( 6 )
ทุกเช้า, ผมเขียนเรื่องดี ๆ ให้อ่านแทนข่าวร้าย ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว และพยายามเขียนทุกวัน
โดยไม่หยุดแม้วันเสาร์อาทิตย์ หลายคนเข้าใจว่าผมตื่นเช้ามาเขียน แต่ความจริง
ผมเขียนเสร็จตอนเช้าแล้วถึงเข้านอน - -
.
เดิมที ผมไม่ได้ตั้งใจว่าจะเขียนทุกวัน แต่พอหายไป มีผู้อ่านจำนวนหนึ่งที่คอยเฝ้ารอ จะเขียนมาถามว่า
วันนี้ไม่มีให้อ่านหรือ?, บางคนบอกว่าต้องอ่านทุกเช้า แล้วจะมีความสุขไปทั้งวัน, บางคนเขียนมาเล่าว่า
อ่านก่อนไปทำงาน ทำให้มีพลังสดชื่นได้จริง - -
.
วันใดที่อ่อนล้า พอนึกถึงผู้รออ่านเหล่านี้ก็อดไม่ได้ที่จะลุกมานั่งเขียน! บางวันคนอ่านเยอะมากจน
คาดไม่ถึง บางวันคนอ่านน้อย จน(ต้องยอมรับว่า)แอบรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันใด...
แต่บังเอิญได้อ่านเจอเรื่องนี้ - -
. . . . . .
.
คุณพ่อปีเตอร์เดินทางมาประจำที่โบสถ์ของเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง วันแรกของการประกอบพิธีมิสซา
ท่านรอจนเลยเวลาก็ยังไม่มีใครมาสักคน หลังจากผ่านไป 15 นาที สามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินเข้ามานั่ง
ที่เก้าอี้แถวสุดท้าย คุณพ่อจึงตัดสินใจเริ่มพิธี... ขณะที่กำลังจะเทศน์ ก็มีชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมม
ในมือถือเชือก เดินเข้ามานั่งฟังแบบเหนื่อยหน่ายอีกคน...
.
เมื่อนึกได้ว่า จากนาทีแรกที่ไม่มีใครเลย ตอนนี้มี 3 คน ก็ถือว่ามากกว่าที่คิด ท่านจึงประกอบพิธีกรรม
และเทศน์อย่างมีความสุขและเต็มไปด้วยความรัก
.
หลังเสร็จพิธี ระหว่างเดินกลับที่พัก โจรสองคนได้ดักปล้นคุณพ่อปีเตอร์ ผลักท่านล้มลง และแย่งกระเป๋าไป
ซึ่งในนั้นมีแค่เอกสารและพระคัมภีร์ไบเบิลหนึ่งเล่ม ที่ท่านใช้ติดตัวมาเป็นเวลานาน ในพระคัมภีร์เล่มนั้น
เต็มไปด้วยวรรคที่ขีดเส้นใต้, ไฮไลท์ท่อนสำคัญ และเขียนอธิบายกำกับในบางช่วงตอน ท่านรู้สึกเสียดาย
แต่ก็ทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เดินกลับที่พักไปทำแผล พลางนึกในใจว่า
.
“นี่เป็นวันที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิต ดูเหมือนจะล้มเหลวตั้งแต่วันแรกที่ประกอบพันธกิจ แต่ไม่เป็นไร ฉันตั้งใจ
ทำทุกสิ่งร่วมกับพระเจ้าและเพื่อพระองค์”
.
ห้าปีต่อมา ระหว่างเทศน์ในเย็นวันหนึ่ง คุณพ่อปีเตอร์ได้เล่าประสบการณ์ที่น่าผิดหวังจากวันแรกของท่าน
ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เมื่อเล่าจบลง สามีภรรยาคู่หนึ่งที่นั่งอยู่แถวหน้า ก็ยกมือขึ้น พูดว่า “คุณพ่อครับ
สามีภรรยาที่นั่งอยู่แถวหลังในวันนั้น ก็คือเราครับ วันนั้น เราตั้งใจจะหย่าร้าง ก็เลยนัดมาคืนแหวนกัน
ที่โบสถ์ แต่หลังจากที่ได้ฟังท่านเทศน์วันนั้น เรากลับเปลี่ยนใจ และทำให้เรามีวันนี้ ที่ยังเป็นครอบครัว
เดียวกันครับ”
.
หลังจากนั้นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ได้ขอพูดบ้าง - - “คุณพ่อครับ ผู้ชายที่เนื้อตัว
มอมแมม มีเชือกอยู่ในมือ คือผมเองครับ วันนั้น ผมคิดสั้น เพราะล้มละลาย ผมพยายามฆ่าตัวตาย
แต่เชือกขาด เลยต้องไปซื้อใหม่ ขณะเดินกลับจากซื้อเชือก ผมเห็นโบสถ์เปิด เลยเดินเข้ามานั่งฟัง
พร้อมกับเชือกในมือที่คุณพ่อเห็นนั่นล่ะครับ คำเทศน์ของคุณพ่อทำให้ผมกลับออกไปด้วยจิตวิญญาณที่
จะมีชีวิตอยู่ต่อไป วันนี้ผมกลายเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ของเมืองครับ”
.
เมื่อพูดจบ ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงประตู ก็พูดขึ้นว่า “คุณพ่อครับ ผมเสียใจที่จะบอกว่าผมเป็นหนึ่งใน
โจรสองคนนั้นครับ หลังจากแย่งกระเป๋ามาจากคุณพ่อ พอเปิดดูเห็นแต่เอกสารและพระคัมภีร์ไบเบิล
ผมรู้สึกผิดละอายใจ เลยตัดสินใจกลับบ้าน แต่เพื่อนโจรอีกคนผิดหวังมาก เมื่อไม่พบเงินในกระเป๋าเลย
เขาโยนพระคัมภีร์ทิ้ง แล้วไปปล้นต่อในคืนนั้น เลยถูกตำรวจยิงตาย ผมเก็บพระคัมภีร์กลับมาและอ่าน
ทุกวัน จนในที่สุด ผมก็หางานสุจริตทำได้ครับ”
.
คุณพ่อปีเตอร์ได้ยินเช่นนั้น ถึงกับน้ำตาไหล วันที่เขาคิดว่าล้มเหลวมาตลอดหลายปีนี้ กลับเป็นวันที่
ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่างคาดไม่ถึง!
.
เช่นเดียวกัน บางวันที่ผมคิดว่าสิ่งที่เขียนไม่มีคนอ่าน หรืออ่านน้อย ในความจริง อาจมีใครอีกหลายคน
ที่กำลังอ่านเงียบ ๆ และได้รับพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ได้...
. . . . . .
.
เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณ Piya Na Bangchang ได้เขียนเล่าในเฟซบุ๊กของเขาว่า เจอชายพิการทางสายตา
ที่กำลังต้องการน้ำดื่ม แต่บังเอิญคุณปิยะมีแค่ขนมปังติดตัวเลยจะให้เก็บไว้กิน แต่ชายพิการตอบว่า
"ไม่ครับ อยากได้น้ำมากกว่า ผมหิวน้ำมาก" คุณปิยะเขียนเล่าต่อไปว่า - -
.
“...ขณะเดียวกัน มีน้องผู้หญิงอีกคนกำลังจะเดินขึ้นรถไฟฟ้ากับเพื่อน ๆ ผ่านมาได้ยินเข้า น้องเลยรีบเข้าไป
หาและบอกเพื่อนว่า "พี่เขาหิวน้ำ จะเป็นลมหรือปล่าว เดี๋ยวเรารีบไปซื้อน้ำก่อนนะ" พูดจบก็รีบวิ่งไปร้าน
สะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุด โดยเพื่อน ๆ รออยู่ที่บันได และอีกคนคอยยืนอยู่ใกล้ ๆ ชายคนนั้นคอยระวังให้
เวลามีรถมอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาวิ่งบนฟุตบาธ สักพักน้องก็กลับมาพร้อมน้ำดื่มเย็นเจี๊ยบขวดใหญ่ 1.5 ลิตร
ภาพที่ประทับใจมากคือน้องใช้มือซ้ายประคองแขนชายคนนั้นขึ้นมา และใช้มืออีกข้างยื่นขวดน้ำดื่มส่งให้
โดยไม่มีท่าทีรังเกียจใด ๆ เลย "น้ำค่ะ" น้องบอก ชายพิการคนนั้นขอบคุณน้อง แล้วเปิดขวดดื่มด้วย
ความกระหาย ผมก็บอกขอบคุณน้องเขาก่อนจะเดินไปต่อเช่นกัน...”
.
เป็นเรื่องราวดี ๆ กลางเมืองใหญ่ ที่ชื่นใจไม่แพ้น้ำเย็นขวดนั้น คุณปิยะยังเล่าอีกว่า
.
“...ในบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นวันที่เปิดบูธขายของเป็นวันสุดท้าย ผมซื้อขนมปังไส้ครีมเป็นชุด 4 ก้อน
และเดินตามหาคน ๆ หนึ่งตรงเวิ้งสตาร์บัคส์ของเซ็นทรัลเวิร์ลชั้น 1 เดินหาอยู่นานจนคิดว่าอาจจะไม่เจอแล้ว
ในที่สุดก็เห็นคน ๆ นั้นเดินมาจากทางไปห้องน้ำ ใช่แล้วครับพี่เขาเป็นพนักงานทำความสะอาดที่มีรูปอยู่
ในโพสต์นี้เอง... (อ่านฉบับเต็มที่
https://www.facebook.com/nbpiya/posts/10158879773489290 )
.
"ซื้อขนมปังมาให้ครับ" ผมพูดพร้อมยื่นถุงขนมปังให้ พี่เขารับไว้แล้วทำหน้างง ๆ
"ให้พี่หรือคะ?"
"ใช่ครับ ผมเห็นพี่ตั้งแต่วันแรกที่มาขายของที่นี่ พี่ตั้งใจทำงานมากเลย จึงอยากให้เป็นการขอบคุณพี่ครับ"
. . . . .
.
ขนมปังไส้ครีมของคุณปิยะอาจทำให้เธออิ่มท้องในวันนั้น แต่ความซาบซึ้งในการใส่ใจงานของคนตัวเล็ก ๆ
อย่างเธอ ที่ไม่มีใครมองเห็น แต่คุณปิยะมองเห็น จะทำให้เธออิ่มใจไปหลายวัน และทุกครั้งที่ลงมือทำ
ความสะอาด เธอจะรู้สึกถึงความสำคัญยิ่งใหญ่ของหน้าที่ และมีความสุข!
.
คุณปิยะสรุปตอนท้าย(ที่ผมคาดไม่ถึง)ว่า - -
.
“...จริงๆ โพสต์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณปะการัง นักเขียนในดวงใจอีกท่านที่โพสต์เรื่องราวอบอุ่น
หัวใจแบ่งปันกันทุกวัน ในวันที่สื่อส่วนใหญ่มีแต่ข่าวชวนหดหู่ การได้อ่านเรื่องราวแห่งความรักจาก
คุณปะการังทุกวันถือเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงหัวใจได้มากเลยครับ จึงอยากส่งต่อความสุข
ไปเช่นเดียวกันบ้างครับผม”
. . . . .
.
เรื่องราวของคุณพ่อปีเตอร์บอกเราว่า แม้ในวันที่คิดว่าเลวร้ายที่สุด เหนื่อยหน่ายที่สุด ก็จงทำทุกวัน
ให้ดีที่สุด เพราะพระเจ้าอาจใช้เราเป็นเครื่องมือ, เป็นสื่อกลาง ส่งต่อพระพร, ความรัก และพลังแห่ง
การเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตใครบางคนก็ได้
.
คุณปิยะมิเพียงทำให้วันของพนักงานทำความสะอาดคนนั้นสดชื่น แต่ยัง made my day
ทำให้วันนี้ของผมเต็มไปด้วยดอกไม้บาน!
.
เช้านี้ ผมจึงยังมีแรงเขียนต่อไป...
เราจะสร้างสังคมใหม่แห่งความรักด้วยกัน!
.
ปะการัง
.
[ ขอพระเจ้าอวยพระพร ให้เราได้ส่งต่อความรักและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงแก่กัน ]