เนื้อหาทั้งหมด 56 ตอน
ชายสามคนคุยกันอย่างสนุกสนานที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่ง เพื่อรอรถเที่ยวลงไปกรุงเทพฯ
ประมาณ 15 นาที เจ้าหน้าที่จึงประกาศเสียงตามสายว่า "เที่ยวลงไปกรุงเทพฯ จะออกแล้ว ขอเชิญ
ผู้โดยสารขึ้นรถได้" ทั้งสามคนได้ยิน แต่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ จนเลยเวลา
รถไฟออก ทั้งสามคนจึงพลาดรถไฟและคุยกันบอกว่า "ไม่เป็นไร รอเที่ยวใหม่ได้" หลังจากนั้นประมาณ
ครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ประกาศอีกครั้งว่า "ขอให้ผู้โดยสารที่ประสงค์ไปกรุงเทพฯ ขึ้นรถได้" ทั้งสามคน
ได้แต่ค่อย ๆ เดินจนรถไฟเคลื่อนออก ทั้งสามคนเริ่มวิ่งตาม แต่ขึ้นได้ทันแค่สองคน หนึ่งคนวิ่งไม่ทัน
ยืนอยู่กับที่สักครู่และเริ่มหัวเราะคนเดียว นายท่าสถานีเดินมาหาถามว่า "เป็นอะไรขึ้นรถไม่ทันหรือ"
เขาตอบว่า "เปล่า"
นายท่าถาม "แล้วคุณหัวเราะทำไม"
เขาตอบว่า "หัวเราะก็เพราะว่าเพื่อนสองคนที่ขึ้นรถไฟไป เขามาส่งผม ผมคนเดียวที่ต้องไป และเขายัง
เอากระเป๋าของผมไปด้วย"
ชายคนหนึ่งยากจนไม่มีอาหารกิน เขาหยิบปืนหนึ่งกระบอก (ไรเฟิล) พร้อมลูกกระสุน 4 นัด เดินทาง
เข้าป่าเห็นกระรอก 1 ตัว เขาเล็งเป้าทันที ก่อนจะลั่นไกลมีเสียงบอกว่า "สวดก่อนดีมั้ย" แต่เขาไม่สนใจฟัง
เขาลั่นไกทันทีและเขายิงไม่ถูก (กระสุนเหลือ 3 นัด) เขามองหาสัตว์ตัวต่อไป คราวนี้เขาเห็นกระต่ายหนึ่งตัว
เขาเล็งเป้าพร้อมยิงทันที เขาได้ยินเสียงจากใจบอกว่า "สวดก่อนดีไหม" เขาไม่สนใจฟังลั่นไกทันที เขายิง
พลาด (เหลือ 2 นัด) เขาหาเป้าใหม่ทันที เขาโชคดีเห็นนกยูง เขาเริ่มเล็งเป้าทันที มีเสียงจากใจบอกว่า
"สวดก่อนดีมั้ย" เขาไม่ฟังเขาลั่นไกทันทีและพลาดเป้าอีกเหมือนเดิม (เขาเหลือกระสุน 1 นัดเท่านั้น) เขา
เริ่มจิตใจไม่ดี หาเป้าใหม่ เขาโชคดีได้เห็นไก่ป่าตัวหนึ่ง เขาเริ่มเล็งเตรียมยิง แต่เขาได้ยินเสียงบอกจากใจว่า
"สวดก่อนดีไหม" ครั้งนี้ เขาหยุดสวดทันที เขาเล็งไปที่ไก่และลั่นไกทันที กระสุนโดนไก่ป่าสะท้อนไปโดนกวาง
ซึ่งอยู่ในวิถีกระสุนเดียวกับปืนไรเฟิลกระแทกเขาตกลงไปในน้ำ เป็นโชคดีของเขาที่งูกำลังจะฉกขาเขา พอดี
เขารอดตกไปในน้ำ และเมื่อขึ้นจากน้ำ ก็มีปลาห้าตัวอยู่ในย่ามของเขาด้วย เขาเริ่มยิ้มและพูดในใจว่า
"น่าจะสวดตั้งแต่แรก"
มหาเศรษฐี ร่ำรวยมากมีกิจการส่งสินค้าไปต่างประเทศมากมาย กิจการเจริญก้าวหน้า ครอบครัว
ดูมีความสุข ต่างคนต่างรู้ว่าท่านเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยที่สุด ท่านคงจะมีความสุขมากกว่าทุกคน
โอกาสจัดงานฉลองหมู่บ้านมีผู้ถูกรับเชิญมากมาย รวมทั้งผู้สูงอายุทั้งหลาย คณะกรรมการหมู่บ้าน
กล่าวเชิญท่านเศรษฐีกล่าวเปิดงานและแบ่งปันประสบการณ์ การดำเนินชีวิตที่ประสบความสำเร็จและมี
ความสุข ท่านเศรษฐีก็ดีใจที่ได้แบ่งปันประสบการณ์ ท่านกล่าวให้ผู้ที่มาในงานฟังว่า "ผมคิดว่าการมี
ความสุขคือมีที่ดิน มีกินมีใช้ มีเงิน มีทอง มีสมบัติ แต่ผมไม่มีความสุขตามที่หวังไว้ ผมยังคิดว่าความสุข
คือการสะสมและมีสมบัติมากมาย เช่น นาฬิกาโบราณ เขาสัตว์ป่า รถยนต์เก่า ๆ งานไม้เก่า ๆ แต่ผมก็ไม่มี
ความสุขเหมือนเดิม ผมคิดว่าความสุขเป็นเกียรติยศ หน้าที่การงานเจริญ มั่งคั่ง ผมเปิดบริษัทไปเอเชีย
ไปแอฟริกา กิจการเจริญก้าวหน้ามั่นคง แต่ผมก็ไม่มีความสุขเท่าไหร่ แต่มาวันหนึ่งเพื่อนของผมชวนทำบุญ
ซื้อวิวแชร์แจกเด็กบนภูเขา ผมก็ร่วมทำบุญด้วย และเมื่อมาถึงวันที่ต้องนำวิวแชร์มาให้ เพื่อนก็ชวนไปด้วย
ปกติผมไม่ไปไหนกับใคร แต่ตอนนี้แก่แล้วลองไปสักครั้งหนึ่ง ท่านเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนหลายคน
ท่านรู้สึกผ่อนคลาย จิตใจสงบและเริ่มมีความสุขในกิจการและความสัมพันธ์กับเพื่อน ท่านรู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่เพื่อน ๆ กำลังแจกวิวแชร์ เด็กหญิงคนหนึ่งนั่งบนวิวแชร์มาหาผมที่ศาลานั่งพัก เด็กคนนั้นพิการ
เธอไม่พูดอะไรเลยได้แต่มองหน้า
ผมจึงถามเด็กว่า "ต้องการอะไรไหม"
เด็กตอบว่า "ไม่ต้องการอะไร"
ท่านเศรษฐีถามว่า "หนูมองหน้าลุงทำไม"
เด็กหญิงตอบว่า "หนูขอโทษ หนูอยากมองหน้าลุงนาน ๆ จำหน้าเอาไว้ เผื่อหนูได้ไปสวรรค์ หนูจะได้จำหน้า
ลุงได้และขอบคุณอีกครั้ง"
เศรษฐีกล่าวถึงตอนนี้ ก็บอกกับผู้ฟังว่าผมมีความสุขใจที่สุดตอนนี้เอง