หญิงปากีฯลุ้นรอดประหารชีวิต ฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม
หญิงปากีฯลุ้นรอดประหารชีวิต ฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม
หญิงชาวปากีสถานคนหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์ถูกศาลตัดสินประหาร ชีวิตด้วยข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม แต่อาจจะได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีปากีสถาน
นางบิบี อายุ 45 ปี ผู้เป็นมารดาของลูก 5 คน ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์เมื่อวานนี้ว่า ไม่เคยดูหมิ่นศาสนาอิสลามหรือศาสดามูฮัมหมัด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างเธอกับเพื่อนบ้านที่ นับถือศาสนาอิสลาม และใส่ร้ายเธอจนเป็นเหตุให้เธอถูกจับ และถูกศาลตัดสินประหารชีวิต
แต่ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงกิจการกลุ่มชาติพันธุ์ปากีสถาน ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่นางบิบีอาจพ้นโทษประหาร เพราะว่านายอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ประธานาธิบดีปากีสถาน ได้ขอดูรายงานเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งรัฐมนตรีฯ ยังได้ติดต่อกับครอบครัวของนางบิบี พร้อมกับยืนยันว่า คนกลุ่มนี้ต้องได้รับความยุติธรรม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่านางบิบีจะต้องได้รับการปล่อยตัว
คดีนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก และมีการยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปยังสมเด็จพระสันตะปาปา และองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั้งนี้ กฏหมายที่เอาผิดกับผู้ที่ดูหมิ่นศาสนาอิสลามมักถูกใช้เป็นเครื่องมือกำจัด ชาวคริสต์ และกลุ่มชาติพันธุ์
http://news.sanook.com/983405-%e0%b8%ab ... b2%e0.html
หญิงชาวปากีสถานคนหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์ถูกศาลตัดสินประหาร ชีวิตด้วยข้อหาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม แต่อาจจะได้รับอภัยโทษจากประธานาธิบดีปากีสถาน
นางบิบี อายุ 45 ปี ผู้เป็นมารดาของลูก 5 คน ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์เมื่อวานนี้ว่า ไม่เคยดูหมิ่นศาสนาอิสลามหรือศาสดามูฮัมหมัด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างเธอกับเพื่อนบ้านที่ นับถือศาสนาอิสลาม และใส่ร้ายเธอจนเป็นเหตุให้เธอถูกจับ และถูกศาลตัดสินประหารชีวิต
แต่ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงกิจการกลุ่มชาติพันธุ์ปากีสถาน ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่นางบิบีอาจพ้นโทษประหาร เพราะว่านายอาซิฟ อาลี ซาร์ดารี ประธานาธิบดีปากีสถาน ได้ขอดูรายงานเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งรัฐมนตรีฯ ยังได้ติดต่อกับครอบครัวของนางบิบี พร้อมกับยืนยันว่า คนกลุ่มนี้ต้องได้รับความยุติธรรม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเชื่อมั่นว่านางบิบีจะต้องได้รับการปล่อยตัว
คดีนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก และมีการยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปยังสมเด็จพระสันตะปาปา และองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั้งนี้ กฏหมายที่เอาผิดกับผู้ที่ดูหมิ่นศาสนาอิสลามมักถูกใช้เป็นเครื่องมือกำจัด ชาวคริสต์ และกลุ่มชาติพันธุ์
http://news.sanook.com/983405-%e0%b8%ab ... b2%e0.html
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ขอพระเจ้าทรงเมตตา ประทานความยุติธรรมให้แก่เธอด้วย
เหตุการที่เธอได้พบ คล้ายกับในพระวรสารที่พระเยซูเจ้าไปขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรีย แต่หญิงนั้นทูลพระองค์ว่า ชาวยิวจะไม่ดื่มน้ำจากคนสะมาเรียมิใช่หรือ
เมื่อเดือนมิถุนายน 2009 ขณะออกไปทำงานในไร่ บีบิ ถูกขอร้องให้ไปนำน้ำดื่มมาให้คนงานที่เหลือ แต่มีคนงานหญิงชาวมุสลิมไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่าเธอไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นไม่สมควรแตะต้องภาชนะบรรจุน้ำดื่ม
ต่อมา บีบิ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญาของปากีสถาน จากการแจ้งความของเหล่าสตรีชาวมุสลิม ว่า เธอแสดงความคิดเห็นจาบจ้วงท่านนบีมูฮัมหมัด
ขอพระเจ้าทรงเมตตาช่วยเธอให้พ้นข้อกล่าวหาด้วยเทอญ
เมื่อเดือนมิถุนายน 2009 ขณะออกไปทำงานในไร่ บีบิ ถูกขอร้องให้ไปนำน้ำดื่มมาให้คนงานที่เหลือ แต่มีคนงานหญิงชาวมุสลิมไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่าเธอไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นไม่สมควรแตะต้องภาชนะบรรจุน้ำดื่ม
ต่อมา บีบิ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ตามประมวลกฎหมายอาญาของปากีสถาน จากการแจ้งความของเหล่าสตรีชาวมุสลิม ว่า เธอแสดงความคิดเห็นจาบจ้วงท่านนบีมูฮัมหมัด
ขอพระเจ้าทรงเมตตาช่วยเธอให้พ้นข้อกล่าวหาด้วยเทอญ
ยิ่งได้อ่านแบบนี้ยิ่งเอ่อ ๆๆๆ ขอโทษนะคะ เป็นข้อกล่าวหาที่ (ทุเรศ) มากกก เลยค่ะ หรือ จะเป็นเพราะว่าผู้หญิ่งพวกนั้นไม่ได้เรียนหนังสือ หรือจิตใจคับแคบกันแน่
แล้วคนทีพูดว่าไม่ให้จับภาชนะที่ใส่น้ำ ก็หญิงชาวมุสลิมอีกแหละ แล้วเธอไปจ้วงจาบตรงไหนอ้ะ แค่นับถือไม่เหมือนกันแค่เนี๊ย เป้นคนเลวแล้วเหรอ คิดไปได้นะ
แล้วคนทีพูดว่าไม่ให้จับภาชนะที่ใส่น้ำ ก็หญิงชาวมุสลิมอีกแหละ แล้วเธอไปจ้วงจาบตรงไหนอ้ะ แค่นับถือไม่เหมือนกันแค่เนี๊ย เป้นคนเลวแล้วเหรอ คิดไปได้นะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอพระเจ้าและแม่พระทรงคุ้มครองบีบิด้วยเทอญ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอพระเจ้าโปรดเมตตาด้วยเถิด และขอให้เพื่อนบ้านของเธอกลับใจมาเชื่อพระเยซูเจ้าด้วยเถิด
-
- โพสต์: 48
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 17, 2010 5:06 pm
ไมว่าสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร เราเชื่อว่าเธอจะมีชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้าที่เธอรักอย่างแน่นอน ความเชื่อจะช่วยให้เธอรอด
เมื่อคืนคริสต์มาสที่วัดเซนต์หลุยส์ ในมิสซาคุณพ่อเทศน์เรื่องผู้หญิงคนหนึ่งมาจากประเทศทางตะวันออกกลาง เธอมาเมืองไทย แล้วไปที่วัดเซนต์หลุยส์ เพื่อขอรับศีลล้างบาป เพราะว่าเธอเคยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มีเนื้องอกในท้องหนักถึง 19 กก. หมอบอกให้คนในครอบครัวของเธอเตรียมงานศพให้เธอได้เลย แต่แล้วคืนหนึ่งเธอฝันเห็นพระเยซูเจ้า พระองค์ตรัสกับเธอว่าเธอจะหายป่วย เมื่อเธอตื่นขึ้นอาการของเธอก็ดีวันดีคืน จนกระทั่งเนื้อร้ายนั้นหายไปโดยที่แพทย์ก็ประหลายใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเธอออกจากโรงพยาบาลเธอพยายามที่จะรู้จักพระเยซูเจ้า โดยการไปติดต่อที่โบสถ์คริสต์ ในประเทศของเธอมีโบสถ์คาทอลิกเพียงแห่งเดียว แล้วก็มีโบสถ์ออร์โธดอกซ์สี่ห้าแห่ง แต่เธอเข้าไปที่โบสถ์ไม่ได้ เพราะในประเทศของเธอคนที่จะเข้าโบสถ์ได้ต้องมีบัตรแสดงตนว่าเป็นคนคริสต์ เธอจึงหาพระคัมภีร์ไบเบิลมาอ่านและก็ยังสอนลูกของเธอด้วยให้รู้จักพระองค์
ในที่สุดเธอรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งที่มีและกู้เงินอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมเธอถึงเลือกมาเมืองไทย เธอพูดภาษาอังกฤษได้แค่สามสี่คำ ดังนั้นเธอจึงต้องหาล่ามช่วยแปลภาษาให้เธอ เมื่อมาถึงเมืองไทยเธอพักที่โรงแรมแถว ๆ ถนนเพชรบุรี เธอได้เรียกแท็กซี่แล้วก็ขอให้พาเธอไปที่โบสถ์คริสต์สักแห่ง แท็กซี่คันนั้นจึงพาเธอมาที่วัดเซนต์หลุยส์ เมื่อมาถึงวัดเธอได้มาพบคุณพ่อเจ้าวัด แล้วก็คุยกับท่านถึงความเป็นมาต่าง ๆ ของเธอตั้งแต่ต้น เธอยืนยันกับคุณพ่อว่า เธอจะไปกลับไปประเทศของเธอจนกว่าจะได้รับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน เมื่อคุณพ่อเห็นความเชื่อของเธอที่มีมาเพียงนี้ ท่านจึงโปรดศีลล้างบาปให้ในตอนกลางวันวันที่ 24 ธันวาคม เธอบอกว่าถ้าเธอกลับไปประเทศของเธอ แล้วญาติพี่น้องรู้ว่าเธอเปลี่ยนศาสนา เธออาจจะโดนฆ่าได้ทันที แต่เธอก็ยินดีจะตายเพราะเธอเชื่อว่าพระเยซูประทานชีวิตใหม่ให้เธอแล้ว ตัวเก่าของเธอได้ตายไปแล้ว แต่เวลานี้เธอก็เป็นห่วงลูกของเธอซึ่งยังเล็กอยู่ คุณพ่อก็เล่าจบประมาณนี้ครับ ใครที่ได้ฟังช่วยเสริมก็ได้ครับ เผื่อผมเล่าไม่หมด
ในที่สุดเธอรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งที่มีและกู้เงินอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าทำไมเธอถึงเลือกมาเมืองไทย เธอพูดภาษาอังกฤษได้แค่สามสี่คำ ดังนั้นเธอจึงต้องหาล่ามช่วยแปลภาษาให้เธอ เมื่อมาถึงเมืองไทยเธอพักที่โรงแรมแถว ๆ ถนนเพชรบุรี เธอได้เรียกแท็กซี่แล้วก็ขอให้พาเธอไปที่โบสถ์คริสต์สักแห่ง แท็กซี่คันนั้นจึงพาเธอมาที่วัดเซนต์หลุยส์ เมื่อมาถึงวัดเธอได้มาพบคุณพ่อเจ้าวัด แล้วก็คุยกับท่านถึงความเป็นมาต่าง ๆ ของเธอตั้งแต่ต้น เธอยืนยันกับคุณพ่อว่า เธอจะไปกลับไปประเทศของเธอจนกว่าจะได้รับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน เมื่อคุณพ่อเห็นความเชื่อของเธอที่มีมาเพียงนี้ ท่านจึงโปรดศีลล้างบาปให้ในตอนกลางวันวันที่ 24 ธันวาคม เธอบอกว่าถ้าเธอกลับไปประเทศของเธอ แล้วญาติพี่น้องรู้ว่าเธอเปลี่ยนศาสนา เธออาจจะโดนฆ่าได้ทันที แต่เธอก็ยินดีจะตายเพราะเธอเชื่อว่าพระเยซูประทานชีวิตใหม่ให้เธอแล้ว ตัวเก่าของเธอได้ตายไปแล้ว แต่เวลานี้เธอก็เป็นห่วงลูกของเธอซึ่งยังเล็กอยู่ คุณพ่อก็เล่าจบประมาณนี้ครับ ใครที่ได้ฟังช่วยเสริมก็ได้ครับ เผื่อผมเล่าไม่หมด
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อาแมน ช่างเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ ขอพระเจ้าทรงปกป้องเธอ
นี่แหละตามที่พระเยซูเจ้าทรงบอกไว้
มธ 10:17-22
(17)“จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาลและเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา
(18)ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ
เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา (19)เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น
อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง
(20)เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน
(21)“พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษ
พ่อแม่ให้ถึงตาย (22)“คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึง
วาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น
นี่แหละตามที่พระเยซูเจ้าทรงบอกไว้
มธ 10:17-22
(17)“จงระมัดระวังตนจากมนุษย์ เขาจะมอบท่านที่ศาลและเฆี่ยนท่านในศาลาธรรมของเขา
(18)ท่านจะถูกนำตัวไปต่อหน้าผู้ว่าราชการและเฉพาะพระพักตร์กษัตริย์เพราะเราเป็นเหตุ
เพื่อเป็นพยานยืนยันแก่เขาและแก่บรรดาชนต่างชาติต่างศาสนา (19)เมื่อเขาจะมอบท่านที่ศาลนั้น
อย่าวิตกกังวลว่าจะพูดอย่างไรหรือพูดอะไร สิ่งที่ท่านจะพูดนั้นจะได้รับการดลใจในเวลานั้นเอง
(20)เพราะท่านจะมิได้พูดด้วยตนเอง แต่พระจิตของพระบิดาของท่านจะตรัสในท่าน
(21)“พี่จะฟ้องน้อง น้องจะฟ้องพี่ให้ต้องโทษถึงตาย พ่อจะฟ้องลูก ลูกจะลุกขึ้นกล่าวโทษ
พ่อแม่ให้ถึงตาย (22)“คนทั้งปวงจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา แต่ผู้ที่ยืนหยัดจนถึง
วาระสุดท้ายก็จะรอดพ้น