รวมกระทู้น้อง godlike
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ถามหน่อย "หากลูซิเฟอร์ตาย คือม่องเท่งไปเลย" จะสามารถเปลี่ยนผู้คนกลับมาอยู่ฝ่ายพระเจ้าและพ้นจากบาปได้ทุกคนไหม
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ขอตอบแบบไม่อิงอะไรเลย เพราะไม่รู้ว่าพวกศาสนาเค้าอิงอะไรValkyrie_chan เขียน: ถามหน่อย "หากลูซิเฟอร์ตาย คือม่องเท่งไปเลย" จะสามารถเปลี่ยนผู้คนกลับมาอยู่ฝ่ายพระเจ้าและพ้นจากบาปได้ทุกคนไหม
สำหรับผม ถ้าลูซิเฟอร์คือเจ้าแห่งซาตานแล้วม่องเท่งไป
แต่ยังเหลือเพื่อนลูซิเฟอร์ ก็คือมนุษย์เดินดิน
ซาตานที่น่ากลัวที่สุด และเป็นศัตรูกับพระเจ้า คือ ซาตานในใจ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
นั้นจิ พี่นัท-w-A Sheep เขียน: น่าดูอะ มีให้ยืมใหม่??
มีให้ยืมป่ะ แหะๆ
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
เอิ๊กๆ ๆ เกิดใหม่่ในพระแล้ว ว
ชอบชุดอ่า เหมือน บวช นาค ดี
55555555555*
ชอบชุดอ่า เหมือน บวช นาค ดี
55555555555*
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
มาร่วมยินดีด้วยค่า ... (ช้าไปหน่อยนะ )
รับศีลล้างบาป และ ศีลกำลัง แล้ว ต่อไป รับศีลบรรพชาเลยนะค้า... (ไหวแมะ?)
รับศีลล้างบาป และ ศีลกำลัง แล้ว ต่อไป รับศีลบรรพชาเลยนะค้า... (ไหวแมะ?)
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
อยากล้างมั้งง่า
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
godlike เขียน:ล้างจิตใจของท่านก่อนเถิด~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~ เขียน: อยากล้างมั้งง่า
ยาก ตอนนี้มาเข้าสิงTT
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ทีนี้คุณก็เป็น คริสตชน เต็มตัวไปแล้ว เหลือแค่ ไปให้ถึงจุดหมายที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
อะไรงั้นหรือ..นั่นคือ พระเยซู ไงครับ
อะไรงั้นหรือ..นั่นคือ พระเยซู ไงครับ
-
- โพสต์: 574
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 12:52 pm
- ติดต่อ:
มัน มัจจาเร้ สุดๆ
ฮัจฉ่าๆ
555555555*
ฮัจฉ่าๆ
555555555*
ได้มาจากฟอเวิร์ดเมลลนะครับ
ขอความร่วมมือเพื่อนๆพี่ๆน้องๆอย่าพึ่งลบอีเมล์ฉบับนี้ ขอความเห็นใจช่วยส่งต่อหรือแจ้งเบาะแสหากพบเห็นเพราะที่บ้านร้อนใจและเป็นห่วงคุณแม่มาก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คุณแม่หายไปจากบ้าน ตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2552 เวลาประมาณ 16.00 น ยังหาไม่พบเลย
คุณแม่ชื่อ นางดวงจันทร์ ร่วมสุข อายุ 60ปี
สูงประมาณ 160 เซ็นติเมตร ผอม ผิวสองสี
ได้หายออกจากบ้านตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2552 เวลาประมาณ 16.00 น ซึ่งมีผู้พบเห็นขณะนั่งแท็กซี่ออกจากซอยเย็นอากาศ 2 โดยคุณแม่ได้สวมเสือโปโล สีชมพู กางเกงสีน้ำตาลอ่อน รองเท้ายางสีชมพูออกไป
หากพบเห็นคุณแม่ช่วยกรุณาติดต่อ 080-270-5030
ขอผลบุญกุศลจากการช่วยเหลือครั้งนี้ ส่งผลให้ทุกคนและครอบครัวมีความสุขความเจริญ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น่าสงสารนะครับ ผู้ใดพบเห็น กรุณาช่วยแจ้งตามเบอร์ที่ติดต่อ หรือถ้าจะกรุณาก็รบกวนช่วยบอกต่อทีครับ นัทก็เอามาจากฟอร์เวิร์ดเมล์อ่ะ น่าเห็นใจมากๆ ถ้าเป็นแม่ของเราเราก็คงใจแทบสลายเหมือนกัน วอนขอพระเป็นเจ้า ให้คุณแม่กลับบ้านโดยปลอดภัย ขอพระคุ้มครองด้วยครับ
ขอความร่วมมือเพื่อนๆพี่ๆน้องๆอย่าพึ่งลบอีเมล์ฉบับนี้ ขอความเห็นใจช่วยส่งต่อหรือแจ้งเบาะแสหากพบเห็นเพราะที่บ้านร้อนใจและเป็นห่วงคุณแม่มาก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
คุณแม่หายไปจากบ้าน ตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2552 เวลาประมาณ 16.00 น ยังหาไม่พบเลย
คุณแม่ชื่อ นางดวงจันทร์ ร่วมสุข อายุ 60ปี
สูงประมาณ 160 เซ็นติเมตร ผอม ผิวสองสี
ได้หายออกจากบ้านตั้งแต่ วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2552 เวลาประมาณ 16.00 น ซึ่งมีผู้พบเห็นขณะนั่งแท็กซี่ออกจากซอยเย็นอากาศ 2 โดยคุณแม่ได้สวมเสือโปโล สีชมพู กางเกงสีน้ำตาลอ่อน รองเท้ายางสีชมพูออกไป
หากพบเห็นคุณแม่ช่วยกรุณาติดต่อ 080-270-5030
ขอผลบุญกุศลจากการช่วยเหลือครั้งนี้ ส่งผลให้ทุกคนและครอบครัวมีความสุขความเจริญ แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น่าสงสารนะครับ ผู้ใดพบเห็น กรุณาช่วยแจ้งตามเบอร์ที่ติดต่อ หรือถ้าจะกรุณาก็รบกวนช่วยบอกต่อทีครับ นัทก็เอามาจากฟอร์เวิร์ดเมล์อ่ะ น่าเห็นใจมากๆ ถ้าเป็นแม่ของเราเราก็คงใจแทบสลายเหมือนกัน วอนขอพระเป็นเจ้า ให้คุณแม่กลับบ้านโดยปลอดภัย ขอพระคุ้มครองด้วยครับ
-
- โพสต์: 519
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 10:09 pm
ช่วยกันเนหูเป็นตานะครับ
fw mail
ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ
เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้
ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ
เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S
ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ
สามสิบเข้ามาทักทาย
บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ
มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก
การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน จากลักษณะท่าทางและการแต่งตัว
ดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา
ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน
การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ
และมีนัดเจอกัน! เพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน แล้วก็บอกว่า
จะรีบไปทำงาน
แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม
เคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป
การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว
และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center
เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน
ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้
ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู
ภรรยาผมพยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน
พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย
ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน
เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมา เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า
คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย
ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว
ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถ เห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
รถตู้สีขาวก็มาจอด
แล้วทั้งคู่! ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ
วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืน
แต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ
บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย
เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีเสียง และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้
พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center
เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม
เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง
ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้ง
ที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ
ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน
สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอก ว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้าน
ให้ไปรับ ผมก็ไปรับแล้วเปิดออกดู
มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด
ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ
ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ
มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ
เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง
กินเงินเดือนเท่านั้น
ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ
พวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง
และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า
ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะนำภาพลง
internet
สองครั้ง
ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว
อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ
พบปะกับใครเลย
ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท
ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน
ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ
ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ
ทุกวันนี้สังคมเราเป็นอะไรกันไปหมด คนซื่อตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว คนไทยด้วยกัน ทำไมทำกันได้ลงคอ คนที่ทำแบบนี้ได้จิตใจไมรู้ว่าทำด้วยอะไร ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมากๆเลย เตือนภัยทุกคนนะครับไม่เว้นกระทั่งผู้ชาย มันก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้กับผู้ชายเหมือนกัน เวลาใครเข้ามาเอาอะไรให้กินให้ดื่ม อย่ารับไว้ อย่าฝากใครไปซื้ออาหาร ทางที่ดี ยอมสละเวลาเดินไปซื้อเอง ปลอดภัยที่สุดครับ
ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ
เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้
ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ
เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S
ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ
สามสิบเข้ามาทักทาย
บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ
มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก
การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน จากลักษณะท่าทางและการแต่งตัว
ดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา
ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน
การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ
และมีนัดเจอกัน! เพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน แล้วก็บอกว่า
จะรีบไปทำงาน
แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม
เคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป
การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว
และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center
เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน
ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้
ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู
ภรรยาผมพยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน
พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย
ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน
เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมา เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า
คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย
ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว
ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถ เห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
รถตู้สีขาวก็มาจอด
แล้วทั้งคู่! ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ
วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืน
แต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ
บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย
เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีเสียง และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้
พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center
เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม
เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง
ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้ง
ที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ
ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน
สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอก ว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้าน
ให้ไปรับ ผมก็ไปรับแล้วเปิดออกดู
มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด
ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ
ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ
มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ
เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง
กินเงินเดือนเท่านั้น
ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ
พวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง
และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า
ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะนำภาพลง
internet
สองครั้ง
ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว
อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ
พบปะกับใครเลย
ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท
ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน
ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ
ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ
ทุกวันนี้สังคมเราเป็นอะไรกันไปหมด คนซื่อตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว คนไทยด้วยกัน ทำไมทำกันได้ลงคอ คนที่ทำแบบนี้ได้จิตใจไมรู้ว่าทำด้วยอะไร ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารมากๆเลย เตือนภัยทุกคนนะครับไม่เว้นกระทั่งผู้ชาย มันก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้กับผู้ชายเหมือนกัน เวลาใครเข้ามาเอาอะไรให้กินให้ดื่ม อย่ารับไว้ อย่าฝากใครไปซื้ออาหาร ทางที่ดี ยอมสละเวลาเดินไปซื้อเอง ปลอดภัยที่สุดครับ
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
ขอบคุณน้องนัทครับ (เวลาจีบคนแปลกหน้า เค้าอาจจะมองเราเป็นพวกตัวอันตรายในสังคม และอาจโดน รปภ.ลากออกจากสถานที่ได้)
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
เรื่องจริงเปล่าครับ (เห็นคนโดนแกล้งในลักษณะนี้บ่อยๆ)
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
เจงไม่เจงผมก้อขอสวดให้นะฮะ ^ ^
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
สงสารเค้านะคับ
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
สงสารนะคะ
แต่มีคนบอกว่า ถ้าโดนขู่ต้องไม่แคร์สื่อ อยากเอาลงก็เอาลงไป แจ้งตำรวจตามจับ
แต่มีคนบอกว่า ถ้าโดนขู่ต้องไม่แคร์สื่อ อยากเอาลงก็เอาลงไป แจ้งตำรวจตามจับ
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
เป็นห่วงจังเลยค่ะ
อีกอันนึงที่เค้าเตือนกัน ก็คือ เวลาไปทานอาหารที่ฟูดส์เซนเตอร์ ให้ซื้อน้ำและอาหารยกมาในคราวเดียวกัน
เพราะมีบางท่านซื้ออาหารแล้วมาวางไว้ แล้วเดินไปซื้อน้ำ หรือบางท่านซื้อน้ำมาวางจองแล้วไปซื้ออาหาร
มิจฉาชีพอาศัยช่องตรงนี้ได้ค่ะ เค้าจะสบช่องเอายามาใส่ในน้ำหรืออาหารโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ
ผู้หญิงที่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องออกนอกบ้านบ่อยๆ แล้วต้องพึ่งการทานอาหารแบบนี้พึงระวังนะคะ
เพราะมีบางท่านซื้ออาหารแล้วมาวางไว้ แล้วเดินไปซื้อน้ำ หรือบางท่านซื้อน้ำมาวางจองแล้วไปซื้ออาหาร
มิจฉาชีพอาศัยช่องตรงนี้ได้ค่ะ เค้าจะสบช่องเอายามาใส่ในน้ำหรืออาหารโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ
ผู้หญิงที่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องออกนอกบ้านบ่อยๆ แล้วต้องพึ่งการทานอาหารแบบนี้พึงระวังนะคะ
น้องนัท .. ชอบอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ไหมครับ , พี่แทม มีเต็มห้องเลยยย .. ค๊าบบบ ก่ากก .. กก
เอาละ เอาละ seduction ละนายแทม ณ เชียงใหม่ เขียน: น้องนัท .. ชอบอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ไหมครับ , พี่แทม มีเต็มห้องเลยยย .. ค๊าบบบ ก่ากก .. กก
ต้องวางแผนซ้อน คือดูคนวางยาก่อน ว่าโอเคมั้ย จากนั้นจัดการซะsinner เขียน: อีกอันนึงที่เค้าเตือนกัน ก็คือ เวลาไปทานอาหารที่ฟูดส์เซนเตอร์ ให้ซื้อน้ำและอาหารยกมาในคราวเดียวกัน
เพราะมีบางท่านซื้ออาหารแล้วมาวางไว้ แล้วเดินไปซื้อน้ำ หรือบางท่านซื้อน้ำมาวางจองแล้วไปซื้ออาหาร
มิจฉาชีพอาศัยช่องตรงนี้ได้ค่ะ เค้าจะสบช่องเอายามาใส่ในน้ำหรืออาหารโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ
ผู้หญิงที่ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องออกนอกบ้านบ่อยๆ แล้วต้องพึ่งการทานอาหารแบบนี้พึงระวังนะคะ
เข้าชาร์ตด้านหลังเลย เห่อๆๆๆ งานนี้ หนีไม่รอดดดดด
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
หนังสือการ์ตูนผมเยอะนะฮะพี่นัทgodlike เขียน:55 นัทชอบอ่านแนวแฟนตาซีกับหนังสือการ์ตูนมากกว่า แต่สืบสวนสอบสวนก็มีเยอะนะนายแทม ณ เชียงใหม่ เขียน: น้องนัท .. ชอบอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน ไหมครับ , พี่แทม มีเต็มห้องเลยยย .. ค๊าบบบ ก่ากก .. กก
มีหลายกรณี
1. แม่โดนมิจฉาชีพลวงไป
2. แกน้อยใจหนีออกบ้าน
3. ประสบเหตุบางอย่างจึงกลับไม่ได้
ขอให้พบเจอกันเร็ววันนะครับ พระเจ้าอวยพระพร
1. แม่โดนมิจฉาชีพลวงไป
2. แกน้อยใจหนีออกบ้าน
3. ประสบเหตุบางอย่างจึงกลับไม่ได้
ขอให้พบเจอกันเร็ววันนะครับ พระเจ้าอวยพระพร