ถ้าทำผิดไปโดยไม่รู้ ก็ถือว่าไม่บาปMan of Macedonia เขียน:เป็นความจริงของที่มาครับ!เรื่องการปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมnikky11 เขียน: แต่คุณ Man of Macedonia พูดไม่ถูกนะคับว่า ปรับให้เข้ากับวัฒนธรรม เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว จะให้ศาสนาเปลี่ยนไปนะคับ ไม่สมควรอย่างยิ่ง
ถ้าคนอื่นเห็นเค้าคงจะคิดว่าทำได้ แล้วจะมีคนมาทำต่อๆกันต่อไปในวัดก็จะมีแต่ของเซ้นไหว้ แล้วจะเป็นที่ไม่พอพระทัยของพระเป็นเจ้านะคับ
ถ้าใครเห็นก็ให้ช่วยกันตักเตือนด้วยนะคับ
ขอพระอวยพร
ลองศึกษาไปดูตั้งแต่ การเอาเพลง กีรีเอ มาใช้ รวมไปจนถือ ของถวายต่างๆที่รับอิทธิพลยิวมา!
"เขาพยายามสนองตามนั้นด้วยกิจการของตนตามวัฒนธรรมของตน"
เป็นมุมมองพระศาสนจักรที่มองอย่างเข้าใจและเมตตาครับ คำนี้ผมไม่ได้ยกลอยๆอยู่ในเอกสารสังคายวาติกัน(II)
เป็นสาเหตุให้ต้องมีการปรับพิธีกรรมเข้าสู่วัฒนธรรมไงครับ
(เช่น บางวัด วันตรุษจีนเสกส้มแจก หรือประกาศในมหาพรตเรื่องการอดเนื้อที่ไปใกล้กับวันตรุษจีน)
และผมบอกแล้วครับว่า
"ไม่บาป" จะมีก็แต่คำว่า"ไม่รู้"
เมื่อไม่รู้ก็ต้องเป็นเราที่"พูด"ครับ
แต่พูดอย่างยิ้มแย้มครับ ไม่ใช่ใจเราคิดว่าเขา"ผิดและบาป"
เราต้องมีวิธีการที่ดีที่สุด สำหรับ เพื่อนพี่น้องเรา
แต่การกระทำของเขา มันนำมาซึ่งการตั้งคำถามของพระศาสนจักรได้ไงครับ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มจากการตั้งคำถามของพระศาสนจักรโดยนักปราชญ์ทั้งหลาย
ส่วนที่พระจะพอพระทัยหรือไม่นั้น
เป็นน้ำพระทัยของพระองค์ครับ
ขอพระอวยพร
แต่ถ้าทำทั้งๆที่รู้ว่าผิด..อันนี้บาปแน่
และการให้ ในสิ่งที่เราคิดว่าดี
ตามเจตนานั้น ก็ถือว่าดี
เพียงแต่ว่า..ถ้าคนที่เค้า มาวางกล่องขนมนั้น..
1. ตั้งใจถวาย ด้วยความศรัทธาและนึกคิดเอาตามที่เคยชิน หรือเคยทำ
และที่สำคัญคนคนนั้น คงไม่ใช่คริสตชน ที่รู้เท่าๆกันว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
และเมื่อคนคนนั้นไม่ใช่คริสตชน เค้าไม่รู้ และตอนนี้ก็ยัง "คงไม่รู้"
เพราะยังไม่ใครเจอตัวเค้า เพื่อจะอธิบายให้ฟังด้วยความรัก
2. วางไว้แล้วลืม
1 โครินธ์ 8:1 เรื่องเนื้อที่ถวายแด่รูปเคารพนั้น เรารู้ว่า เราทุกคนมีความรู้แล้ว แต่ความรู้ทำให้ทะนงตน สิ่งที่เสริมสร้างคือความรัก