

มีลูกแกะน้อยอยู่ตัวหนึ่ง มันอยู่ในทุ่งหญ้าที่เรียกว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์แล้ว
ในแต่ละวันๆ มันจะตื่นขึ้นไปกินหญ้าที่แสนอร่อย ก่อนจะใช้เวลาทั้งวันอย่างเป็นอิสระ
วิ่งเล่นในท้องหญ้า นอนหลับภายใต้ท้องฟ้าสีครามอันเปิดกว้าง
จนกระทั่งวันหนึ่ง มีคนผู้หนึ่งได้เข้ามาแกะตัวนี้
คนผู้นี้นำอาหารที่แปลกตามาให้เจ้าแกะนี้ได้ลิ้มลอง
อาหารที่คนผุ้นี้นำมามีความอร่อยหอมหวานเหนือกว่าหญ้าที่เจ้าแกะกินเป็นประจำ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าแกะจะติดใจ คอยตามติดและรับอาหารจากคนผู้นี้
และความอยากอาหารที่เคยมี กับหญ้าตามธรรมชาติในท้องทุ่งก็น้อยลงเรื่อยๆ
จนในที่สุด เจ้าแกะก็ตามคนผู้นี้ไปโดยสมัครใจ
โดยเห็นแก่อาหารที่หอมหวานที่คนผู้นี้เอาหลอกล่อ
คนผู้นั้นเอาเจ้าแกะไปขังไว้ในพื้นที่ปิดตาย ช่วงชิงซึ่งอิสรภาพไป
และในสถานที่เช่นนี้ เจ้าแกะตัวน้อยไม่สามารถเอาตัวรอดได้เลย
ถ้าไม่พึ่งพาคนผู้นี้ เพราะคนผู้นี้เป็นผู้เดียวที่มันพึ่งพิงได้ในสถานแห่งนั้น
ทำให้เจ้าแกะต้องคอยให้คนผู้นั้นนำอาหารมามอบให้ในแต่ละวัน
และจำต้องยอมแลกเปลี่ยนทำอะไรก็ตาม ตามที่คนผู้นั้นต้องการ
เพื่อแลกเปลี่ยนกับอาหารอันหอมหวาน และเป็นสิ่งที่มันเสพติด
ไม่สามารถขาดจากมันไปได้แล้ว
สุดท้ายเช้าวันหนึ่ง
เจ้าแกะก็นอนตายอย่างทรมานในสถานที่อันรกร้าง ไร้คนเหลียวแลดูแล
ซึ่งสาเหตุทั้งหมดทั้งปวงก็มาจากการขัดธรรมชาติของแกะอย่างที่มันควรเป็น
มันไม่ได้ออกกำลังกาย มันไม่ได้มีชีวิตภายใต้ท้องฟ้า สายลม แสงแดด
และเหนือสิ่งอื่นใด มันไม่ได้มีอิสรภาพอย่างที่มันควรได้รับ
อาหารที่มันรับจากคนผู้นั้นอาจหอมหวานเมื่อเสพกิน หากแต่มันหาเหมาะกับธรรมชาติของแกะไม่ และไม่นำพาสิ่งใดมาให้มันเลย นอกจากความสุขแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว และความทุกข์ทรมานพร้อมความตาย

# เรื่องทั้งหมดเหมือนจะจบลงแค่นี้ หากแต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น
แกะตัวนี้ไม่ใช่แกะป่า มันมีเจ้าของเป็นนายชุมพาบาลผู้ใจดี
ผู้ไม่บังคับแกะตัวนั้นตรงๆ หากแต่ปล่อยให้มันวิ่งเล่นได้ในธรรมชาติอันเปิดกว้าง
สามารถออกหาอาหารกินได้ในทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ที่ถูกตระเตรียมมาอย่างดี
แกะสมัครใจที่จะตามคนแปลกหน้าไปเอง
ทั้งๆ ที่มันมีนายชุมพาบาลเป็นเจ้าของอยู่แล้ว หากแต่เห็นแก่อาหารที่หอมหวานกว่า
และตลอดเส้นทางที่แกะเดินหนีจากท้องทุ่ง
ตามติดคนแปลกหน้าไปนั้น
นายชุมพาบาลเจ้าของเดิมก็ร้องเรียกตลอด
เขาเดินตามติด ร้องเรียกให้แกะกลับมาหาเขาเสมอ
หากแต่แกะกลับหน้ามืดตามัวกับอาหารที่หอมหวานกว่านั้น
จนไม่อาจได้ยินเสียงของนายอันอ่อนโยนที่ร้องตะโกนด้วยความรักนั้นได้เลย
เรื่องจะจบลงอย่างมีความสุขถ้าเพียงแค่
แกะตัวนั้นไม่เห็นแก่อาหารอันหอมหวาน ตามคนแปลกหน้าไป
หรือถ้าเพียงแค่ แกะแม้จะเผลอกินอาหารหอมหวานนั้นไปบ้างแล้ว
แต่ยังหันหลังกลับ วิ่งกลับไปหานายชุมพาบาลผู้นั้นทัน ก่อนที่จะสายเกินไปเท่านั้น...

ลูกแกะ ตัวนั้นคือ มนุษย์
คนผู้ล่อลวง คือ ซาตาน
อาหารอันหอมหวาน คือสิ่งประจญล่อลวง ที่ซาตานหยิบยื่นให้
และนายชุมพาบาล คือ พระเยซู
แล้ววันนี้ คุณเผลอตอบรับ งับอาหารอันชั่วร้าย หากแต่หอมหวานของมัน
และเผลอเดินตามมันไปยังสถานที่รกร้างกี่ก้าวแล้วละ ?
ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการกลับใจ
หากวันนี้คุณได้ยินเสียงของนายชุมพาบาลที่ร้องตะโกนเรียกหาคุณด้วยความรักอยู่บ้างไหม ?