่ล่วงหลับไปแล้วกลับคืนชีพ
และออกมาจากหลุมศพหลังจากที่พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ พากันเข้าไปในนครศักดิ์สิทธิ์แล้วแสดงตนแก่ผู้คนเป็นอันมาก
มัทธิว 27:52-53
แล้วที่พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อพระเยซูเสด็จมา เมื่อเป่าแตรครั้งที่เจ็ดแล้ว คนที่ล่วงหลับอยู่จะเป็นขึ้นมา หลังจากนั้นจะได้กายใหม่ และถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ อันนี้หมายความว่าไงคับ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7409.0คนเดิม เขียน: แล้วที่พระคัมภีร์กล่าวว่า เมื่อพระเยซูเสด็จมา เมื่อเป่าแตรครั้งที่เจ็ดแล้ว คนที่ล่วงหลับอยู่จะเป็นขึ้นมา หลังจากนั้นจะได้กายใหม่ และถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ อันนี้หมายความว่าไงคับ
เชิญอ่านกระทู้นี้ค่า
ผมขอนำข้อความเรื่องการตอบคำถามเรื่องชีวิตหลังความตายของโปรแตสแตนท์ที่ตอบโดยศาสนจารย์โปรแตสแตนท์เอง (ผมไม่ทราบว่าคุณอยู่คริสตจักรไหน และคริสตจักรคุณสอนมาแบบไหน) ซึ่งผมเห้นว่า มุมมองเรื่องชีิวิตหลังความตายที่คุณเชื่อนั้นแคบเกินไปครับ
ช่วงเวลาขณะที่ตายไป ( Intermediate State )
ประเด็นที่ถกเถียงกันว่าตายไปแล้ว วิญญาณจิตเราไปไหน/อยู่ที่ไหน ก่อน ที่จะรับการพิพากษา ซึ่งสมัยพระเยซูคริสต์พวกสะดุสีก็ถามเรื่องนี้ คือว่าการฟื้นจากความตายไม่มี ( ดูมธ.๒๒.๒๓-๓๓ ) พระองค์ตรัสย้อนไปที่โมเสสว่า “แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า "เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ" ( อพยพ ๓.๖ ) และทรงเพิ่มเติมว่า “พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น" ( มธ.๒๒.๓๒ )
อีกประเด็นคือ คนของพระเจ้าแม้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ( ลก.๑๖.๑๙.๓๑) และเรื่องวิญญาณที่อยู่ใต้แท่นบูชา (วว.๖.๙-๑๐ ) ทำให้เราเห็นว่า วิญญาณจิตของมนุษย์ เป็นอมตะ แต่มีอะไรเกิดขึ้นกับวิญญาณหลังจากความตาย เป็นข้อโต้แย้ง กันพอสมควรทีเดียว ซึ่งมีด้วยกัน ๕ ทัศนะ ดังนี้
( ๑ ) หลักฐานจากพระคัมภีร์ ( นี่คือความเชื่อ ของโปรเตสแตนต์สายหลัก ) แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก แต่เราสรุปจากคำสอนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ดังนี้
- ผู้เชื่อจะอยู่กับพระคริสต์ ตามที่เปาโลกล่าวว่า “เรามีความมั่นใจ และเราปรารถนาจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าอยู่ในร่างกายนี้ ….เหตุฉะนั้นเรามั่นใจอยู่เสมอ รู้อยู่แล้วว่า ขณะที่เราอยู่ในร่างกายนี้ เราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” ( ๒ คร.๕.๘, ๖ ) และ เขา “ปรารถนาที่จะจากไปอยู่กับพระคริสต์” ( พป.๑.๒๓ ) พระเยซูเจ้าทรงปลอบใจชายที่ถูกตรึงข้างๆพระองค์ว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” คือสวรรค์นั่นเอง (ลก.๒๓.๔๓ )
จาก ๒ คร.๑๒.๒-๓ คริสเตียนเชื่อว่า “เมืองบรมสุขเกษม”คือสวรรค์ ในสวรรค์ผู้เชื่ออยู่กับพระเจ้าและผู้เชื่ออื่นๆ ด้วย “และมาถึงที่ชุมนุมอันร่าเริงของบุตรหัวปี ผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงวิญญาณจิตของคนชอบธรรม ซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว “ ( ฮบ.๑๒.๒๓ ) คนเหล่านี้จะมีความรู้สึกนึกคิดและมีความสุข (ลก.๑๖.๑๙-๓๑,วว.๑๔.๑๓ ) ช่วงที่รอคอยการฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นช่วงที่มีความสุข กว่าอยู่ในโลก จากคำบรรยายของเปาโลว่า “ประเสริฐกว่ามากนัก” ( ฟป.๑.๒๓ ) เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ก็สัมผัสถึงความสุขของลาซารัส ที่อยู่ในอ้อมอกฮับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อ รับการปลอบใจ ส่วนเศรษฐีทุกขเวทนา เราเชื่อว่าผู้ไม่เชื่อต้องรอคอยการพิพากษาและประสบกับความทุกข์ .....ส่วนผู้ที่เชื่อ ก็อยู่ในที่ๆมีพระเจ้า/พระเยซูคริสต์ อย่างมีความสุข และรอคอยการพิพากษา เช่นกัน ( เพราะทุกคนจะอยู่ต่อเบื้องบัลลังก์พิพากษา )
๒.แดนชำระ ( Purgatory ) นี่เป็นคำสอน/ความเชื่อของพี่น้องคริสตัง ทางโปรเตสแตนต์ปฏิเสธ เพราะไม่มีพระคัมภีร์ในสาระบบของเรา รองรับ เพราะส่วนใหญ่มาจาก อธิกธรรม ( ๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕ ) และที่พระคัมภีร์ในสารบบ ที่อ้างถึงมี ศคย.๙.๑๑ ,มธ.๑๒.๓๒,๑ คร.๓.๑๓-๑๕ หรือ ฮบ.๑.๓
หมายเหตุ: ดังนั้นเมื่อพี่น้องคริสตังขอคำภาวนาให้ดวงวิญญาณของผู้ที่จากไปอยู่กับพระ เจ้าแล้ว พวกเราจะงง เพราะคริสเตียนจะภาวนาให้กับ ครอบครัวบุคคลที่ใกล้ชิดผู้จากไป เพราะเขาต้องได้รับคำปลอบใจ กำลังใจ ส่วนผู้ที่จากไป ด้วยความเชื่อ เราขอบคุณพระเจ้า และเชื่อว่าเขาจะอยู่กับพระองค์ ส่วนพระองค์จะจัดให้ที่ไหน เราไม่สนใจ เพราะเราเชื่อว่าที่ๆ พระเจ้าจัดให้ขณะรอคอยการพิพากษา ต้องเป็นที่ที่ดี และตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ ค่ะ
๓. วิญญาณหลับ( Soul-sleep )
ทัศนะ นี้สอนว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณจะเข้าสู่ภาวะหลับสนิท ไม่รับรู้สิ่งที่อยู่รอบๆตัว ผู้สนับสนุนทัศนะนี้ก็ใช้พระคัมภีร์สนับสนุน เช่น การตายคือการหลับ ( มธ.๙.๒๔,ยน.๑๑.๑๑,ธส.๔.๑๓ ) หรือพระคัมภีร์บางตอนกล่าวถึงคนตายแล้วไม่รู้ตัว ( สดด.๑๔๖.๔,ปญจ.๙.๕,๙.๑๐,อสย,๓๘.๑๘ ) ความจริงหลับเป็นคำสุภาพแทนคำว่าตาย เพราะคนตายก็เหมือนคนหลับอยู่ ( ยก.๒.๒๖ )
๔.ความดับสูญ ( Annihilationism)
ทัศนะ นี้เกี่ยวข้องกับผู้ไม่เชื่อ คือ เชื่อว่าเมื่อคนตายไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ พระเจ้า จะดับสูญไปเลย เพราะตีพระคัมภีร์ ที่ว่า “ตาย ถูกทำลาย พินาศ” ถูกตีความว่าเป็นการ ทำลายให้สูญสิ้น” “ทำให้ไม่เป็นอยู่ต่อไป” ( ยน.๓.๑๖,๘.๕๑,รม.๙.๒๒ ) ถ้าเชื่อตามนี้ ผู้ที่ไม่เชื่อเพียงแต่ดับสูญไปสิ้นสุดไปเลย
๕.ความเป็นอมตะอย่างมีเงื่อนไข ( Conditional immortality )
ทัศนะ นี้เชื่อว่าวิญญาณไม่ได้สร้างให้เป็นอมตะ แต่อมตะจะเป็นได้เมื่อรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ชีวิตที่ว่าเป็นของประทานจากพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อพระเจ้าเมื่อตายไป ก็ดับสูญไม่ได้รับของประทานจากพระเจ้า ส่วนผู้ที่เชื่อได้รับของประทานจากพระเจ้า และชีวิตเป็นอมตะ และพระเจ้าทรงประทานอมตะแก่ ผู้ที่รับการทรงเรียกของพระองค์
ที่มา http://www.newmana.com/yabb/index.php?t ... 67;start=0
ช่วงเวลาขณะที่ตายไป ( Intermediate State )
ประเด็นที่ถกเถียงกันว่าตายไปแล้ว วิญญาณจิตเราไปไหน/อยู่ที่ไหน ก่อน ที่จะรับการพิพากษา ซึ่งสมัยพระเยซูคริสต์พวกสะดุสีก็ถามเรื่องนี้ คือว่าการฟื้นจากความตายไม่มี ( ดูมธ.๒๒.๒๓-๓๓ ) พระองค์ตรัสย้อนไปที่โมเสสว่า “แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า "เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ" ( อพยพ ๓.๖ ) และทรงเพิ่มเติมว่า “พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น" ( มธ.๒๒.๓๒ )
อีกประเด็นคือ คนของพระเจ้าแม้ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ( ลก.๑๖.๑๙.๓๑) และเรื่องวิญญาณที่อยู่ใต้แท่นบูชา (วว.๖.๙-๑๐ ) ทำให้เราเห็นว่า วิญญาณจิตของมนุษย์ เป็นอมตะ แต่มีอะไรเกิดขึ้นกับวิญญาณหลังจากความตาย เป็นข้อโต้แย้ง กันพอสมควรทีเดียว ซึ่งมีด้วยกัน ๕ ทัศนะ ดังนี้
( ๑ ) หลักฐานจากพระคัมภีร์ ( นี่คือความเชื่อ ของโปรเตสแตนต์สายหลัก ) แม้ว่าพระคัมภีร์ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก แต่เราสรุปจากคำสอนที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ดังนี้
- ผู้เชื่อจะอยู่กับพระคริสต์ ตามที่เปาโลกล่าวว่า “เรามีความมั่นใจ และเราปรารถนาจะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้ามากกว่าอยู่ในร่างกายนี้ ….เหตุฉะนั้นเรามั่นใจอยู่เสมอ รู้อยู่แล้วว่า ขณะที่เราอยู่ในร่างกายนี้ เราอยู่ห่างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” ( ๒ คร.๕.๘, ๖ ) และ เขา “ปรารถนาที่จะจากไปอยู่กับพระคริสต์” ( พป.๑.๒๓ ) พระเยซูเจ้าทรงปลอบใจชายที่ถูกตรึงข้างๆพระองค์ว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” คือสวรรค์นั่นเอง (ลก.๒๓.๔๓ )
จาก ๒ คร.๑๒.๒-๓ คริสเตียนเชื่อว่า “เมืองบรมสุขเกษม”คือสวรรค์ ในสวรรค์ผู้เชื่ออยู่กับพระเจ้าและผู้เชื่ออื่นๆ ด้วย “และมาถึงที่ชุมนุมอันร่าเริงของบุตรหัวปี ผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาคนทั้งปวง และมาถึงวิญญาณจิตของคนชอบธรรม ซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว “ ( ฮบ.๑๒.๒๓ ) คนเหล่านี้จะมีความรู้สึกนึกคิดและมีความสุข (ลก.๑๖.๑๙-๓๑,วว.๑๔.๑๓ ) ช่วงที่รอคอยการฟื้นขึ้นมาใหม่เป็นช่วงที่มีความสุข กว่าอยู่ในโลก จากคำบรรยายของเปาโลว่า “ประเสริฐกว่ามากนัก” ( ฟป.๑.๒๓ ) เรื่องเศรษฐีกับลาซารัส ก็สัมผัสถึงความสุขของลาซารัส ที่อยู่ในอ้อมอกฮับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อ รับการปลอบใจ ส่วนเศรษฐีทุกขเวทนา เราเชื่อว่าผู้ไม่เชื่อต้องรอคอยการพิพากษาและประสบกับความทุกข์ .....ส่วนผู้ที่เชื่อ ก็อยู่ในที่ๆมีพระเจ้า/พระเยซูคริสต์ อย่างมีความสุข และรอคอยการพิพากษา เช่นกัน ( เพราะทุกคนจะอยู่ต่อเบื้องบัลลังก์พิพากษา )
๒.แดนชำระ ( Purgatory ) นี่เป็นคำสอน/ความเชื่อของพี่น้องคริสตัง ทางโปรเตสแตนต์ปฏิเสธ เพราะไม่มีพระคัมภีร์ในสาระบบของเรา รองรับ เพราะส่วนใหญ่มาจาก อธิกธรรม ( ๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕ ) และที่พระคัมภีร์ในสารบบ ที่อ้างถึงมี ศคย.๙.๑๑ ,มธ.๑๒.๓๒,๑ คร.๓.๑๓-๑๕ หรือ ฮบ.๑.๓
หมายเหตุ: ดังนั้นเมื่อพี่น้องคริสตังขอคำภาวนาให้ดวงวิญญาณของผู้ที่จากไปอยู่กับพระ เจ้าแล้ว พวกเราจะงง เพราะคริสเตียนจะภาวนาให้กับ ครอบครัวบุคคลที่ใกล้ชิดผู้จากไป เพราะเขาต้องได้รับคำปลอบใจ กำลังใจ ส่วนผู้ที่จากไป ด้วยความเชื่อ เราขอบคุณพระเจ้า และเชื่อว่าเขาจะอยู่กับพระองค์ ส่วนพระองค์จะจัดให้ที่ไหน เราไม่สนใจ เพราะเราเชื่อว่าที่ๆ พระเจ้าจัดให้ขณะรอคอยการพิพากษา ต้องเป็นที่ที่ดี และตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์ ค่ะ
๓. วิญญาณหลับ( Soul-sleep )
ทัศนะ นี้สอนว่า เมื่อตายแล้ววิญญาณจะเข้าสู่ภาวะหลับสนิท ไม่รับรู้สิ่งที่อยู่รอบๆตัว ผู้สนับสนุนทัศนะนี้ก็ใช้พระคัมภีร์สนับสนุน เช่น การตายคือการหลับ ( มธ.๙.๒๔,ยน.๑๑.๑๑,ธส.๔.๑๓ ) หรือพระคัมภีร์บางตอนกล่าวถึงคนตายแล้วไม่รู้ตัว ( สดด.๑๔๖.๔,ปญจ.๙.๕,๙.๑๐,อสย,๓๘.๑๘ ) ความจริงหลับเป็นคำสุภาพแทนคำว่าตาย เพราะคนตายก็เหมือนคนหลับอยู่ ( ยก.๒.๒๖ )
๔.ความดับสูญ ( Annihilationism)
ทัศนะ นี้เกี่ยวข้องกับผู้ไม่เชื่อ คือ เชื่อว่าเมื่อคนตายไปแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ พระเจ้า จะดับสูญไปเลย เพราะตีพระคัมภีร์ ที่ว่า “ตาย ถูกทำลาย พินาศ” ถูกตีความว่าเป็นการ ทำลายให้สูญสิ้น” “ทำให้ไม่เป็นอยู่ต่อไป” ( ยน.๓.๑๖,๘.๕๑,รม.๙.๒๒ ) ถ้าเชื่อตามนี้ ผู้ที่ไม่เชื่อเพียงแต่ดับสูญไปสิ้นสุดไปเลย
๕.ความเป็นอมตะอย่างมีเงื่อนไข ( Conditional immortality )
ทัศนะ นี้เชื่อว่าวิญญาณไม่ได้สร้างให้เป็นอมตะ แต่อมตะจะเป็นได้เมื่อรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ ชีวิตที่ว่าเป็นของประทานจากพระเจ้า ผู้ไม่เชื่อพระเจ้าเมื่อตายไป ก็ดับสูญไม่ได้รับของประทานจากพระเจ้า ส่วนผู้ที่เชื่อได้รับของประทานจากพระเจ้า และชีวิตเป็นอมตะ และพระเจ้าทรงประทานอมตะแก่ ผู้ที่รับการทรงเรียกของพระองค์
ที่มา http://www.newmana.com/yabb/index.php?t ... 67;start=0
ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกไหม ตอนนี้พระแม่มารีย์อยู่ในสถานะเดียวกับลาซารัส คือหลับอยู่ อาจหลับอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม หรือใครสักคน เพราะยังไม่ได้รับวิญาญใหม่ เพราะพระเยซูยังไม่ได้เสด็จมาและเป่าแตร แต่ในสถานะหลับอยู่นั้น พระแม่มารีย์หรือลาซารัสก็มีความสุขและคุยกับพระเจ้าได้ในขณะสถานะหลับในอ้อมกอด
"เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์คนเดิม เขียน: ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกไหม ตอนนี้พระแม่มารีย์อยู่ในสถานะเดียวกับลาซารัส คือหลับอยู่ อาจหลับอยู่ในอ้อมกอดของอับราฮัม หรือใครสักคน เพราะยังไม่ได้รับวิญาญใหม่ เพราะพระเยซูยังไม่ได้เสด็จมาและเป่าแตร แต่ในสถานะหลับอยู่นั้น พระแม่มารีย์หรือลาซารัสก็มีความสุขและคุยกับพระเจ้าได้ในขณะสถานะหลับในอ้อมกอด
คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ
นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร "
วิวรณ์ 12:1-2

เราคาทอลิกเชื่อว่า พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์แ้ล้วครับ
ทำนองเดียวกับที่ ประกาศก(ผู้เผยพระวจนะ)เอลียาห์ได้รับเกียรติ มีราชรถเพลิงมารับท่านขึ้นสวรรค์เช่นกัน

ลองอ่าน 2พงศ์กษัตริย์บทที่2ข้อ1ถึง11 ดูสิ

แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ต.ค. 06, 2008 9:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
คุณยศเยี่ยมไปเลยครับ