พ่อคอร์ซี่รักษาปิ่น เก็จมณี

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ย. 10, 2010 11:25 am

“ปิ่น” เผยอาการผ่ากระดูกสะโพกซ้ายเกือบหายเป็นปกติแล้ว บอกอีก 3 เดือนครึ่งรับงานได้เหมือนเดิม และไม่ต้องผ่าสะโพกอีกข้าง เพราะเจอนักบวชช่วยทำพิธี และเกิดสิ่งมหัศจรรย์ทำให้กระดูกกลับมาดี ทั้งไม่สนคนว่า “เจ” ช่วยคนประสบภัยน้ำท่วมเพราะอยากสร้างภาพ บอกอย่างน้อยยังลุกมาช่วยกัน

หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกสะโพกซีกซ้ายไป ตอนนี้ก็เริ่มเห็นคุณแม่ลูกสาม “ปิ่น เก็จมณี วรรธนะสิน” สามารถ เดินเหินไปไหนมาไหนได้ตามปกติ และออกมารับงานได้บ้างแล้ว แถมยังดูยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาก โดยเจ้าตัวเผยว่าไม่ต้องกลัวเรื่องผ่าตัดสะโพกซีกขวาอีกข้าง เพราะตอนนี้กระดูกที่ดูเหมือนจะตายไปแล้ว กลับมาเกือบหายเป็นปกติ เนื่องจากตนได้ไปพบนักบวชช่วยทำพิธีให้ และเกิดผลลัพธ์อย่างสุดมหัศจรรย์ทีเดียว

“อาการตอนนี้ดีใจมากเลยค่ะ เพราะว่ากำลังไปในทิศทางที่ดีมาก ตอนแรกเหมือนถอยหลังลงมาสเต็ปนึง ก็ไปพักนอนอยู่ที่เตียง 2 อาทิตย์ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ยังนั่งนานๆ ไม่ค่อยได้ค่ะ คือขับรถได้เพราะเราผ่าข้างซ้าย แล้วเราใช้เกียร์ออโต้ก็ขับข้างขวา แต่ว่าถ้ารถติดเป็นชั่วโมงก็จะปวด เราก็ต้องเปลี่ยนอิริยาบถ สมมตินั่งสักครึ่งชั่วโมงก็ต้องยืดนอน หรือเดินช้อปปิ้งนานๆ ก็ยังไม่ได้ ต้องใช้วีลแชร์”

“ตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงอยู่ค่ะ เพราะกระดูกยังต่อกันไม่ได้ ต้องอีก 3 เดือนครึ่งที่ผ่าเอาไว้มันถึงจะต่อกัน แล้วอีกข้างนึงอันนี้ก็อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน เพราะปิ่นได้ไปรักษากับคุณพ่อนักบวชชาวฟิลิปปินส์ ก็เกิดอัศจรรย์กระดูกที่เหมือนตายไปแล้วหายเกือบเป็นปกติแล้ว ทำให้ไม่ต้องผ่าอีกข้างนึง วิธีก็คือเหมือนประทับมือลงในโบสถ์ค่ะ เขาเรียกว่าวิธีฮีลลิ่ง”

“กระดูกฝั่งขวาคิดว่าไม่ต้องทำอะไรแล้วเลยค่ะ เพราะว่าดูจากฟิล์มเอ็กซเรย์เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จากที่ดูกระดูกมันตายไปสัก 60% ตอนนี้เหลืออีกสัก 10-20% ซึ่งมันอาจจะพัฒนาไปในทางปกติได้ ก็ไม่ต้องยุ่งกับมันเลย คุณหมอก็แปลกใจนะคะ ยังหันมาถามว่าไปทำอะไรมา ไปทานอะไรมาหรือเปล่า แต่ถ้าพูดไปมันก็ไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร แต่กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเราเครียดโรคทุกอย่างมันก็จะมาหมด แต่ทีนี้ถ้าเราอารมณ์ดีพักผ่อนเพียงพอ ทานอาหารดี สุขใจทุกอย่างมันก็ดีขึ้น”

บอกพร้อมกลับมารับงานเต็มที่อีกครั้งในอีก 3 เดือนครึ่งข้างหน้า อ้อนผู้จัดอยากกลับมาเล่นละคร

“ตอนนี้ก็สามารถเดินได้ แต่ก็ต้องระวัง เพราะมันก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นปกติ คุณหมอก็สั่งว่าห้ามหกล้ม(หัวเราะ) ห้ามเด็ดขาด ถ้าล้มก็เจ๊งหมดเลย ต้องผ่าตัดใหม่ ก็ต้องรักษามันดีๆ ค่ะ อย่าเดินเยอะ อย่าออกกำลังกาย อย่าใช้มันเยอะเกินไป คือยืนเฉยๆ ยังโอเค แต่ถ้าเดินหรือว่าขึ้นลงบันไดจะเป็นการลงน้ำหนักเยอะ อะไรที่ต้องทิ้งน้ำหนักตัวก็จะไม่ดี”

“เรื่องรับงานก็คงต้องอีก 3 เดือนครึ่งค่ะก็คงจะปกติ จริงๆ ก็อยากกลับมาเล่นละครนะคะ แต่ก็คงว่ากันไปตามนั้น ยังไม่ทราบว่าจะมีใครอยากให้เล่นหรือเปล่า(หัวเราะ) เดี๋ยวก็ลองดูค่ะ ส่วนเรื่องฟาร์มม้าจริงๆ อย่าเรียกว่าฟาร์มดีกว่า เป็นอารีน่า เป็นไร่ดีกว่า ก็คงจะทำอยู่ค่ะ แต่เอาไว้ให้มีแรงเดินก่อน ตอนนี้ก็ยังพักเอาไว้ ก็คงไม่ได้ขี่เองแล้ว คงแค่เล่นกับมัน เพราะถ้าขี่คงอันตรายมันก็ไม่คุ้มกัน อุตส่าห์ไปผ่าอุตส่าห์รักษามาแทบตาย ถ้าตกลงมาอีกทีก็จบเลย(หัวเราะ)”

“ส่วนตอนนี้กับลูกๆ ก็จะอยู่ด้วยกันช่วงศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาเขาก็ไปโรงเรียน แต่วิ่งไล่จับเขาไม่ได้ ได้แต่เดินช้าๆ เดินเร็วก็ยังไม่ได้ แต่ก็สู้มากค่ะ คือเราเป็นคนไม่คิดมากอยู่แล้วด้วย เขาให้ทำอะไรก็ทำหมด ต้องนอนตั้งแต่หัวค่ำก็นอน ห้ามเดินก็ไม่เดิน บางทีก็ต้องนอนทานอาหารที่เตียง กิจกรรมที่จะเล่นกับลูกก็ต้องอดใจทุกอย่าง ไม่ได้ไปอยู่บ้านร่วมกับลูกด้วย คือบ้านนั้นจะเป็นสองชั้น ปิ่นก็ต้องไปอยู่บ้านคุณแม่ ซึ่งเป็นบ้านชั้นครึ่งไม่ต้องขึ้นลงบันไดเยอะ”

เผยกรณีสามีรูปหล่อ “เจ เจตริน วรรธนะสิน” โดนด่าว่าสร้างภาพที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม บอกแล้วแต่คนจะคิด

“เจดูแลไหมเหรอ ไปช่วยคนอื่นก่อนดีกว่าค่ะ มีคนเดือดร้อนมากกว่าปิ่น ทางปิ่นก็โอเคแล้วในระดับนึง คือเราก็ได้สอนลูกว่า ให้รู้จักเสียสละเวลาของตัวเอง และมีแรงไปช่วยคนอื่น ซึ่งเขาก็ดีใจที่เห็นพ่อไปช่วยเหลือคนอื่น ปิ่นก็จะคอยเปิดรูปให้ดู เจ้าขุนตัวแสบก็จะบอกว่าแล้วพ่อจะเป็นฮ่องกงฟุตไหม (หัวเราะ) แล้วจะโดนไฟช็อตหรือเปล่า แต่เราก็จะสอนเขาว่าอะไรที่ประมาทก็จะไม่ทำ แล้วเราก็ไปช่วยคนที่เขาลำบากกว่าเรา ตอนแรกเจจะเอาเจ้านายไปด้วย แต่รู้สึกจะลำบากไปหน่อย และลูกต้องไปโรงเรียน ก็เลยไม่ได้เอาไป เขาก็อยากไปนะคะ ถ้าเขาช่วยได้เขาก็อยากจะช่วย”

“เรื่องที่มีคนว่าเจสร้างภาพ อันนี้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ต่างคนต่างจิตต่างใจ จะคิดอะไรเราคงไปห้ามความคิดไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาช่วย จะสร้างภาพหรือว่าไม่สร้างภาพก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ลุกขึ้นมาช่วยกัน เพราะมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือเยอะมากค่ะ”

http://www.manager.co.th/Entertainment/ ... 0000158569
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ย. 10, 2010 3:01 pm

ขอบคุณพระเจ้า :s015:
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

พุธ พ.ย. 10, 2010 5:11 pm

:s002: ขอบคุณพระเจ้า
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

พุธ พ.ย. 10, 2010 5:18 pm

สาธุการพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ เอเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 4:42 pm

ตามดูลิงค์ข่าว2วันแล้วขำ บางคอมเม้นท์ที่เหมือนกลัวคนจะรู้จังเลยว่าเป็นคริสต์ พยายามพูดให้เป้นทางพุทธ

แถมคอมเม้นท์ที่บอกว่าคุณพ่อเป็นบาทหลวงคริสต์ ก็มีคะแนนโหวตลดลงเหมือนกลัวขึ้นจอเหลืองแล้วคนจะเชื่อว่าพระเจ้าและการอัศจรรยืในคริสตศาสนามีจริงหรือยังไงไม่ทราบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Happiness
โพสต์: 345
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ค. 14, 2009 11:23 pm

อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 1:52 am

ขอแจมบ้างนะครับ

โอ้ ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อบาทหลวงและผู้ศรัทธาทุกท่านนะครับในการบำบัดรักษาโรคด้วยอัศจรรย์แห่งศรัทธา
................................

สำหรับผมก็พบเห็นเรื่องราวทำนองนี้มามากเช่นกัน ส่วนมากเป็นประมาณกลุ่มคนจีน ญี่ปุ่น ที่รักษาโรคได้ด้วยฝ่ามือ ลมปราณ หรือพวกเรคิพลังจักรวาล ฯลฯ

มีทั้งที่โยงเอาศาสนาเข้าไปเกี่ยวด้วยก็มี เป็นแบบธรรมดาๆก็มี อิงวิทยาศาสตร์ก็มี เป็นนักกายภาพบำบัดก็มี พยาบาล แพทย์ก็เยอะ

เท่าที่รู้จักตอนนี้เป็นพระภิกษุพุทธเถรวาทก็มี ถามท่านก็บอกว่าเรียนมาจากคนจีนอีกที ก็มาจากการฝึกฝนด้วยตนเอง

บางคนก็หายป่วยจริงๆ บางคนทำแล้วทำอีกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
...............................

ทัศนะที่ได้ยินมา ก็มีแตกต่างกันไป เช่น

ฝ่ายผู้ที่นับถือพระเจ้าต่างๆ ก็จะบอกว่าเขาได้รับพลังมาจากเบื้องบนหรือพระเจ้า ถ้าผู้อื่นทำได้แต่เป็นศาสนาอื่นๆที่ไม่ใช่แบบตนก็จะบอกว่าได้พลังมาจากปีศาจซาตาน....

ฝ่ายผู้ที่ไม่นับถือพระเจ้า ก็จะบอกว่ามันเป็นหลักทางวิทยาศาสตร์ เป็นปราณ เป็นอุณหภูมิ เป็นจิตวิทยา เป็นการฝึกตน อย่างมงายไร้สาระกันนักเลย.....

อิอิ เสวนาสัพเพเหระนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 3:33 am

ในรูปแบบความเชื่ออื่นๆ มักยกย่องว่า ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้ ได้ฝึกตน มีบารมี มีญาณ มีความบรรลุอะไรสักอย่าง ตลอดจนในแง่ของผู้ใช้พลังปราณ ก็จะมาจากการฝึกฝนใช้พลังปราณหรือพลังจักรวาลอันนั้น เรียกง่ายๆว่าเป้นความวิริยะอุตสาหะและเป้นความสามารถของคนคนนั้นที่ทำได้



แต่สำหรับในคริสตศาสนา ใครก็ตามที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ มักไม่เคยฝึกอะไรทั้งนั้น เพราะศาสนาคริสคต์ไม่มีหลักการสอนหรือฝึกเรื่องนี้

ผู้ที่ทำได้ มักทำได้เองจากที่ไม่เคยทำได้ ตลอดจนได้รับการไขแสดงจากพระเจ้าว่าสามารถเป็น "ท่อพระพร" ของพระองค์ได้ และเขาจะสามารถทำได้โดยไม่มีการฝึกตนมาเกี่ยว

นั่นคือแค่เชื่อแล้วก็ทำได้เลย ในไบเบิ้ลเขียนอย่างชัดเจนว่า พระเยซูตรัสว่าแค่เชื่อในพระองค์จะสามารถทำได้ ไม่ได้มาจากการฝึกฝนใดๆ

มก 16:17
ผู้ที่เชื่อจะทำอัศจรรย์เหล่านี้ได้ คือจะขับไล่ปีศาจในนามของเรา จะพูดภาษาใหม่ ๆ ได้ จะจับงูได้ และถ้าดื่มยาพิษก็จะไม่ได้รับอันตราย เขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ คนเจ็บเหล่านั้นก็จะหายจากโรคภัย


คุณพ่อเคอร์ซี่เองก็ไม่ได้ฝึกอะไรทั้งนั้น ครั้งแรกที่ท่านทำ ท่านรักษาแม่ของตัวเองหายจากมะเร็งโดยเพียงแค่พระจิตดลใจว่า ทำได้ลองทำดู

ที่สำคัญคุณพ่อไม่เคยยกเอาความสามารถนี้เข้าตนเอง คุณพ่อบอกว่าทุกคนที่หาย ขอให้เดินไปที่พระแท่น ไปที่ไม้กางเขน ไปขอบพระคุณพระเยซู ไม่ใช่ขอบคุณพ่อ แล้วทุกคนที่หายก็ทำเช่นนั้น และเหตุการณ์ในวันนั้นที่วัดมหาไถ่ คุณปิ่นเองลุกจากรถเข็นเดินได้ทันที และได้เดินไปคุกเข่าที่พระแท่นและขอบพระคุณพระเยซูเจ้าผู้รักษาที่แท้จริง เหมือนผู้ป่วยทุกคนที่ได้รับการรักษา "ผ่าน" คุณพ่อเคอร์ซี่

ที่สำคัญท่านเคยฝากการรักษาผ่านมือคนอื่นให้เดินทางไปยังคนเจ็บโดยท่านไม่ได้ไปเอง โดยท่านยืนยันว่าพระพรนั้นมาจากพระเจ้าจริงๆไม่ใช่ต้องเป็นพ่อเคอร์ซี่เท่านั้น ใครก็ได้สามารถสื่อพระพรของพระเจ้าได้

ที่สำคัญคริสตชนเรามีหลักการ อธิษฐานขอพระเจ้าให้คนป่วย ลองไปชมที่บอร์ดสวนมะกอกได้ครับ ซึ่งคริสตชนทุกคนล้วนเคยทำมาแล้วทั้งนั้น และก็มีคนหายป่วยจริง จากคริสตชนชาวบ้านธรรมดาอธิษฐานให้นี่แหละ เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอๆ กับใครก็ตามที่เชื่ออย่างสุดจิตใจในสิ่งที่พระเยซูเจ้าตรัสยืนยันไว้ครับ
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 2:51 pm

พี่โฮลี่ +1 ครับ
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 2:57 pm

มีใครพอจะมีคลิปที่คุณพ่อรักษาไหมครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 1:02 am

ไม่มีคลิปแต่มีเรื่องเล่าเสริมครับ อันนี้ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ และผู้ที่ได้ฟังคุณปิ่นเล่า อาจจะขาดจะเกินบ้าง แต่เนื้อหาใจความหลักๆน่าจะยังตรงความเป้นจริงครับ

คุณปิ่นเองนั้นอาการของเธอหนักมาก กล่าวคือหมอให้ราว90%ว่าไม่หาย เซลล์กระดูกตายไม่สามารถประสานตัวเองได้

เธอบอกว่าสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดไม่ใช่ที่ร่างกายแต่ที่จิตใจ เธอไม่สามารถกอดหรือเล่นกับลูกๆได้ เธอไม่สามารถลุกจากรถเข็นได้เลย แม้แต่จะห่มผ้าให้ลูกยังต้องใช้ที่หนีบยาวๆคีบผ้า เพราะลุกจากรถเข็นไม่ได้ เธอร้องไห้ทุกวันตลอด3เดือน

ลองยาและการรักษาทุกแบบและทานยาจนตับและไตเสียหายจนทานยาอะไรไม่ได้แล้ว

เมื่อตอนไปที่วัดมหาไถ่ เธอไปด้วยความไม่เชื่อ แต่เพื่อนที่เป็นคาทอลิกพยายามชักชวนเธอไป เธอไปอย่างเสียไม่ได้ แม้แต่ตอนที่พ่อดึงให้เธอยืนเธอยังสงสัยว่ามันจะได้เหรอ จนเธอลุกขึ้นและเดินไปจนถึงพระแท่นได้

เธอตัดสินใจติดตามไปอีกที่วัดอื่นๆที่คุณพ่อไป เพราะเธอต้องการต้นหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

จนคุณพ่อได้ให้เธอเป็นผู้ช่วยคือ ช่วยผู้ป่วยหญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม คุณพ่อจับมือคุณปิ่นและคุณปิ่นก็จับก้อนเนื้อที่หน้าอกหญิงคนนั้นที่ขนาดเท่าลูกบอล เธอบอกว่ารู้สึกถึงพลังซ่านผ่านตัวเธอและก้อนเนื้อนั้นค่อยๆเล็กลงจนหายไปคามือเธอ เหมือนกำก้อนน้ำแข็งที่มันละลายหายไปคามือ

คุณปิ่นกลับบ้านไปด้วยความร้อนรนในจิตวิญญาณ และอัศจรรย์ใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเองจริงๆ

และตอนนี้เธอได้มาเรียนคำสอนที่วัดมหาไถ่ได้2อาทิตย์แล้ว

ขอให้พวกเราสวดภาวนาให้เธอในกระแสเรียกที่พระเจ้าประทานให้เธอ ไม่ใช่เพียงการรักษาเยียวยาฝ่ายกายแต่ที่จิตวิญญาณซึ่งพิเศษกว่าอย่างมาก


รูปภาพ

มก 5:21-43 พระเยซูเจ้าทรงรักษาหญิงตกเลือด ทรงปลุกบุตรหญิงของไยรัสให้คืนชีพ
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงเรือข้ามฟากอีกครั้งหนึ่ง ประชาชนชุมนุมกันเนืองแน่นรอบพระองค์ขณะที่ยังทรงอยู่ริมทะเลสาบ หัวหน้าศาลาธรรมคนหนึ่งชื่อไยรัสเดินมา เมื่อเห็นพระองค์ เขากราบลงที่พระบาท พร่ำวิงวอนว่า “บุตรหญิงเล็ก ๆ ของข้าพเจ้าจวนจะสิ้นใจอยู่แล้ว เชิญพระองค์เสด็จไปปกพระหัตถ์เหนือเขาเถิด เขาจะได้หายจากโรค กลับมีชีวิต” พระเยซูเจ้าจึงเสด็จไปกับเขา ประชาชนกลุ่มใหญ่ติดตามไปและเบียดเสียดพระองค์ ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปีแล้ว ได้รับความทรมานมากจากการรักษาของแพทย์หลายคน เสียทรัพย์จนหมดสิ้น โรคก็มิได้บรรเทา ตรงกันข้ามกลับทรุดหนัก นางได้ยินเขาพูดกันถึงเรื่องพระเยซูเจ้า จึงเดินปะปนกับประชาชนเข้ามาเบื้องหลัง และสัมผัสฉลองพระองค์ นางคิดว่า ”ถ้าฉันเพียงได้สัมผัสฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายจากโรค” ทันใดนั้น อาการตกเลือดก็หยุด นางรู้สึกว่าร่างกายหายจากโรคแล้ว ขณะเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงรู้สึกว่ามีอิทธิฤทธิ์ออกจากพระองค์ไปจึงทรงหันมายังกลุ่มชน ตรัสว่า “ใครสัมผัสเสื้อของเรา บรรดาศิษย์ทูลว่า “พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าผู้คนเบียดเสียดกันเช่นนี้ แล้วยังทรงถามอีกหรือว่า “ใครสัมผัสเรา” พระองค์ทรงหันไปรอบ ๆ เพื่อทอดพระเนตรผู้ที่กระทำเช่นนั้น หญิงคนนั้นรู้สึกกลัวจนตัวสั่นเพราะรู้ดีว่าอะไรได้เกิดขึ้นแก่ตน จึงกราบลงเฉพาะพระพักตร์และทูลให้ทรงทราบความจริงทุกประการ พระองค์จึงตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ความเชื่อของท่านช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว จงไปเป็นสุข หายจากโรคเถิด” ขณะกำลังตรัสอยู่นั้น มีคนมาจากบ้านหัวหน้าศาลาธรรม บอกเขาว่า “บุตรหญิงของท่านตายแล้ว ไปรบกวนพระอาจารย์อีกทำไมเล่า” แต่พระเยซูเจ้าทรงได้ยินเขาพูดดังนั้น จึงตรัสแก่หัวหน้าศาลาธรรมว่า “อย่ากลัวเลย จงมีความเชื่อไว้เถิด” พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใครติดตามไปนอกจากเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ เมื่อทุกคนมาถึงบ้านหัวหน้าศาลาธรรม พระเยซูเจ้าทรงเห็นความวุ่นวาย และเห็นผู้คนร่ำไห้พิลาปรำพันเป็นอันมาก พระองค์เสด็จเข้าไป ตรัสแก่คนเหล่านั้นว่า “วุ่นวายและร้องไห้ไปทำไม เด็กคนนี้ไม่ตาย เพียงแต่นอนหลับไปเท่านั้น” เขาต่างหัวเราะเยาะพระองค์ พระองค์ทรงไล่เขาออกไปข้างนอก ทรงนำบิดามารดาของเด็กและศิษย์ที่ติดตามเข้าไปยังที่ที่เด็กนอนอยู่ ทรงจับมือเด็ก ตรัสว่า “ทาลิธาคูม” แปลว่า “หนูเอ๋ย เราสั่งให้หนูลุกขึ้น” เด็กหญิงนั้นก็ลุกขึ้นทันที และเดินไปมา เด็กนั้นอายุสิบสองขวบแล้ว คนทั้งหลายต่างประหลาดใจอย่างยิ่ง
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 1:32 am

โอ้! ขอบคุณ คุณ Holy มากๆ ครับ สำหรับคำพยานที่น่าชื่นชมยินดีครับ

ผมเองก็ไปมาเหมือนกันที่วัดพระหฤทัยศรีราชา และได้ไปเป็นหนึ่งใน catcher (ผู้ช่วยจับเวลาผู้ป่วยจะล้ม) ได้เห็นคนล้มในพระจิตเจ้าหลายคนเลยครับ และบางคนก็ได้รับการรักษา เช่น แขนยาวไม่เท่ากัน

และผมก็ได้เจอพระคุณเจ้า ลอเรนซ์ เทียนชัย ท่านได้บอกกับผมว่า ที่ กทม มีดาราได้รับการรักษาแล้วเดินได้ ที่แท้ก็คุณปิ่น นี่เอง

ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า พระผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ลูกวางใจในพระองค์ :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 1:45 am

ขอเสริมในเรื่องที่มาของพลังการรักษาเนื่องจากมีผู้พูดพาดพิงถึงในกระทู้นี้ซึ่งอาจจะบิดเบือนข้อเท็จจริงไปมาก

ฝ่ายผู้ที่นับถือพระเจ้านั้น จะเชื่อว่าสิ่งดีทุกอย่างมาจากพระเจ้า ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ที่มีคนใช้วิธีพิเศษที่เหนือธรรมชาติ จะตัดสินว่ามาจากพระเจ้าหรือซาตานมีมุมมองดังนี้

1. คนคนนั้นเอาดีเข้าตัวเองหรือยกความดีถวายพระเจ้า

แน่นอนว่าถ้าคนใดช่วยเหลือผู้คน และพูดยอมรับอย่างชัดเจนว่า พลังที่ตนมีนั้นมาจากพระเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดศาสนาใด ก็ถือว่ามาจากพระเจ้า เพราะเจ้าตัวเขาว่าแบบนั้น

มก 9:38-40 การใช้พระนามของพระเยซูเจ้า

ยอห์นทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า เราได้เห็นคนคนหนึ่งขับไล่ปีศาจเดชะพระนามของพระองค์ เราจึงพยายามห้ามปรามไว้ เพราะเขาไม่ใช่พวกเดียวกับเรา” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าห้ามเขาเลย ไม่มีใครทำอัศจรรย์ในนามของเรา แล้วต่อมาจะว่าร้ายเราได้ ผู้ใดไม่ต่อต้านเรา ก็เป็นฝ่ายเรา”


ดังนั้นถ้าใครก็ตามทำการอัศจรรย์ แล้ว สุภาพถ่อมตน ไม่ได้ยกย่องตนเองว่าเก่งกาจ และยอมรับหรือประกาศว่ามาจากพระเจ้า แน่นอนว่า คริสตชนก็เชื่อว่ามาจากพระเจ้า

ตรงข้ามต่อให้เป็นคนที่นับถือคริสต์ แต่ถ้าเย่อหยิ่งจองหอง โอ้อวดว่าตนเองเก่งกว่า วิเศษกว่า ศักดิ์สิทธิ์กว่าคนอื่นที่สามารถทำการอัศจรรย์เหล่านั้นได้ เราถือว่านั่นมาจากมารซาตาน เพราะ


ยก 4:6
พระองค์ยังประทานพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่านั้นอีก ฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวอีกว่า “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานแก่ผู้ถ่อมตน”



นั่นคือทำไมพระศาสนจักรคาทอลิกจึงระมัดระวังและตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะประกาศว่าสิ่งใดเป็นการอัศจรรย์ หรือการไขแสดงจากพระเจ้า เพราะมีคนที่แอบอ้าง หากิน และแสวงหาประโยชน์จากความเชื่อความศรัทธาของผู้คน อยู่เสมอนานแสนนานแล้ว ดังที่ใมนเมืองไทยเองก็มีข่าวอยู่เสมอว่ามีหมอผีร่างทรงต่างๆมากมายที่หลอกลวงเอาเงินหรือผลประโยชน์จากเหยื่อ


2. สิ่งนั้นทำให้คนหันหาหรือหันออกจากพระเจ้า

สิ่งใดๆที่เกิดขึ้นถ้ายั่วยวนชักนำให้คนหันเหออกจากพระเจ้า สิ่งนั้นย่อมมาจากปรปักษ์ของพระเจ้า สิ่งใดที่ทำให้คนหันหาหรือเชื่อในพระเจ้าสิ่งนั้นย่อมมาจากพระเจ้า

ถ้าผู้กระทำทำโดยแสวงหาเงินทอง แสวงหาความเคารพนับถือ หรือเกียรติหรือแม้แต่ผลประโยชน์ใดใส่ตน ไม่ได้ทำด้วยจิตที่เมตตารัก หรือให้อย่างแท้จริง หากมีพลังอะไรสักอย่างที่คนนั้นใช้ ย่อมไม่ได้มาจากพระเจ้าแน่นอน

ส่วนสิ่งที่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้คล้ายคลึงพระเจ้า แต่ปราศจากคุณความดีในนั้น เราก็เรียกมันว่ามารซาตาน


กล่าวโดยสรุป
-ไม่ใช่ว่าคนนั้นนับถือศาสนาที่เชื่อพระเจ้าจะถูกเหมาว่ามาจากพระเจ้าหมด
-ไม่ใช่ว่าคนนั้นไม่ได้นับถือศาสนาที่เชื่อพระเจ้าแล้ว จะเหมาว่ามาจากซาตานหมด

มีกลุ่มคนที่ชอบประนามคนอื่นหรือคริสตจักรอื่นที่ไม่ใช่ของตัวว่าอะไรๆที่ดีของอันอื่นที่ไม่ใช่ของตัวมาจากมารซาตานนั้นมีอยู่ในบางคริสตจักรหัวรุนแรง และเป็นบางคริสตจักรเท่านั้น และคริสตจักรเหล่านั้นยังกล่าวหาทุกสิ่งที่ดีในพระศาสนจักรคาทอลิกว่ามาจากซาตานด้วยซ้ำ ดังนั้นควรเข้าใจให้ถูกว่าเป็นอุปนิสัยส่วนตัวของบางคริสตจักรที่ประนามทุกคนที่ไม่ใช่ตนอยู่แล้วไม่ว่าเรื่งอะไรก็ตาม ไม่ใช่กลุ่มผู้เชื่อพระเจ้าต่างๆจะทำแบบนั้น

ส่วนพระศาสนจักรคาทอลิกไม่มีหลักการเหมารวมดังกล่าวนั้น



3. การอัศจรรย์นั้น แท้จริง เป็นหลักการตามธรรมชาติ หรือพลังเหนือธรรมชาติกัแน่

ต้องยอมรับความจริงว่ารูปแบบการรักษาใดๆในสมัยโบราณมักถูกเอาไปควบรวมกับลัทธิความเชื่อตลอดจนไสยศาสตร์หรือศาสนาโบราณต่างๆ เช่น กินยาหม้อต้องท่องมนต์ก่อน ก่อนนวดต้องกราบไหว้เทพต่างๆก่อน ดังนั้นในเมื่อผู้ที่สร้างภาพว่าสิ่งที่ตนทำเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมาแต่แรก และหากคนนั้นๆยืนยันหรือชูประเด็นว่าสิ่งที่ตนใช้ไม่ได้มาจากพระเจ้า เมื่อไม่อยู่ฝ่ายพระเจ้า ก็คือการประกาศตัวว่าที่มาของพลังอยู่ฝ่ายตรงข้ามพระเจ้าด้วยตัวเขาเอง

แต่หากเป็นแนวที่อธิบายการรักษาว่าเป็นหลักการวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้จริง เช่นโยคะแนวใหม่ที่อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ ตลอดจนไม่ได้มีการบ่งบอกว่าสุขภาพดีมาจากพลังเหนือธรรมชาติใดๆ แต่เป็นการบริหารร่างกายที่มีหลักการแพทย์ยอมรับ ไม่ว่าใครจะเชื่อพระเจ้าหรือไม่ก็บอกว่ามันคือการบริหารร่างกาย เหมือนเต้นแอโรบิก หรือเข้ายิมที่คงไม่มีใครมาแยกแยะให้เมื่อยว่ามาจากปีศาจไหม

ส่วนหลักการในการวางมือรักษาในคริสตศาสนาไม่มีรูปแบบพิธีกรรม หรือกรรมวิธีใดๆทั้งสิ้น มีแค่ความเชื่อในพระเจ้า และ การอธิษฐาน เท่านั้น จึงไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันใดๆจะสามารถอธิบายได้ครบโดยไม่เอาพระเจ้าเข้าไว้ในองค์ประกอบได้
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 8:52 am

ขอบคุณพระเจ้า :s002:
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 10:02 am

:s002: ขอบคุณพระเจ้า คุณปิ่นคงเป็นพยานยืนยันในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ดี พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่จริงๆ
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 2:56 pm

มีลงข่าวในไทยรัฐ ด้วยครับ

'ปิ่น' ทึ่ง! บาทหลวงรักษากระดูก กลับมามีชีวิตใหม่ ไม่ต้องผ่าตัด

http://www.thairath.co.th/content/ent/126978

ขอพระนามของพระเป็นเจ้าได้รับการสรรเสริญเทอญ :s007:

ขอพระองค์ประทานความเชื่อเข้มแข็งแก่คุณปิ่นครับ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 5:02 pm

พ่อผมเมื่อสักห้าปีก่อนก็ไปให้พ่อคอร์ซี่ปกมือให้ที่วัดลำไทร พ่อก็ดีขึ้นอย่างผิดตา หลังพิธีพ่อตัดสินใจรับศีลล้างบาป คุณพ่อเจ้าวัดยอมล้างให้เพราะถือเป็นเคสเร่งด่วน (ออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อการนี้โดยเฉพาะ) และยังอยู่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้ครับ

ขอพระนามพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญชั่วนิจนิรันดร์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 5:45 pm

'ปิ่น' ทึ่ง! บาทหลวงรักษากระดูก กลับมามีชีวิตใหม่ ไม่ต้องผ่าตัด

ปิ่น' ทึ่ง! บาทหลวงรักษากระดูก กลับมามีชีวิตใหม่ ไม่ต้องผ่าตัด พร้อมอุทิศตนเพื่อพระเจ้า ตามบาทหลวงไปช่วยเหลือคนอื่นต่อ แต่ยังหักโหมไม่ได้...

เจอะหน้าสาว ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน นักแสดงชื่อดัง ภรรยาสุดเลิฟของเจ้าพ่อแรพเปอร์เมืองไทย เจ-เจต ริน ที่งาน อีเอฟเอ็มฟันแฟร์ จึงขออัพเดตอาการ ป่วยล่าสุด ซึ่งปิ่นเผยด้วยอาการดีใจว่า ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุตกม้า เผยใช้วิธีรักษาโดยการเยียวยาทางเลือกใหม่ กับบาทหลวงท่านหนึ่ง

รูปภาพ

อาการ ตอนนี้เป็นอย่างไร "ดีขึ้นเรื่อยๆ เดินได้ ไปไหนมาไหนได้ แต่เดินนานไม่ได้ ขับรถได้ แต่ช่วงสั้นๆ ดีใจที่ไม่ต้องผ่าตัด มันเป็นความเชื่อของปิ่นเอง คือได้รักษาแบบทางเลือกเป็นการเยียวยากับบาทหลวง คอซี่ เป็นการเยียวยาผ่านพลังงานของพระเจ้า ทำให้กระดูกของปิ่นที่ตายไปส่วนใหญ่กลับมามีชีวิตอีก" เดิมต้องเข้ารับการผ่าตัด "ใช่คะไปรักษากับบาทหลวงแล้ว จากนั้นกลับไปหาแพทย์ที่ผ่าตัด แพทย์ไปเอกซเรย์หมอตกใจบอกว่ากระดูกที่ตายไปแล้ว กลับมามีชีวิต หมอก็งง ก็ถามปิ่นว่าไปทำไรมา แต่เราไม่ได้พูดอะไร หมอก็บอกไม่ต้องผ่าตัดแล้วเราก็อยากกรี๊ดมาก ตอนนี้อุทิศตนเพื่อพระเจ้าแล้ว ตามบาทหลวงคอซี่ไปทุกที ท่านเป็นบาทหลวงมาจากฟิลิปปินส์ ปกติจะมาเมืองไทยรักษาปีละสองครั้ง ถ้าท่านมาปิ่นก็ไปช่วยท่านทำงานตรงนี้ทำให้เรารู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร ปิ่นรู้สึกดีเวลาที่ช่วยคนอื่นเขาดีขึ้นก็รู้สึกดีขึ้น"

รูปภาพ

เกิดอัศจรรย์ในร่างกาย "ปิ่นป่วยมา 6 เดือนเราเหมือนได้รักษาแบบการใช้พลัง เป็นการรักษาตามแบบศาสนาคริสต์ที่มีกันมาหลายชั่วอายุคนทำให้กระดูกที่ตายไปแล้ว ก็กลับมามีชีวิตเหมือนมีเลือดมาหล่อเลี้ยงอัศจรรย์ ไม่เชื่อก็ไม่ได้ ปิ่นไม่ได้เล่นของเชื่อหลักเป็นเหตุเป็นผล เห็นด้วยตามาแล้ว"

ร่างกายตอนนี้หักโหมได้มากขนาดไหน "หักโหมไม่ได้วันหนึ่งทำกิจกรรมได้อย่างเดียว ถ้าใช้งานเยอะกระดูกที่จะต่อก็ไม่ต่อโดยเฉพาะด้านซ้ายที่ได้ผ่าเอาไว้ คือเป็นลักษณะที่เอากระดูกมาปั้นแล้วติดกาวเอาไว้ ผ่าตัดข้างเดียว ซ้าย แต่ก็ไม่ต้องผ่าแล้วถ้าไม่ได้ไปหกล้ม"

ฟังเสียงสัมภาษณ์ ปิ่น-เก็จมณี ได้ที่โทร. *7172193 ค่าบริการนาทีละ 3
บาท (ไม่ร่วมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) สำหรับลูกค้าเครือข่ายดีแทค
ไทยรัฐออนไลน์

http://www.thairath.co.th/content/ent/126978
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 8:29 pm

มีคลิปด้วย

แต่แปลกที่คุณกิ๊กเป็นคาทอลิก แต่กลับไม่เสริมเรื่องพ่อเคอร์ซี่ทั้งที่มีโอกาศ


ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 10:39 pm

Holy เขียน:มีคลิปด้วย

แต่แปลกที่คุณกิ๊กเป็นคาทอลิก แต่กลับไม่เสริมเรื่องพ่อเคอร์ซี่ทั้งที่มีโอกาศ


เขาอาจไม่รู้จักมั้งพี่ เอาจริงๆ ถ้าผมไม่เล่นเวปนี้ ผมก็ไม่รู้จักนะ ถ้าผมไม่รู้จักผมก็ไม่มั้นใจนะว่า

เป็นพ่อของคาทอลิกอะเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ย. 15, 2010 10:51 pm

คุณกิ๊ก เขาก็ไปวัดมหาไถ่ค่ะ วัดเดียวกับที่คุณปิ่นไปรับการรักษาครั้งแรก
และ คุณครั้งที่คุณพ่อจะไปวัดไหน ก็จะมีการประกาศที่วัดนั้นอยุ่แล้ว
เป็นไปได้น้อยมากที่ คุณกิ๊กจะไม่รู้ :s030:
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

อังคาร พ.ย. 16, 2010 12:55 am

~@Little lamb@~ เขียน:คุณกิ๊ก เขาก็ไปวัดมหาไถ่ค่ะ วัดเดียวกับที่คุณปิ่นไปรับการรักษาครั้งแรก
และ คุณครั้งที่คุณพ่อจะไปวัดไหน ก็จะมีการประกาศที่วัดนั้นอยุ่แล้ว
เป็นไปได้น้อยมากที่ คุณกิ๊กจะไม่รู้ :s030:
แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่เขาจะไม่รู้ ใช่ไหมครับ พี่ LL

แค่มองทุกทางนะครับพี่

แต่อย่างไร ก็แล้วแต่สาธุการแด่พระเจ้าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อังคาร พ.ย. 16, 2010 1:42 am

ก็ขอ/หวังให้เป็นดังนั้น ดาราคาทอลิกไทย :s016:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร พ.ย. 16, 2010 11:35 am

แม้คุณกิ๊กไม่ได้เสริมอะไรในเรื่องนี้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากคุณพ่อคอร์ซี่มาครั้งต่อไป คงมีคนมาให้คุณพ่อรักษามากขึ้นอย่างแน่นอน จากการให้ข่าวของคุณปิ่น เก็จมณี

กิจการความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าประกาศด้วยตัวกิจการนั้นเอง ดังกว่าเสียงของมนุษย์
ข้า-พระ-เจ้า
โพสต์: 407
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am

อังคาร พ.ย. 16, 2010 4:12 pm

~@Little lamb@~ เขียน:ก็ขอ/หวังให้เป็นดังนั้น ดาราคาทอลิกไทย :s016:
+1 พี่
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6646
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ พ.ย. 27, 2010 3:38 pm

พระเจ้ารักลูกของพระองค์ทุกคน สาธุการแด่พระเจ้าสูงสุด..... :s002:
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ย. 27, 2010 8:15 pm

ก็คุณปิ่น เป็นคริสตังอยู่แล้วนี่ ทำไมต้องเรียนคำสอน
แล้วเธอแต่งกับคุณเจ เป็นคริสเตียนคริสตจักรวัฒนา :s004:

ส่วนคุณกิ๊ก คงอึ้งไป พูดไม่ออก หรือไม่ไปวัดเสียนาน เลยลืมเรื่องการอัศจรรย์ อิอิ :s013:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ย. 27, 2010 11:00 pm

Jeab Agape เขียน:ก็คุณปิ่น เป็นคริสตังอยู่แล้วนี่ ทำไมต้องเรียนคำสอน
แล้วเธอแต่งกับคุณเจ เป็นคริสเตียนคริสตจักรวัฒนา :s004:

ส่วนคุณกิ๊ก คงอึ้งไป พูดไม่ออก หรือไม่ไปวัดเสียนาน เลยลืมเรื่องการอัศจรรย์ อิอิ :s013:
ได้ข่าวว่าเธอไม่ได้เป็นคริสต์มาก่อนครับ มาเป็นโปรฯตอนแต่งกับเจ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ย. 28, 2010 9:52 pm

เหรอ ทำไมบางคนบอกว่าเธอเป็นคริสตัง ครับ :s004:
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ย. 29, 2010 1:59 pm

ไม่ได้เป็นค่ะ เพราะลูกพี่ลูกน้องเป็นเพื่อนกับน้องของปิ่น
ก็บอกว่าเขาไม่ได้เป็น เพิ่งเปลี่ยนมาเป็นโปร ตอนแต่งกับเจนี่แหละ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร พ.ย. 30, 2010 6:25 am

แล้วเธอเปลี่ยนจากโปรฯเป็นคาทอลิก หวังว่าไม่มีปัญหากับครอบครัวสามีนะ :s015:
ตอบกลับโพส