ประสบการณ์การตายแล้วฟื้นของดร.กลอเรีย โปโล (21-32 จบ)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 30, 2024 4:03 pm

👉 ตอน(21)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 7 🌳

♦️พระบัญญัติประการที่เจ็ด - อย่าลักขโมย

          การพูดใส่ความนินทาคือการลักขโมย ฉันเคยพูดว่าฉันไม่เคยขโมยของของใคร ฉันคิดว่า
ตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์ แต่ความจริงฉันได้ขโมยของจากพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสร้างฉันขึ้นมา
ฉันเกิดมาเพื่อช่วยทำให้โลกดีขึ้น และมีส่วนร่วมกับพระองค์ในการขยายอาณาจักรสวรรค์บนโลกนี้
แต่นอกจากฉันจะไม่ได้ทำแล้ว ฉันยังได้ให้คำแนะนำที่เลว และทำลายคนเป็นจำนวนมากที่มาหาฉัน
ฉันไม่รู้วิธีที่จะใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่ฉัน เพราะฉะนั้นจึงเท่ากับฉันได้ลักขโมย
ฉันลักขโมยอย่างแน่นอน! คนกี่คนแล้วที่ฉันได้ขโมยชื่อเสียงของพวกเขา ฉันได้กล่าวร้ายป้ายสีคนอื่น
คุณไม่รู้หรอกว่าบาปอันเนื่องจากลิ้นของเรานั้นมันเลวร้ายมากสักเพียงไร... และมีวิธีใดที่จะแก้ไขความ
ผิดประการนี้ได้...
          จะแก้ไขชื่อเสียงของคนที่เราทำลายให้กลับคืนมาได้อย่างไร หลังจากที่เราได้กระซิบบอกผู้อื่น
ด้วยการพูดใส่ความนินทา? จะต้องทำอย่างไรจึงจะนำชื่อเสียงของคนเหล่านั้นกลับคืนมาได้? ใช่แล้ว
เป็นเรื่องที่ยากมาก ด้วยเหตุนี้ในไฟชำระ คนที่ทำความผิดด้วยคำพูด จึงต้องได้รับความทุกข์ทรมานมาก
เกือบทุกคนต้องเคยใช้ลิ้นในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ด้วยการทำลาย และปกป้อง ด้วยการทำลายชื่อ
เสียงของคนอื่น ลิ้นเหล่านี้ เมื่อตกลงไปในไฟชำระ ได้รับความทุกข์แสนสาหัส พวกเขาถูกเผาไหม้!!! ถูก
เผาไหม้อย่างไร คุณนึกไม่ถึงหรอก! พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันรู้ว่า เราหลอกตัวเองอย่างไรเมื่อเรา
พิพากษาผู้อื่น ตัวอย่างเช่น ในขณะที่เรามองดูหญิงขายบริการด้วยความเหยียดหยาม แต่พระเยซูเจ้า
ทรงทอดพระเนตรเธอด้วยความรักและพระเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุด พระองค์ทรงเห็นภายในจิตใจของเธอ
ทรงรู้ถึงชีวิตทั้งหมดของเธอ และทรงทราบว่าอะไรที่ชักนำเธอให้มาเป็นหญิงขายบริการ พวกคุณอาจรู้มา
บ้างว่า สาเหตุที่ทำให้เธอมาทำงานประเภทนี้ก็เพราะบาปของพวกเรา เพราะการดูถูกเหยียดหยามของเรา
และเพราะการขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของพวกเรา มีใครบ้างที่ยื่นมือออกไปช่วยหญิงขายบริการ
เหล่านั้น? หรือเราคอยแต่จับผิดคนอื่น? เราเอาแต่พิพากษาผู้อื่น และมองดูข้อผิดพลาดของคนอื่น แล้วก็
ตำหนิติเตียนเขา เมื่อเรามองเห็นบางคนทำสิ่งผิดพลาด อย่างน้อยเราควรปิดปากของเรา ขอให้เราคุกเข่า
และสวดภาวนาเพื่อเขาเถอะ ในเวลาที่เราไม่สามารถทำอะไรได้ แต่พระเป็นเจ้าทรงทำได้ ขอให้เราอย่า
ได้พิพากษาพวกเธอเลย มิฉะนั้น เราเองนั่นแหละที่จะมีบาปมากกว่าพวกเธอ แน่นอนว่า เราไม่สามารถ
แก้ไข สิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วให้กลับคืนสู่ความถูกต้องได้ หรือถ้าเรามีส่วนในการเผยแพร่ด้วยการพูด
ใส่ความ นินทา ด้วยการโกหก ด้วยการตัดสินผู้อื่น การทำเช่นนี้เท่ากับเราขโมยสันติสุขไปจากเพื่อนบ้าน
ของเรา จงระวังตัวไว้เถิด เพราะการโกหกก็คือการโกหกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ แดงหรือขาว
การโกหกเป็นความผิดเสมอ และบิดาแห่งการโกหกคือซาตาน
          ในกรณีของฉัน ฉันโกหกไปมากมาย แล้วได้อะไร? ชีวิตของฉันถูกเปิดเผยอย่างหมดสิ้นภายใต้
แสงสว่างของพระเป็นเจ้า... แล้วพวกคุณล่ะ?... แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถิดว่า ในอีกมิติหนึ่งนั้น ไม่มีใครที่จะ
ออกมาโต้แย้งแทนหรือออกคำสั่งคุณได้... ที่นั่น มีแต่เพียงมโนธรรมของคุณกับพระเป็นเจ้า
          ในการพิพากษาของฉัน พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อดูการพูดโกหกของฉัน แต่คุณแม่ของฉัน
ไม่ได้กล่าวหาอะไรฉันเลย ท่านเพียงแต่มองดูฉันด้วยความอ่อนโยนเท่านั้น การพูดโกหกที่เลวร้ายของฉัน
คือ การโกหกต่อตนเองเมื่อฉันพูดว่าฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันไม่ได้ขโมยของใคร ฉันเป็นคนดี ฉันไม่เคยทำความ
ชั่วแก่ผู้ใด พระเป็นเจ้าไม่มีอยู่จริง และฉันควรจะไปอยู่ในสวรรค์เหมือนคนอื่น ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ฉันเริ่ม
รู้ตัวแล้วในตอนนี้
          พระเยซูเจ้ายังทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า ขณะที่อาหารในบ้านของฉันถูกทิ้ง แต่ในบ้านของคนอื่นใน
โลกนี้ยังมีผู้หิวโหย พระองค์ตรัสกับฉันว่า "มองดูสิ เรากำลังหิวโหย และดูสิ่งที่เราได้ประทานแก่เจ้าเถิด
เจ้าทิ้งอาหารไปเสียเปล่า แล้วเจ้าได้ทำอะไร เจ้าเป็นทาสของแฟชั่น เป็นทาสของคำพูดที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับ
รูปร่างหน้าตาของเจ้า เจ้าซื้อสินค้ามีชื่อเสียง ซื้อเครื่องเพชรพลอย เจ้าใช้เงิน 150,000 เปโซในการฉีดยา
เพื่อทำให้รูปร่างผอมบาง เจ้าเป็นทาสของร่างกายของเจ้าเอง... เจ้าใช้จ่ายเงินทองเพื่อทำให้รูปร่างสวยงาม
แต่คนจำนวนมากไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่ หรือไม่มีอะไรจะกิน หรือไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
          ...พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นภาพพี่น้องที่หิวโหยของฉัน และฉันต้องมีความรับผิดชอบช่วยเหลีอ
ผู้หิวโหยเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในประเทศของฉันเอง และประเทศอื่นๆ ในโลกนี้... เพราะพวกเราทุกคนต้องรับผิด
ชอบร่วมกัน! และพระองค์ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่าฉันได้ทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อฉัน
พูดไม่ดีเกี่ยวกับคนบางคน คนผู้นั้นต้องสูญเสียงานซึ่งเป็นหลักในการเลี้ยงดูครอบครัวของเขา ฉันได้ขโมย
ชื่อเสียงของเขาไป และหลังจากนั้น ฉันจะแก้ไขชื่อเสียงของเขาให้กลับคืนมาได้อย่างไร? พระองค์ทรงแสดง
ให้เห็นว่า การนำเงินที่ถูกขโมยกลับคืนมานั้นยังเป็นการง่ายกว่า เพราะเราอาจให้เงินของเราเองทดแทนได้
ซึ่งเท่ากับเป็นการแก้ไขบาป แต่เมื่อคุณขโมยชื่อเสียงของใครไปด้วยการพูดนินทาว่าร้าย ใครจะสามารถ
แก้ไขชื่อเสียงของคนผู้นั้นให้กลับคืนมาได้... อย่างไรเล่า? คุณทำความผิดต่อเขามากยิ่งนัก ทั้งในด้านการ
งาน หรือในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น อาจทำให้การแต่งงานถูกทำลายไปได้ ช่างเป็นความชั่วยิ่งนัก!
เป็นความชั่วยิ่งนัก!
          และฉันยังได้ขโมยจากลูกๆ ของฉัน พระหรรษทานที่พวกเขาควรจะได้แม่ที่อ่อนโยน อ่อนหวาน ที่รัก
พวกเขาและอยู่กับเขาที่บ้าน... แทนที่จะเป็นเช่นนั้น... แม่กลับออกไปนอกบ้าน ทิ้งลูกให้โดดเดี่ยวอยู่กับ
"แม่" ซึ่งเป็นทีวี และ "พ่อ" ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์และวีดีโอเกมส์... และฉันยังคงเชื่อว่าฉันเป็นแม่ที่สมบูรณ์
แบบ ฉันออกจากบ้านเวลา 5.00 น. ในตอนเช้าและไม่กลับบ้านก่อน 23.00 น.
       เพื่อทำให้มโนธรรมไม่ติเตียน ฉันจะซื้อของแบรนด์เนมและของทุกอย่างที่ลูกต้องการมาให้พวกเขา

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ค. 01, 2024 6:56 pm

👉 ตอน(22)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 7[C] 🌳

          ฉันตกใจยิ่งนักเมื่อมองเห็นภาพ... คุณแม่ของฉันกำลังถามตัวเองว่าได้ทำผิดพลาดอะไรบ้าง...
ท่านควรทำหรือไม่ควรทำอะไรเพื่อการศึกษาของฉัน ท่านเป็นผู้หญิงที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านปลูกฝังสิ่ง
สำคัญที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้าให้แก่พวกเรา และคุณพ่อของฉันก็เป็นผู้ชายที่ดีที่อยู่กับพวกเรา ดังนั้น
ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า "แล้วฉันจะเป็นอย่างไร ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรเพื่อลูกๆ เลย? ฉันถามตัวเอง
ฉันจะเป็นอย่างไร เมื่อพระเป็นเจ้าจะทรงพิพากษาฉันในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก? ช่างน่ากลัวนี่
กระไร! ช่างน่าเศร้าใจนี่กระไร! ฉันได้ขโมยสันติสุขไปจากลูกๆ ของฉัน เวลานี้ฉันได้เห็นในหนังสือ
แห่งชีวิตของฉันแล้ว ฉันรู้สึกอับอายยิ่งนัก... ในหนังสือแห่งชีวิต เราจะได้เห็นชีวิตทั้งหมดของเราเหมือน
กับภาพยนตร์ มันช่างเจ็บปวดเมื่อได้เห็นลูกๆ พูดว่า "หวังว่าแม่จะกลับมาช้า หวังว่าการจราจรจะติดทำ
ให้แม่มาช้า เพราะแม่นั้นน่าเบื่อ ไม่น่ารักเลย เมื่อกลับมาบ้านก็มักจะบ่นและตะโกนด่าว่าตลอดทั้งวัน!"
น่าเศร้าใจเหลือเกิน เด็กๆ อายุสามขวบและอีกคนที่อายุมากกว่า พูดเช่นนี้ พวกเขาหวังว่าแม่จะไม่กลับ
มาบ้าน ฉันได้ขโมยสันติสุขจากพวกเขาซึ่งฉันควรจะมอบให้พวกเขาที่บ้าน ฉันไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย
พวกเขาควรรู้จักพระเป็นเจ้าจากฉันและทำให้พวกเขารักเพื่อนบ้าน แต่ตรงกันข้าม ฉันไม่อาจให้สิ่งที่ฉัน
ไม่มีได้ ฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน และถ้าฉันไม่ได้รักเพื่อนบ้าน ฉันก็ไม่ได้รักพระเป็นเจ้าด้วย
เพราะพระเป็นเจ้าคือความรัก
          การพูดโกหกก็เป็นการลักขโมยด้วย ฉันรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี รู้ไหม? เพราะซาตานกลายมาเป็นบิดา
ของฉัน แท้จริง คุณสามารถมีพระเป็นเจ้าเป็นบิดา หรือมีซาตานเป็นบิดาก็ได้ ถ้าพระเป็นเจ้าคือความรัก และ
ฉันมีความเกลียดชัง แล้วใครล่ะที่เป็นบิดาของฉัน? ถ้าพระเป็นเจ้าสอนฉันให้ยกโทษและรักผู้ที่ทำร้ายฉัน
แต่ฉันกลับพูดว่า "คนที่เช่นนั้นกับฉันจะต้องชดใช้" ฉันมีใจอาฆาต เป็นคนพูดโกหก และในเมื่อซาตานเป็น
บิดาแห่งการโกหก เช่นนั้นใครคือบิดาของฉันล่ะ? การโกหกคือการโกหก และซาตานก็เป็นบิดาของเรื่องนี้
บาปของลิ้นที่โกหกนั้นน่ากลัวมาก ฉันได้เห็นความชั่วทุกอย่างที่ฉันได้ทำโดยใช้ลิ้นของฉัน เมื่อฉันวิจารณ์
คนอื่น ดูถูกเหยียดหยาม ตั้งชื่อเล่นให้บางคนเพื่อเย้ยหยัน และผู้หญิงที่ฉันตั้งชื่อเล่นให้นั้นจะรู้สึกอย่างไร
ฉันเพียงต้องการเย้ยหยันเธอและทำให้เธอรู้สึกวุ่นวายใจเท่านั้น แต่มันสามารถทำลายชีวิตของเธอได้ มี
ตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ฉันได้ลัอเลียนผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอ้วนมาก ทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และเพราะคำพูด
ของฉัน ทำให้เธอปลิดชีวิตตนเอง
          ฉันขอเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง ขณะที่ฉันอายุ 13 ปี ฉันอยู่ในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง และ
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่ในกลุ่มนี้... เพราะเป็น กลุ่มผู้หญิงที่เก่งและเชี่ยวชาญ พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่า
การอยู่ในกลุ่ม "ผู้หญิงเก่ง" นี้เป็นอย่างไร มันได้ทำลายจิตใจของเพื่อนในโรงเรียน ในชั้นของฉันมีเด็ก
ผู้หญิงที่อ้วนมากคนหนึ่ง และเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็พูดล้อเลียนเธอ เรียกเธอด้วยชื่อที่ตลก เช่น แมวน้ำอ้วน,
ช้าง และชื่ออื่นๆ พวกเราล้อเธอ และฉันก็ทำด้วยเพื่อจะได้ไม่อยู่นอกกลุ่ม และเวลานี้ ในหนังสือแห่งชีวิต
ฉันได้เห็นเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นเศร้าหมองเพราะความอ้วนของเธอ เธอมองดูตัวเองในกระจกเงา
ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นว่าตนเองน่าเกลียด เธอเริ่มเกลียดพวกเรา และเกลียดตัวเองด้วย ยิ่งนานวันเธอยิ่งเกลียดตัวเอง
และความเกลียดคือความตาย มันเป็นความตายของวิญญาณ ภายใต้เงาแห่งความสิ้นหวัง วันหนึ่งเด็กหญิง
ผู้นี้ได้ดื่มขวดยาไอโอดีน โดยหวังว่ามันจะช่วยลดความอ้วนได้ แต่รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? รู้ไหมว่าในที่สุด
เป็นอย่างไร? เธอเกือบตาบอด เธอได้รับยาพิษอย่างแรงและเกือบตาบอด ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้กลับไป
โรงเรียนอีกเลย พวกเราไม่สนใจเมื่อรู้ข่าวนี้ พวกเราไม่ได้เห็นเธออีกเลย และพวกเราก็ไม่สนใจว่าเป็น
เพราะเหตุใด!
          พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอบอกพวกคุณ บาปที่เราทำมากมายนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ร้ายแรงที่สุด
เพราะมันเป็นบาปของเราโดยเฉพาะ บาปของบรรดาเด็กหญิงเหล่านั้น เป็นบาปของพวกเรา เป็นบาปของ
สังคมซึ่งก็คือบาปของพวกคุณด้วย เพราะคุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น และนี่เป็นเรื่องจริง
สำหรับมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะแต่ละบุคคลเท่านั้น เพราะนั่นคือการที่คุณไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่อง
เช่นนี้ขึ้น
          อำนาจของคำพูด...! พวกเราได้ทำลายเด็กหญิงผู้นั้น ด้วยการตั้งชื่อเล่นให้เธอ ปีศาจจึงได้เข้าสู่จิตใจ
และทำลายเธอ และเธอก็กระทำตอบแทนด้วยการทำลายคนอื่นด้วยความเกลียดชังของเธอ ด้วยวิธีนี้กระแส
แห่งความชั่วได้ก่อตัวขึ้นและขยายตัวออกไป ที่ใดที่มีความเกลียด ที่นั่นมีความชั่ว
นี่ป็นวิธีที่เราได้ทำฆาตกรรมเพื่อนๆ ในโรงเรียนของเรา เราได้ฆ่าวิญญาณของเธอ
          ยี่สิบปีต่อมา... ฉันมีหลานสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง ฉันสอนเธอให้คำปรึกษาในเรื่องการแต่งกาย
ของเธอ ทำอย่างไรจึงจะทำให้ร่างกายดูดีด้วยการใช้เครื่องสำอาง เป็นต้น วันหนึ่ง เธอถูกไฟเผาไหม้อย่าง
รุนแรงถึง 70 % ของร่างกาย มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเผาไหม้ แต่มันรุนแรงมากจนอาจทำให้ตายได้
          ฉันเริ่มว้าวุ่นและรู้สึกขุ่นเคืองพระเป็นเจ้า ฉันเข้าไปในโบสถ์น้อยของโรงพยาบาลและพูดว่า "พระเจ้า
ถ้าพระองค์มีอยู่จริง จงพิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ พิสูจน์ว่าพระองค์มีอยู่จริง จงช่วยเธอ" มองดูความเย่อหยิ่งของ
ฉันสิ ในที่สุด หลานสาวของฉันก็รอดชีวิต แต่เธอมีรอยไหม้ทั่วตัว มือก็ผิดรูปไป... และที่น่าเศร้าก็คือ
ในตอนนั้นฉันอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักทางการเงิน วันหนึ่งฉันเดินไปพร้อมกับหลานสาว เมื่อมาถึงสระ
ว่ายน้ำและฉันนำตัวเธอลงน้ำ คนทุกคนในสระต่างประท้วงและพูดว่า "ทำไมไม่อยู่กับเธอที่บ้าน? เธอจะ
ทำลายวันหยุดพักผ่อนของเรา"
          พวกเขาต่างพูดแบบนี้เมื่อเห็นเธอ คนเลวและเห็นแก่ตัว เมื่อพวกเขาพูดด้วยความเห็นแก่ตัวเช่นนี้
ทำให้หลานสาวของฉันไม่ต้องการออกจากบ้านอีก เธอกลัวผู้คน และในที่สุดเธอก็เกลียดพวกเขา
(กลอเรียร้องไห้) ... พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่า เมื่อเราแต่ละคนดูถูกเยาะเย้ยพี่น้องเพื่อนมนุษย์ของเรา
โดยปราศจากความสงสาร คุณมีสิทธิอะไรที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์โศกเศร้า ด้วยการตั้งชื่อเล่น หรือล้อชื่อ
โดยไม่ตระหนักว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร? คุณมีสิทธิอะไรที่กระทำสิ่งที่โหดร้ายเช่นนั้น? พระเป็นเจ้าจะทรงให้
คุณเห็นการที่คุณได้ทำฆาตกรรมคนจำนวนมากเพียงไรด้วยคำพูดของคุณ คุณจะได้เห็นอำนาจอันน่ากลัว
ของคำพูดที่ได้ฆ่าวิญญาณ
          ถ้าเพียงแต่ฉันไปอยู่เบื้องหน้าศีลมหาสนิท และวอนขอพระหรรษทานเพื่อปลอบประโลมใจหลานสาว
ของฉัน พระเป็นเจ้าจะทรงเยียวยาจิตวิญญาณของหลานสาวของฉัน เพราะพวกเราอยู่ในความรักของ
พระเป็นเจ้า และเมื่อเราปิดประตูให้กับความชั่ว พระองค์ก็จะทรงเปิดประตูแห่งการอวยพรให้กับเรา เมื่อ
พระเยซูเจ้า ทรงยกตัวอย่างบัญญัติสิบประการให้แก่ฉัน พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันพูดว่าฉันรักและ
นมัสการบูชาพระเป็นเจ้า ด้วยวาจา แต่แท้จริงแล้วฉันบูชาซาตานต่างหาก ฉันวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องและทุกคน
และทุกคนชี้นิ้วมาที่ฉัน... นี่หรือคือ "กลอเรียผู้ศักดิ์สิทธิ์"... พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันพูดว่าฉันรัก
พระเป็นเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์ แต่ฉันกลับทำความชั่วและอิจฉาริษยาเพื่อนมนุษย์... พระองค์ทรงให้ฉันเห็นว่า
ฉันไม่ได้กตัญญูรู้คุณบิดา มารดา และฉันไม่เคยแม้แต่จะพูดขอบคุณท่านในการที่ท่านช่วยฉันให้ประสบความ
สำเร็จในชีวิตการงาน ฉันไม่ได้ขอบคุณสำหรับการเสียสละและการลงแรงช่วยเหลือที่ท่านได้ทำเพื่อฉันเลย...
ในทันทีที่ฉันเริ่มทำงาน พ่อแม่ก็อยู่นอกสายตาของฉัน... ฉันต้องละอายใจต่อคุณแม่ของฉันเป็นพิเศษ
เพราะท่านยากจนและถ่อมตนมาก ดูความบ้องตื้นของจิตใจนี้เถิด
          พระเป็นเจ้าทรงวิเคราะห์ชีวิตทั้งหมดของฉัน ภายในแสงสว่างแห่งพระบัญญัติสิบประการ
พระองค์ทรงทำให้ฉันเห็นว่า ฉันปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไร และปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไร

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 02, 2024 10:21 pm

👉 ตอน(23)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 8[A] 🌳

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2557

♦️จงรักเพื่อนบ้าน

          ไม่เคย, ไม่เคยเลย ที่ฉันจะรักหรือสงสาร เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันไม่เคยคิด
พิจารณาเกี่ยวกับคนเจ็บป่วยและความโดดเดี่ยวของเขา ฉันไม่เคยคิดถึงบรรดาเด็ก ๆ ที่ขาดแม่
บรรดาเด็กกำพร้า... เด็กทารกจำนวนมากที่กำลังทนทุกข์ ฉันควรจะพูดว่า ข้าแต่พระเป็นเจ้า โปรด
ให้ลูกมีส่วนร่วมในความเจ็บปวดของพวกเขาด้วยเถิด... แต่เปล่า ไม่มีเลย หัวใจของฉันแข็งกระด้าง
ไม่เคยคิดถึงความทุกข์ของผู้อื่น ร้ายยิ่งกว่านั้น ฉันไม่ได้ทำสิ่งใดที่แสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์...
ตัวอย่างเช่น ฉันใช้จ่ายเงินมากมายเพื่อซื้อสิ่งของในห้างสรรพสินค้า เพื่อมอบให้คนยากจนและคน
ที่ต้องการ แต่ฉันไม่ได้ทำเพราะความรัก ฉันมีเงินมากมาย และนี่ไม่ได้ทำให้ฉันเดือดร้อนอะไร ฉันทำ
เพราะคนอื่นจะได้มองเห็น และพวกเขาจะพูดว่าฉันเป็นคนดี ฉันเป็นนักบุญ และฉันยังหาประโยชน์
จากคนยากจนเหล่านั้น ฉันไม่ได้ให้สิ่งใดโดยไม่รับผลตอบแทน ในความจริงฉันบอกพวกเขาว่า
"ฉันทำสิ่งนี้ให้คุณ แต่คุณต้องตอบแทนฉัน จงไปที่นั่น ที่โรงเรียนของฉัน ไปหาลูกของฉัน ไปห้อง
ประชุม เพราะฉันไม่มีเวลา... เอาจดหมายหรือใบเสร็จรถยนต์ไปด้วย... ทำสิ่งนี้ให้ฉันนะ..." ฉันทำ
เช่นนี้กับทุกคน ฉันทำเป็นคนมีเมตตาเพื่อที่จะได้รับประโยชน์ตอบแทน ไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นยากจน
น่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้น มันทำให้หลายคนพูดยกย่องชมเชยว่า ฉันเป็นคนดี และบางคนถึงกับบอกว่า
ฉันเป็นนักบุญ คนที่พูดเช่นนี้เป็นคนที่รู้จักฉันเป็นอย่างดีด้วย พระเยซูเจ้าทรงตรวจสอบฉันด้วยพระ
บัญญัติสิบประการ ฉันได้เห็นว่า ความชั่วทั้งหมดของฉันมีสาเหตุมาจากความโลภ ฉันตาบอดด้วย
ความปรารถนาในเงินทอง ฉันอยากได้เงินมากๆ เพราะคิดว่าจะมีความสุขมากถ้ามีเงินมาก แต่ความ
เลวร้ายก็คือ ในช่วงเวลาที่ฉันมีเงินมาก จิตวิญญาณของฉันก็ตกต่ำลง จนถึงขั้นที่คิดจะฆ่าตัวตาย ทั้งๆ
ที่ฉันร่ำรวย แต่ฉันกลับรู้สึกโดดเดี่ยว ว่างเปล่า ขมขื่น ว้าวุ่น ละโมบโลภมาก ความปรารถนาในเงินทอง
นำทางชีวิตของฉันด้วยมือของปีศาจตนหนึ่ง ทำให้ฉันอยู่ห่างไกลและถอนมือของฉันออกจากพระหัตถ์ของ
พระเป็นเจ้า พระองค์ตรัสกับฉันว่า "เจ้ามีพระเจ้าของเจ้า พระเจ้าของเจ้าคือเงินตรา และเพราะมัน เจ้าจึง
ได้สาปแช่งตัวเจ้าเอง เพราะมัน เจ้าจึงจมดิ่งลงสู่ห้วงอเวจี และอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้าแท้จริงของเจ้า"
          เมื่อพระองค์ตรัสกับฉันว่า "พระเจ้าเงินตรา"... ใช่แล้ว, เรามีเงินมากมาย แต่ยิ่งไปกว่านั้น เรามีใบ
เรียกเก็บเงินมากด้วย เรามีหนี้สิน แล้วฉันก็ไม่มีเงินเหลือเลยแม้แต่แดงเดียว แล้วฉันก็ร้องออกมาว่า
"เงินอะไรกัน? สิ่งที่ฉันเหลือทิ้งไว้บนโลก ก็มีแต่เพียงหนี้สินเท่านั้น!..."
          ในการตรวจสอบด้วยพระบัญญัติสิบประการนี้ ฉันสอบไม่ผ่านเลยแม้แต่ข้อเดียว ช่างน่ากลัว
น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก ฉันอยู่ในสถานการณ์ของความจริงที่สับสนวุ่นวาย!... อย่างไรเล่า?... ตัวฉันหรือ?
ฉันไม่เคยฆ่าใครหรือ? ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนหรือ? นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดเอาเอง... แต่แท้ที่จริง
ฉันได้ฆ่าคนไปมากมาย

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ก.ค. 03, 2024 9:24 pm

👉 ตอน(24)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 8 🌳

♦️หนังสือแห่งชีวิต

          หลังจากการตรวจสอบด้วยพระบัญญัติสิบประการแล้ว พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็น
"หนังสือแห่งชีวิต" ฉันอยากจะหาคำพูดมาอธิบายให้เห็นชัดเจนได้จริงๆ มันช่างน่ามหัศจรรย์
เราได้เห็นชีวิตทั้งหมดของเราเอง การกระทำทุกอย่างทั้งที่ดีและไม่ดี ต่อตัวเอง และต่อผู้อื่น
อารมณ์และความคิดของเราและของผู้อื่นด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดผ่านเข้ามาเหมือนดูภาพยนตร์
โดยเริ่มต้นตั้งแต่การปฏิสนธิ เราได้เห็นชีวิตของเราตั้งแต่ตอนนั้น ในเวลาปฏิสนธิเราถูกมอบ
ถวายไว้ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า ในเวลาที่เราปฏิสนธินั้นเอง มีแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ที่สวยงาม
ระเบิดขึ้น และวิญญาณก็ก่อกำเนิด ขาวบริสุทธิ์... แต่ไม่ใช่ความขาวเหมือนที่เรารู้จัก ฉันบอกว่า
เป็นสีขาวเพราะมันดูคล้ายมากที่สุด แต่แสงนั้นเจิดจ้าจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ช่างสวยงาม
และเจิดจรัส... วิญญาณสวยงามมาก เต็มไปด้วยแสง น่าหลงใหล รัศมีแผ่ไปและเต็มไปด้วยความรัก
ของพระเป็นเจ้า... ฉันเพ่งพินิจด้วยความพิศวงในความรักของพระเป็นเจ้า พวกคุณเคยสังเกตไหมว่า
เด็กทารกแรกเกิดเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขายิ้มและส่งเสียงเล็กๆ ออกมา คุณรู้ไหม? พวกเขากำลังคุย
กับพระเป็นเจ้านะ ถูกต้อง เพราะพวกเขาอยู่ในพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม พวกเราก็อยู่ในพระจิตเจ้า
ด้วยเช่นกันแต่คนละแบบ ในความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กทารก พวกเขารู้ด้วยจิตวิญญาณถึงการ
ปรากฏของพระเป็นเจ้า
          พวกคุณไม่อาจจินตนาการได้หรอก ถึงความมหัศจรรย์ในการที่ได้เห็นช่วงเวลาที่พระเป็นเจ้าทรง
เนรมิตสร้างฉัน ในครรภ์ของคุณแม่ วิญญาณของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าพระบิดา ฉันได้รู้ว่า
พระบิดาช่างทรงสวยงามเหลือเกิน น่ามหัศจรรย์และทรงอ่อนโยนยิ่งนัก ทรงเอาใจใส่และน่ารัก ทรงดูแล
ฉันตลอด 24 ชั่วโมง ทรงรักและปกป้องฉัน และทรงมาหาฉันเสมอเมื่อฉันตีตัวออกห่างจากพระองค์ ด้วย
ความอดทนไม่มีสิ้นสุด ส่วนฉันมองเห็นแต่เพียงการลงโทษ ในขณะที่พระองค์มีแต่เพียงรักเท่านั้น พระองค์
ทรงมองดูที่วิญญาณไม่ใช่เนื้อหนัง และพระองค์ทรงเห็นว่าฉันออกนอกทางแห่งความรอดมากสักเพียงไร
          แม่ของฉันแต่งงานนาน 7 ปี แต่ก็ยังไม่มีลูก ในตอนนั้นท่านลำบากมาก เนื่องมาจากความไม่ซื่อสัตย์
ของคุณพ่อ ท่านวิตกกังวลและเครียดในเวลาที่ท่านรู้ว่าท่านตั้งครรภ์ ท่านร้องไห้เป็นทุกข์ส่งผลถึงฉันที่อยู่
ในครรภ์ ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความรักของแม่มากเท่านี้มาก่อนเลย และท่านยังคงรักและทำดีต่อฉันเสมอ
แต่ฉันกลับพูดว่าท่านไม่ได้รักฉันเลย ฉันอยู่ในความสับสนนี้ มีเพียงพระหรรษทานจากศีลศักดิ์สิทธิ์ที่
พระเป็นเจ้าทรงประทานให้เท่านั้นที่ช่วยพวกเราได้ เมื่อฉันได้รับการล้างบาป มีงานเลี้ยงฉลองยิ่งใหญ่
ในสวรรค์ ทารกได้รับตราประทับบนศีรษะ คือตราประทับการเป็นลูกของพระเป็นเจ้า มันเป็นไฟ ไฟแห่ง
การเป็นของพระเยซูคริสตเจ้า
          แต่ฉันก็ยังได้เห็นในหนังสือแห่งชีวิต ในเวลาที่ยังเป็นเด็ก ฉันรู้สึกถึงบาปของคุณพ่อที่ทำผิดต่อ
ศีลแต่งงาน นั่นเป็นบาปที่ฉันเริ่มรู้จัก อาทิเช่น ท่านพูดโกหก ดื่มสุรา ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา และทำให้
คุณแม่เป็นทุกข์ ทั้งหมดนี้ฉันรับรู้และทำให้ฉันมีอารมณ์และพฤติกรรมที่ไม่ดี

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 04, 2024 4:10 pm

👉 ตอน(25)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 8[C] 🌳

♦️เงินตาแลนท์ (ความสามารถ)

          พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "เจ้าได้ทำอะไรกับเงินตาแลนท์ที่เราให้กับเจ้าบ้าง?... นี่ไม่ใช่เงินของ
โลกหรอก เงินตาแลนท์นี้มีกลิ่นหอมอบอวลน่ามหัศจรรย์ด้วยเครื่องหอมราคาแพงที่ไม่เคยใช้ประพรม
ผ้าใดมาก่อน... เงินตาแลนท์ น่ะหรือ? ฉันมาสู่โลกด้วยภารกิจอย่างหนึ่ง นั่นคือ เพื่อปกป้องอาณาจักร
แห่งความรัก แต่ฉันลืมไปว่าฉันมีวิญญาณ ฉันได้รับไม่แต่เพียงเงินตาแลนท์เท่านั้น ฉันยังอยู่ในพระหัตถ์
อันเมตตาของพระเป็นเจ้าด้วย ฉันไม่เคยรู้เลยว่าความดีทั้งหลายที่ฉันละเลยไม่กระทำนั้น เป็นสาเหตุ
แห่งความเศร้าพระทัยของพระเยซูเจ้า ฉันได้เห็นว่าเงินตาแลนท์นั้นเป็นอัศจรรย์ที่พระเป็นเจ้าทรงใส่
ไว้ในตัวของฉัน และพวกเราทุกๆ คนด้วย มันเป็นสิ่งมีค่าเป็นอย่างมากต่อพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงรัก
พวกเราทุกคน และแต่ละคนเป็นพิเศษ พวกเราทุกคนมีภารกิจในโลกนี้ ฉันเห็นปีศาจมันวิตกกังวลมาก
เพราะเงินตาแลนท์นี้ที่พระเป็นเจ้าทรงใส่ไว้ในพวกเราเพื่อนำมารับใช้พระเยซูเจ้า
          คุณทราบไหมว่าพระเยซูเจ้าทรงขอให้ฉันยอมรับและมีความรับผิดชอบต่อเรื่องใดมากที่สุด?
ก็คือ เรื่องการที่ฉันขาคความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ พระองค์ตรัสกับฉันว่า "การตายฝ่ายจิต
ของเจ้า เริ่มต้นเมื่อเจ้าไม่รู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ เจ้าเช่นกันจะมีประสบการณ์ในเรื่องนี้
เจ้าจะมีชีวิต แต่ตายไปแล้ว" ถ้าคุณได้รู้ว่าการตายฝ่ายจิตเป็นอย่างไรละก็... วิญญาณที่มีแต่ความ
เกลียดชังนั้น น่าเกลียดน่ากลัว น่าสะอิดสะเอียน มันรบกวนและทำร้ายทุกคน เป็นความเจ็บปวดยิ่งนัก
เมื่อได้เห็นวิญญาณของเราเองที่เต็มไปด้วยบาป... ฉันได้เห็นวิญญาณของตัวเอง:(สะอื้น)... ภายในมี
เหล็กไนอันใหญ่มหึมาและจมดิ่งลงไปสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งนรก นี่เป็นสาเหตุของความขมขื่นและความ
ทรมานเป็นอย่างมาก พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "การตายฝ่ายจิตของเจ้าเริ่มต้นเมื่อเจ้าไม่เห็นอกเห็นใจ
พี่น้องของเจ้า ซึ่งสามารถรับรู้ได้เมื่อเจ้าเห็นเหตุร้ายเกิดแก่พี่น้องของเจ้าไม่ว่าในที่ใด หรือเมื่อเจ้าได้ยิน
ข่าวจากสื่อมวลชน เกี่ยวกับการฆาตกรรม การทำทารุณกรรม... แต่เจ้ากลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เจ้าพูด
แต่เพียงว่า โอ คนที่ น่าสงสาร แต่หัวใจของเจ้าไม่รู้สึกเศร้าเสียใจ ไม่รู้สึกอะไรเลย
หัวใจของเจ้าเป็นหิน และนั่นเป็นบาปของความใจแข็ง"

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 09, 2024 3:07 pm

👉 ตอน(26)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 9[A] 🌳

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

          เวลานี้ฉันจะพูดถึงเงินตาแลนท์ที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นต่อไป
          คุณต้องรู้ว่าฉันไม่เคยดูข่าวจากทีวี เพราะฉันรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นคนมากมายเสียชีวิต มันเป็นสิ่ง
ที่ฉันไม่ชอบ... ฉันสนใจแต่เรื่องของ การควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก โหราศาสตร์ อำนาจทางจิต
พลังงาน หรือข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้... เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่ปีศาจใช้ในการหันเหความสนใจของเรา
ทำให้เราสับสน... เวลานี้พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้ฉันเห็นในหนังสือแห่งชีวิต วันหนึ่ง พระองค์ทรงทำ
ให้รายการข่าวในทีวีมาช้าลง และฉันบังเอิญเปิดดูข่าวเรื่องนี้ซึ่งยังไม่ทันจบ ฉันเห็นหญิงชาวนา
ผู้ยากจนคนหนึ่ง เธอกำลังร้องไห้อยู่บนร่างของสามีที่เสียชีวิตแล้ว
          ฉันขอบอกพวกคุณว่า ปีศาจมันทำให้เรารู้สึกชินชากับความโศกเศร้าของคนอื่น โดยคิดว่ามัน
เป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา คนที่เป็นทุกข์อยู่ต้องดูแลตัวเอง มันไม่ใช่ปัญหาของฉัน พระเยซูเจ้า
ทรงแสดงให้ฉันเห็นว่า สิ่งนี้ทำให้พระองค์เจ็บปวดอย่างไร เมื่อนักข่าวเสนอข่าวเพียงเพื่อให้เกิดความ
สนใจ เพียงเพื่อขายข่าว โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย ในกรณีของผู้หญิงในข่าวนั้น เมื่อฉันเปิดทีวี
เห็นเธอกำลังร้องไห้ ฉันเห็นความเศร้ายิ่งนักในความทุกข์ของเธอ ฉันรู้สึกเศร้าตามเธอไปด้วย
พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฉันเป็นเช่นนั้น ฉันเกิดความสนใจในเหตุการณ์นี้ และยังรู้ด้วยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
ที่ Venadill, Tulima บ้านเกิดของฉันเอง... แต่หลังจากนั้น รายการก็เปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นเรื่องการลด
น้ำหนัก และฉันก็ลืมเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปสิ้น เพราะไปสนใจในเรื่องการลดน้ำหนักแทน...
และไม่คิดถึงมันอีกเลย
          แต่ผู้ที่ไม่ลืมผู้หญิงชาวนาคนนั้น คือ พระเยซูเจ้าของเรา พระองค์ทำให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดและ
ความทุกข์ของเธอ เพื่อที่ฉันจะได้ไปช่วยเหลือเธอบ้าง เพราะพระองค์ประสงค์เช่นนั้น นั่นเป็นเวลาที่ฉันจะได้
ใช้เงินตาแลนท์ของฉันซึ่งพระองค์ประทานให้ พระองค์ตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่เจ้ารู้สึกนั้น เป็นเราเองที่ส่ง
เสียงขอให้เจ้าไปช่วยสตรีผู้นั้น เป็นเราเองที่ทำให้ข่าวมาช้าลง เพื่อที่เจ้าจะได้เห็น แต่เจ้าไม่แม้แต่จะย่อเข่าลง
เพื่อสวดภาวนาให้เธอสักหนึ่งนาที เจ้ามัวใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องลดน้ำหนัก และไม่เคยคิดถึงเธออีกเลย"
          พระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นเหตุการณ์ของผู้หญิงคนนั้น เธอเป็นชาวนาที่ยากจน และได้ขอให้สามีของ
เธอละทิ้งบ้านที่อาศัยอยู่ แต่เขาปฏิเสธ แล้วก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาขับไล่พวกเขา ชายชาวนาเห็นผู้ชายที่มีอาวุธ
จะเข้ามาฆ่าเขา ฉันเห็นชีวิตของชายชาวนาทั้งหมด เห็นและรู้สึกถึงความกลัวและความโกรธของเขา เขาวิ่งหนี
และหาที่หลบซ่อนให้แก่ลูกน้อยและภรรยาของเขาภายใต้กองสิ่งของบางอย่าง แล้วเขาก็วิ่งหนีไปทางอื่น แต่
กลุ่มชายฉกรรจ์ติดตามเขา คุณรู้ไหมเขาสวดภาวนาครั้งสุดท้ายว่าอย่างไร? "พระเจ้าข้า โปรดดูแลภรรยาและ
ลูกน้อยของข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์ฝากพวกเขาไว้กับพระองค์" และชายจกรรจ์เหล่านั้นได้ฆ่าเขา เขาล้มลง
กับพื้นดินเมื่อถูกยิง พระเยซูเจ้าทรงทำให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้หญิง และลูกเล็กๆ นั้นซึ่งไม่สามารถส่งเ
สียงร่ำไห้ได้ (...กลอเรียร้องไห้...)
          ด้วยวิธีนี้ พระเยซูเจ้าทรงทำให้เรารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่พระองค์ทรงรู้สึก และรู้สึกถึงความทุกข์ของผู้อื่น
แต่บ่อยครั้ง เราสนใจแต่ตัวเอง และไม่รู้สึกกังวลใจในความต้องการของเพื่อนมนุษย์ของเราแม้แต่น้อย
พระเยซูเจ้าทรงประสงค์สิ่งใดหรือ? พระองค์ประสงค์ให้ฉันคุกเข่าลง และวอนขอต่อพระองค์เพื่อครอบครัวนั้น
เพื่อมารดาและลูกของเธอ พระเป็นเจ้าทรงดลใจฉันให้รู้ว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร นั่นก็คือ เพียงแต่เดินไปหา
พระสงฆ์ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากบ้านของฉันมากนัก และบอกท่านว่าฉันเห็นอะไรในทีวี พระสงฆ์ผู้นี้เป็นเพื่อนกับ
คุณพ่ออธิการของโบสถ์ในหมู่บ้านนั้น (Venadillo, Tulima), และท่านมีบ้านพักอยู่ที่โบโกตา
ท่านจะได้ช่วยผู้หญิงคนนั้น
          สิ่งแรกที่เราต้องยอมรับและรับผิดชอบต่อพระเป็นเจ้านั้น หาใช่แต่เพียงบาปเท่านั้น แต่เป็นการละเลยด้วย
มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากซึ่งคุณอาจนึกไม่ถึง แต่วันหนึ่งคุณจะได้เห็นด้วยตัวเองเหมือนที่ฉันเห็น บาปเหล่านี้ทำ
ให้พระเป็นเจ้าของเราต้องกรรแสง ถูกแล้ว พระเป็นเจ้าทรงกรรแสง ที่เห็นลูกๆ ของพระองค์เป็นทุกข์เพราะการที่
พวกเราขาดความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ มีหลายคนที่มีความทุกข์และพวกเราไม่ได้ทำอะไรเพื่อพวกเขาเลย
พระเยซูเจ้าจะทรงแสดงเหตุการณ์นี้ให้แก่เรา ให้แก่ทุกๆ คน บาปที่เราทำในการละเลยไม่สนใจความทุกข์ร้อน
ของผู้อื่น เป็นความเจ็บปวดในโลกที่เกิดจากความใจแข็งของเรา
          ขอสรุปเล็กน้อย ผู้หญิงชาวนาที่ได้รับการเบียดเบียน (ความจริง กลุ่มชายฉกรรจ์ตามหาเพื่อจะฆ่าเธอด้วย)
พาลูกหนีไปขอความช่วยเหลือจากพระสงฆ์ที่หมู่บ้านนั้น คุณพ่อกล่าวกับเธอว่า "ลูกเอ๋ย ลูกต้องหนีไป เพราะถ้า
พวกเขามาพบลูกที่นี่ พวกเขาจะฆ่าลูก"
          คุณพ่อรีบกระทำในสิ่งที่ท่านคิดว่าดีที่สุดสำหรับเธอ ท่านรีบส่งเธอไปที่โบโกตา ให้เงินเล็กน้อยแก่เธอ
และหนังสือจดหมายแนะนำตัว"
          ผู้หญิงคนนั้นรีบหนีไปทันที นำจดหมายไปแสดงกับหลายแห่งตามที่คุณพ่อได้บอกไว้ แต่ไม่มีใครยอม
ให้เธอพักอาศัย เธอไปสิ้นสุดลงที่ไหนทราบไหม? ใครที่ช่วยเธอในตอนท้าย? คนพวกนั้นบังคับเธอให้ไปเป็น
หญิงโสเภณี!!!
          พระเยซูเจ้ายังคงให้โอกาสแก่ฉันอีกครั้งที่จะช่วยเหลือสตรีผู้นี้ ในปีต่อมาฉันได้พบเธออีก มันเป็นวันที่
ฉันเข้าไปในกลางใจเมือง ฉันไม่อยากไปที่นั่น เพราะมันเป็นที่ที่คุณจะเห็นแต่สิ่งน่าเศร้า และฉันไม่อยากเห็น
ความยากจนความขัดสน หรือสิ่งที่คล้ายแบบนั้น แต่วันหนึ่งฉันจำเป็นต้องไปที่นั่น ขณะที่ฉันผ่านไป ลูกชาย
ได้ถามฉันว่า "โอ คุณแม่ ทำไมผู้หญิงคนนั้นจึงแต่งตัวแบบนั้น ทำไมเธอสวมกระโปรงสั้นอย่างนั้น?" ฉันตอบ
เขาว่า "อย่าไปดู ลูก นี่เป็นผู้หญิงขายบริการ ขายร่างกายเพื่อเงิน เขาเป็นโสเภณี เป็นพวกสกปรก" ลองคิดดู
เถอะ ฉันพูดออกไปอย่างนั้น มันเป็นยิ่งกว่ายาพิษสำหรับลูกชายของฉัน ฉันพูดดูถูกคน พระเยซูเจ้าตรัสว่า
"การดูถูกคนอื่นเป็นการลบหลู่เราด้วย และเราจะถ่มพวกเขาออกมา คนที่ดูถูกคนอื่นจะไม่ได้เข้าสวรรค์...
คนที่ดูถูกคนอื่นคือคนที่ผ่านไปในโลกและไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อเขานอกจากตัวของเขาเอง การตายฝ่ายจิต
ของเจ้าเริ่มต้น เมื่อเจ้าสนใจแต่ตัวเองแทนที่จะสนใจพี่น้องของเจ้า เมื่อเจ้าคิดถึงแต่ตัวเองและความอยู่ดีกินดี
ของตัวเองเท่านั้น

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 09, 2024 3:15 pm

👉 ตอน(27)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 10[A] 🌳

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2557

♦️ขุมทรัพย์ฝ่ายจิต

          ฉันถูกเรียกให้มาอยู่ในโลกนี้เพื่อช่วยสร้างโลกที่ดีกว่า และใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าทรง
ประทานให้ ในการร่วมมือกับพระองค์ขยายอาณาจักรแห่งสวรรค์บนโลกนี้ แต่ฉันไม่ได้ทำ... ตรงกัน
ข้าม ฉันให้คำแนะนำเลวๆ แก่คนจำนวนมาก และมีคนจำนวนมากที่ฉันได้นำไปสู่ความเสื่อมเสีย...
ด้วยคำ แนะนำที่เลวและตัวอย่างที่เลวของฉัน... ฉันไม่ได้ใช้ความสามารถที่พระเป็นเจ้าประทานแก่ฉัน
ไม่เคยใช้เลย พระเยซูเจ้าทรงถามฉันด้วยว่า : "เจ้าได้นำขุมทรัพย์ฝ่ายจิตอะไรมาให้เราบ้าง?"
     ขุมทรัพย์ฝ่ายจิตหรือ? มือของฉันว่างเปล่า! ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับฉันว่า "มันจะช่วยอะไรเจ้าได้หรือ
Apartment (อพาร์ทเม้นท์) สองห้องนั้น บ้านของเจ้า คลินิก สิ่งซึ่งเจ้าคิดว่าเป็นเจ้าของและพึงพอใจมาก?
บางทีเจ้าจะนำอิฐสักก้อนมาที่นี่ได้กระมัง? มันจะมีประโยชน์อะไร การที่เจ้าบูชาร่างกายของเจ้า เงินทั้งหมด
ที่เจ้าใช้สำหรับมัน การลดน้ำหนักเพื่อให้รูปร่างเข้าที่? มันให้อะไรกับเจ้าบ้าง การควบคุมอาหารที่ทำให้
เจ้าต้องอดอาหารและอยากอาหาร ต้องทรมานร่างกายเพื่อร่างกายของเจ้า? เจ้าทำให้ร่างกายของเจ้าและ
ตัวเจ้าเป็นพระเจ้า? แล้วมันช่วยอะไรเจ้าได้ในเวลานี้ ที่นี่? เจ้าเป็นคนใจดี ถูกต้อง แต่เจ้าทำเพื่อให้พวกเขา
ขอบคุณเจ้า และสรรเสริญเจ้า แล้วพวกเขาจะพูดว่าเจ้าเป็นคนดี เจ้าเปลี่ยนใจคนทุกคนโดยใช้เงิน เพื่อที่
พวกเขาจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นการตอบแทนเจ้า บอกเราซิว่า เจ้าได้นำอะไรมาที่นี่บ้าง? เมื่อเราเห็นเจ้าล้ม
ละลายทางการเงิน นั่นไม่ใช่การลงโทษเจ้าอย่างที่เจ้าคิด แต่เป็นพระพร ใช่แล้ว การล้มละลายนั้นเป็นการ
ช่วยให้เจ้าแยกตัวออกมาจากพระเจ้าเงินตรานั้นได้ พระเจ้าที่เจ้ารับใช้! เป็นการทำให้เจ้ากลับมาหาเรา
แต่เจ้าปฏิเสธ เจ้าไม่ยอมลดตัวลงมาจากฐานะทางสังคมชั้นสูง เจ้าแช่งด่า ยอมตัวเป็นทาสของพระเจ้า
เงินตรา เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถได้รับสิ่งเหล่านั้นด้วยความสามารถของตัวเองโดยลำพัง อาศัยการศึกษา
ของเจ้า อาศัยพละกำลังของเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนที่ทำงานหนัก และเป็นนักต่อสู้.... แต่ไม่ใช่เลย จงดูสิว่า
มีคนที่เก่งกว่าเจ้ามากมายเพียงไร พวกเขามีการศึกษาสูงกว่า ดีกว่าเจ้า และทำงานมากกว่าเจ้า... และ
พวกเขาได้รับสิ่งที่ควรได้รับเท่านั้น แต่เจ้าซึ่งได้รับมากกว่า ดังนั้นเจ้าก็ถูกเรียกร้องให้รับผิดชอบมากกว่าด้วย
          ฉันมองเห็นในหนังสือแห่งชีวิตของฉัน ฉันเห็นเวลาที่ยังเป็นเด็กเล็กๆ และครอบครัวของฉันยังยากจน
แม่มักจะต้มถั่วบ่อยๆ และฉันก็ไม่ชอบเลย ฉันจึงประท้วงไม่ยอมกิน และพูดกับแม่ว่า  "ถั่วบ้าๆ อีกแล้วหรือ?
วันหนึ่งหนูจะร่ำรวย และจะไม่ยอมกินมันอีกเลย" ฉันมองเห็นว่า มีอยู่วันหนึ่งฉันโยนถั่วที่แม่ทำและนำมาให้
ฉันทิ้งไป โดยที่ท่านไม่ทราบ และเมื่อท่านนั่งที่โต๊ะเพื่อกินอาหาร ท่านเห็นจานของฉันว่างเปล่า... ท่านคิดว่า
ฉันกินหมดแล้วเพราะหิวมาก ท่านจึงไปตักถั่วมาให้ฉันอีก เป็นถั่วส่วนที่เป็นของท่านเอง แล้วท่านก็ไม่ได้กิน
อะไรเลย รู้ไหม พระเยซูเจ้าทรงแสดงภาพนี้ เพื่อบอกฉันว่า ในตอนที่ฉันเป็นเด็ก มีคนที่ใกล้ชิดฉันมากที่สุด
คนหนึ่งซึ่งบ่อยครั้งยอมทนหิวไม่ทานอะไรเลย นั่นคือ คุณแม่ของฉันเอง ท่านมีลูก 7 คน หลายครั้งท่านไม่ได้
ทานอะไรเลยเพื่อที่พวกเราจะได้กิน เพราะพวกเราจนมาก ในวันนั้นท่านยอมหิวเพื่อนำอาหารมาให้ฉันกิน
โดยที่ไม่รู้ว่าฉันโยนมันทิ้งในถังขยะ และบางครั้งมีบางคนมาเคาะประตูบ้านเพื่อขออาหาร และท่านก็ให้
อาหารที่ท่านกำลังทานแก่พวกเขา ท่านทนหิวแต่ก็ไม่แสดงออกให้รู้ ไม่มีสีหน้าที่เศร้าหมองเลย ตรงกันข้าม
ท่านกลับยิ้มจนไม่มีใครู้เรื่องนี้ ฉันเคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังแล้ว เกี่ยวกับ "เครื่องประดับของลูกสาว" ที่ฉันมีอยู่?
ฉันเรียกพ่อว่า "คนงานทุบหิน" (เฟร้ด ฟริ้นสโตน จากเรื่อง "มนุษย์ยุคหิน") และเรียกแม่ว่า ผู้หญิงยุคหิน
เพราะท่านมักสวมเสื้อผ้าโบราณๆ ใช้ของเก่าๆ ฉันเคยถึงกับพูดว่าท่านไม่ได้เป็นแม่ของฉันด้วย... คิดดูเถอะ...
          พวกคุณคงไม่รู้ถึง พระหรรษทานมากมาย และพระพรต่างๆ ที่มาสู่ฉันและโลกนี้ โดยอาศัยแม่ของฉัน
แม่ผู้ไปโบสถ์ทุกวัน และเบื้องหน้าพระแท่น ท่านถวายความทุกข์ของท่าน ความเจ็บปวดของท่านแด่พระเยซูเจ้า
ด้วยความไว้วางใจ ไว้วางใจในพระองค์
          พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "ไม่มีใครที่รักเจ้า และจะรักเจ้า มากเหมือนแม่ของเจ้า ไม่มี! ไม่มีใครจะรักเจ้า
ด้วยความอ่อนโยนเช่นเดียวกับเธอ" แล้วนั้นพระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นภาพงานเลี้ยงต่างๆ ที่ฉันมี อันเนื่องมา
จากความหิวโหยของคุณแม่ของฉัน (หลังจากที่ฐานะทางสังคมของฉันเปลี่ยนไป)... งานเลี้ยงหรูหราฟุ่มเฟือย
เหล่านั้น งานเลี้ยงบุฟเฟต์เหล่านั้น อาหารครึ่งหนึ่งในงานจะถูกทิ้งไปเมื่องานเลิก โดยไม่เสียดมเสียดายเลย
      พระเยซูเจ้าตรัสว่า "มองดูพี่น้องของเจ้าสิ พวกเขากำลังทนทุกข์จากความหิวโหย เป็นเราเองที่กำลังหิวโหย"
พระองค์ตรัสเสียงดังเหมือนตะโกน รู้ไหมว่าพระองค์ทรงทนทุกข์เพราะความหิวโหยมากสักเพียงไร เป็นความ
หิวโหยของบรรดาบุตรของพระองค์ ความเย่อหยิ่งของพวกเราทำให้เราขาดความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของเรา
เป็นสาเหตุทำให้พระองค์เศร้าพระทัยยิ่งนัก
          พระองค์ยังคงให้ฉันเห็นต่อไปว่า ในบ้านของฉันมีสิ่งของฟุ่มเฟือยราคาแพงมากเพียงไร ในเวลานั้นฉัน
มีสิ่งของราคาแพงในบ้าน มีเสื้อผ้าหรูที่มีราคาแพงมาก พระเยซูเจ้าตรัสว่า "เราเปล่าเปลือย แต่เจ้ากลับมีเสื้อ
ผ้าราคาแพงมากมายซึ่งเจ้าไม่เคยใช้เลย..." ฉันมองเห็นด้วยว่า เมื่อเราอยู่ในสังคมของชนชั้นสูง ถ้ามีเพื่อน
ผู้หญิงคนหนึ่งซื้อเสื้อมียี่ห้อ ฉันก็จะต้องมีที่ดีกว่า ถ้าใครซื้อรถหรู ฉันก็ต้องซื้อรถที่หรูกว่า... ฉันต้องการของ
ที่ดีกว่าคนอื่นเสมอ เพราะฉันเป็นคนขี้อิจฉา พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "เจ้าหยิ่งยโสเสมอ เจ้าเปรียบเทียบตัวเอง
กับคนอื่นที่ดีกว่าเจ้า คนที่ร่ำรวยกว่า และไม่เคยมองดูคนที่มีฐานะต่ำกว่าเจ้าเลย เวลาที่เจ้ายังยากจนอยู่ เจ้าเดิน
ในหนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเจ้าได้ให้สิ่งของแก่ผู้อื่นแม้เจ้าขัดสน" พระองค์ให้ฉันเห็นภาพ แม่ของฉัน
ในเวลานั้นที่ฉันเป็นเด็ก ท่านสามารถซื้อรองเท้าเทนนิสแบรนด์เนมให้ฉันได้ ทั้งๆ ที่เรายากจนมาก ฉันดีใจและ
มีความสุขมาก แต่ต่อมาฉันพบเด็กคนหนึ่งบนถนน เขาไม่มีรองเท้าใส่ ฉันรู้สึกสงสารเขามาก จึงถอดรองเท้าที่
ได้มามอบให้แก่เขา แล้ว กลับบ้านโดยไม่มีรองเท้า คุณแม่และคุณพ่อแทบจะฆ่าฉันทีเดียว เพราะท่านต้องเสีย
สละอดออมเงินเพื่อซื้อรองเท้า แต่การกระทำของฉันครั้งนี้ เป็นที่พอพระทัยของพระเยซูเจ้ามาก พระองค์ทอด
พระเนตรเห็นแม้ในขณะที่ฉันเดินเท้าเปล่าอยู่ อันเนื่องมาจากความดีความมีเมตตาและคำภาวนาของคุณแม่
ของฉัน พระองค์จึงทรงประทานพระหรรษทานมากมายให้แก่พวกเรา พระเยซูเจ้ายังคงแสดงให้ฉันเห็นต่อไป
ถ้าหากฉันไม่ปิดตนเองต่อพระหรรษทานและต่อพระจิตเจ้าแล้ว ฉันจะช่วยเหลือคนเป็นจำนวนมาก ด้วยความ
สามารถที่พระองค์ประทานให้แก่ฉัน พระองค์ทรงแสดงให้เห็นภาพมวลมนุษยชาติทั้งหมด การตอบสนองของเรา
ต่อพระคุณของพระองค์ ทำได้โดยการดำเนินชีวิตของเราอย่างถูกต้อง และให้หัวใจของเราอยู่ใกล้ชิดพระองค์
และพระจิตเจ้า และตอบสนองต่อการดลใจของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า "เราคงจะดลใจเจ้าให้สวดภาวนาเพื่อ
คนเหล่านี้แล้ว ถ้าหากเจ้าทำสิ่งนี้ ปีศาจจะไม่สามารถเข้าไปในจิตใจของพวกเขาและทำให้เกิดความเสียหาย
มากมาย" ดังตัวอย่างเช่น เด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งถูกล่อลวงโดยพ่อของเธอเอง ถ้าเพียงแต่ฉันไม่ปิดตนเองต่อ
พระจิตเจ้า ฉันจะได้รับการดลใจจากพระจิตเจ้า แล้วฉันจะสวดภาวนาให้แก่ผู้ที่เป็นบิดาและเด็กหญิงคนนั้น
เขาจะได้รับการปกป้องจากการสวดภาวนา ปีศาจจะไม่สามารถเข้าไปในจิตใจของผู้เป็นพ่อได้ และจะไม่เกิด
ความรุนแรง ไม่เกิดความทุกข์ขึ้นมากมาย หรือเด็กผู้ชายคนนั้นจะไม่คิดฆ่าตัวตาย พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่า
"ถ้าเพียงแต่เจ้าสวดภาวนา เด็กหญิงคนนั้นก็ไม่ต้องทำแท้ง และเธอก็จะไม่มีจิตใจที่ตายด้านและละทิ้งเราไป
และเมื่อเวลาที่เจ้าอยู่ที่เตียงนอนของโรงพยาบาล ถ้าเพียงแต่เจ้าสวดภาวนา เราจะให้คำแนะนำแก่เจ้า เพื่อ
ที่เจ้าจะได้ช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องของเจ้า เราจะแนะนำเจ้า เราจะนำเจ้าไปหาประชาชนเหล่านี้ มีความทุกข์
มากมายในโลก เจ้าจะได้ช่วยเหลือพวกเขา"

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 09, 2024 3:20 pm

👉 ตอน(28)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀

🌳ตอนที่ 10🌳

      พระองค์ให้ฉันเห็นคนจำนวนมากในโลกที่ทนทุกข์ และฉันสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไรบ้าง
แต่ฉันไม่เคยยอมให้พระจิตเจ้าสัมผัสใจฉันเลย ฉันไม่เคยรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นความทุกข์ของคนอื่น
พระเยซูเจ้าตรัสว่า "มองดูความทุกข์ของประชากรของเราสิ ดูสิว่าเราทำให้คนในครอบครัวของเจ้าเป็น
โรคมะเร็ง ก็เพื่อที่เจ้าจะได้รู้สึกสะเทือนใจในความทุกข์ของคนที่เป็นโรคแบบเดียวกันนี้บ้าง แต่เจ้า
สะเทือนใจก็เมื่อสามีของเจ้าถูกอายัดทรัพย์เท่านั้น" และพระองค์ทรงตรัสเสียงดังว่า "เจ้า... ผู้มีหัวใจ
เป็นหิน ไม่สามารถรู้สึกถึงความรัก"
          โดยสรุป ฉันต้องการอธิบายว่าเราจะได้เห็นตัวเราเองอย่างไรบ้างในหนังสือแห่งชีวิต...
          ฉันทำความผิด ด้วยการเป็นคนที่ไม่มีความจริงใจ ตีสองหน้า ต่อหน้าคนอื่นฉันพูดจายกย่อง
แต่ลับหลังฉันพูดถึงเขาในทางเสียหาย: ภายนอกคนเราพูดจาดี แต่คุณไม่รู้หรอกว่าภายในใจเขาคิด
อะไรบ้าง ยกตัวอย่าง ฉันพูดชมบางคนว่า "คุณสวยจัง แต่งตัวดี มันเข้ากับคุณเลย" แต่ภายในใจฉันคิดว่า
ดูทึนทึก น่าเกลียดจะตาย และเราก็เชื่อว่า เราเป็นเหมือนราชินี ในหนังสือแห่งชีวิต คุณจะได้เห็นสิ่งเหล่านี้
ทั้งหมด ทุกสิ่งที่เราเห็น และความคิดด้วยจะแตกต่างออกไป การพูดโกหกทุกอย่างของฉันจะถูกเปิดเผย
ในแสงสว่าง มันเป็น "สีแดงที่มีชีวิต" เพื่อเป็นหลักฐานที่ทุกคนจะได้เห็น จำนวนกี่ครั้งแล้วที่ฉันออกจากบ้าน
โดยไม่ให้แม่รู้ เพราะท่านไม่ยอมให้ฉันไปที่ไหนเลย กี่ครั้งที่ฉันหลอกแม่ว่า "คุณแม่ หนูต้องไปทำงานกลุ่มที่
ห้องสมุด" แล้วท่านก็เชื่อฉัน แต่ฉันไปดูภาพยนตร์ลามก หรือไปที่บาร์เพื่อดื่มเบียร์กับเพื่อนผู้หญิง และที่นั่น
คุณแม่ของฉัน... อยู่ที่นั่น... ในเวลานี้... กำลังมองดูทุกอย่างในหนังสือแห่งชีวิตของฉัน....เวลานี้ไม่มีอะไรที่
ถูกปิดบัง ฉันรู้สึกอับอายนี่กระไร น่าอายยิ่งนัก ตอนที่พ่อแม่ของฉันยากจน ฉันถูกส่งไปโรงเรียนโดยมีนมและ
กล้วยหอมเป็นอาหารกลางวัน ฉันกินกล้วยหอมและทิ้งเปลือกลงบนพื้น ฉันไม่เคยคิดถึงคนอื่นซึ่งอาจเดินมา
และลื่นล้มจนได้รับบาดเจ็บ พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นว่า มีใครบ้างที่ลื่นล้ม และมีใครบ้างที่ได้รับบาดเจ็บ
เพราะความสะเพร่าและการขาดความเมตตาของฉัน
          ฉันได้เห็นด้วยความอับอายและเจ็บปวดใจยิ่งนัก ฉันสารภาพบาปอย่างดีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตอนที่
ฉันโตแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งในห้างสรรพสินค้าในกรุงโบโกตาทอนเงินให้ฉันผิด เธอทอนเงินเกินไป 4,500 เปโซ
พ่อเคยสอนเราให้มีความซื่อสัตย์ อย่าได้โกงเงินใครแม้แต่สตางค์เดียว ฉันรู้เรื่องเมื่ออยู่ในรถยนต์ ตอนที่กำลัง
ขับไปคลินิกส่วนตัว ฉันพูดกับตัวเองว่า "ดูสิ คนโง่ ดันทอนเงินให้เกิน 4,500 เปโซ ฉันต้องกลับไป... แต่ดูกระจก
หลังสิ รถกำลังติด ไม่เอาละ ฉันจะไม่กลับไป ฉันไม่ต้องการไปสายและเสียเวลา เป็นความผิดของเธอที่ทำเรื่อง
โง่ๆ นี้" แต่ฉันรู้สึกผิดและเสียใจมากในเงินนี้ เพราะพ่อสั่งสอนพวกเราไว้ ในวันอาทิตย์ฉันจึงไปสารภาพบาป
ฉันพูดว่า "ลูกขอสารภาพว่าได้ขโมยเงิน 4,500 เปโซ และไม่นำไปคืน ลูกเก็บเงินนั้นไว้" และฉันไม่ได้สนใจว่า
พระสงฆ์พูดอะไรกับฉันบ้าง เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ไม่มีใครกล่าวหาว่าฉันเป็นขโมย
          ...แต่พระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "เป็นการขาดความมตตาเมื่อไม่นำเงินไปคืน สำหรับเจ้า เงิน 4,500 เปโซ
เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผู้หญิงคนนั้นเป็นอาหารสำหรับสามวัน" เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุด ที่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้น
และลูกน้อยที่น่าสงสารสองคนของเธอต้องทนหิวโหยถึงสองวัน เพราะความผิดของฉัน เช่นนี้เองที่พระเยซูเจ้า
ทรงแสดงแก่ฉันให้รู้ว่า การกระทำของฉันส่งผลต่อเนื่องเสมอ และมีผู้ที่ต้องได้รับความทุกข์เพราะเหตุนั้น เพราะ
การกระทำทุกการกระทำย่อมมีผลสืบเนื่องของมัน ทั้งสิ่งที่เรากระทำและสิ่งที่เราไม่ได้กระทำด้วย ย่อมส่งผลต่อ
เราเองและผู้อื่น ทุกคนจะได้เห็นผลต่อเนื่องเช่นนี้ในหนังสือแห่งชีวิต เมื่อเวลามาถึง เราจะปรากฏเบื้องเฉพาะ
พระพักตร์พระเป็นเจ้าและถูกพิพากษา คุณจะได้เห็นเหมือนที่ฉันได้เห็น เมื่อหนังสือแห่งชีวิตของฉันถูกปิดลง
นึกดูสิว่า ฉันเศร้าเสียใจ อับอายขายหน้ามากมายสักเพียงไร...
          หนังสือแห่งชีวิตของฉันถูกปิดลงอย่างสวยงาม ความประพฤติทั้งหลายทั้งปวงของฉัน ประกอบด้วยบาป
ของฉัน ความสกปรกของฉัน อารมณ์ความรู้สึกขนพองสยองเกล้าของฉัน พระเยซูเจ้ายังคงตรวจสอบฉันแม้แต่
ในวินาทีสุดท้าย พระองค์ทรงส่งอุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคคลต่างๆ มาให้ฉัน พระองค์ตรัสกับฉัน ตะโกนบอกฉัน
นำบางสิ่งไปจากฉัน ทำให้ฉันหกล้มในความทุกข์เพื่อที่จะพบฉัน และฉันอาจจะพบพระองค์ พระองค์ตามหาฉัน
ตลอดเวลา แม้แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต รู้ไหมว่าพระเป็นเจ้าและพระบิดาของพวกเราเป็นใคร? พระองค์
เป็นพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพในความรัก ผู้ทรงขอร้องเราแต่ละคนให้กลับใจ แต่เรากลับตอบแทนพระองค์
อย่างไม่ไยดี ฉันอยากจะพูดว่า "พระเป็นเจ้าทรงลงโทษฉัน พระองค์ทรงสาปแช่งฉัน" แต่แท้จริงแล้ว หาเป็น
เช่นนั้นไม่ พระองค์ไม่เคยสาปแช่งเราเลย ความจริงแล้ว ด้วยจิตใจอิสระของฉัน ฉันได้เลือกด้วยจิตใจอิสระว่า
ใครจะเป็นบิดาของฉัน และไม่ใช่พระเป็นเจ้า ฉันได้เลือกซาตานให้เป็นบิดาของฉัน

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 09, 2024 3:28 pm

👉 ตอน(29)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀
🌳ตอนที่ 11[A]🌳

วันศุกร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2557

          เมื่อเราทั้งสองถูกฟ้าผ่า ก่อนที่พวกเขาจะนำเราไปยังห้องผ่าตัด "Social Seguro" พวกเขานำฉัน
ไปยังโรงพยาบาลสาธารณะก่อน ที่ซึ่งมีผู้ป่วยมากมาย หลายคนได้รับบาดเจ็บ หลายคนเป็นทุกข์ และ
ไม่มีที่สำหรับวางแคร่ที่ฉันนอนอยู่เลย คนที่นำฉันไปถามหมอว่าจะวางฉันไว้ที่ไหนได้บ้าง หมอได้แต่พูดว่า
"วางลงที่นั่น วางลงที่นั่น" ผู้ช่วยเหลือถามว่า "แล้ววางที่ไหนล่ะ?" หมอตอบว่า "วางที่นั่น ที่พื้น" แต่พวกเขา
ไม่ต้องการวางฉันที่พื้น เพราะฉันถูกเผาไหม้อย่างหนัก และถ้ามีอาการแทรกซ้อน ฉันอาจตายได้... ในเวลา
ความเป็นความตายนั้น หมอเพียงแต่มองดูใบหน้าของฉัน... คนที่ช่วยฉันคิดว่าไม่อาจละทิ้งคนที่อยู่
ในสถานะร้ายแรงแต่ยังมีโอกาสรอดชีวิตได้ ฉันถูกเผาไหม้เหมือน "ถูกย่าง" และอาจตายได้
          แต่ฉันยังพอมีสติอยู่ และพึมพำด้วยความเจ็บปวด หมอไม่มาดูฉันเลย มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ฉันอยู่ใน
ความสงบ ไม่ร้อง เพราะฉันได้เห็นพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงก้มลงมาใกล้ชิดฉันมาก พระองค์สัมผัสศีรษะ
ของฉันและปลอบประโลมใจฉัน คุณพอจะจินตนาการได้ไหม ถึงความอ่อนโยนของพระองค์? ฉันคิดว่า
นี่เป็นเพียง ภาพมายา จะเห็นพระเยซูเจ้าที่นี่ได้อย่างไร? ฉันปิดตาลงแล้วเปิดใหม่ และฉันก็ยังเห็นพระองค์
อยู่ที่นั่น พระองค์ตรัสด้วยความอ่อนโยนกับฉันว่า "ลูกมองเห็นเรา เด็กน้อย ลูกกำลังจะตาย จงรู้สึกถึงความ
ต้องการพระเมตตาของเราเถิด" ลองนึกดู... และพระองค์ตรัสอีกว่า "พระเมตตา, พระเมตตา" แต่ในเวลานั้น
ฉันคิดว่า "ต้องการพระเมตตาทำไม? ฉันเคยทำสิ่งเลวร้ายอะไรหรือ?"
          ฉันไม่รู้สึกถึงความผิดพลาดของฉัน แต่ฉันรู้แน่ว่าฉันกำลังจะตาย ฉันรู้สึกเศร้าใจ..." อนิจจา ฉันกำลัง
จะตาย!!!... อนิจจา แหวนทองของฉัน!!!" ฉันนึกถึงแหวนทองของฉันขึ้นมาทันที ฉันมองดูที่นิ้ว มันถูกเผาไหม้
ทั้งหมด ราวกับว่ามันถูกระเบิดจนเละ แต่ฉันยังพูดกับตัวเอง "ฉันต้องถอดแหวนออก มันมีราคาแพงมาก
ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจทำมันแตก และมันจะไม่มีค่า" ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย คุณไม่รู้หรอกว่า กลิ่นของเนื้อ
ที่ถูกเผานั้นไม่น่าพอใจเลย และยิ่งฉันถอดแหวน มันยิ่งทำให้เนื้อเน่าเหม็น แต่ฉันยังยืนกราน ต้องทำให้สำเร็จ
ในที่สุดฉันก็ถอดแหวนออกได้สำเร็จ แต่ทันใดฉันก็คิดขึ้นมาว่า "ไม่นะ ฉันกำลังจะตาย และพยาบาลจะขโมย
แหวนไป" เวลานั้นน้องเขยของฉันก็มาถึง ฉันดีใจมาก ฉันบอกเขาว่า "รักษาแหวนของฉันด้วย" และเอาแหวน
ยัดใส่มือของเขา เพราะเขาเป็นหมอ และเขาอาจไม่เก็บแหวนเอาไว้ เขาอาจโยนมันทิ้ง เพราะแหวนมีเศษเนื้อ
ของฉันติดอยู่ด้วย เขาบอกฉันว่าเขาจะนำไปให้เฟอร์นันโด สามีของฉัน ฉันพูดกับเขาว่า "บอกน้องสาวของฉัน
ให้ดูแลลูกๆ ของฉันด้วย ช่างน่าสงสาร พวกเขาจะไม่มีแม่แล้ว อันที่จริง ฉันก็ไม่ได้ทำหน้าที่แม่เลย" ในเวลา
ใกล้ตายนี้ สิ่งที่แย่สำหรับฉันก็คือ ฉันไม่ได้ใช้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์จากสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้
แก่ฉัน ในการวิงวอนขอพระเมตตาและอภัยโทษจากพระองค์ แต่ฉันจะขออภัยโทษได้อย่างไร
ในเมื่อฉันคิดว่าฉันไม่มีบาป? ฉันคิดว่าตัวเองเป็นนักบุญ เมื่อไรก็ตามที่เราคิดว่าเราเป็น "นักบุญ" เมื่อนั้นก็
เท่ากับเราสาปแช่งตัวเอง
          เมื่อฉันถอดแหวนออกและมอบให้กับน้องเขย เพื่อที่เขาจะได้นำไปให้สามีของฉัน ฉันก็พูดปลอบใจ
ตัวเองว่า "ในที่สุด ฉันก็ตายได้แล้ว" และความคิดสุดท้ายก็คือ "อนิจจา พวกเขาจะทำศพของฉันด้วยเงิน
จากที่ไหน ในเมื่อตัวเลขในบัญชีธนาคารยังเป็นตัวแดงอยู่เลย?..."
          พระเป็นเจ้า พระบิดา ทรงรักพวกเราทุกคน และเราแต่ละคน ไม่ว่าเราจะเป็นคนดีหรือคนเลว และถึงแม้
เราจะอยู่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต พระองค์เสด็จมาหาเราด้วยพระทัยอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ทรงสวมกอด
เราด้วยความรักทั้งหมดของพระองค์... ทรงประสงค์จะช่วยเราให้รอด แต่ถ้าหากเราไม่ต้อนรับพระองค์ ถ้าเรา
ไม่วอนขออภัยโทษและพระเมตตาของพระองค์ และสำนึกในความผิดของเรา พระองค์ต้องทรงยอมให้อิสระ
แก่เราที่จะเลือกว่าจะติดตามสิ่งใด ถ้าหากเรามีชีวิตที่ปราศจากพระเป็นเจ้า ในเวลานั้นเราจะปฏิเสธพระองค์
และพระองค์ทรงเคารพอิสรภาพของเรา พระองค์ไม่บังคับเราให้ยอมรับพระองค์
          แล้วหนังสือแห่งชีวิตของฉันก็ถูกปิดลง

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 09, 2024 3:38 pm

👉 ตอน(30)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀

🌳ตอนที่ 11🌳

♦️การกลับมา

          เมื่อหนังสือแห่งชีวิตของฉันถูกปิดลง รู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง
ฉันเห็นตัวเองหัวกลับลงและรู้สึกว่ากำลังตกลงไปสู่ขุมไฟ แล้วขุมไฟนั้นก็เปิดออกดูคล้ายกับรูขนาดใหญ่
ฉันตกลงไปข้างในนั้น ฉันเริ่มร้องด้วยความกลัวเรียกชื่อนักบุญทุกองค์ให้มาช่วยฉัน รู้ไหมว่าฉันเรียกชื่อ
นักบุญมากมายแค่ไหน  นักบุญอัมโบรส ,  นักบุญอิสิดอร์ ,  นักบุญออกุสติน  ฯลฯ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจำ
ชื่อ นักบุญมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคริสตชนที่ไม่ดี แต่เมื่อฉันเรียกชื่อนักบุญทุกองค์เท่า
ที่จำได้เสร็จแล้ว ฉันก็เงียบ... รู้สึกเหมือนตัวเองว่างเปล่า ความเจ็บปวด ความอับอายมากมายเหลือคณา
ฉันตระหนักว่าไม่มีใครสามารถช่วยฉันได้ ฉันจึงพูดกับตัวเองว่า "...คนทั่วไป... บนโลก... ที่คิดว่าฉันเป็น
นักบุญ... ที่หวังว่า เมื่อฉันตาย จะได้วอนขอพระหรรษทานผ่านทางฉัน 'ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?' "ฉันเงยหน้าขึ้น
มองและได้เห็นคุณแม่ของฉัน ฉันรู้สึกเศร้าใจมาก ปวดร้าวใจยิ่งนัก เพราะคุณแม่ต้องการนำฉันไปสู่อ้อม
พระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า ฉันร้องด้วยความสับสนและเป็นทุกข์ทรมานใจว่า "แม่จ๋า ช่างน่าอายเหลือเกิน
ลูกได้สาปแช่งตัวเอง ลูกกำลังจะไปที่ไหน ลูกจะไม่ได้เห็นหน้าแม่อีกแล้ว"
          แต่ในขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงประทานพระหรษทานที่สวยงามมาก คุณแม่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ และ
พระเป็นเจ้าทรงอนุญาตให้ท่านชี้นิ้วขึ้นเบื้องบน เชื้อเชิญให้ฉันมองไปที่นั่น ฉันมองเห็นตัวเองจากสายตาอีก
คู่หนึ่งที่กำลังเจ็บปวด มันเป็นความตาบอดฝ่ายจิตที่หลุดพ้น และในชั่วขณะนั้นฉันได้เห็นที่นั่น ในช่วงเวลา
ที่น่ามหัศจรรย์
          วันหนึ่ง คนไข้ของฉันคนหนึ่งพูดกับฉันว่า "คุณหมอ ฉันรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดแทนคุณหมอเป็นอย่างยิ่ง
เพราะคุณหมอยึดติดกับวัตถุนิยมมากเกินไป แต่วันหนึ่งหากคุณหมอพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
ร้ายแรง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ขอให้คุณหมอวิงวอนต่อพระเยซูคริสตเจ้าให้ทรงรักษาคุณหมอด้วยพระ
โลหิตของพระองค์ และคุณหมอจะได้ขออภัยต่อพระองค์ เพราะพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งคุณหมอเลย พระองค์
ทรงใช้พระโลหิตของพระองค์เป็นค่าไถ่คุณหมอแล้ว"
          ดังนั้นด้วยความอับอายและเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ฉันเริ่มต้นร้องออกมาว่า "พระเยซูเจ้าข้า โปรด
ทรงเมตตาต่อลูกด้วยเถิด โปรดอภัยแก่ลูกด้วย พระเยซูเจ้าข้า โปรดอภัยลูกด้วย โปรดให้โอกาส
ครั้งที่สองแก่ลูกด้วยเถิด"

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 11, 2024 3:34 pm

👉 ตอน( 31)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀

🌳ตอนที่ 12[A] 🌳

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

       มันเป็นช่วงเวลาที่น่ามหัศจรรย์ น่ามหัศจรรย์ที่สุด ฉันไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้ เพราะพระเยซูเจ้า
ทรงโน้มพระกายลงมาดึงตัวฉันออกจากขุมไฟนั้น พระองค์ทรงยกฉันขึ้นมาไว้บนพื้น และตรัสกับฉัน...
ด้วยความรัก... ว่า "ใช่แล้ว ลูกจะได้กลับไป และลูกจะมีโอกาสครั้งที่สอง... ไม่ใช่เพราะการสวดภาวนา
ของครอบครัวของลูกหรอกนะ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะต้องวิงวอนขอเพื่อลูกอยู่แล้ว แต่เป็น
เพราะการวอนขอของประชาชนทุกคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกเลย พวกเขาได้ร้องขอเพื่อลูก สวด
ภาวนาและยกจิตใจของพวกเขาด้วยความรักเพื่อลูก" รู้ไหมว่าฉันได้เห็นอะไรบ้าง? ฉันได้เห็นพลังอำนาจ
ที่ยิ่งใหญ่ของการสวดภาวนาวอนขอ รู้ไหมว่าเราจะสามารถจะอยู่เบื้องเฉพาะพระพักตร์พระเยซูเจ้าเสมอ
ได้อย่างไร? โดยการสวดภาวนาทุกวันเพื่อลูกๆ ของคุณ แต่จงสวดภาวนาเพื่อเด็กๆ ทั้งหลายในโลกนี้ด้วย
จงสวดภาวนาเพื่อผู้อื่น ด้วยวิธีนี้คุณจะอยู่เบื้องเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้าทุกวัน
       ฉันได้เห็นลูกไฟลูกเล็กๆ เป็นพันๆ ลูกลอยขึ้นมา... ช่างสวยงามเหลือเกิน... ลอยขึ้นสู่เฉพาะพระพักตร์
พระเยซูเจ้า พวกมันเป็นลูกไฟเล็กๆ สีขาวที่เจิดจรัสอบอุ่นด้วยความรัก พวกมันคือคำภาวนาของคนจำนวน
มาก พวกเขาสวดภาวนาเพื่อฉัน เพราะรู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้ดูทีวี และอ่านช่าวในหนังสือพิมพ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
กับฉัน พวกเขาร้องไห้และขอมิสซาอุทิศให้ฉัน พระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถให้แก่คนอื่นได้ก็คือมิสซา
อันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีสิ่งใดที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งสามารถช่วยเหลือคนเราได้มากเท่ากับมิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ เป็น
สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยมากที่สุด ที่เห็นลูกๆ ของพระองค์วอนขอเพื่อเพื่อนมนุษย์ของตนและช่วยเหลือ
พี่น้องของตนเอง พิธีมิสซาไม่ใช่ผลงานของมนุษย์ แต่เป็นผลงานของพระเป็นเจ้า
          ในท่ามกลางลูกไฟเล็กๆ เหล่านี้ มีลูกไฟลูกหนึ่งที่ใหญ่และเจิดจรัสยิ่งกว่าลูกอื่น สวยงามยิ่งนัก มันยิ่ง
ใหญ่กว่าลูกไฟทุกดวง รู้ไหมว่าทำไมฉันจึงมาอยู่ที่นี่ได้? ทำไมฉันจึงกลับฟื้นคืนชีวิต? เป็นเพราะในดินแดน
ของฉันมีนักบุญอยู่องค์หนึ่ง ฉันเพ่งดูด้วยความอยากรู้ เพื่อจะรู้ว่าใครคือผู้นั้นที่รักฉันมากและสวดภาวนา
ให้ฉัน และพระเยซูเจ้าตรัสกับฉันว่า "ชายผู้นั้นที่ลูกเห็น คือผู้ที่รักลูกมากๆ และเขาไม่รู้จักลูกด้วยซ้ำไป"
พระองค์ทรงให้ฉันเห็นชายชาวนาผู้ยากจนคนหนึ่ง เขาอาศัยอยู่เชิงเขาใน เซียรา เนวาดา แห่งเซนต์มาร์ทา
ชายผู้นี้ยากจนมาก เขาไม่มีอะไรจะกิน เพราะพืชที่เขาเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวถูกไฟเผาไหม้หมด แม้แต่ไก่
ที่เลี้ยงไว้ ก็ถูกขโมยไปโดยพวก "ผู้ก่อการร้าย" พวกนี้ยังพยายามจะเอาตัวลูกชายคนโตของเขาไปด้วย
ชายชาวนาผู้นี้ได้เดินลงจากเขาเพื่อไปร่วมพิธีมิสซา พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันได้ยินคำสวดภาวนาของเขา
"พระเยซูเจ้าข้า ลูกรักพระองค์ ขอขอบพระคุณที่ทรงประทานสุขภาพที่ดี ขอบพระคุณสำหรับลูกๆ
ของข้าพระองค์ ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทรงประทานแก่ลูก ลูกขอสรรเสริญพระองค์"
          คำภาวนาของเขามีแต่การสรรเสริญ ขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเท่านั้น พระเยซูเจ้าทรงให้ฉันเห็นงิน
ในกระเป๋าของเขาซึ่งมีธนบัตร 5,000 เปโซ หนึ่งใบ และ 10,000 เปโซ อีกหนึ่งใบ และนี่เป็นทั้งหมดที่เขามี
และเขาทำอย่างไรรู้ไหม? เขาให้เงิน 10,000 เปโซแก่โบสถ์ และเก็บเงิน 5,000 เปโซเอาไว้
          เขาให้เงินจำนวนมากที่มี แต่เก็บเงินจำนวนน้อยไว้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเงินทั้งหมดของเขา แต่เขาก็
ไม่ได้เสียดาย หรือบ่นว่าในความยากจนของตน แต่เขาขอบพระคุณและสรรเสริญพระเป็นเจ้า หลังจากนั้น...
เขาออกจากโบสถ์และไปซื้อสบู่ก้อนหนึ่ง สบู่ถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ "O Espectador" ฉบับเมื่อวาน
ในหนังสือพิมพ์มีเหตุการณ์ของฉัน และรูปภาพของฉันซึ่งร่างกายทั้งหมดถูกเผาไหม้
          เมื่อเขาเห็นรูปภาพและอ่านข่าวอย่างช้าๆ เขารู้สึกสะเทือนใจมากและร้องไห้เสียใจราวกับว่า สำหรับ
เขาแล้ว... ฉันเป็นคนที่เขารักมากที่สุด เขาก้มหน้าลงกับพื้นดิน วิงวอนต่อพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจของเขา...
กล่าวว่า "พระบิดา พระเจ้าของลูก โปรดเมตตาน้องสาวคนเล็กผู้นี้ของลูกด้วยเถิด โปรดช่วยเธอด้วย พระเจ้าข้า
โปรดช่วยเธอด้วยเถิด ถ้าพระองค์ช่วยน้องสาวผู้นี้ของลูก ลูกสัญญาว่าจะไปแสวงบุญที่ 'Sanctuary of Buga'
เป็นการทดแทน แต่ขอพระองค์ช่วยเธอด้วยเถิด" คิดดูเถิด ชายผู้ยากจน ผู้ไม่เคยกล่าวคำสบถ หรือบ่นว่า
ความทุกข์ ความอดอยากของครอบครัว แต่ตรงกันข้าม เขาสรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้า... และมี
ความรักต่อเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีอะไรจะกิน แต่เขาก็ยังข้ามภูเขาของเมืองเพื่อทำตาม
คำสัญญาที่ให้ไว้เพื่อคนที่เขาก็ไม่รู้จัก
          พระเยซูเจ้าตรัสว่า "นี่คือความรักที่แท้จริงต่อเพื่อนมนุษย์ เช่นนี้แหละที่ลูกต้องทำในการรักเพื่อนมนุษย์..."
และด้วยเหตุการณ์นี้... พระองค์ทรงมอบภารกิจให้แก่ฉัน "ลูกจะกลับไป เพื่อเป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้ และ
ลูกต้องเป็นพยานไม่เพียง 1,000 ครั้งเท่านั้น แต่ 1,000 X 1,000 ครั้ง วิบัติแก่ผู้ที่ได้ฟังเรื่องของลูก แต่ไม่ยอม
ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเขาจะถูกพิพากษาอย่างรุนแรงยิ่งนัก และเป็นเช่นเดียวกันสำหรับลูกด้วยในการ
กลับสู่ชีวิตครั้งที่สอง สำหรับนักบวชคือพระสงฆ์ของเรา และแม้แต่คนที่ไม่ได้ฟังเรื่องของลูก เพราะไม่มี
คนหูหนวกคนใดที่ไม่ต้องการได้ยิน และไม่มีคนตาบอดคนใดที่ไม่ต้องการเห็น"
          นี่แหละ พี่น้องที่รัก นี่ไม่ใช่การบังคับ ตรงกันข้าม พระเยซูเจ้าไม่ทรงต้องการบังคับใคร นี่เป็นโอกาส
ครั้งที่สองของฉัน และมันเป็นโอกาสของพวกคุณด้วย นี่เป็นเครื่องหมายแสดงว่าพระเป็นเจ้าทรงรักพวกเรา
และทรงนำกระจกนี้วางไว้ต่อหน้าสายตาของพวกคุณ ซึ่งก็คือตัวฉันเอง กลอเรีย โปโล เพราะพระเป็นเจ้า
ไม่ทรงต้องการให้เราสาปแช่งตัวเราเอง แต่ปรารถนาให้เราได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์ แต่เพื่อสิ่งนี้เราต้อง
ยอมให้พระองค์ปรับเปลี่ยนตัวของเรา เมื่อเวลาของเรามาถึงที่จะต้องจากโลกนี้ไป พวกเราแต่ละคนจะเปิด
"หนังสือแห่งชีวิต" ของตนเองเมื่อตายไป พวกเราทุกคนต้องผ่านช่วงเวลานี้ เหมือนเช่นที่ฉันได้ผ่านมาแล้ว
ที่นั่น... เราจะได้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนเวลานี้ แต่แตกต่างออกไป เราจะได้เห็นทั้งความคิดและอารมณ์
ความรู้สึกของเรา การกระทำต่างๆ และผลต่อเนื่อง การละเว้นไม่กระทำและผลต่อเนื่องของมัน.... ทั้งหมด
จะอยู่เบื้องเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า แต่สิ่งที่สวยงามมากที่สุดก็คือเราแต่ละคนจะได้เห็นพระเป็นเจ้า...
หน้าต่อหน้า และสิ่งที่พระองค์ทรงขอจากเราคือขอให้เรากลับใจ แม้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต พระองค์
ก็จะยังทรงขอสิ่งนี้จากเรา เพื่อที่เราจะเริ่มต้นเป็นสิ่งสร้างใหม่ของพระองค์ในพระสัจจธรรม
เพราะถ้าปราศจากพระองค์ เราจะทำะไรไม่ได้เลย

🎊🌸โปรดติดตามตอนต่อไป🌸🎊
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ค. 11, 2024 3:38 pm

👉 ตอน(32)👈
🎀 ~ ประสบการณ์ตายแล้วฟื้นของ ดร. กลอเรีย โปโล ~🎀

🌳ตอนที่ 13 [ตอนจบ]🌳

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

♦️ร่างกายฟื้นคืนสภาพ

          เมื่อพระเยซูเจ้าทรงให้ฉันกลับมา ไตของฉันยังไม่ทำงาน และพวกเขาก็ยังไม่ได้ตรวจสอบการทำ
งานของอวัยวะ เพราะยังไม่มีความจำเป็น ในเวลานั้นฉันกำลังจะตาย แต่ในทันทีทันใด อวัยวะเหล่านั้น
ก็เริ่มทำงาน ปอดเริ่มขยับ หัวใจเริ่มเต้นอย่างแรง ลองคิดดูว่าบรรดาหมอจะประหลาดใจมากสักเพียงไร?
แล้วฉันก็ไม่ต้องการอุปกรณ์ช่วยเหลือใดๆ อีกต่อไป
          ร่างกายของฉันเริ่มฟื้นตัว แต่อวัยวะทางด้านล่างของฉันยังไม่มีความรู้สึก หลังจากนั้นหนึ่งเดือน
หมอพูดกับฉันว่า "กลอเรีย พระเป็นเจ้าทรงทำอัศจรรย์กับคุณ เพราะผิวหนังของคุณที่เคยเป็นแผลได้
กลับฟื้นคืนมาทั้งหมด... แต่สำหรับขาของคุณ เราไม่สามารถช่วยอะไรได้ เราต้องตัดมันทิ้ง" เมื่อพวกเขา
พูดเช่นนี้ ฉันซึ่งเป็นนักกีฬา ฉันเต้นแอโรบิกวันละ 4 ชั่วโมง เพื่ออะไรกัน?... ฉันคิดที่จะลุกขึ้นและเดิน
ออกไป จากที่นั่น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะขาของฉันไม่สามารถใช้งานได้ ฉันล้มลง ฉันถูกรักษาตัวในชั้นที่ 5
ของโรงพยาบาล พวกเขานำฉันไปยังชั้นที่ 7 จนถึงเวลาผ่าตัด ที่นั่นฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถูกผ่าตัดขา
เรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องถูกผ่าซ้ำอีกครั้งให้สูงขึ้นไปอีก เมื่อเห็นเธอฉันคิดในใจว่า เงินทั้งโลกก็ไม่เพียงพอ
ที่จะซื้อขาอันน่ามหัศจรรย์ของเราได้ เมื่อพวกเขาบอกฉันว่าต้องตัดขาของฉันทิ้ง ฉันเสียใจมาก ฉันไม่เคย
ขอบคุณพระเป็นเจ้าเลยสำหรับขาที่พระองค์ประทานให้ ตรงกันข้าม เมื่อมีแนวโน้มว่าจะอ้วน ฉันก็ยอม
ทนหิวเหมือนคนโง่ และใช้ทรัพย์สมบัติเพื่อความงาม... และเวลานี้ ฉันมีขาที่ดำเพราะถูกเผา ไม่มีเนื้อ
แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันขอบพระคุณพระเป็นเจ้าที่ทรงประทานขาให้ฉัน "พระเยซูเจ้าข้า ลูกขอบพระคุณ
พระองค์สำหรับขาของลูก และขอพระองค์โปรดให้มันอยู่กับลูก เพื่อที่ลูกจะสามารถเดินได้ ลูกวอนขอพระองค์
โปรดให้ขาอยู่กับลูกด้วยเถิด" และทันใดนั้น ขาของฉันก็เริ่มมีความรู้สึก มันดำมาก โลหิตไม่ไหลเวียน และ
ตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันจันทร์ เมื่อบรรดาหมอกลับมา พวกเขาต้องประหลาดใจ เพราะขาเริ่มมีสีแดงและมีการ
ไหลเวียนของเลือดบริเวณขาแล้ว... ด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาสัมผัสขาของฉันอย่าง
ไม่ค่อยเชื่อ ฉันพูดกับหมอว่า "คุณหมอ ขาของฉันบาดเจ็บร้ายแรงมาก แต่ฉันเชื่อว่า ไม่มีใครในโลกที่จะ
มีความสุขเมื่อรู้สึกเจ็บปวดที่ขาเท่ากับฉันในตอนนี้" หมอซึ่งเป็นผู้อำนวยการบนชั้นที่ 7 พูดกับฉันว่า
ในรอบ 38 ปีที่พวกเขาทำงาน พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้เลย
          อัศจรรย์อีกสองประการที่พระเยซูเจ้าทรงประทานแก่ฉัน คือ ที่ทรวงอกและรังไข่ หมอบอกฉันว่า
ฉันจะมีลูกไม่ได้แล้ว ฉันรู้สึกเป็นสุข เพราะฉันคิดว่าพระเป็นเจ้าทรงประทานวิธีธรรมชาติในการไม่ต้อง
ตั้งครรภ์ แต่อีกประมาณหนึ่งปีครึ่งต่อมา ฉันก็เห็นทรวงอกของฉันเริ่มโตขึ้นและขยายตัวเต็มรูป
ฉันประหลาดใจมาก เมื่อไปพบแพทย์ เขาบอกฉันว่า ฉันกำลังจะมีลูก และด้วยทรวงอกนี้ฉันจะสามารถ
ให้นมลูกได้
          ไม่มีสิ่งใดที่พระเป็นเจ้าทรงกระทำไม่ได้

♦️สรุป
          ขอพระเยซูเจ้าทรงอำนวยพระพรอย่างบริบูรณ์แก่พวกท่านทุกคน ขอถวายเกียรติแด่พระเป็นเจ้า
และแด่พระเยซูคริสตเจ้า ขอพระอวยพรพวกคุณทุกคน
          ดิฉันขอแนะนำลูกสาวของดิฉันแก่พวกท่าน ลูกสาวคนนี้เป็นอัศจรรย์ เธอเป็นลูกสาวที่พระเป็นเจ้า
ทรงประทานให้กับดิฉัน โดยมีรังไข่ที่ถูกเผาไหม้ไปแล้ว ในฐานะแพทย์มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่สำหรับพระเป็นเจ้า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ เธออยู่ที่นี่แล้ว เธอชื่อว่า มาเรีย โจเซ่...

-------------[จบบริบูรณ์]-------------
ตอบกลับโพส