โดย สนธิ สารธรรม
หลังจากที่เราได้เห็นคำทำนายของนอสตราดามุสผู้เป็นมนุษย์ปุถุชนมามากต่อมากแล้ว ตอนนี้ให้
เรามาดูคำทำนายของบรรดานักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ว่า ในการบำเพ็ญภาวนาติดต่อกับพระเจ้า ก็คงจะอยู่
ในญาณสมาธิชั้นสูงส่ง จนกระทั่งสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตในญาณนิมิตของท่าน
เพราะอย่างน้อยคงได้รับพรพิเศษจากพระเจ้ามากกว่านอสตราดามุส คำทำนายต่าง ๆ จากบรรดานักบุญ
ซึ่งท่านได้รับการดลใจจากพระเจ้า หรือได้เห็นใน "ญาณนิมิต" ซึ่งถ้าเราสังเกตดี ๆ ส่วนใหญ่จะตรงกับ
คำทำนายของนอสตราดามุส
ค.ศ. 235 ฮิปโปลีทุส กล่าวว่า มหาราชฝรั่งเศสซึ่งจะปราบตะวันออกกลางจะมาราวตอนสิ้นโลก
ค.ศ. 500 นักบญคาทาลาดุส เมืองทาเรนทีโน ว่ามหาราชระรบจนถึงอายุ 40 ปี กษัตริย์เชี้อพระวงศ์
ดอกลิลลี่จะรวมทัพพลังใหญ่ขับไล่พวกทรราชไปจากอาณาจักร แล้วปราบดาภิเษกที่นั่น พระองค์จะปราบ
โคลซิส, ไซปรัส, เตอรกี และพวกป่าเถื่อน ต่อมาทั้งหมดจะหันมานมัสการผู้ตรึงกางเขนองค์เดียวเท่านั้น
ที่สุดพระองค์จะถอดมงกุฎออกที่เยรูซาเล็ม
ค.ศ. 469 - 542 นักบุญซีซาร์ เมืองอาร์เลส เมื่อทั้งโลกโดยเฉพาะฝรั่งเศส ในจังหวัดต่าง ๆ ทาง
ภาคเหนือ ตะวันออก ที่หนักกว่าเพื่อนก็ที่ลอเรนซ์รับชัมปันจะต้องอดอยากทุกข์ระทม แล้วเจ้าชายองค์หนึ่ง
ซึ่งถูกเนรเทศตั้งแต่สมัยยังเด็กจะยื่นมือมาช่วย และกู้มงกุฎดอกลิลลี่ไว้ เจ้าชายนี้จะขยายอาณาเขตไปทั่ว
แผ่นภพ ขณะเดียวกันจะมีโป๊ปอัจฉริยะเยี่ยมยอดสมบูรณ์ทุกด้าน โป๊ปนี้จะได้มหาราชบุรุษศรัทธา แตกหน่อ
จากกษัตริย์ฝรั่งเศสเชื้อพระวงศ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่คิดปฏิรูปโลก ร่วมกับเจ้านายจำนวนมาก และประเทศที่ดำเนิน
ชีวิตผิด ๆ พลาด ๆ ทารุณเหี้ยมโหดจะกลับใจ สันติภาพจะครองมนุษย์ได้อยู่หลายปี พระเจ้าทรงระงับพิโรธ
เพราะการสำนึกผิด ประพฤติชอบ กอบความดี หลายประเทศจะออกกฎหมายร่วม มีความเชื่อเดียว ศาสนาเดียว
ทุกประเทศจะรับรู้สันตะสำนักในโรม และนับถือพระสันตะปาปา แต่จากนั้นชั่วเวลาไม่เท่าไรคนจะถอยศรัทธา
ใจยิ่งโหดร้าย ศีลธรรมเสื่อม รุนแรงกว่าเก่า แอนตี้ไคร้สต์จะกดขี่ข่มเหงมนุษย์อย่างทารุณ ในที่สุด...ก็สิ้นโลก
ค.ศ . 856 บุญราศี ราบานุส เมารุส บรรดาปราชญ์ชั้นยอดของเรา ลงความเห็นประกาศว่า ตอนปลาย
อายุขัยของโลก หน่อกษัตริย์ฝรั่งเศสองค์หนึ่งจะครองอาณาจักรโรมัน และบอกว่าจะเป็นองค์สุดท้ายของฝรั่งเศส
ค.ศ. 992 มุนี อัดโซ อาจารย์บางท่านสอนว่ากษัตริย์ชาติแฟรงค์จะครองอาณาจักรโรมัน ผู้นี้จะเป็นคนสำคัญ
และสุดท้าย หลังจากครองอาณาจักรรุ่งเรืองมาแล้ว จะไปจบชีวิตที่เยรูซาเล็ม พระองค์จะวางคทา ถอดมงกุฎไว้
บนยอดเขามะกอก นั่นก็คืออวสานของอาณาจักรโรมัน จากนั้นปรปักษ์พระคริสต์จะมาทันที
มีเขียนไว้ในบันทึกของนักบุญซีริลโล (Cirllo) ในปี ค.ศ. 869 ว่า "ก่อนที่พระศาสนจักรจะได้รับการฟื้นฟู
พระเป็นเจ้าจะยอมให้ตำแหน่งของพระสันตะปาปาว่างลง และจักรพรรดิองค์หนึ่งของเยอรมันจะนำ
พระสันตะปาปาองค์หนึ่งมานั่งในตำแหน่ง ครั้นแล้วหลังจากที่กลุ่มคนชั่วร้ายถูกถอดเขี้ยวเล็บแล้ว ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ผู้หนึ่งจะเกิดขึ้น เพื่อสงบศึกระหว่างนกอินทรีและพระศาสนจักร"
และในทำนองเดียวกัน นักบุญบริจิต ก็ได้บันทึกไว้ว่า "พระศาสนจักรจะถูกเหยียบย่ำ จะเกิดมหันตภัย
กับนาวาของนักบุญเปโตรและคณะสงฆ์ ขนาดที่ว่าเปโตร (พระสันตะปาปา) จะต้องหนี เพื่อจะได้ไม่ตกในความไ
ม่บริสุทธิ์ และในความเป็นทาส" แล้วท่านนักบุญก็กล่าวต่อไปว่า ในบริเวณใกล้ ๆ เมืองเรโน (Reno) และบริเวณ
ชายทะเลตะวันตก จะมีการกระทำอันโง่เขลาของหัวหน้าใหม่ของพระศาสนจักร เมื่อเขาจะประณามพระสันตะปาปา
ในขณะเดียวกันที่พวกเขาจะบุกพระราชสำนัก และชาวกรุงโรมกำลังโงนเงนในความเชื่อศรัทธา ซึ่งในอดีตที่
ผ่านมาไม่มีใครเคยได้ยินสิ่งเหล่านี้เลย จะเป็นช่วงเวลาที่พระศาสนจักรของนักบุญเปโตร และพระชั้นผู้ใหญ่
จะประสบภยันตรายใหญ่หลวง"
"จักรพรรดิเยอรมันจะทำให้พระศาสนาและพระศาสนจักรคาทอลิกต้องทุกข์ทรมาน จะทำให้อิตาลีอยู่
ในภาวะคับขัน และจะรื้อปราสาทอัครเทวคามีคาเอล (Catel Sant' Angelo) ฝรั่งเศสจะทุกข์หนัก พระจักรพรรดิ
จะผูกมิตรกับพวกตะวันออกและพวกใต้ ด้วยความทุกข์เข็ญเช่นนี้ พระสันตะปาปาจะสิ้นพระชนม์ และแล้ว
ชุมพาบาลเทวดา (พระสันตะปาปา) จะปรากฏโฉม และจักรพรรดิเยอรมันจะถูกสยบโดย "อัศวินม้าขาว" -
มหาราชผู้เกรียงไกร
นักบุญเชซาเร ซึ่งเกิดในปี ค.ศ. 1013 ได้ทำนายไว้ว่าวันหนึ่งจะเกิดสงครามใหญ่ กรุงปารีส เมืองบอรโด
เมืองมาเซย์จะถูกทำลายอย่างแหลกลาญ แล้วจะมีมหาราชผู้หนึ่งกับพระสันตะปาปา จะร่วมกันปฏิรูปศาสนา
และบ้านเมืองให้คงสภาพเดิม
โหราจารผู้มีชื่อชาวอังกฤษผู้หนึ่งชื่อ เมอร์ลีน ได้ทำนายไว้ว่า จะมีมหาราชชาวแฟรงค์จะทรงนำองค์
พระสันตะปาปากลับคืนสู่อำนาจ และยังทำนายต่อไปว่า หลังสงครามใหญ่ ประเทศฝรั่งเศสจะเปลี่ยนแปลง
การปกครองไปเป็นระบบกษัตริย์อีกครั้งหนึ่ง
ศตวรรษที่ 12 จดหมายเหตุ มัคเดบรูค : เลือดของชาร์ลส์มหาราชจะเถลิงราชย์เป็นจักรพรรดิชื่อ
ชาร์ลส์ ครองทั่วยุโรป ทรัพย์สินที่พระศาสนจักรสูญเสียไปจะได้กลับคืนมาหมด ราศีของอาณาจักรโบราณ
จะรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง
ศตวรรษที่ 12 เอสทิงเกอร์ เยอรมัน : ในวาระสุดท้าย เจ้าชายองค์หนึ่งจากหน่อจักรพรรดิชาร์ลส์จะ
กู้แผ่นดินสัญญาคืนมา และปฏิรูปพระศาสนจักร พระองค์จะเป็นจักรพรรรดิของยุโรป
ศตวรรษที่ 12 สังฆราชคริสตีอานอส อาเจดา : ในศตวรรษที่ 20 สงครามจะเกิด ทั้งรุนแรงและยืดเยื้อ
หลายจังหวัดไม่มีผู้คนอาศัย ประเทศต่าง ๆ ต้องตกอยู่ในความสับสนอลเวง ผืนแผ่นดินจะรกร้างว่างเปล่า
ชนชั้นสูงจะถูกสังหารเป็นการใหญ่ มือขวาของโลกจะกลัวมือซ้าย เหนือชนะใต้
ศตวรรษที่ 14 นักบุญจอห์น แห่งเคลฟต์ร้อค ท่านว่า 20 ศตวรรษหลังจากพระเยซูประสูติ ถึงเวรของ
อ้ายสัตว์ร้ายมาเกิดเป็นคน ราวปีคริสตศักราช 2000 แอนตี้ไคร้สต์จะประกาศตัวให้โลกรู้
ศตวรรษที่ 19 ซิสเตอร์บูกียอง : อวสานของโลกไม่สิ้นในศตวรรษที่ 19 แต่จะจบลงในศตวรรษที่ 20 แน่
นักบุญอันนา มารีอา ไทจิ เสียชีวิตเมื่อปี 1837 เธอพยากรณ์ว่า ในศตวรรษของเราจะเกิดสงครามโลก 2 ครั้ง
อีกครั้งจะมาราวใกล้อวสานของโลก เธอว่าฟ้าจะลงโทษมนุษย์ให้โลกมืด 3 วัน 3 คืน
คราวยังมีชีวิตบรรดาคาร์ดินัล สังฆราช เจ้านายใหญ่โต ตลอดจนราชินีหลายพระองค์ เสด็จมาเยี่ยม
บ้านกระจอก ๆ ของเธอถ่อมตัวขอคำปรึกษา
ขอนำพยากรณ์ของเธอพาดพิงถึงยุคของเรามาให้ขบคิดกันดังนี้ "พระเจ้าจะทำโทษมนุษย์สองวิธี
: หนึ่ง ด้วยน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเอง คือ สงคราม ปฏิวัติ จลาจล และอาเพศเหตุภัยนานัปประการ
:สอง จากฟากฟ้า : ความมืดจะครอบคลุมโลกมืดสามวันสามคืน มองอะไรไม่เห็น อากาศเป็นพิษ ระหว่างมืดนี้
ไฟประดิษฐ์ทุกชนิดจะใช้การไม่ได้หมด นอกจากเปลวเทียนเสกอย่างเดียว ตลอดสามวันสามคืน ให้ทุกคน
อยู่แต่ในบ้านสวดสายประคำ ขอเมตตาจากพระเป็นเจ้า คนชั่ว คนอันธพาล ศัตรูศาสนาจะตายเป็นเบือ
เมื่อมืด 3 คืนผ่านไปแล้ว นักบุญเปโตร และนักบุญเปาโลจากสวรรค์ลงมาเทศนาประชาโลก แต่งตั้งโป๊ปองค์ใหม่
โดยฉายรัศมีของท่านทั้งสองพุ่งไปยังคาร์ดินัลองค์ที่จะเป็น พระศาสนาคาทอลิกก็จะแพร่ไปทั่วโลก ประเทศ
ทั้งหลายหันมารวมเข้ากับพระศาสนจักรแต่ชั่วระยะสั้น ก่อนแอนตี้ไคร้สต์จะครองโลก การกลับเข้าอ้อมอก
เป็นที่ปลื้มปีติยิ่ง คนรอดตาย (จากภัยมืดสามวันนั้น) จะผันชีวิตปฏิบัติถูกศีลธรรม พวกรัสเซีย อังกฤษ จีน
จะเข้ามารู้จักพระเป็นเจ้านับจำนวนไม่ถ้วน
บุญราศีภคินีแอมเมอริก เป็นชีคณะออคัสตีเนียน เกิดในประเทศเยอรมัน ปี 1774 ตายในปี 1824 เธอ
กล่าวว่า : ฉันได้เห็นองค์การลับวางแผนค่อย ๆ ทำลายพระวิหารนักบุญเปโตรอีกครั้งหนึ่ง ขณะพายุโหมพัด
เอาพังพินาศ เมื่อทุกข์ภัยถึงขีดสุดแล้วฉันยังเห็นความช่วยเหลือตามมาด้วย ฉันเห็นพระแม่มารีพรหมจารีย์
ประจักษ์มา ณ วิหาร กางเสื้อของท่านคลุมมันไว้ และทันทีได้เห็นโป๊ปองค์หนึ่ง สุภาพ หนักแน่นมาก
มีการสร้างวิหารขึ้นใหม่สูงเทียมฟ้า
12 กรกฎาคม 1820 : ฉันได้นิมิตถึงจักรพรรดิที่ศักดิ์สิทธิ์ เฮนรี ฉันเห็นเขาคุกเข่าอยู่คนดียวที่เชิงแท่น
กลางของวัดใหญ่ สวยงาม เวลากลางคืน และเห็นพระแม่มารีเสด็จมาองค์เดียว ทรงปูพระแท่นด้วยผ้าผืนแดง
บุลินินขาว แล้ววางหนังสือฝังอัญมณีเล่มหนึ่งบนนั้น ทรงจุดเทียน สักครู่ พระผู้ไถ่เอง ในอาภรณ์สงฆ์ถือกาลิกส์
คลุมผ้าออกมา มิสซาสั้นนิดเดียว พอเสร็จ แม่พระก็เข้ามาใกล้เฮนรี (จักรพรรดิ) ยื่นพระหัตถ์ขวาออกรับรู้ใน
ความบริสุทธิ์ของเขา แล้วทรงเตือนอย่าได้เปลี่ยนใจ ต่อนั้นก็เห็นเทวดาองค์หนึ่งมาจับเส้นบั้นเอวเขา เหมือน
ทำแก่ยากอบ เฮนรี ร้องโอดโอย เขาเลยต้องเดินกะโผลกกะเผลก ตั้งแต่นั้นมา
วิจารณ์ : เฮนรี นี้คือมหาราชซึ่งพระเลือกไว้ให้ฟื้นฟูทุกอย่างในพระศาสนจักร คำทำนายแห่งอื่นยังบอก
ด้วยว่า เขาจะเป็นคนพิการ พระแม่มารีทรงเตือนเขาไม่ให้เปลี่ยนใจ เพราะจะต้องเอาชนะศัตรูของพระศาสนา
สิงหาคม ถึง กันยายน 1820 : ฉันได้เห็นมาร์ตีร์มากมายไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แต่ในอนาคต เห็นองค์การลับกำลัง
มุ่งทำลายพระวิหารใหญ่อย่างไปลดละ และเห็นสัตว์ร้ายขึ้นจากทะเลอยู่เคียงข้างพวกเขา ทั่วโลกไม่ว่าคนดี
คนศรัทธา เป็นต้น พระสงฆ์องค์เจ้าพากันอกสั่นขวัญแขวน โดนรวบตัวยัดเข้ากรงขัง รู้สึกว่าสักวัน พวกเขาต้อง
เป็นมาร์ตีร์
เมื่อพระวิหารส่วนใหญ่ ถูกองค์การลับโค่นลง เหลือไว้แต่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์กับแท่น แล้วฉันเห็นคนของมัน
พาสัตว์ร้ายเข้ามา พอดีเจอกุลสตรีท่าทางกำลังท้องแก่ เพราะดูเธอเดินอุ้ยอ้าย พวกนั้นตกใจ อ้ายสัตว์ร้ายก้าว
ขาไม่ออก มันยืดคอหมายขย้ำเธอ สตรีกลับหลังหัน กราบพระแท่นจนศีรษะจรดพื้น ทันทีอ้ายสัตว์ร้ายรีบเผ่น
ลงทะเล ส่วนศัตรูหนีกันอุตลุด แล้วฉันเห็นกองทัพใหญ่เคลื่อนรี้พลมาแต่ไกล ชายคนหนึ่งขี่ม้าขาวออกนำหน้า
ปลดปล่อยพวกนักโทษให้เข้ามาสมทบตามล่าศัตรู แล้วเร่งสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ทันที งามสง่ากว่าเก่า
วิจารณ์ : การบรรยายถึงสัตว์ร้ายจากทะเล สตรีตั้งครรภ์นี้ ตรงตามที่หนังสือวิวรณ์พูดไว้ คนสนิทของ
ซิสเตอร์เอมเมอริกยืนยันว่า เธอไม่เคยได้อ่านหนังสือวิวรณ์เลย ตอนนี้ สตรี หมายถึงพระศาสนจักร ท้องแก่
จวนคลอดบุตร บุตรคือโป๊ป (ผู้รับเลือก) จะปกครองด้วยแส้เหล็ก (วิวรณ์ 12:5) และอาการปวดของเธอ ได้แก่
การถูกรังแก ข่มเหง ขั้นสุดท้ายก่อนมีสันติภาพ กองทัพเป็นของเฮนรี เจ้าชายคาทอลิกผู้ยิ่งใหญ่ คำทำนาย
หลายแห่งว่า เขาขี่ม้าขาว อาจเข้าใจตามคำได้เพราะเวลานั้นยุโรปจะพังพินาศหมด ไม่มีพาหนะอื่นใช้
7 ตุลาคม 1820 : ขณะนักบุญฟรังซิสกับนักบุญอีกองค์เดินผ่านโรม เห็นไฟไหม้พระราชวังหลังหนึ่ง
ตั้งแต่ยอดจนสุดราก ฉันตกใจมาก คนในนั้นคงต้องตายหมดแน่เพราะไม่มีใครช่วยดับ พอมาใกล้ ๆ ไฟสงบ
เห็นตึกเกรียมทั้งหลัง เราเข้าไปในห้องโถงจำนวนหนึ่ง (ไม่ไหม้ไฟ) แล้วที่สุดก็เจอพระสันตะปาปา พระองค์ประทับ
ในเงามืด บรรทมบนเก้าอี้ท้าวแขนตัวใหญ่ ทรงพระประชวรมาก พลังอ่อนเปลี้ย ไปไหนไม่ไหว บรรดาสงฆ์วงใน
ดูไม่น่าไว้วางใจ ขาดความเลื่อมใส ฉันไม่ชอบเอาเสียเลย ฉันทูลโป๊ปถึงบรรดาสังฆราชซึ่งจะต้องเลือกขึ้นเร็ว ๆ นี้
และบอกพระองค์จะต้องไม่ไปจากโรม ขืนไปเรื่องจะยุ่งกันใหญ่ ฝ่ายพระองค์คิดว่าเลี่ยงไม่ได้ควรไปดีกว่า
จะกู้อะไรไว้ได้หลายอย่าง เว้นแต่พระองค์เอง พระองค์เลือกเอาทางไป เพราะถูกบังคับอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
พระวิหารถูกตัดเชือกเด็ดขาด รกร้างเงียบเหงา เห็นแล้วสังเวชใจนักหนา มีแต่เกลียด ทรยศ หักหลัง
ขึ้งเคียด อลเวงและบอดมืดทุกหนทุกแห่ง โอ นคร! นคร! อะไรมาขู่เข็ญเจ้า? ระวัง ! วาตภัยกำลังมา