Thai เขียน:ไม่รู้เขา นึกครึ้มอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้
ถามเราซะอย่างนี้ เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะไปถามคุณพ่อที่โบสถ์ก็ไม่กล้าอะ
วานท่านผู้รู้ช่วยบอกหน่อยจิ
ขอโทษทีอะ พิมพ์ยาวไม่ได้ งงอะ
สวัสดีครับ คุณThai
จริง ๆ ทางคริสตชน เราถือว่า"สุสาน" เป็นที่พักผ่อนของญาติพี่น้องของเราจากโลกนี้ไป
เพื่อรอวันเสด็จลงมา ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อพิพากษาผู้ที่สิ้นชีพ และพี่น้องเหล่านั้นจะ
ฟื้นคืนชีพกลับเป็นขึ้นมา คริตชนเรามีความเชื่อ เรื่องการกลับเป็นขึ้นมา เช่นเดียวกับ
พี่น้องมุสลิม และยิว หาก ณ วันพิพากษา เรามีความดีมากกว่า ความชั่ว เราก็จะมีชีวิต
ในพระราชัยสวรรค์
ดังนั้นป่าช้า หรือสุสาน ของคริสตชน ถือเป็นที่ส่วนบุคคลทั้งในทางธรรม และทางโลก
ทางธรรม คือ ตามพระวาจา และพระวรสาร ส่วนทางโลก คือ ทางกฎหมาย หรือ นิตินัย
ดังนั้นการจะเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว จึงควรบอกล่าวเจ้าของสถานที่ ผู้ที่รับผิดชอบ
สุสานนั้น ๆ เช่น บาทหลวง หรือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล และบอกความประสงค์ เจตนาที่สุจริต
ทั้งนี้สุสานคาทอลิก คงมิได้มีการปิดกั้นหรือสงวนลิขสิทธิ์เฉพาะคริสตชนเท่านั้น แต่เรา
เปิดต้อนรับทุกศาสนา ทุกศาสนิก เช่น เดียวกับที่สุสานพุทธ หรือ กุโบ ของอิสลามตอนรับ
เรา เพราะแก่นของทุกศาสนา คือ
การสอนทุกคนให้เป็นคนดี เป็นคนมีศีลธรรม
สอนให้ทุกคนมีสติ มีวิธีคิดเชิงเหตุ เชิงผล....นั่นก็คือ
การทำสมาธิ นั่นเอง
เมื่อเราสงบ มีจิตเป็นกุศล ความเป็นตัวตน ก็จะลดลง ซึ่งสอดคล้องกับพระเยซู ซึ่งเป็น
มนุษย์และเป็นพระเป็นเจ้าแท้ เป็นบุตรพระเจ้า แต่ลงมาประสูตรเป็นมนุษย์เพื่อไถ่โทษ
บาปให้มนุษย์ ซึ่งท่านพุทธทาส ท่านเปรียบไว้ดี....ว่า กางเขนที่ตรึงพระเยซู คือ ตัว
"ไอ" แล้วมี
"ขีดกลาง" หมายถึง การไม่ีมีตัวฉัน ซึ่งก็คือแก่นของพุทธ อนิจัง ทุกขัง
อนัตตา
โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ (เดินทางทุกที่ ที่มีพระองค์)