ความเครียดในสังคมทำให้คนเป็นโรคจิตโดยที่ไม่รู้ตัว!!!
ฟังข่าวเมื่อตอนเย็นนี้ค่ะ เป็นข่าวจากกรมสุขภาพจิต
พบว่าคนไทยมีอาการป่วยเป็นโรคจิตมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว
ช่วงนี้สังคมเจอวิกฤติหลายๆ อย่าง การเมือง การเงิน
การแข่งขัน แก่งแย่งชิงกันในสังคม
การพาดหัวข่าวซึ่งส่วนมากจะมีแต่เรื่องร้ายๆ ซะมากกว่า
เพื่อนๆ พี่น้องคริสตชน จะมีส่วนร่วมในการเยียวยาสังคมได้อย่างไรบ้างคะ
พบว่าคนไทยมีอาการป่วยเป็นโรคจิตมากขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว
ช่วงนี้สังคมเจอวิกฤติหลายๆ อย่าง การเมือง การเงิน
การแข่งขัน แก่งแย่งชิงกันในสังคม
การพาดหัวข่าวซึ่งส่วนมากจะมีแต่เรื่องร้ายๆ ซะมากกว่า
เพื่อนๆ พี่น้องคริสตชน จะมีส่วนร่วมในการเยียวยาสังคมได้อย่างไรบ้างคะ
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
เพราะ มีพี่หน่อยอยู่
งงข่าวมาก ไทยรัฐบอก 12 ล้านคน คนให้ข่าวคือ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข และอธิบดีกรมสุขภาพจิตคือ นพ.ชาตรี บานชื่น
http://www.thairath.co.th/content/edu/39221
แต่ก็น่าตกใจทั้งคู่ค่ะ แต่ไทยรัฐจะสยองกว่า
คนไทยป่วยจิตเภท พุ่ง12ล้านคน เข้าถึงยาแค่4%
อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยคนไทยป่วยโรคจิตเภทพุ่ง 12 ล้านคน ขั้นรุนแรงร่วม6แสนซึมเศร้ามากสุด แต่เข้าถึงยาได้เพียง 4% เท่านั้น ล่าสุดบรรจุยารักษาเข้าบัญชียาหลักแล้ว ...
วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยจิตเวช 2 โรคคือ โรคจิต และโรคซึมเศร้า โดยให้สามารถเข้าถึงยาที่จำเป็น และมีคุณภาพได้ โดยทางสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต และเครือข่ายผู้ดูแล และผู้ป่วยจิตเวช ได้เสนอว่า ควรมียาที่มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับโรคจิตอย่างน้อย 1 ตัว และโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ตัวนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยมีมติที่จะผลักดันยาเซอร์ทราไลน์ (Sertraline) ซึ่งเป็นยารักษาโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) และยาริสเพอริโดน (Risperidone) ซึ่งเป็นยารักษาโรคจิตเภท(Schizophrenia) เข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่ออนุมัติบรรจุยาเข้าไปในบัญชียาหลักแล้ว เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยระบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยในปี 2553 นี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยาให้กรมสุขภาพจิต กระจายยาให้โรงพยาบาลต่างๆเพื่อรักษา ผู้ป่วย
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการเริ่มต้นถึงขั้นรุนแรง ทั้งหมดร้อยละ 20 หรือ 12 ล้านคน โดยเป็นโรคจิตเภทรุนแรงประมาณ 3-6 แสนคน โรคซึมเศร้า ประมาณ 6 แสน-1.2 ล้านคน และโรคอารมณ์แปรปรวนประมาณ 2 .4 แสนคน ซึ่งในจำนวนนี้เข้าถึงบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 4 หรือ 4.8 แสนคนเท่านั้น สำหรับยาเซอร์ทราไลน์และยาริสเพอริโดน เป็นยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว ประเทศไทยสามารถซื้อวัตถุดิบมาผลิตเองได้โดยไม่ต้องประกาศทำซีแอล จะทำให้ราคายาถูกลงกว่าเดิมมาก ยาทั้ง 2 ตัวมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อยมาก โดยยาเซอร์ทราไลน์ เป็นยาใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า รักษาอาการคุ้มคลั่ง(mania) รักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ( Obsessive
http://www.thairath.co.th/content/edu/39221
แต่ก็น่าตกใจทั้งคู่ค่ะ แต่ไทยรัฐจะสยองกว่า
คนไทยป่วยจิตเภท พุ่ง12ล้านคน เข้าถึงยาแค่4%
อธิบดีกรมสุขภาพจิต เผยคนไทยป่วยโรคจิตเภทพุ่ง 12 ล้านคน ขั้นรุนแรงร่วม6แสนซึมเศร้ามากสุด แต่เข้าถึงยาได้เพียง 4% เท่านั้น ล่าสุดบรรจุยารักษาเข้าบัญชียาหลักแล้ว ...
วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยจิตเวช 2 โรคคือ โรคจิต และโรคซึมเศร้า โดยให้สามารถเข้าถึงยาที่จำเป็น และมีคุณภาพได้ โดยทางสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต และเครือข่ายผู้ดูแล และผู้ป่วยจิตเวช ได้เสนอว่า ควรมียาที่มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับโรคจิตอย่างน้อย 1 ตัว และโรคซึมเศร้าอย่างน้อย 1 ตัวนั้น กระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามระบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยมีมติที่จะผลักดันยาเซอร์ทราไลน์ (Sertraline) ซึ่งเป็นยารักษาโรคซึมเศร้า (Depressive disorder) และยาริสเพอริโดน (Risperidone) ซึ่งเป็นยารักษาโรคจิตเภท(Schizophrenia) เข้าไปอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เพื่ออนุมัติบรรจุยาเข้าไปในบัญชียาหลักแล้ว เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยระบบเดียวกันทั่วประเทศ โดยในปี 2553 นี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อยาให้กรมสุขภาพจิต กระจายยาให้โรงพยาบาลต่างๆเพื่อรักษา ผู้ป่วย
นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการเริ่มต้นถึงขั้นรุนแรง ทั้งหมดร้อยละ 20 หรือ 12 ล้านคน โดยเป็นโรคจิตเภทรุนแรงประมาณ 3-6 แสนคน โรคซึมเศร้า ประมาณ 6 แสน-1.2 ล้านคน และโรคอารมณ์แปรปรวนประมาณ 2 .4 แสนคน ซึ่งในจำนวนนี้เข้าถึงบริการสุขภาพเพียงร้อยละ 4 หรือ 4.8 แสนคนเท่านั้น สำหรับยาเซอร์ทราไลน์และยาริสเพอริโดน เป็นยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว ประเทศไทยสามารถซื้อวัตถุดิบมาผลิตเองได้โดยไม่ต้องประกาศทำซีแอล จะทำให้ราคายาถูกลงกว่าเดิมมาก ยาทั้ง 2 ตัวมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อยมาก โดยยาเซอร์ทราไลน์ เป็นยาใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า รักษาอาการคุ้มคลั่ง(mania) รักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ( Obsessive
-
- โพสต์: 141
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 12:17 pm
1.การแก้ไขในระดับใหญ่ มันต้องเริ่มที่ระดับเล็กก่อนครับ
2.การรักษาโรค ต้องเริ่มรักษาจากข้างใน
3.พระอาณาจักรของพระเจ้า ก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เปรียบเช่น ผงฟู หรือเมล็ดมัสตาร์ด
4.เริ่มจากรอบตัวเราก่อนเลย ดูว่ามีใครเครียดหรือเปล่า
5.เชื่อไหมว่า...แค่การมีรอยยิ้ม ให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัว "แบบจริงใจ" ในทุก ๆ วัน เราก็กำลังทำการรักษาอาการนี้อยู่
6.เพราะคนที่จะยิ้มแบบจริงใจได้ทุกวัน แสดงว่า ข้างในเขาดี มองโลกในแง่ดี มีพลังความดีในตัวเยอะ
7.เมื่อเขายิ้ม ไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่มันเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปสู่คนรอบข้าง แล้วเขาก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เกิดการยิ้มส่งต่อให้คนอื่น
พลังงานก็ค่อย ๆ แผ่ไปเรื่อย ๆ
8.แล้วจะทำอย่างไรให้ข้างในดี ... หาทางเอาพระพรเข้าไปให้มากที่สุด ตามแต่วิธีที่ถนัดของแต่ละคน เพราะมันจะเป็นการเยียวยาใจเราเป็นอันดับแรก
9.มันจะค่อย ๆ เติบโต กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ ที่จะออกไปพร้อมกับ กริยา อาการ ความประพฤติของเรา ต่อผู้อื่น
10.มันจะไปตกในหัวใจของคนที่เราสัมผัสด้วย จะค่อย ๆ เติบโตและแผ่ขยายออกไป
สังคมก็จะถูกเยียวยาโดยไม่รู้ตัว...
2.การรักษาโรค ต้องเริ่มรักษาจากข้างใน
3.พระอาณาจักรของพระเจ้า ก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เปรียบเช่น ผงฟู หรือเมล็ดมัสตาร์ด
4.เริ่มจากรอบตัวเราก่อนเลย ดูว่ามีใครเครียดหรือเปล่า
5.เชื่อไหมว่า...แค่การมีรอยยิ้ม ให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัว "แบบจริงใจ" ในทุก ๆ วัน เราก็กำลังทำการรักษาอาการนี้อยู่
6.เพราะคนที่จะยิ้มแบบจริงใจได้ทุกวัน แสดงว่า ข้างในเขาดี มองโลกในแง่ดี มีพลังความดีในตัวเยอะ
7.เมื่อเขายิ้ม ไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่มันเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปสู่คนรอบข้าง แล้วเขาก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เกิดการยิ้มส่งต่อให้คนอื่น
พลังงานก็ค่อย ๆ แผ่ไปเรื่อย ๆ
8.แล้วจะทำอย่างไรให้ข้างในดี ... หาทางเอาพระพรเข้าไปให้มากที่สุด ตามแต่วิธีที่ถนัดของแต่ละคน เพราะมันจะเป็นการเยียวยาใจเราเป็นอันดับแรก
9.มันจะค่อย ๆ เติบโต กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ ที่จะออกไปพร้อมกับ กริยา อาการ ความประพฤติของเรา ต่อผู้อื่น
10.มันจะไปตกในหัวใจของคนที่เราสัมผัสด้วย จะค่อย ๆ เติบโตและแผ่ขยายออกไป
สังคมก็จะถูกเยียวยาโดยไม่รู้ตัว...
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
จะเป็นเหมือนกันและคะ
โรคจิต วิตกจริต
โรคจิต วิตกจริต
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ต้องสวดบ่อย ๆ นะครับ ช่วยได้
ขอบคุณอย่าสูงค่ะ คุณพี่ PeterCartoonPeterCartoon เขียน: 1.การแก้ไขในระดับใหญ่ มันต้องเริ่มที่ระดับเล็กก่อนครับ
2.การรักษาโรค ต้องเริ่มรักษาจากข้างใน
3.พระอาณาจักรของพระเจ้า ก็เริ่มจากจุดเล็ก ๆ เปรียบเช่น ผงฟู หรือเมล็ดมัสตาร์ด
4.เริ่มจากรอบตัวเราก่อนเลย ดูว่ามีใครเครียดหรือเปล่า
5.เชื่อไหมว่า...แค่การมีรอยยิ้ม ให้กับทุกคนที่อยู่รอบตัว "แบบจริงใจ" ในทุก ๆ วัน เราก็กำลังทำการรักษาอาการนี้อยู่
6.เพราะคนที่จะยิ้มแบบจริงใจได้ทุกวัน แสดงว่า ข้างในเขาดี มองโลกในแง่ดี มีพลังความดีในตัวเยอะ
7.เมื่อเขายิ้ม ไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่มันเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปสู่คนรอบข้าง แล้วเขาก็จะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เกิดการยิ้มส่งต่อให้คนอื่น
พลังงานก็ค่อย ๆ แผ่ไปเรื่อย ๆ
8.แล้วจะทำอย่างไรให้ข้างในดี ... หาทางเอาพระพรเข้าไปให้มากที่สุด ตามแต่วิธีที่ถนัดของแต่ละคน เพราะมันจะเป็นการเยียวยาใจเราเป็นอันดับแรก
9.มันจะค่อย ๆ เติบโต กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ ที่จะออกไปพร้อมกับ กริยา อาการ ความประพฤติของเรา ต่อผู้อื่น
10.มันจะไปตกในหัวใจของคนที่เราสัมผัสด้วย จะค่อย ๆ เติบโตและแผ่ขยายออกไป
สังคมก็จะถูกเยียวยาโดยไม่รู้ตัว...
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
-
- โพสต์: 141
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 12:17 pm
...ถูกต้องครับ...คือ ไม่ใช่เป็นโรคจิตหรอกกรอกสมบูรณ์ เขียน: ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
แต่กำลังชื่นชมฝีมือการสร้างของพระเจ้าครับ
ตรงกันข้ามนะ ... ถ้าใครดูกระจก แล้วบอกว่า "ตรู...ทำไมหน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้ฟะ"
แสดงว่าเขาหรือเธอ ... กำลังทำบาปอยู่ ... ข้อหา ดูหมิ่นฝีมือการสร้างของพระงัย
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
เราทำบาปที่ว่านับร้อยแล้ว แต่เรามีเหตุผลของเรา แต่คงไม่มีใครเข้าใจหรอกPeterCartoon เขียน:...ถูกต้องครับ...คือ ไม่ใช่เป็นโรคจิตหรอกกรอกสมบูรณ์ เขียน: ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
แต่กำลังชื่นชมฝีมือการสร้างของพระเจ้าครับ
ตรงกันข้ามนะ ... ถ้าใครดูกระจก แล้วบอกว่า "ตรู...ทำไมหน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้ฟะ" : emo034 :
แสดงว่าเขาหรือเธอ ... กำลังทำบาปอยู่ ... ข้อหา ดูหมิ่นฝีมือการสร้างของพระงัย
-
- โพสต์: 1653
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
- ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-
PeterCartoon เขียน:...ถูกต้องครับ...คือ ไม่ใช่เป็นโรคจิตหรอกกรอกสมบูรณ์ เขียน: ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
แต่กำลังชื่นชมฝีมือการสร้างของพระเจ้าครับ
ตรงกันข้ามนะ ... ถ้าใครดูกระจก แล้วบอกว่า "ตรู...ทำไมหน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้ฟะ" : emo034 :
แสดงว่าเขาหรือเธอ ... กำลังทำบาปอยู่ ... ข้อหา ดูหมิ่นฝีมือการสร้างของพระงัย
เดี๋ยวพี่หน่อย ได้ใจค๊าบบบบบบบ
~ฮิปโปฟันหลอหน้าโง่~ เขียน:PeterCartoon เขียน:...ถูกต้องครับ...คือ ไม่ใช่เป็นโรคจิตหรอกกรอกสมบูรณ์ เขียน: ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
แต่กำลังชื่นชมฝีมือการสร้างของพระเจ้าครับ
ตรงกันข้ามนะ ... ถ้าใครดูกระจก แล้วบอกว่า "ตรู...ทำไมหน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้ฟะ" : emo034 :
แสดงว่าเขาหรือเธอ ... กำลังทำบาปอยู่ ... ข้อหา ดูหมิ่นฝีมือการสร้างของพระงัย
เดี๋ยวพี่หน่อย ได้ใจค๊าบบบบบบบ
-
- โพสต์: 740
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm
เห็นเป็นกันหลายคนหน่ะsinner เขียน:เป็นเหมือนกันฮ่ะ...5555+กรอกสมบูรณ์ เขียน: ส่องกระจกทีไร ... ทำไม๊ถึงสวยอย่างงี้ แบบนี้เป็นโรคจิตรึป่ะคะ?
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ใครที่เครียดๆ ระวังหน่อยนะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แล้วถ้าเป็นพวกโรคจิตอยู่แล้วหล่ะพี่:+: seraphim :+: เขียน: ใครที่เครียดๆ ระวังหน่อยนะ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
Batholomew เขียน:แล้วถ้าเป็นพวกโรคจิตอยู่แล้วหล่ะพี่:+: seraphim :+: เขียน: ใครที่เครียดๆ ระวังหน่อยนะ
แนะนำพบจิตแพทย์จ้า...
ถ้าชอบเด็กสาวแว่น8ขวบ ถือว่าโรคจิตไหมครับ ^^!
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ชอบแบบไหนหล่ะ เอ็นดู หรือ ลามก ถ้าอย่างหลังน่าจะเข้าข่าย ถ้าอย่างแรกไม่ปกติจ้า...Grey Cat =^. .^= เขียน: ถ้าชอบเด็กสาวแว่น8ขวบ ถือว่าโรคจิตไหมครับ ^^!
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Grey Cat =^. .^= เขียน: ถ้าชอบเด็กสาวแว่น8ขวบ ถือว่าโรคจิตไหมครับ ^^!
โลลิคอนแล้วยังเป็นสาวกสาวแว่นอีก เรียกโรคจิตกำลังสองค่ะ
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
Ya+Yu+SM+Lo+Mo+Sho
ครบเซ็ต
รู้สึกว่าตัวเองโรคจิตปานกลางถึงมากที่สุด -*-
ไปหาหมอดีมั้ยเนี่ยเรา -w-
ครบเซ็ต
รู้สึกว่าตัวเองโรคจิตปานกลางถึงมากที่สุด -*-
ไปหาหมอดีมั้ยเนี่ยเรา -w-
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
การสอบก้อทำให้คนเครียด !!!!
เฮ้อ ช่วงสอบทีไรกลายร่างทุกที แง้ๆ
เฮ้อ ช่วงสอบทีไรกลายร่างทุกที แง้ๆ
คุณมีความเครียดหรือไม่
ถามตัวคุณเองว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
อาการแสดงทางร่างกาย
มึนงง ปวดตามกล้ามเนื้อ กัดฟัน ปวดศีรษะ แน่นท้อง เบื่ออาหาร นอนหลับยาก หัวใจเต้นเร็ว หูอื้อ มือเย็น อ่อนเพลีย ท้องร่วง ท้องผูก จุกท้อง มึนงง เสียงดังให้หู คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม ปวดท้อง
อาการแสดงทางด้านจิตใจ
วิตกกังวล ตัดสินใจไม่ดี ขี้ลืม สมาธิสั้น ไม่มีความคิดริเริ่ม ความจำไม่ดี ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
อาการแสดงทางด้านอารมณ์
โกรธง่าย วิตกกังวล ร้องไห้ ซึมเศร้า ท้อแท้ หงุดหงิด ซึมเศร้า มองโลกในแง่ร้าย นอนไม่หลับ กัดเล็บหรือดึงผมตัวเอง
อาการแสดงทางพฤติกรรม
รับประทานอาหารเก่ง ติดบุหรี่สุรา โผงผาง เปลี่ยนงานบ่อย แยกตัว
การแก้ไขเมื่ออยู่ในภาวะที่เครียดมาก
หากท่านมีอาการเครียดมากและแสดงออกทางร่างกายดังนี้
อ่อนแรงไม่อยากจะทำอะไร
มีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ
วิตกกังวล
มีปัญหาเรื่องการนอน
ไม่มีความสุขกับชีวิต
เป็นโรคซึมเศร้า
ให้ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำ 10 ประการ
ให้นอนเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลา เวลาที่เหมาะสมสำหรับการนอนคือเวลา 22.00น.เมื่อภาวะเครียดมากจะทำให้ความสามารถในการกำหนดเวลาของชีวิต( Body Clock )เสียไป ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับหรือตื่นง่าย การกำหนดเวลาหลับและเวลาตื่นจะทำให้นาฬิกาชีวิตเริ่มทำงาน และเมื่อความเครียดลดลง ก็สามารถที่จะหลับได้เหมือนปกติ ในการปรับตัวใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ บางครั้งเมื่อไปนอนแล้วไม่หลับเป็นเวลา 45 นาที ให้หาหนังสือเบาๆมาอ่าน เมื่อง่วงก็ไปหลับ ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งคือให้ร่างกายได้รับแสงแดดยามเช้า เพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายปรับเวลา
หากเกิดอาการดังกล่าวต้องจัดเวลาให้ร่างกายได้พัก เช่นอาจจะไปพักร้อน หรืออาจจะจัดวาระงาน งานที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วนก็ให้หยุดไม่ต้องทำ
ให้เวลากับครอบครัวในวันหยุด อาจจะไปพักผ่อนหรือรับประทานอาหารนอนบ้าน
ให้เลื่อนการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในช่วงนี้ เช่นการซื้อรถใหม่ การเปลี่ยนบ้านใหม่ การเปลี่ยนงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดความเครียด
หากคุณเป็นคนที่ชอบทำงานหรือชอบเรียนให้ลดเวลาลงเหลือไม่เกิน 40 ชม.สัปดาห์
การรับประทานอาหารให้รับประทานผักให้มากเพราะจะทำให้สมองสร้าง serotonin เพิ่มสารตัวนี้จะช่วยลดความเครียด และควรจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพอ
หยุดยาคลายเครียด และยาแก้โรคซึมเศร้า
ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และอาจจะมีการเต้นรำด้วยก็ดี
หากปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวแล้วยังมีอาการของความเครียดให้ปรึกษาแพทย์
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเครียด
ความเครียดเหมือนกันทุกคนหรือไม่ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดในแต่ละคนไม่เหมือนกันและการตอบสนองต่อความเครียดก็แตกต่างในแต่ละคน
ความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีจริงหรือไม่ ความเครียดเปรียบเหมือนสายกีตาร์ ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปเสียก็ไม่ไพเราะ เช่นกันเครียดมากก็มีผลต่อสุขภาพเครียดพอดีจะช่วยสร้างผลผลิต และความสุข
จริงหรือไม่ที่ความเครียดมีอยู่ทุกแห่งคุณไม่สามารถจัดการกับมันได้ แม้ว่าจะมีความเครียดทุกแห่งแต่คุณสามารถวางแผนที่จะจัดการกับงาน ลำดับความสำคัญ ความเร่งด่วนของงานเพื่อลดความเครียด
จริงหรือไม่ที่ไม่มีอาการคือไม่มีความเครียด ไม่จริงเนื่องจากอาจจะมีความเครียดโดยที่ไม่มีอาการก็ได ้และความเครียดจะสะสมจนเกินอาการ
ควรให้ความสนใจกับความเครียดที่มีอาการมากๆใช่หรือไม่ เมื่อเริ่มเกิดอาการความเครียดแม้ไม่มากก็ต้องให้ความสนใจ เช่นอาการปวดศีรษะ ปวดท้องเพราะอาการเพียงเล็กน้อยจะเตือนว่าคุณต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตเพื่อลดความเครียด
ความเครียดคือโรคจิตใช่หรือไม่ ไม่ใช่เนื่องจากโรคจิตจะมีการแตกแยกของความคิด บุคลิคเปลี่ยนไปไม่สามารถดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติ
ขณะที่มีความเครียดคุณสามารถทำงานได้อีก แต่คุณต้องจัดลำดับก่อนหลัง และความสำคัญของงาน
ไม่เชื่อว่าการเดินจะช่วยผ่อนคลายความเครียด การเดินจะช่วยผ่อนคลายความเครียดนั้น
ความเครียดไม่ใช่ปัญหาเพราะเพียงแค่สูบบุหรี่ความเครียดก็หายไป การสูบบุหรี่หรือดื่มสุราจะทำให้ลืมปัญหาเท่านั้นนอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
เมื่อใดต้องปรึกษาแพทย์
เมื่อคุณรู้สึกเหมือนคนหลงทางหาทางแก้ไขไม่เจอ
เมื่อคุณกังวลมากเกินกว่าเหตุ และไม่สามารถควบคุม
เมื่ออาการของความเครียดมีผลต่อคุณภาพชีวิตเช่น การนอน การรับประทานอาหาร งานที่ทำ ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง
ทางที่ดีอย่าเครียดครับ ข้อความมาจากจาก http://www.siamhealth.net/public_html/D ... stress.htm
ถามตัวคุณเองว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
อาการแสดงทางร่างกาย
มึนงง ปวดตามกล้ามเนื้อ กัดฟัน ปวดศีรษะ แน่นท้อง เบื่ออาหาร นอนหลับยาก หัวใจเต้นเร็ว หูอื้อ มือเย็น อ่อนเพลีย ท้องร่วง ท้องผูก จุกท้อง มึนงง เสียงดังให้หู คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม ปวดท้อง
อาการแสดงทางด้านจิตใจ
วิตกกังวล ตัดสินใจไม่ดี ขี้ลืม สมาธิสั้น ไม่มีความคิดริเริ่ม ความจำไม่ดี ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
อาการแสดงทางด้านอารมณ์
โกรธง่าย วิตกกังวล ร้องไห้ ซึมเศร้า ท้อแท้ หงุดหงิด ซึมเศร้า มองโลกในแง่ร้าย นอนไม่หลับ กัดเล็บหรือดึงผมตัวเอง
อาการแสดงทางพฤติกรรม
รับประทานอาหารเก่ง ติดบุหรี่สุรา โผงผาง เปลี่ยนงานบ่อย แยกตัว
การแก้ไขเมื่ออยู่ในภาวะที่เครียดมาก
หากท่านมีอาการเครียดมากและแสดงออกทางร่างกายดังนี้
อ่อนแรงไม่อยากจะทำอะไร
มีอาการปวดตามตัว ปวดศีรษะ
วิตกกังวล
มีปัญหาเรื่องการนอน
ไม่มีความสุขกับชีวิต
เป็นโรคซึมเศร้า
ให้ท่านปฏิบัติตามคำแนะนำ 10 ประการ
ให้นอนเป็นเวลาและตื่นเป็นเวลา เวลาที่เหมาะสมสำหรับการนอนคือเวลา 22.00น.เมื่อภาวะเครียดมากจะทำให้ความสามารถในการกำหนดเวลาของชีวิต( Body Clock )เสียไป ทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับหรือตื่นง่าย การกำหนดเวลาหลับและเวลาตื่นจะทำให้นาฬิกาชีวิตเริ่มทำงาน และเมื่อความเครียดลดลง ก็สามารถที่จะหลับได้เหมือนปกติ ในการปรับตัวใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ บางครั้งเมื่อไปนอนแล้วไม่หลับเป็นเวลา 45 นาที ให้หาหนังสือเบาๆมาอ่าน เมื่อง่วงก็ไปหลับ ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งคือให้ร่างกายได้รับแสงแดดยามเช้า เพื่อส่งสัญญาณให้ร่างกายปรับเวลา
หากเกิดอาการดังกล่าวต้องจัดเวลาให้ร่างกายได้พัก เช่นอาจจะไปพักร้อน หรืออาจจะจัดวาระงาน งานที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วนก็ให้หยุดไม่ต้องทำ
ให้เวลากับครอบครัวในวันหยุด อาจจะไปพักผ่อนหรือรับประทานอาหารนอนบ้าน
ให้เลื่อนการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆในช่วงนี้ เช่นการซื้อรถใหม่ การเปลี่ยนบ้านใหม่ การเปลี่ยนงาน เพราะการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดความเครียด
หากคุณเป็นคนที่ชอบทำงานหรือชอบเรียนให้ลดเวลาลงเหลือไม่เกิน 40 ชม.สัปดาห์
การรับประทานอาหารให้รับประทานผักให้มากเพราะจะทำให้สมองสร้าง serotonin เพิ่มสารตัวนี้จะช่วยลดความเครียด และควรจะได้รับวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพอ
หยุดยาคลายเครียด และยาแก้โรคซึมเศร้า
ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และอาจจะมีการเต้นรำด้วยก็ดี
หากปฏิบัติตามวิธีดังกล่าวแล้วยังมีอาการของความเครียดให้ปรึกษาแพทย์
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเครียด
ความเครียดเหมือนกันทุกคนหรือไม่ สิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดในแต่ละคนไม่เหมือนกันและการตอบสนองต่อความเครียดก็แตกต่างในแต่ละคน
ความเครียดเป็นสิ่งไม่ดีจริงหรือไม่ ความเครียดเปรียบเหมือนสายกีตาร์ ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปเสียก็ไม่ไพเราะ เช่นกันเครียดมากก็มีผลต่อสุขภาพเครียดพอดีจะช่วยสร้างผลผลิต และความสุข
จริงหรือไม่ที่ความเครียดมีอยู่ทุกแห่งคุณไม่สามารถจัดการกับมันได้ แม้ว่าจะมีความเครียดทุกแห่งแต่คุณสามารถวางแผนที่จะจัดการกับงาน ลำดับความสำคัญ ความเร่งด่วนของงานเพื่อลดความเครียด
จริงหรือไม่ที่ไม่มีอาการคือไม่มีความเครียด ไม่จริงเนื่องจากอาจจะมีความเครียดโดยที่ไม่มีอาการก็ได ้และความเครียดจะสะสมจนเกินอาการ
ควรให้ความสนใจกับความเครียดที่มีอาการมากๆใช่หรือไม่ เมื่อเริ่มเกิดอาการความเครียดแม้ไม่มากก็ต้องให้ความสนใจ เช่นอาการปวดศีรษะ ปวดท้องเพราะอาการเพียงเล็กน้อยจะเตือนว่าคุณต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตเพื่อลดความเครียด
ความเครียดคือโรคจิตใช่หรือไม่ ไม่ใช่เนื่องจากโรคจิตจะมีการแตกแยกของความคิด บุคลิคเปลี่ยนไปไม่สามารถดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติ
ขณะที่มีความเครียดคุณสามารถทำงานได้อีก แต่คุณต้องจัดลำดับก่อนหลัง และความสำคัญของงาน
ไม่เชื่อว่าการเดินจะช่วยผ่อนคลายความเครียด การเดินจะช่วยผ่อนคลายความเครียดนั้น
ความเครียดไม่ใช่ปัญหาเพราะเพียงแค่สูบบุหรี่ความเครียดก็หายไป การสูบบุหรี่หรือดื่มสุราจะทำให้ลืมปัญหาเท่านั้นนอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาแล้วยังก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
เมื่อใดต้องปรึกษาแพทย์
เมื่อคุณรู้สึกเหมือนคนหลงทางหาทางแก้ไขไม่เจอ
เมื่อคุณกังวลมากเกินกว่าเหตุ และไม่สามารถควบคุม
เมื่ออาการของความเครียดมีผลต่อคุณภาพชีวิตเช่น การนอน การรับประทานอาหาร งานที่ทำ ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง
ทางที่ดีอย่าเครียดครับ ข้อความมาจากจาก http://www.siamhealth.net/public_html/D ... stress.htm