++ Thanksgiving Day ++

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. พ.ย. 25, 2010 10:07 am

รูปภาพ

Happy Thanksgiving Day พี่น้องชาวนิวมานาทุกคนจ้า เราเริ่มต้นทุกวันด้วยการขอบคุณพระเจ้าอยู่แล้ว ขอบคุณพระเจ้าเป็นพิเศษสำหรับมิตรภาพ ความดีงาม และความรู้ในเว็บบอร์ดแห่งนี้ ขอพระเจ้าโปรยปรายพระหรรษทานเพื่อเว็บบอร์ดของเรา ทีมงานทุกท่าน เพื่อให้บ้านแห่งนี้จะได้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มาใช้สอยด้วยเทอญ อาแมน....

Thanksgiving Day : เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
รูปภาพ

วันขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving Day เป็นวันที่คนอเมริกันขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ที่ดลบันดาลให้นักแสวงบุญมาตั้งอาณานิคมใหม่ รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ครั้งปีคริสตศักราช 1620 หรือพุทธศักราช 2163 สมัยกรุงศรีอยุธยาของเรา

สมัยนั้น คณะนักจาริกแสวงบุญที่เรียกกันว่า พวก pilgrims นิกายศาสนาบริสุทธิ์ หรือ Puritanism ออกเดินทางจากอังกฤษ โดยเรือ Mayflower มาตั้งถิ่นฐานในอเมริกาโดยมาขึ้นบกที่เมือง Plymouth มลรัฐ Massachusetts และตัดสินใจจัดตั้งอาณานิคมพลิมัธ หรือ Plymouth Colony ขึ้น พวกพิลกริมส์ ทำไร่ไถนา ออกป่าล่าสัตว์ และจัดตั้งบ้านเรือนโดยมีผู้ว่าการรัฐ William Bradford และ Miles Standish เป็นผู้นำในฤดูใบไม้ร่วงปีรุ่งขึ้น หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว พวกพิลกริมส์เลยจัดให้มีงานเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้า ที่ช่วยดลบันดาลให้รอดชีวิตในดินแดนใหม่มาได้ครบ 1 ปี เนื่องจากในช่วงแรกนั้นพวกพิลกริมส์ที่ทนความหนาว ความอดอยาก และโรคภัยไข้เจ็บไม่ไหวต้องพากันล้มตายไปถึงเกือบครึ่งอาณานิคม

ในงานเลี้ยงขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกนั้น พวกพิลกริมส์ได้เชิญชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง เผ่า Wampnaug มาร่วมรับประทานด้วยเนื่องจากว่า ชาวอินเดียนแดง เป็นผู้สอนพวกพิลกริมส์ ให้เพาะปลูกข้าวโพด และพืชผลพื้นเมืองอื่นๆ ไว้เป็นอาหาร

งานเลี้ยงครั้งนั้นประกอบไปด้วย ไก่งวง เป็ด ห่าน ปลาค้อด และข้าวโพด ส่วนชาวอินเดียนแดง ที่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงก็ออกไปล่ากวางมาเป็นอาหารร่วมด้วยในสมัยถัดมา ชาวอาณานิคม ฉลองวันขอบคุณพระเจ้าติดต่อกันมาทุกปี แต่ไม่ได้มีการประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันหยุด ที่มีการฉลองกันทั่วประเทศ จนกระทั่ง นาง Sarah Josepha Haleบรรณาธิการ นิตยสารสตรี Godey’s Lady’s Book รณรงค์ต่อรัฐสภาสหรัฐในปี 1863 หรือ พุทธศักราช 2406 ประธานาธิบดี ลินคอล์นจึงประกาศให้วันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันหยุดทั่วประเทศสืบเนื่องมาจนทุกวันนี้

รูปภาพ

ในปัจจุบัน วันขอบคุณพระเจ้า ฉลองกันในวันพฤหัสบดีที่สี่ในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ปรกติ
ที่ทำการรัฐบาลจะหยุดทำการกันทั้งวันพฤหัสบดี และวันศุกร์กว่าจะไปเปิดทำการกันอีกครั้งก็ในวันจันทร์ถัดมา สมาชิกในครอบครัวที่แยกย้ายกันออกไปอยู่ตามมลรัฐต่างๆ ก็มักพยายามเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านกัน ว่ากันว่า ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้านี้ มีคนเดินทางกันแน่นขนัดที่สุดในรอบปี หนาตากว่าในช่วงวันคริสต์มาสอีก ในช่วงใกล้วันขอบคุณพระเจ้า พ่อบ้านแม่บ้าน มักจะเตรียมหาซื้อไก่งวงมันเทศ และฟักทองมาเตรียมไว้ พอถึงเช้าวันขอบคุณพระเจ้า ก็จะอบไก่งวง เตรียมเครื่องเคียงซึ่งมักประกอบไปด้วย มันเทศอบ และซ้อสแครนเบรี่ ส่วนของหวานก็มักจะได้แก่ พายฟักทอง พอสายหน่อยก็จะเปิดโทรทัศน์ดูพาเรดบัลลูนรูปต่างๆ ที่ห้างสรรพสินค้า Macys จัดให้มีเป็นประจำทุกปีในนครนิวยอร์ค พอดูพาเรดกันจบแล้ว สมาชิกในครอบครัวก็จะเริ่มรับประทานไก่งวงกัน ส่วนมากแล้ว ก็มักจะดูการแข่งขันฟุตบอลอเมริกันไปด้วยพอรุ่งขึ้น วันศุกร์ ผู้ที่ชอบการจับจ่ายใช้สอยก็มักจะออกไปหาซื้อของกันตามห้างสรรพสินค้าต่างๆอย่างแน่นขนัดเนื่องจากว่า

วันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ที่เรียกกันว่า Black Friday นี้ เป็นวันเริ่มต้น การหาซื้อของขวัญเทศกาลคริสต์มาสกัน

ดร. จิม วิชาร์ต นักวิทยาศาสตร์จากลองก์ ไอส์แลนด์ นิวยอร์ค อธิบายถึง Black Friday ว่าวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันที่มีคนออกไปซื้อของกันมากที่สุดในรอบปี สาเหตุที่เรียกวันนี้ว่าเป็นBlack Friday ก็เพราะว่า ผู้คนมักออกไปซื้อของกันแน่นขนัดไปหมดและเพราะว่า ห้างร้านต่างๆ ที่ไม่ค่อยจะทำกำไรได้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและต้องมีบัญชีตัวแดงสามารถทำกำไรได้ คือ มีบัญชีตัวดำ ในช่วง Black Friday นี้

คุณจิมเสริมว่า ห้างร้านต่างๆ มักมีการรณรงค์ส่งเสริมการลดแลกแจกแถมเป็นการใหญ่พร้อมทั้ง เริ่มเปิดร้านกันตั้งแต่เที่ยงคืนกันเลยทีเดียวโดยที่การลดราคาสินค้าบางประเภท จะมีขึ้นก็เพียงภายในเวลาชั่วโมงเดียวหลังเที่ยงคืนเท่านั้น ทำให้ผู้ซื้อพากันแออัดเข้าร้านเพื่อจะได้ของถูกใจในราคาย่อมเยาว์กันในวัน BlackFriday หลังวันขอบคุณพระเจ้านี้


http://behindthepraise.com/2009/07/than ... %E0%B8%88/
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พฤหัสฯ. พ.ย. 25, 2010 10:20 am

วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
เรียบเรียงโดย: นันทิยา เพ็ชรเกตุ

รูปภาพ

ทุกวันพฤหัสบดีสัปดาห์ที่ ๔ เดือนพฤศจิกายนที่สหรัฐอเมริกาเป็นวันขอบคุณพระเจ้า ชาวอเมริกัน เฉลิมฉลองขอบคุณสรรเสริญพระเจ้าที่พระองค์ทรงอวยพรพวกเขาตลอดปีที่ผ่านมา นับได้ว่าวันขอบคุณพระเจ้าเป็นวันสำคัญสำหรับครอบครัวที่สมาชิกในครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าเพื่อรับประทานอาหารมื้อเย็นด้วยกัน รวมทั้งพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการขอบคุณพระเจ้า

ตามความเป็นจริงแล้ว วันขอบคุณพระเจ้านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์โดยตรง แต่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของการอพยพตั้งถิ่นฐานครั้งแรกของคนยุโรปกลุ่มหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เรื่องมีอยู่ว่าในปี ค.ศ. ๑๖๒๐ เริ่มจากชาวอังกฤษ นิกายโปรเตสแตนต์ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า พิวริแทน (Puritans) เน้นวิถีชีวิตเรียบง่ายความเชื่อที่บริสุทธิ์ พวกเขาจึงไม่ยอมรับความเชื่อคริสต์ตามแบบ “เชิร์ชออฟอิงแลนด์” (Church of England)

ดังนั้นพวกขุนนางของอังกฤษ และผู้นำศาสนจักรเชิร์ชออฟอิงแลนด์เองก็ไม่พอใจชาวคริสต์กลุ่มนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกพิวริแทนจึงถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนักจากกลุ่มขุนนางของอังกฤษที่มีอิทธิพลมากในเวลานั้น ในที่สุดพวกพิวริแทนกลุ่มนี้จึงได้หนีไปอาศัยอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์และต่อมาที่ประเทศฮอลแลนด์ พวกเขาประสบปัญหาคือ ลูกหลานพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่พูดภาษาดัชท์แทน ยิ่งกว่านั้นพวกเขาก็ถูกต่อต้านเพราะความเชื่อแบบกลุ่มของตนอีกด้วย โดยเหตุนี้พวกเขาจึงจำต้องย้ายถิ่นฐานกันอีกครั้ง เพื่อเสรีภาพในนับถือศาสนา และการนมัสการพระเจ้าตามความเชื่อ และความศรัทธาของพวกเขาดังนั้นกลุ่มพิวริแทน(Puritans)กับผู้โดยสารอื่น ๆทั้งชายหญิง และเด็กจำนวน ๑๐๒ คน ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก(Atlantic Ocean)ไปสู่โลกใหม่ โดยเรือเมย์ฟลาวเวอร์(Mayflower) คริสตชนกลุ่มนี้ได้เรียกตัวเองว่า พิลกริม(Pilgrims) เพราะการท่องหาดินแดนแห่งเสรีภาพทางความเชื่อศาสนาในระหว่างการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนี้กินเวลา ๖๕ วัน ได้มีผู้เสียชีวิต ๑ คน และทารกได้เกิดมาดูโลก ๑ คน

ในที่สุดเรือเมย์ฟลาวเวอร์เดินทางข้ามมหาสมุทรโดยสวัสดิภาพ มาจอดเทียบท่าที่ พรอวินซ์ทาวน์ฮาร์เบอร์ (Provincetown Harbor) ซึ่งอยู่ปลายสุดของแหลมเคพคอด (Cape Cod)มลรัฐแมซซาชูเสท ผู้นำกลุ่มพิวรีแทนทั้งหลายทราบดีว่า เพื่อการอยู่รอดในสังคมจำเป็นต้องมีกฎระเบียบสำหรับความประพฤติ อันเหมาะสม ดังนั้นผู้ชายประมาณ 41 คนที่อยู่บนเรือเมย์ฟลาวเวอร์ประชุมเลือกผู้ว่าการรัฐคนแรก (The first governor) และเซ็นสัญญาเมย์ฟลาวเวอร์(The Mayflower Compact) ซึ่งเป็นข้อตกลงทางการข้อแรกสำหรับการปกครอง ตนเองในแผ่นดินใหม่คืออเมริกา


หลังจากกลุ่มพิลกริมได้ใช้ชีวิตบนเรือประมาณ 1 เดือน และส่งผู้ชายกลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่งออกไปสำรวจชายฝั่งอ่าวเคพคอด และเมืองพลีมัธ (Plymouth) พวกผู้ช่วยได้พบท่าเรือแห่งหนึ่งซึ่งมีทรัพยากรสมบูรณ์มากเหมาะต่อการเพาะปลูก และการประมงจึงกลับไปที่เรือรายงานสิ่งที่ พวกเขาได้ค้นพบอีก 2-3 วันต่อมาพวกพิลกริมแล่นเรือ


เมย์ฟลาวเวอร์ข้ามอ่าวเคพคอดไปยังท่าเรือพลีมัธ และลงเรือเล็กมาเทียบที่ชายฝั่ง บนหินก้อนใหญ่ ก้อนหนึ่งในภายหลังหินก้อนนี้ได้รับการเรียกขานว่า หินพลีมัธ (Plymouth Rock) ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการตั้งถิ่นฐาน ถาวรครั้งที่สองของชาวอังกฤษในอเมริกา พวกพิลกริมต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ และโรคร้ายต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้นพวกเขาต้องทำงานหนักมาก เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวจำนวนผู้รอดชีวิตเหลืออยู่แค่ 50 คนเท่านั้น เมื่อเริ่มฤดูใบไม้ผลิ มีหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงชื่อแมสซาซอยท์ (Massasoit) นำของกำนัลต่างๆ มามอบให้พวกพิลกริม และยังให้ความช่วยเหลืออื่นๆ เช่นได้สอน การล่าสัตว์ จับปลา และปลูกพืช พืชที่ปลูกเช่น ข้าวโพด ฟักทองและถั่ว ซึ่งให้ ผลดีมาก


ผู้ว่าการวิลเลี่ยม แบรดฟอร์ดได้ปฏิบัติตามประเพณีโบราณคือได้กำหนดวันเพื่อขอบคุณพระเจ้าในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.๑๖๒๑ ยิ่งกว่านั้นคือการใช้ เรื่องพระเจ้า สร้างความสัมพันธ์กับชาวอินเดียนแดงด้วยเหตุนี้ หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง และผู้กล้าของเขาได้รับเชิญให้มาร่วมงาน เฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า พวกอินเดียนแดงได้ส่งเนื้อกวางมาร่วมงานเลี้ยง ส่วนชายฉกรรจ์ของพวกพิลกริม ออกไปล่าสัตว์ เขาล่าได้ไก่งวงและสัตว์ป่าอื่นๆ ฝ่ายสตรีก็ ได้ปรุงอาหารอันโอชะ จากเนื้อสัตว์ และ จากข้าวโพด ผลเเครนเบอรี่ผลสควอช และฟักทอง....อาหารมื้อเย็นสำหรับขอบคุณพระเจ้าครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมประมาณ ๙๐ คน ใช้เวลาเฉลิมฉลองถึง ๓ วัน ในวันแรกของงานเลี้ยง พวกอินเดียนแดงใช้เวลาหมดไปกับการกิน ส่วนวันที่สองและสามพวกเขาใช้เวลาต่อสู้แบบมวยปล้ำ วิ่งแข่ง ร้องเพลงและเต้นรำกับ คนหนุ่มสาวในอาณานิคมพลีมัธ นับเป็นงานเลี้ยงที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง

ดังนั้นวันขอบคุณพระเจ้าคือ ประเพณีเฉลิมฉลองของคนอเมริกันในยุคปัจจุบันมีที่มาจากการฉลองครั้งแรกดังกล่าว ดังนั้นอาหารหลักบนโต๊ะอาหารในวันนี้ซึ่งถือเป็นอาหารประจำเทศกาลขอบคุณพระเจ้าจะมีไก่งวงอบยัดไส้ (Roast turkey with stuffing) ผลสควอช ขนมปังข้าวโพด (Corn bread) และซอสแครนเบอร์รี่ (Cranberry sauce) พายฟักทอง (Pumpkin pie) เช่นเดียวกับอาหารที่หาและเก็บเกี่ยวได้ ในยุคสมัยนั้น


ทุก ๆ ปีชาวอเมริกันประมาณห้าแสนคน จะเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองพลีมัธ ซึ่งกลายเป็นเมืองนำสมัยที่ยกย่องเทิดทูนอดีตกาล ยุคแรกเริ่มของชาวอเมริกันที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมเรือเมย์ฟลาวเวอร์สองได้ซึ่งเป็นเรือที่สร้างเลียนแบบเรือเมย์ฟลาวเวอร์จริง เยี่ยมชมหินพลีมัธ และใช้เวลาเดินชมหมู่บ้านจำลองของพวกพิลกริมพิวริแทนในสมัยแรกเริ่ม ซึ่งจะได้เห็นการดำเนินชีวิตจริง ในยุคนั้น ชาวอเมริกันรุ่นใหม่รู้สึกภาคภูมิใจ และทนงในบรรพบุรุษที่มี ความกล้าหาญ...ประเพณีการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของคนอเมริกันในยุคปัจจุบัน ก็สืบทอดมาจากการฉลองวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรก ในปี ค.ศ.๑๖๒๑ นั่นเอง

รูปภาพ


http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... 7&Itemid=2
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ย. 26, 2010 10:18 pm

โอ๊ะ คุ้นๆ อันหลัง แต่ปีนี้ยังไม่ได้กินไก่ง่วงเลย ฮะ :s004:

Black Friday ไม่สำคัญอะไรกับเราหรอก เพราะว่า ไม่มีเงินซื้อ อิอิ :s004:
ตอบกลับโพส