เขียนโดย คุณสนธิ สารธรรม
แต่เวลากำลังจะหมดไปแล้ว ยุคปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และเราได้รับคำสัญญาว่าจะได้ยุคใหม่
แห่งสันติภาพ สัญญาณเตือน จะเป็นเครื่องหมายชัดเจนประการแรกที่จะบ่งว่ายุคเก่ากำลังจะสิ้น
สุดลง พระเป็นเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้เราอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ยอมกลับใจทันเวลา พระองค์ไม่เคย
ปรารถนาให้วิญญาณของลูกน้อยๆ ของพระองค์แม้แต่ดวงเดียวต้องพินาศไป
สัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้นตอนบ่ายสองโมง ท้องฟ้าจะกลับมืดครึ้ม โลกทั้งโลกจะอยู่ในสภาพ
สับสนอลม่าน การทำลายล้างครั้งใหญ่จะอยู่ในใจของมนุษย์ ผู้คนจะคิดไปว่า โลกกำลังจะถึงกาลอวสาน
แล้วใครมีบาปมากก็กลัวมาก บาปของโลกช่างหนักหนาสากรรจ์ยิ่งนัก จนกว่าจะไม่มีอะไรจะมาทัดทาน
ได้อีกแล้ว สัญญาณเตือน จะต้องเกิดขึ้นอย่าได้คลางแคลงใจแม้แต่น้อยนิด
เมื่อประมวลเหตุการณ์ต่างๆ แล้วสรุปได้ว่า จะเกิดมืด 2 ช่วง ช่วงแรกจะเกิดตอนสัญญาณเตือน
เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และในช่วงที่สองจะเกิดตอนมีการลงทัณฑ์ เป็นเวลา 3 คืน 3 วัน และมารีโลลีบอกว่า
สัญญาณเตือนนี้ จะเกิดขึ้น 1 ปีก่อนการเกิดปาฏิหาริย์ มารีโลลีไม่รู้ว่าสัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้นวันไหน
แต่จะรู้ว่าเกิดปีไหน แล้วเธอยังบอกอีกว่า แม่พระให้สังเกตว่า "จะเป็นเวลาที่ดูเหมือนว่าพระศาสนจักร
ทำท่าจะล่มสลาย เมื่อพระสงฆ์จะมีความยากลำบากในการถวายบูชามิสซา หรือในการบูชาถวายมิสซา
หรือในการพูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์ เรื่องศรัทธา เวลานั้นจะมาถึงเมื่อพระศาสนจักรให้ความรู้สึกว่ากำลังจะถึง
จุดหายนะ จะต้องผ่านการทดสอบที่น่ากลัว" เมื่อเธอถามแม่พระว่า "จะเกิดอย่างไร?" แม่ตอบเพียงว่า
"คอมมิวนิสต์"
2. ปาฏิหาริย์ แม่พระสัญญาว่า "ปาฏิหาริย์" จะเกิดขึ้นที่ทิวสนในวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.
ระหว่าง 8 - 16 ระหว่างเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่มผู้ศรัทธา
ในศีลมหาสนิท
การบอกใบ้เหล่านี้ของแม่พระจำเป็นต้องไปค้นหาในปฏิทินคาทอลิก ทุกๆ วันจะถูกกำหนดให้เป็น
ฉลองนักบุญ หรือมรณสักขี (โดยมากเป็นวันตายของนักบุญองค์นั้น) มรณสักขี หมายถึงนักบุญที่ยอมตาย
เพื่อพระศาสนา ฉะนั้นเมื่อเปิด Encyclopaedia เพื่อหาชื่อนักบุญหนุ่มที่ยอมตายเพื่อยืนยันความเชื่อใน
ศาสนาคริสต์ ที่จะต้องตกวันที่ระหว่าง 8 - 16 ของเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม ก็พบว่าเป็น
นักบุญปันกราส หรือปังกราสิโอในภาษาอิตาลี ซึ่งจะมีประวัติย่อๆ ว่าเกิดที่ Frigia เป็นกำพร้ามาเข้าศาสนาค
ริสต์ตามคุณลุง เป็นนักกีฬามวยปล้ำ ตอนที่มีการเบียดเบียนศาสนาคริสต์ ท่านมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท
ท่านนำศีลมหาสนิทที่พระสงฆ์เสกแล้วนำไปส่งให้ผู้ป่วย หรือชาวคริสต์อื่นๆ ที่หลบซ่อนในป่าช้าใต้ดิน โดย
ที่เป็นเด็กจึงหลบสายตาของพวกทหารโรมันไปได้ ผู้ให้รายละเอียดนี้คือ คอนชิตา ท่านไม่ยอมทิ้งศาสนาคริสต์
ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะต้องถูกตัดคอ เมื่อปี ค.ศ. 304 มีอายุ 14 ปีตามปฏิทินคาทอลิก ฉลองของท่านจะตก
วันที่ 12 พฤษภาคม แม่พระได้บอกใบ้ไว้ว่า "ปาฏิหาริย์" จะเกิดวันพฤหัสบดี เมื่อดูปฏิทิน 200 ปีของ
คุณมงคลกริชติทายาวุธ ก็พบว่า วันที่ 12 พฤษภาคมที่เป็นวันพฤหัสบดี จะตกในปี ค.ศ. 2016
(ถ้าพลาดจากปีนี้คือ 2016 ก็จะต้องรอไปถึงปี 2022 วันที่ 12 พฤษภาคม จะเป็นวันพฤหัสบดีอีกครั้งหนึ่ง)
ซึ่งแม่พระบอกว่าจะเกิด "ปาฏิหาริย์" พอจะประมวลได้ว่าจะเป็นเสาเมฆหากดูตอนกลางวัน หากดูตอนกลางคืน
จะเป็นเสาไฟ จะลุกแต่ไม่ไหม้ เสานี้จะเป็นรูปกางเขน จะเกิดเหนือต้นสนที่แม่พระเคยปรากฏมาที่คาราบันดัล
เสาเมฆหรือเสาไฟที่เป็นรูปกางเขนนั้นอาจจะถ่ายรูปหรือวิดีโอก็ได้ แต่จะจับต้องไม่ได้ เครื่องหมายกางเขนนี้
จะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย ทุกคนในหมู่บ้านและทิวเขาโดยรอบจะมองเห็นได้ คนเจ็บคนป่วยที่อยู่
ในบริเวณนั้นจะหายจากโรคอย่างปาฏิหาริย์ คนบาปคนไม่เชื่อในพระเจ้าจะกลับใจ รัสเซียจะกลับใจหลัง
ปาฏิหาริย์นี้ โป๊ปจะเห็นปรากฎการณ์นี้ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เกี่ยวกับ "ปาฏิหาริย์" ครั้งนี้มีกรณีหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นจดหมายที่ คอนชิตา เขียนไปถึงโจอี้ โลมานจิโน
เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1964 ใจความว่า : "โจอี้ที่รัก เมื่อวันที่สวนสนแม่พระได้กระซิบในใจฉันมาบอกเธอว่า
ในวันปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่นั้น เธอจะได้ดวงตาใหม่" ถึงแม้โจอี้จะรู้ว่าตาพิการของเขาจะรักษาให้หายไม่ได้แล้ว
แต่จดหมายของแม่พระในปี 1964 นั้น ทำให้เขาเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะมองเห็น คอนชิตาย้ำในจดหมายต่อไปว่า
"สิ่งแรกที่โจอี้จะเห็น จะเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งพระบุตรของแม่พระจะทรงแสดงโดยการเสนอของแม่
และนาทีนั้นเขาจะมองเห็นเสมอไป"
โจอี้เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 1931 ใกล้บรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออายุได้ 16 ปี ขณะโจอี้กำลังสูบยาง
รถบรรทุกน้ำแข็งและถ่าน ยางก็ระเบิดใส่หน้า ยางฟาดเข้าที่ตาทั้งสองข้าง ตัดประสาทดมกลิ่นและสายตา
ของเขา โจอี้ไปคาราบันดัลหลายครั้งจนได้ชื่อว่า "สาวกตาพิการแห่งคาราบันดัล"
3. การลงทัณฑ์ ในเดือนกรกฎาคม 1962 คอนชิตา มารีโลลี และ ยาชินทา ได้เห็นนิมิตว่า การลงทัณฑ์
นั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไร แม่พระบอกเด็กทั้ง 3 นี้ว่า "ถ้าเราไม่ฟังการเตือนนี้ และมนุษยชาติไม่เปลี่ยนแปลง
หลังการเตือน และปาฏิหาริย์ที่สวนสน พระเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์มาแน่ ในการพรรณนาถึงการลงทัณฑ์นั้น
มารีโลลี กล่าวว่า "มันแย่ยิ่งกว่ามีไฟสุมในหัวเราอีก ไฟข้างใต้ ไฟรอบตัวเรา เธอเห็นผู้คนทิ้งตัวลงไป
ในทะเล แต่แทนที่ไฟจะดับ กลับยิ่งทำให้ไหม้หนักขึ้นอีก.