
ตอน (12)

~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~

ตอนที่ 3[D]

เคารพเชื่อฟังบิดามารดา
พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง... ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังถึงความอกตัญญูของฉัน
ต่อพ่อแม่ของฉัน ฉันรู้สึกละอายใจต่อพวกท่านเหลือเกิน ฉันพูดไม่ดีกับพวกท่าน และไม่ยอมรับพวก
ท่านเพียงเพราะท่านยากจน และไม่สามารถให้ทุกสิ่งแก่ฉันเหมือนกับเพื่อนๆ ที่ร่ำรวยของฉันได้รับจาก
พ่อแม่ของเขา ฉันช่างเป็นลูกที่อกตัญญูเสียนี่กระไร จนถึงกับเคยพูดว่า ท่านไม่ใช่แม่ของฉัน เพราะท่าน
มายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน ผู้หญิงที่ไม่ยำเกรงพระเป็นเจ้านั้นน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก เธอทำลายทุกสิ่งที่อยู่
ใกล้ตัว นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่แย่มาก นั่นก็คือฉันยังคงรู้สึกว่า ฉันเป็นคนดี ฉันคิดว่าฉันได้ปฏิบัติตาม
บัญญัติประการที่ 4 นี้เป็นอย่างดีแล้ว เพราะฉันได้ใช้จ่ายเงินเพื่อท่านมากมาย
ในตอนที่ท่านเจ็บป่วย เพราะก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั้น ท่านล้มป่วยอาการหนักมาก สามีของฉันเป็นคน
ออก ค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วฉันยังพูดอีกว่า "ดูสองคนนี้สิ พวกเขาไม่ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติอะไรไว้ให้ลูกๆ
เลย แต่ลูกยังต้องจ่ายเงินทองเป็นค่ารักษาให้อีก พ่อแม่ของเพื่อนๆ ยังจากไปดีกว่าและ..." พระเยซูเจ้า
ทรงแสดงให้ฉันเห็น ถึงการที่ฉันตัดสินทุกอย่างด้วยเงินทอง เพราะฉันทำเช่นนี้ แม้แต่พ่อแม่ของฉันเอง
ในเวลาที่ฉันมีเงินและอำนาจอยู่แล้ว ฉันก็ยังคิดจะหาประโยชน์จากพวกท่านอีก
ด้วยเงินทองที่มีอยู่ ฉันทำตัวเป็นพระเจ้า และฉันดูถูกแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง พวกคุณทราบไหมว่า
อะไรทำให้ฉันเศร้าเสียใจมากที่สุด?... ก็คือการเห็นพวกท่านอยู่ที่นั่น... คุณพ่อของฉันกำลังร้องไห้ ท่าน
เป็นพ่อที่ดี ท่านสอนลูกให้รู้จักทำงาน รู้จักต่อสู้ชีวิต ให้เข้ากับคนอื่น ให้รู้จักรับผิดชอบ เพราะคนที่ทำงาน
จึงจะก้าวหน้า... แต่ฉันลืมสิ่งที่ท่านสอนซึ่งสำคัญที่สุด นั่นคือ ฉันมีจิตวิญญาณ และท่านรู้ว่าท่านต้องเป็น
ประกาศกของฉัน ด้วยการเป็นพยานและด้วยแบบอย่างที่ดี แต่ท่านหาได้ทำอย่างดีไม่ เวลานี้ท่านเห็นฉัน
กำลังจมดิ่งลง ท่านเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้สึกรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้า ท่านเคยพูดโอ้อวดกับ
คุณแม่และทุกคนว่า ท่านเป็น "ลูกผู้ชาย" เต็มตัว เพราะมีผู้หญิงหลายคนมาติดพันท่าน ยิ่งไปกว่านั้นท่าน
ยังเคยดื่มสุราและสูบหรี่ ท่านเป็นคนดีเหมือนกัน แต่ก็มีข้อเสียด้วย ซึ่งท่านไม่รู้ตัวเอง และยังคิดว่าสิ่งนั้น
เป็นความดีอย่างหนึ่ง ท่านยังภูมิใจด้วยซ้ำ ในตอนที่ฉันเป็นเด็กเล็กๆ และเห็นแม่ของฉันร้องไห้เมื่อคุณพ่อ
ไม่พูดถึงผู้หญิงคนอื่น ฉันรู้สึกโกรธฝังใจ ความฝังใจนั้นทำให้จิตวิญญาณของฉันตายไป ฉันรู้สึกโกรธจัด
เมื่อเห็นคุณพ่อเยาะเย้ยคุณแม่ต่อหน้าคนอื่น ท่านทำให้คุณแม่ต้องเสียน้ำตาไปมากมายทีเดียว... ส่วน
คุณแม่นิ่งเงียบไม่พูดเลยสักคำเดียว ทำให้ฉันเริ่มต้นเป็นกบฏต่อครอบครัว
เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น ฉันเคยพูดกับแม่ว่า "ฉันจะไม่ทำเหมือนคุณแม่ คุณแม่ทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิง
ถูกเหยียบย่ำ ทำให้ผู้หญิงไร้ค่า ความผิดทั้งหมดมาจากผู้หญิงอย่างคุณแม่นี่แหละ สูญเสียศักดิ์ศรี สูญเสีย
ความภูมิใจ ได้รับการดูถูกจากผู้ชาย" ส่วนคุณพ่อของฉัน ฉันเคยพูดกับท่านว่า "คุณพ่อ ฟังดีๆ นะ ฉันจะ
ไม่ยอมให้ผู้ชายมาทำกับฉันเหมือนที่คุณพ่อทำกับคุณแม่หรอก ถ้าวันใดผู้ชายไม่ซื่อสัตย์ต่อฉัน ฉันจะไม่
ยอม ฉันจะทำเช่นเดียวกันนั้นบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เรียนรู้" คุณพ่อตะโกนใส่ฉันว่า "แกกล้าดีอย่างไร เจ้า
เด็กน้อย?" ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อจึงมีอคติมากเช่นนั้น ฉันตอบท่านว่า "โอเค คุณพ่อจะตีฉันก็ได้... แต่
ถ้าวันไหนฉันแต่งงาน และสามีหลอกลวงฉัน ฉันจะไม่ยอม ฉันจะตอบแทนเขา ด้วยการกระทำแบบเดียวกัน
ผู้ชายจะได้รู้และเข้าใจและมีประสบการณ์ว่าผู้หญิงเป็นทุกข์มากแค่ไหน เมื่อผู้ชายดูถูกและเยาะเย้ยเธอ
แบบนั้น" ฉันพกพาความเกลียดและความฝังใจเอาไว้ในใจ สิ่งนี้ทำให้ฉันเป็นกบฏ ฉันคิดที่จะกระทำสิ่งที่
เป็นการปกป้องผู้หญิง ฉันสนับสนุนการทำแท้ง การหย่าร้าง การทำการุณยฆาต และฉันแนะนำผู้หญิงทุก
คนที่รู้จักว่า อย่ายอมผู้ชายถ้าเขาหลอกลวงเธอ ตัวฉันเองไม่เคยทำเช่นนั้น แต่ฉันทำร้ายผู้คนมากมาย
ด้วยการให้คำแนะนำเช่นนั้น
เมื่อฉันมีฐานะที่ดีขึ้น ฉันเริ่มบอกกับแม่ว่า "คุณแม่ แยกตัวจากพ่อเถอะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะทน
อยู่กับผู้ชายแบบนี้ รู้จักมีศักดิ์ศรีให้คุณค่ากับตัวเองบ้างนะแม่" แต่ถึงแม้คุณพ่อจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันก็
ยังชอบท่าน ฉันรักท่านถึงแม้ท่านจะเป็นแบบนั้น? เพราะคุณแม่ท่านเป็นคนดีจริงๆ ท่านไม่เคยสอนลูก
ให้เกลียดพ่อหรือเกลียดคนอื่นเลย... ส่วนฉัน คิดดูเถอะ ฉันต้องการให้พ่อแม่หย่ากัน แต่คุณแม่บอกว่า
"ไม่ แม่ไม่ทำ เป็นความจริงที่แม่เป็นทุกข์ แต่แม่พร้อมที่จะเสียสละเพื่อลูก พ่อของลูกเป็นคนดี แม่ไม่
สามารถแยกไปอยู่คนเดียวและทำให้ลูกขาดพ่อได้หรอก และถ้าแม่แยกไปแล้วใครจะสวดภาวนาให้
พ่อเพื่อที่เขาจะได้รับความรอดล่ะ? มีแต่แม่ที่จะวิงวอนขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อคุณพ่อ ความจริงความทุกข์
และความเจ็บปวดที่คุณพ่อทำกับแม่นั้น แม่ได้ถวายสิ่งเหล่านั้นเข้ากับความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้า
บนไม้กางเขน ทุกวันแม่จะไปที่โบสถ์ เมื่ออยู่เบื้องหน้าพระแท่นแม่จะสวดภาวนาว่า "พระเยซูเจ้า ลูกขอ
ถวายความเจ็บปวดนี้เข้ากับพระมหาทรมานของพระองค์ เพื่อที่สามีและลูกๆ จะได้รับความรอด" แม่ได้
มอบพ่อของลูกให้แก่พระเยซูเจ้า และสวดสายประคำ ปีศาจดึงพ่อให้ตกต่ำลงด้วยบาป แต่แม่ดึงพ่อกลับ
ขึ้นมาด้วยสายประคำ แม่ดึงพ่อขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าพระแท่นและแม่พูดว่า "พระเยซูเจ้าข้า เขาอยู่ที่นี่แล้ว
ลูกเชื่อมั่นว่าพระองค์จะไม่ให้ลูกสิ้นใจก่อนที่จะได้เห็นเขากลับใจ พระเยซูเจ้าข้า ลูกไม่ได้สวดภาวนา
เพื่อสามีของลูกเท่านั้น แต่สวดภาวนาเพื่อผู้หญิงอื่นๆ ซึ่งอยู่ในสถานการณ์เดียวกับลูกด้วย โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง ผู้หญิงที่ไม่คุกเข่าวอนขอต่อพระองค์เพื่อสามีของเขาและลูกๆ ของเขา แต่กลับไปพึ่งพา
ไสยศาสตร์ หรือหมอดู หรือสิ่งอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งหลอกลวง อันเป็นการนำครอบครัวของเขาให้ไปสู่อุ้งมือ
ของปีศาจ พระเยซูเจ้าข้า ลูกสวดภาวนาสำหรับผู้หญิงเหล่านี้และครอบครัวเหล่านี้"
และแปดปีก่อนที่คุณพ่อจะเสียชีวิต คุณพ่อของฉันได้กลับใจ ท่านสำนึกผิดและวอนขออภัยโทษต่อ
พระเป็นเจ้า และพระเยซูเจ้าทรงอภัยให้ท่าน ท่านได้ไปอยู่ในไฟชำระส่วนที่ลึกที่สุด ทนทรมานแสนสาหัส
เพื่อชดใช้โทษบาปของท่าน การใช้โทษบาปเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ค่อยตระหนักอย่างจริงจังเท่าไรนัก เรา
ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้ พระเยซูเจ้าทรงประทานพระหรรษทานในการชดใช้โทษในบาปความผิดของเราโดย
ผ่านทางศีลมหาสนิท ทุกๆ ครั้งที่เราไปร่วมพิธีมิสซา พระเป็นเจ้าจะทรงแสดงให้พวกเราเห็นหลังจากที่เรา
เสียชีวิต บาปต่างๆ ของเรา ความชั่วที่เราทำต่อเพื่อนมนุษย์ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย คำพูดที่ไม่ดี... ถ้าหาก
เราได้เห็นความน่ากลัวของโทษของบาปที่เราทำ เราจะร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
ในกรณีของคุณพ่อของฉัน คุณแม่เคยบอกคุณพ่อให้ตักเตือนพี่ชายของฉันให้ละทิ้งชีวิตในบาปที่เขา
กำลังทำอยู่เสีย เพราะเขากำลังดำเนินรอยตามคุณพ่อ นั่นคือความไม่ซื่อสัตย์ การดื่มสุรา... ถ้าคุณพ่อยอม
ทำตามที่คุณแม่แนะนำ นี่จะเท่ากับเป็นการซดใช้โทษบาปของท่านได้ แต่ท่านไม่ได้ทำและพูดแต่เพียงว่า
เด็กๆ เขาสนุกเล่นเท่านั้น ไม่ได้เอาจริง และเขาก็จะเปลี่ยนไปเองในภายหลัง คุณพ่อเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่
พี่ชายของฉัน แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเลย ในไฟชำระ ท่านร้องไห้และพูดว่า "ข้าพเจ้าได้รับความรอดโดยอาศัย
การสวดภาวนาเป็นเวลาถึง 38 ปี ของผู้หญิงที่พระองค์ทรงประทานมาให้เป็นคู่ของข้าพเจ้า
ขอขอบพระคุณพระองค์" แม่ของฉันสวดภาวนานานถึง 38 ปี เพื่อคุณพ่อ


โปรดติดตามตอนต่อไป

