เปลี่ยนชื่อจริง มันไม่มีผลมากใช่ไหมหะ กับชีวิต
เปลี่ยนชื่อเเล้วเเย่ลง หรือเปลี่ยนชื่อเพื่อเสริมสิริมงคลของตน
ไม่ใช่ความเชื่อของคริสตชนอ่าค่ะ ไม่มีผลตั้งเเต่เเรกเเล้ว...
ไม่ใช่ความเชื่อของคริสตชนอ่าค่ะ ไม่มีผลตั้งเเต่เเรกเเล้ว...
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
-
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:23 pm
- ที่อยู่: 1506/504 ซ.7/ม.สราลี เทพารักษ์ สป. // อาสนวิหาอัสสัมชัญ
- ติดต่อ:
ชื่อนั้นสำคัญไฉนคะ........
พระองค์จำคุณอย่างที่คุณเป็น ชื่อไม่ได้เป็นตัวบ่งบอก หรือกำหนด หรือมีผลกระทบว่าชีวิตคุณจะเป็นยังไง
นี่คะ.......
พระอวยพรค่ะ
พระองค์จำคุณอย่างที่คุณเป็น ชื่อไม่ได้เป็นตัวบ่งบอก หรือกำหนด หรือมีผลกระทบว่าชีวิตคุณจะเป็นยังไง
นี่คะ.......
พระอวยพรค่ะ
นักบุญเปโตร เดิมชื่อ " ซีโมน " เป็นชาวประมงคนหนึ่งของตำบลเบธไซดา (ลก. 5 : 3) แต่ต่อมาได้ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาเปอร์นาอุม (มก. 1 : 21,29) นักบุญอันดรูว์น้องชายของท่านได้เป็นคนแนะนำมาให้ติดตามพระเยซูเจ้า " ผมพบท่าน ผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งมาเป็นกษัตริย์แล้ว" (ยน. 1 : 41)
พระเยซูเจ้าทรงได้เปลี่ยนชื่อท่านใหม่และทรงเรียกว่า " เปโตร " ซึ่งแปลว่า " ศิลา" (มธ. 16 : 17-19) ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสถามท่านว่า " ท่านคิดว่าเราเป็นใคร " และเปโตรได้ทูลว่า" พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเป็นเจ้า " พระเยซูจึงตรัสว่า " เราจะตั้งท่านเป็นหัวหน้าแทนเรา ทั้งจะมอบกุญแจอาณาจักรแห่งเมืองสวรรค์"(มธ. 16 : 15-19) สัญญลักษณ์ที่เห็นเด่นชัดในภาพคือ มือของท่านมีลูกกุญแจ
นักบุญเปโตรเป็นพระสัตปาปาองค์แรกของพระศาสนจักร ท่านได้ถูกจับตรึงกางเขน และท่านได้ขอร้องให้เอาศีรษะทิ่มลงหิน โดยกล่าวว่า ท่านไม่สมควรที่จะตายในลักษณะเดียวกับพระเยซูเจ้าพระอาจารย์
นักบุญเปาโล เดิมชื่อว่า "เซาโล" (ภาษาฮีบรู แปลว่า ที่ปรารถณาที่ต้องการ" ท่านเป็นชาวยิวที่เกลียดชังพวกคริสตชนอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านเดินทางไปเมืองดามัสกัส เพื่อจับคริสตชน พระเป็นเจ้าได้ประจักษ์มาหาท่านโดยทำให้เกิดแสงสว่างลงมาจากฟ้าล้อมรอบตัวท่าน จนทำให้ท่านตกลงมาจากหลังม้า และก็มีเสียงถามท่านว่า " เซาโล เซาโล เจ้าเบียดเบียนเราทำไม " เซาโลจึงถามว่า " พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้าทำสิ่งใด " เสียงนั้นก็ว่า " จงเข้าไปในเมืองแล้วเจ้าจะรู้ว่าจะต้องทำอะไร" แต่เนื่องจากขณะนั้นตาของท่านบอด จึงต้องมีคนนำทางท่านเข้าไปในเมือง สามวันให้หลัง ท่านได้พบกับชายคนหนึ่งชื่อ อานาเนีย ซึ่งบอกกับท่านว่า พระเป็นเจ้าได้ส่งเขามาพบท่าน หลังจากนั้นท่านก็ได้เห็นอีกครั้ง พร้อมกับพระหรรษทานจากพระจิตเจ้า ท่านได้กลับใจและรับศีลล้างบาป ทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น " เปาโล " (เทียบ กจ. 9 : 1-19, กท. 1 : 12-17)
ท่านเป็นผู้มีจิตใจร้อนรนทั้งจาริกประกาศพระศาสนาจักรไปทั่วแคว้นต่างๆ รวมทั้งเขียนจดหมายถึงคริสตชนเป็นจำนวนมากที่สุด ท่านจึงถูกจำคุกและถูกตัดศีรษะ เป็นมรณสักขี ฉะนั้น จึงเห็นว่า สัญญลักษณ์ที่เห็นในภาพคือ พระคัมภีร์และดาบ.
จากลิงค์นี้ครับ
http://www.geocities.com/Athens/Thebes/3517/saint8.html
จะเห็นว่านักบุญทั่งสองท่านเดิมก็ใช้ชื่อหนึ่งแต่ตอนหลังพระเจ้าก็ให้เปลี่ยนไปเป็นอีกชื่อหนึ่ง แล้วมีคำถามขึ้นในใจไหมครับว่าทำไมพระองค์ถึงให้เปลี่ยน ชื่อเซาโลก็แพร่ธรรมได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น เปาโล ในเมื่อชื่อไหนๆ มันก็เหมือนกัน แล้ว ซีโมน ใช้ชื่อ ซีโมน ก็เป็นผู้นำของพระศาสนจักรได้ทำไมต้องเปลี่ยนเป็น เปโตรด้วย
จากพระคัมภีร์ตั้งแต่หนังสือปฐมกาลลงมาจะเห็นว่า ทุกตัวบุคลในพระคัมภีร์ชื่อของเขาจะตรงกับชีวิตและกิจการที่เขาทำบนโลกใบนี้
(26) ภายหลังน้องของเขาก็คลอดออกมา มือมือของเขาจับซ่นเท้าของเอซาวไว้ เขาจึงตั้งชื่อว่า ยาโคบ (แปลว่าเขาจับซ่นเท้า หรือ เขาหลอก) เมื่อนางคลอดลูกแฝดนั้น อิสอัคมีอายุได้หกสิบปี (ปฐมกาล 25 : 26)
และแล้วในที่สุดชีวิตของยาโคบก็ได้พรจากอิสอัค ด้วยการหลอกให้พ่อเข้าใจว่าตนเป็นเอเซาพี่ชาย แล้วในที่สุดอิสอัคซึ่งเป็นพ่อก็อวยพรยาโคบ ชีวิตของยาโคบในแผนการของพระเจ้าถูกกำหนดโดยชื่อนั้น
ย้อนกลับไปดูอับบราฮัมพระคัมภีร์กล่าวว่า
(5) ชื่อของเจ้ามิใช่ อับราม (แปลว่า บิดาผู้เป็นที่ยกย่อง) อีกต่อไป เจ้าจะมีชื่อใหม่ คืออับราฮัม (บิดาแห่งมวลชน) เพราะเราให้เจ้าเป็นบิดาของประชาชาติมากมาย (ปฐมกาล 17:5)
พระเจ้าเปลี่ยนชื่อให้อับราม ซึ่งแปลว่าเป็นที่ยกย่อง แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้อับรามได้เพียงแค่นั้น แต่ต้องการให้อับรามเป็นบิดาของมวลชนมากมาย เป็นบิดาของสามศาสนาคือ คริสต์ ยิว และมูสลิม ดังนั้นชื่อจึงมีผลต่อวิถีชีวิตและการเจิมตั้งของพระเจ้า ไม่เพียงสองคนที่พี่ยกมาเกือบทุกบุคลในพระคัมภีร์ชื่อของเขาตรงกับกิจการของพระเจ้าที่เขาทำทั้งสิ้น
คนโบราณไม่ว่าชาติใดเขาให้ตั้งชื่อเป็นมงคลให้ชื่อดีๆ นะถูกแล้ว เพราะชื่อก็เป็นการอวยพรจากพ่อแม่ตามชื่อนั้น หรือพระเจ้าก็อวยพรตามชื่อนั้น ไม่ใช่ดวงชะตา เพราะศาสนาเราไม่ได้เชื่อเรื่องดวงชะตา
ถ้าจะเปลี่ยนชื่อที่เห็นว่าชื่อนั่นน่าจะตรงกับแผนงานและอนาคตที่ดีของเราก็เปลี่ยนได้ครับ แล้วถ้าเป็นชื่อที่ขอให้พระเจ้าเจิมตั้งยิ่งได้ผลใหญ่
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 26, 2009 11:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Joseph เขียน:ฤทธิ์อำนาจบนโลกนี้มีแค่สองแห่งคือ 1. ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ากับทูตสวรรค์ 2. ฤทธิ์อำนาจของลูซิเฟอร์กับปีศาจ นอนเหนือจากสองแห่งนี้ก็ไม่มีพวกความเชื่อทางพุทธ หรือพราหม์ไม่สามารถทำไรได้ใช่ไหมหะ
ไม่มีใครมีอำนาจนอกจากพระเจ้าครับ
ทูตสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจ เพราะจริงๆแล้วทุกอย่างพระก็เป็นคนให้ทั้งสิ้น
และถ้าเจ้าตัวในข้อสองมันจะทำอะไรเราได้ นั่นก็คือมันได้อำนาจจากพระเจ้า และได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแล้วครับ
ขอยำ้..สำเนาถูกต้องคะsasuke เขียน:Joseph เขียน:ฤทธิ์อำนาจบนโลกนี้มีแค่สองแห่งคือ 1. ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ากับทูตสวรรค์ 2. ฤทธิ์อำนาจของลูซิเฟอร์กับปีศาจ นอนเหนือจากสองแห่งนี้ก็ไม่มีพวกความเชื่อทางพุทธ หรือพราหม์ไม่สามารถทำไรได้ใช่ไหมหะ
ไม่มีใครมีอำนาจนอกจากพระเจ้าครับ
ทูตสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจ เพราะจริงๆแล้วทุกอย่างพระก็เป็นคนให้ทั้งสิ้น
และถ้าเจ้าตัวในข้อสองมันจะทำอะไรเราได้ นั่นก็คือมันได้อำนาจจากพระเจ้า และได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแล้วครับ
"ทุกสิ่งทุกอย่างบนท้องฟ้า บนแผ่นดินอยู่ภายใต้อำนาจพระเจ้าองค์เดียว"
(ฟป.2:10-11; อฟ. 1:20-23; อฟ. 3:8-12; วว. 21:22-25)
"พระเจ้าไม่ทรงสร้างสิ่งชั่วหรือจิตชั่ว" (ต่อต้านความคิดที่ว่ามีสองต้นเหตุแห่งสรรพสิ่ง)
(คส. 1:15-18; คส. 2:9-23)
อยากให้ช่วยอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมอีกหน่อยค่ะ :rolleyes:sasuke เขียน:
ทูตสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจ เพราะจริงๆแล้วทุกอย่างพระก็เป็นคนให้ทั้งสิ้น
และถ้าเจ้าตัวในข้อสองมันจะทำอะไรเราได้ นั่นก็คือมันได้อำนาจจากพระเจ้า และได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแล้วครับ
พระเจ้าสร้างทุกสิ่งมาไม่ว่าอะไรมันก็ต้องมาจากพระเจ้าเป็นของแน่อยู่แล้วครับ ดูนกที่บินได้ด้วยปีกและอากาศก็มาจากการอวยพรของพระเจ้าให้มันบินได้ ปลาที่ว่ายไปด้วยครีบในน้ำก็อาศัยการอวยพรจากพระเจ้าให้มันว่ายน้ำได้ ส่วนทูตสวรรค์มีอิทธิฤทธิ์ก็อาศัยอารอวยพรจากพระเจ้าให้เขามีอิทธิฤทธิ์ เพราะเขาถูกสร้างมาเพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์sasuke เขียน:Joseph เขียน:ฤทธิ์อำนาจบนโลกนี้มีแค่สองแห่งคือ 1. ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้ากับทูตสวรรค์ 2. ฤทธิ์อำนาจของลูซิเฟอร์กับปีศาจ นอนเหนือจากสองแห่งนี้ก็ไม่มีพวกความเชื่อทางพุทธ หรือพราหม์ไม่สามารถทำไรได้ใช่ไหมหะ
ไม่มีใครมีอำนาจนอกจากพระเจ้าครับ
ทูตสวรรค์ก็ไม่มีอำนาจ เพราะจริงๆแล้วทุกอย่างพระก็เป็นคนให้ทั้งสิ้น
และถ้าเจ้าตัวในข้อสองมันจะทำอะไรเราได้ นั่นก็คือมันได้อำนาจจากพระเจ้า และได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแล้วครับ
ทูตสวรรค์เป็นสิ่งสร้างและทูตสร้างมาเพื่อให้มีฤทธิ์อำนาจคงไม่ใช่ถูกสร้างมาแบบ นก ปลา หรือสัตว์ที่มีลมหายใจ แล้วฤทธิอำนาจของทูตสวรรค์จะมากขึ้นตามตำแหน่งชั้นของทูตสวรรค์ ส่วนลูซิเฟอร์คือผู้ที่ถือว่ามีฤทธิ์อำนาจมากที่สุดรองจากพระเจ้าเลยครับ ถึงแม้มันจะกบฏจึงถูกไล่ออกจาสวรรค์ไปแล้วแต่พระเจ้าก็ยังประทานฤทธิ์อำนาจให้มันเท่าเดิมไม่ได้ลดลงแต่ประการได้
ก็แน่นอนอยู่แล้วไม่เพียงแต่ทูตสวรรค์คนธรรมดาถ้าเขาเมาเหล้าชกหน้าเราขึ้นมาหน้าแหกก็ต้องเป็นการอนุญาติจากพระเจ้าแน่ๆ ถ้าไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะชกหน้าเราไม่ได้จริงไหม ก็น่าจะเป็นอย่างเดียวกัน คนที่เชื่อพระเจ้าแล้วมีสิทธิถูกมนุษย์ด้วยกันต่อยหน้าได้ฉันใด คนที่เชื่อพระเจ้าก็มีสิทธิ์ถูกทูตสวรรค์เลวๆ ทำร้ายเราได้ฉันนั้น ถ้าเราไม่ได้สวดให้ให้พระเจ้าคุ้มครองหรือคุ้มภัย ถ้าเราสวดขอพรให้พระคุ้มครองไม่ว่ามนุษย์หรือทูตสวรรค์ก็ไม่อาจจะมาทำร้ายเราได้ถ้านั่นไม่ได้เป็นน้ำพระทัยถ้าเจ้าตัวในข้อสองมันจะทำอะไรเราได้ นั่นก็คือมันได้อำนาจจากพระเจ้า และได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแล้วครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 29, 2009 1:24 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ. 395
อย่างไรก็ตาม อานุภาพของซาตานก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นเเค่สิ่งสร้าง มีอำนาจขึ้นมาก็เพราะมันเป็นจิตบริสุทธิ์
เเต่มันก็ยังเป็นสิ่งสร้างอยู่เสมอ มันไม่สามารถยับยั้งการสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าให้สูงส่งขึ้นมา
เเม้ว่าซาตานจะปฏิบัติงานอยู่ในโลก เพราะความเคียดเเค้นที่มีต่อพระเจ้า เเละอาณาจักรของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
เเละการกระทำของมันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายเเรงต่อมนุษย์เเต่ละคนเเละต่อสังคม ในวิสัยฝ่ายจิต
เเละเเม้กระทั่งในวิสัยฝ่ายกายภาพในทางอ้อมก็ตามที การกระทำนั้นก็ยังได้รับอนุญาตจากพระญาณที่อาทรของพระเจ้า
ซึ่งคอยเเนะเเนวทางให้แก่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เเละของโลกด้วยพลังเเละด้วยความอ่อนโยน
การที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจกระทำกิจกรรมได้นี้ นับเป็นธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่
เเต่ "เราทราบว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์" (รม 8:28)
อย่างไรก็ตาม อานุภาพของซาตานก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นเเค่สิ่งสร้าง มีอำนาจขึ้นมาก็เพราะมันเป็นจิตบริสุทธิ์
เเต่มันก็ยังเป็นสิ่งสร้างอยู่เสมอ มันไม่สามารถยับยั้งการสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าให้สูงส่งขึ้นมา
เเม้ว่าซาตานจะปฏิบัติงานอยู่ในโลก เพราะความเคียดเเค้นที่มีต่อพระเจ้า เเละอาณาจักรของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
เเละการกระทำของมันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายเเรงต่อมนุษย์เเต่ละคนเเละต่อสังคม ในวิสัยฝ่ายจิต
เเละเเม้กระทั่งในวิสัยฝ่ายกายภาพในทางอ้อมก็ตามที การกระทำนั้นก็ยังได้รับอนุญาตจากพระญาณที่อาทรของพระเจ้า
ซึ่งคอยเเนะเเนวทางให้แก่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เเละของโลกด้วยพลังเเละด้วยความอ่อนโยน
การที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจกระทำกิจกรรมได้นี้ นับเป็นธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่
เเต่ "เราทราบว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์" (รม 8:28)
อือมมมมม ขอบใจหลายๆLaurentius เขียน: หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ข้อ. 395
อย่างไรก็ตาม อานุภาพของซาตานก็ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นเเค่สิ่งสร้าง มีอำนาจขึ้นมาก็เพราะมันเป็นจิตบริสุทธิ์
เเต่มันก็ยังเป็นสิ่งสร้างอยู่เสมอ มันไม่สามารถยับยั้งการสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้าให้สูงส่งขึ้นมา
เเม้ว่าซาตานจะปฏิบัติงานอยู่ในโลก เพราะความเคียดเเค้นที่มีต่อพระเจ้า เเละอาณาจักรของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
เเละการกระทำของมันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายเเรงต่อมนุษย์เเต่ละคนเเละต่อสังคม ในวิสัยฝ่ายจิต
เเละเเม้กระทั่งในวิสัยฝ่ายกายภาพในทางอ้อมก็ตามที การกระทำนั้นก็ยังได้รับอนุญาตจากพระญาณที่อาทรของพระเจ้า
ซึ่งคอยเเนะเเนวทางให้แก่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เเละของโลกด้วยพลังเเละด้วยความอ่อนโยน
การที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้ปีศาจกระทำกิจกรรมได้นี้ นับเป็นธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่
เเต่ "เราทราบว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์" (รม 8:28)
-
- .
- โพสต์: 1739
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
- ที่อยู่: In the Christ
เปลี่ยนได้ครับ สบายๆ