
“ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กินแล้วยังตาย ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”
พระเยซูเจ้า ตรัสเช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ ก็กล่าวว่า “ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้” พระเยซูเจ้าทรงทราบด้วยพระองค์ว่าบรรดาศิษย์กำลังบ่นกันเรื่องนี้ จึงตรัสกับเขาว่า “เรื่องนี้ทำให้ท่านเคลือบแคลงใจเราหรือ แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร”

‘พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิต ลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้ วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้นให้ชีวิต เพราะมาจากพระจิตเจ้า แต่บางท่านไม่เชื่อ” พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า “ดังนั้น เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้เขามา” หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนเปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป

พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกสิบสองคนว่า “ท่านทั้งหลายจะไปด้วยหรือ”
ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวกเราเชื่อ และรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”
------------------------------------------------------------------------------------
หลายๆคนในเวบบอร์ดนี้ ได้รู้จักพระเจ้าตั้งแต่จำความได้ และหลายๆคน ก็ได้มารู้จักพระเจ้า ในบางช่วงจังหวะของชีวิต อายุมากบ้างน้อยบ้าง และเชื่อว่าส่วนใหญ่ผู้ที่อ่านหรือใช้เวบบอร์ดนี้ ก็ยังคงมีพระเจ้าอยู่ในชีวิต ซึ่งแม้จะน้อยบ้างมากบ้าง กลับไปกลับมาบ้าง เชื่อมากบ้างน้อยบ้าง แต่ยังคงมีพระองค์
ในทางกลับกัน ในโลกอันกว้างใหญ่ โดยเฉพาะประเทศไทย ยังคงมีผู้คนอีกมากมายที่ใช้ชีวิตโดยไม่มีพระเจ้า ไม่ว่าจะเพราะไม่รู้จัก หรือเพราะไม่เชื่อ หรือจะเพราะเกลียดชัง ก็ตาม
ในวาระนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่าน แบ่งปันความคิด (หรือประสบการณ์) ในคำถามว่า
สมมุติว่า ถ้าเราไม่ได้รู้จักพระเจ้า ชีวิตเราในวันนี้ จะเป็นเช่นไร



) พอขากลับก็นั่งรถ BTS ก็เห็นวัดเซนต์หลุยส์ ก็เลยลง (วันนั้นเป็นวันศุกร์เวลาประมาณ 18.30 น.) โบสถ์ปิดแล้วผมกับเพื่อนก็เดินเข้าไปดูในบริเวณ ได้ยินเสียงสวดจากศาลา "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยหรรษทาน... โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาปบัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน" คำว่า "โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป" สะกิดใจผมมาก ๆ ทำให้ผมยืนอยู่กับที่ยืนฟังบทสวดนั้นหลาย ๆ รอบซ้ำไปซ้ำมาแต่ไม่เบื่อ การสวดสายประคำในศาลาวันนั้นทำให้ผมต้องหยุดยืนฟังนานมาก จนคุณพ่อเจ้าวัดเดินออกมาจากบ้านพักมาถามว่า "มีอะไรหรือเปล่า" ผมก็ตอบไปอย่างชัดเจนว่า "อยากเป็นคาทอลิกต้องทำอย่างไรครับ" พ่อก็ตอบว่าต้องลองมาเรียนคำสอนก่อนว่าโอเคไหม เรียนแล้วไม่บังคับว่าจะต้องล้างบาปนะ สนใจไหมเพราะ "วันอาทิตย์นี้จะเริ่มเรียนวันแรก" นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าอะไร ๆ ก็เหมาะมากผมจึงตอบตกลงจากนั้นผมก็ได้เริ่มเรียนคำสอนที่วัดเซนต์หลุยส์จนจบแต่ยังรับศีลล้างบาปไม่ได้เพราะติดที่ครอบครัวยังไม่ยอมรับแต่สุดท้ายผมก็ผ่านมาได้ ด้วยการที่เรียนจบ ป.ตรีแล้วบวชพระสงฆ์ทางพุทธเสียก่อนแล้วจึงรับศีลล้างบาป 


)



