ศีล อด ต้องทำยังงัยเหรอ
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
เห็นเค้าบอกว่า ต้องอดข้าว น้ำ ตั้งแต่หลังจากเที่ยง จนถึงเที่ยงอีกวันหนึ่ง
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
การถือศีลอดอาหาร
การจำศีลอดอาหารเพื่อเตรียมฉลองปัสกานี้ แต่เดิมถือกันเพียงสองหรือสามวันก่อนสมโภชปัสกาเท่านั้น ตามที่เราทราบจากงานเขียนของ Eusebius นักประวัติศาสตร์พระศาสนจักรที่บอกว่า นักบุญอิเรเนโอในปลายศตวรรษที่ 2 กำหนดไว้เช่นนี้ แต่ต่อมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 4 เมื่อมีการกำหนดเทศกาลมหาพรตเพื่อเตรียมฉลองปัสกาขึ้นโดยเฉพาะ ระยะเวลาการจำศีลก็ขยายออกไปถึง 40 วัน ตลอดเทศกาลมหาพรต และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กินอาหารอิ่มได้เพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการจำศีลอดอาหารของโมเสสของประกาศกเอลียาห์ และของพระเยซูเจ้า แต่เนื่องจากคริสตชนมีธรรมเนียมไม่จำศีลอดอาหารในวันอาทิตย์ (และวันเสาร์ด้วยในพระศาสนจักรตะวันออก) วันจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรต 6 สัปดาห์ (หรือ 7 สัปดาห์ในพระศาสนจักรตะวันออก) จึงเหลือจริงเพียง 36 วัน และต้องเพิ่มวันจำศีลในวันธรรมดาก่อนอาทิตย์แรกในเทศกาลมหาพรตอีก 4 วัน คือวันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ให้ครบ 40 วัน เทศกาลมหาพรตจึงเลื่อนมาเริ่มในวันพุธซึ่งเป็นวันธรรมดา แทนที่จะเริ่มในวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเช่นเดียวกับในเทศกาลอื่นๆ
ในปัจจุบัน พระศาสนจักรลดหย่อนข้อบังคับเรื่องการจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรตลงเหลือเพียง สองวัน คือในวันพุธรับเถ้าเมื่อเริ่มเทศกาล และในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงพระทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขน (Apostolic Constitution "Paenitemini" 1966) ถึงกระนั้น พระศาสนจักรยังคงรักษาจิตตารมณ์แท้จริงของเทศกาลมหาพรตไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการกลับใจสละน้ำใจของตนเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเหมือนองค์พระเยซูเจ้า เพื่อจะได้พร้อมที่กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ในคืนวันปัสกา
คำว่า "อดอาหาร" หมายถึง พระศาสนจักรให้ทานได้เพียง 1 มื้อ ในวันดังกล่าว และถ้าหากจำเป็นกลัวว่าจะเป็นลม หิวเพราะต้องทำงาน ก็ทานมื้อที่เหลือได้ครึ่งท้อง หมายความว่าทานพอกันเป็นลม มิใช่ทานอย่างปกติ ทั้งนี้และทั้งนั้นหากใครอดได้ทั้งวันเลยหรือทานเพียงมื้อเดียวจริงๆ ก็เป็นผลดี
จิตตารมณ์การอดเนื้อนี้ก็เช่นกันเพื่อเข้ารวมส่วนมหาทรมานของพระเยซูเจ้า นับเป็นการพลีกรรม ก่อเกิดบุญกุศลชดใช้โทษบาปของเราเองและของผู้อื่น บุญกุศลนี้เป็นผลเพราะร่วมในมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ดังนั้นเมื่ออดอาหารก็ต้องกระทำเพราะเห็นแก่พระเยซูเจ้า มิใช่เพื่ออวดความดีของตนเอง หรือไปข่มผู้อื่น คริสตชนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ จนถึง 60 ปี จะต้องถือศีลอดอาหาร ยกเว้นผู้ป่วยที่แพทย์ให้ทานอาหารปกติ
จะเห็นว่า เราสามารถทำพลีกรรมอย่างอื่นชดเชยก็ได้ หากเราลืมอดอาหารในวันดังกล่าว จะอดในวันถัดไปที่จำได้ หรือกระทำกิจศรัทธาอื่นเพื่อชดเชยที่เราไม่ได้อดอาหาร แต่ก็ควรเป็นการกระทำความดีตามเจตนารมณ์ของพระศาสนจักร
ปัญหา : เด็กๆที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี จะอดอาหารบ้างได้หรือไม่?
-: ได้
การจำศีลอดอาหารเพื่อเตรียมฉลองปัสกานี้ แต่เดิมถือกันเพียงสองหรือสามวันก่อนสมโภชปัสกาเท่านั้น ตามที่เราทราบจากงานเขียนของ Eusebius นักประวัติศาสตร์พระศาสนจักรที่บอกว่า นักบุญอิเรเนโอในปลายศตวรรษที่ 2 กำหนดไว้เช่นนี้ แต่ต่อมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 4 เมื่อมีการกำหนดเทศกาลมหาพรตเพื่อเตรียมฉลองปัสกาขึ้นโดยเฉพาะ ระยะเวลาการจำศีลก็ขยายออกไปถึง 40 วัน ตลอดเทศกาลมหาพรต และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กินอาหารอิ่มได้เพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น เพื่อระลึกถึงการจำศีลอดอาหารของโมเสสของประกาศกเอลียาห์ และของพระเยซูเจ้า แต่เนื่องจากคริสตชนมีธรรมเนียมไม่จำศีลอดอาหารในวันอาทิตย์ (และวันเสาร์ด้วยในพระศาสนจักรตะวันออก) วันจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรต 6 สัปดาห์ (หรือ 7 สัปดาห์ในพระศาสนจักรตะวันออก) จึงเหลือจริงเพียง 36 วัน และต้องเพิ่มวันจำศีลในวันธรรมดาก่อนอาทิตย์แรกในเทศกาลมหาพรตอีก 4 วัน คือวันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ให้ครบ 40 วัน เทศกาลมหาพรตจึงเลื่อนมาเริ่มในวันพุธซึ่งเป็นวันธรรมดา แทนที่จะเริ่มในวันอาทิตย์แรกของเทศกาลเช่นเดียวกับในเทศกาลอื่นๆ
ในปัจจุบัน พระศาสนจักรลดหย่อนข้อบังคับเรื่องการจำศีลอดอาหารในเทศกาลมหาพรตลงเหลือเพียง สองวัน คือในวันพุธรับเถ้าเมื่อเริ่มเทศกาล และในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ระลึกถึงพระทรมาน และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสตเจ้าบนไม้กางเขน (Apostolic Constitution "Paenitemini" 1966) ถึงกระนั้น พระศาสนจักรยังคงรักษาจิตตารมณ์แท้จริงของเทศกาลมหาพรตไว้ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการกลับใจสละน้ำใจของตนเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเหมือนองค์พระเยซูเจ้า เพื่อจะได้พร้อมที่กลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ในคืนวันปัสกา
คำว่า "อดอาหาร" หมายถึง พระศาสนจักรให้ทานได้เพียง 1 มื้อ ในวันดังกล่าว และถ้าหากจำเป็นกลัวว่าจะเป็นลม หิวเพราะต้องทำงาน ก็ทานมื้อที่เหลือได้ครึ่งท้อง หมายความว่าทานพอกันเป็นลม มิใช่ทานอย่างปกติ ทั้งนี้และทั้งนั้นหากใครอดได้ทั้งวันเลยหรือทานเพียงมื้อเดียวจริงๆ ก็เป็นผลดี
จิตตารมณ์การอดเนื้อนี้ก็เช่นกันเพื่อเข้ารวมส่วนมหาทรมานของพระเยซูเจ้า นับเป็นการพลีกรรม ก่อเกิดบุญกุศลชดใช้โทษบาปของเราเองและของผู้อื่น บุญกุศลนี้เป็นผลเพราะร่วมในมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ดังนั้นเมื่ออดอาหารก็ต้องกระทำเพราะเห็นแก่พระเยซูเจ้า มิใช่เพื่ออวดความดีของตนเอง หรือไปข่มผู้อื่น คริสตชนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ จนถึง 60 ปี จะต้องถือศีลอดอาหาร ยกเว้นผู้ป่วยที่แพทย์ให้ทานอาหารปกติ
จะเห็นว่า เราสามารถทำพลีกรรมอย่างอื่นชดเชยก็ได้ หากเราลืมอดอาหารในวันดังกล่าว จะอดในวันถัดไปที่จำได้ หรือกระทำกิจศรัทธาอื่นเพื่อชดเชยที่เราไม่ได้อดอาหาร แต่ก็ควรเป็นการกระทำความดีตามเจตนารมณ์ของพระศาสนจักร
ปัญหา : เด็กๆที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี จะอดอาหารบ้างได้หรือไม่?
-: ได้
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
การอดเนื้อ ผู้ที่ได้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามกำหนดนี้ ถือว่าได้ถือตามกฎการอดเนื้อ คือ
1. อดเนื้อ
2. ปฏิบัติกิจศรัทธานอกเหนือไปจากที่เคยปฏิบัติ อาทิ เดินรูป 14 ภาค เฝ้าศีลมหาสนิท สวดสายประคำฯลฯ
3. ปฏิบัติกิจเมตตาปราณี เช่น ให้ทานคนจน เยี่ยมคนเจ็บป่วย ฯลฯ
4. งดเว้นอาหารหรือสิ่งที่เคยปฏิบัติเป็นประจำ อาทิ งดดื่มสุราและเบียร์ งดสูบบุหรี่
5. รู้จักอดออมและละเว้นความฟุ้งเฟื้อต่าง ๆ การอดอาหาร หมายถึงการรับประทานอาหารอิ่มเพียงมื้อเดียว
1. อดเนื้อ
2. ปฏิบัติกิจศรัทธานอกเหนือไปจากที่เคยปฏิบัติ อาทิ เดินรูป 14 ภาค เฝ้าศีลมหาสนิท สวดสายประคำฯลฯ
3. ปฏิบัติกิจเมตตาปราณี เช่น ให้ทานคนจน เยี่ยมคนเจ็บป่วย ฯลฯ
4. งดเว้นอาหารหรือสิ่งที่เคยปฏิบัติเป็นประจำ อาทิ งดดื่มสุราและเบียร์ งดสูบบุหรี่
5. รู้จักอดออมและละเว้นความฟุ้งเฟื้อต่าง ๆ การอดอาหาร หมายถึงการรับประทานอาหารอิ่มเพียงมื้อเดียว
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
แล้วพลี กรรม ล่ะ มีป่าว เหมือนเคยอ่านเจอในพระภัมภีร์
-
- โพสต์: 291
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm
ยกตัวอย่างได้ป่าว เช่น ทำความดีเหรอ หรือว่าต้องไปเยืยมคนป่าว
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
การพลีกรรม โดย คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญsatoshi_b1 เขียน: แล้วพลี กรรม ล่ะ มีป่าว เหมือนเคยอ่านเจอในพระภัมภีร์
การพลีกรรมคืออะไร
ในข้อกำหนดของพระศาสนจักรว่าด้วยเรื่องการจำศีลในเทศกาลมหาพรตข้อที่ 2 ระบุว่า "ทุกวันศุกร์ตลอดปี และทุกวันในเทศกาลมหาพรต เป็นวันพลีกรรมในพระศาสนจักรทั่วไป" (กฏหมายพระศาสนจักรมาตรา 1250) และข้อที่ 3 ระบุว่า "ทุกวันศุกร์ตลอดปี ยกเว้นวันฉลองใหญ่ เป็นวันอดเนื้อหรืออาหารอื่นตามข้อกำหนดของสภาพระสังฆราชฯ วันพุธรับเถ้าและวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันอดเนื้อและอดอาหาร"(กฏหมายฯมาตรา 1251)
จากข้อกำหนด ทำให้เราทราบว่า "วันศุกร์" เป็นวันพิเศษสำหรับเราคาทอลิก เพราะ "วันศุกร์" เป็นวันที่เราระลึกถึงพระมหาทรมานและความตายของพระเยซูเจ้าเพื่อชดใช้โทษบาปของเรามนุษย์ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงให้ชีวิตของพระองค์เป็นสินไถ่หรือไถ่ถอนเราจากโทษนรก เราจะอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร???เราจะไม่ทำอะไรบ้างเพื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณของเราต่อพระองค์บ้างเลยหรือ???
เราแต่ละคนอาจจะหาข้อตั้งใจและปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสนองตอบความรักและความเสียสละของพระเยซูเจ้าได้เอง แต่พระศาสนจักรได้ให้ข้อกำหนดเพื่อให้เราคาทอลิกทุกคนได้ปฏิบัติอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยเสนอแนะกิจกรรม 3 ประการนี้คือ
1) การพลีกรรม
2) การอดเนื้อ
3) การอดอาหาร
ในครั้งนี้ขอพูดถึง "การพลีกรรม"
การพลีกรรมคืออะไร
· การพลีกรรม คือ การยอมรับความทุกข์ยากลำบาก ความเจ็บปวด หรือการปฏิเสธตนเองที่จะละเว้นกิจกรรมที่นำความสุขหรือความสนุกส่วนตัว หรือตั้งใจ ลด-ละ-เลิก กิจการที่ไม่ดี ซึ่งอาจจะเป็นการยึดติดในบาปต่างๆ หรือนิสัยที่ไม่ดีของตัวเรา โดยเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจ ความจริงใจ และด้วยใจเสรีของเราเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อจะได้ทำตัวเองให้ใกล้ชิดพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับชีวิตของเราเอง
· กิจการต่างๆของการพลีกรรมเป็นการกระทำเพื่อจะทำให้ผู้ปฏิบัตินั้นได้ "หันหลัง" ให้กับความโน้มเอียงไปในทางบาป และในเวลาเดียวกันการพลีกรรมทำให้เราได้ "หันหน้า" เข้าหาพระเจ้า
· การพลีกรรมเป็นวัตรปฏิบัติประการหนึ่งในวิถีชีวิตของเราคริสตชน ทั้งนี้เพื่อให้เราได้เข้ามีส่วนร่วมกับพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ ตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่า "ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา"(ลก 9:23)
· การพลีกรรม เป็นการแสดงออกของท่าทีของจิตใจที่ "ไม่ยึดติด" กับวัตถุสิ่งของหรือเรื่องภายนอกทางร่างกาย แต่แสดงให้เห็นว่าผู้ประพฤติปฏิบัติเช่นนี้มีจิตใจที่สูง มีจิตใจที่ผูกพันกับสิ่งที่ดีๆ ผูกพันกับเรื่องที่มีคุณค่าต่อจิตวิญญาณ
· การพลีกรรมจะช่วยทำให้ผู้ปฏิบัติได้มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติสุข ซึ่งเป็นความสุขที่สืบเนื่องมาจากความรัก ความเป็นพี่เป็นน้อง และการเป็นสานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้า
· การพลีกรรมเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นกิจการที่ช่วยทำให้เราตระหนักถึงผลร้ายของบาป และรู้เท่าทันอันตรายของบาป การพลีกรรมช่วยทำให้เราเกิดความเข็มแข็งและเพียรทนต่อสู้กับตนเองและการประจญเพื่อจะได้เอาชนะความโน้มเอียงและนิสัยที่ไม่ดีในตัวเอง เพื่อความรอดพ้นฝ่ายวิญญาณของเราเองและของโลก และยังเป็นการร่วมมือกันสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าอีกด้วย
· การพลีกรรมเป็นการส่งเสริมให้เราเห็นถึงความสำคัญของ "การใช้โทษบาป" ซึ่งทำให้เราต้องร้องขอความเมตตาและพระหรรษทานจากพระเจ้า เพื่อเราจะได้มีพละกำลังที่เข็มแข็งจนสามารถเอาชนะความอ่อนแอในตัวของเราได้
· ดังนั้น ทุกวันศุกร์ อย่าลืม "พลีกรรม" นะครับ
· ยิ่งพลีกรรมยิ่งหน้าใส สดชื่น อิ่มบุญ ไม่แก่เกินไว...ขอ...บอก
จาก - พ่อวัชศิลป์
http://www.kamsondeedee.com/main/index. ... 6-12-53-46
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
satoshi_b1 เขียน: ยกตัวอย่างได้ป่าว เช่น ทำความดีเหรอ หรือว่าต้องไปเยืยมคนป่าว
ลองไปอ่านเพิ่มครับ
http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=6305.0
-
- โพสต์: 1042
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
- ที่อยู่: Ether23@hotmail.com
เลยเทศกาลมาเเล้วค้าบจะเตรียมคริสมาสเเล้ว55
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
> เขียน: เลยเทศกาลมาเเล้วค้าบจะเตรียมคริสมาสเเล้ว55
ไม่มีเทศกาล พลีกรรมทำได้จนกว่าจะตาย