HAPPY LIFE เรื่องสั้นอ่านสนุก คพ.สุวนาถ (พ่อมี้) ชุด2 (11-20)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 31, 2024 7:05 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (11)

👉 พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง 👈

กษัตริย์พระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า Charles ที่ 5 พระองค์ทรงมีผู้รับใช้ที่ดี ซื่อสัตย์ และอุทิศตน
รับใช้กษัตริย์ในทุกเรื่องอย่างสุดความสามารถ เป็นคนมีน้ำใจและจงรักภักดีต่อกษัตริย์เป็นที่สุด หลัง
จากรับใช้อย่างดีมานาน ผู้รับใช้ผู้นี้ป่วยหนักและกำลังจะตาย กษัตริย์ทรงรักผู้รับใช้ผู้นี้เป็นพิเศษ วันหนึ่ง
พระองค์เสด็จออกจากวังเป็นการส่วนพระองค์อย่างรีบด่วน เพื่อไปเยี่ยมผู้รับใช้ที่ดีผู้นี้ เมื่อไปถึงพระองค์
ตรัสถามด้วยความห่วงใยว่า "เพื่อนรักเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรให้เราช่วยขอให้บอกมาคำเดียว เราจะ
ประทานให้ และทำทุกอย่างที่เจ้าปรารถนา ขอมาได้เลย ถ้าเราทำให้ได้ เราจะจัดการให้เจ้าทุกอย่าง"
ผู้รับใช้มองพระพักตร์ของกษัตริย์ และพูดด้วยเสียงดังว่า "ขอบพระทัยพระองค์ที่เสด็จมาเยี่ยมครั้งนี้และ
จะทรงประทานของขวัญให้ ข้าพระองค์ไม่ต้องการอะไรแล้ว ยกเว้นสิ่งเดียวก็คือ ขอพระองค์ประทานวัน
และเวลาให้ข้าพระองค์ยืดความตายไปอีก 1 วัน ได้หรือไม่" กษัตริย์พระพักตร์ซีดลงทันที เพราะพระองค์
ไม่สามารถประทานวันและเวลาได้ พระองค์ตรัสกับผู้รับใช้ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเรา
หามาให้ได้ แต่ถ้าขอวันและเวลา เราไม่มีอำนาจที่จะให้เจ้าได้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่จะทรงประทานให้ได้"
ผู้รับใช้มองพระพักตร์ของกษัตริย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มองด้วยความเศร้าและผิดหวัง พูดเสียงเบา ๆ เช่นเดียว
กันว่า "ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ที่โง่จริง ๆ ใช้เวลารับใช้พระองค์ ทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดเพื่อรับใช้ปรนบัติ
พระองค์ อุทิศตนเพื่อดูแลพระองค์ แต่ลืมรับใช้ผู้ที่จะประทานชีวิตเหนือกาลเวลา ชีวิตใหม่ และชีวิตนิรันดรได้"
หน้าที่ของมนุษย์ ทุกคนคือการขอบพระคุณพระเจ้า และรับใช้พระองค์ผู้เดียวตลอดเวลา เราทุกคน
ควรแสวงหาพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใดในชีวิต เพราะถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น ชีวิตเราจะแห้งแล้งและสิ้นหวังเช่นเดียว
กับผู้รับใช้ผู้นี้ เหมือนคนที่ขาดน้ำและต้องอยู่ในทะเลทรายเลยทีเดียว

👉 คำอวยพรของปีศาจ 👈

พระเยซูเจ้าได้กล่าวบทเทศน์บนภูเขา เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ดี บรรลุเป้าหมาย
และมีความสุข คือบุญลาภ ความสุขแท้ ปีศาจบอกว่ามันก็มีเหมือนกัน ถ้ามนุษย์สนใจให้มาเอา
ไปปฏิบัติได้เลย ดูซิว่าของ ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน

ปิศาจเริ่ม ……

"เป็นบุญของผู้ที่เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย จนไม่มีเวลาเลยแม้ชั่วโมงเดียว เพื่อไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ
ในวันอาทิตย์ ท่านทั้งหลายคือพนักงานที่ดีของเรา (ปิศาจ)"
"เป็นบุญของคริสตชนทั้งหลายที่ชอบถาม ชอบแสวงหาคำขอบคุณก่อนเสมอ ๆ ข้า (ปีศาจ) ต้องการคนแบบนี้"
"เป็นบุญของคนที่ขี้โมโห และแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว แม้ยอมขาดวัดวันอาทิตย์ เขาทั้งหลายเป็น
ผู้แพร่ธรรมที่ดีของเรา (ปีศาจ)"
"เป็นบุญของคนที่เคร่งศาสนา แต่เขาทั้งหลายเป็นเพื่อนสนิทกับเรา (ปีศาจ) เสมอ"
"เป็นบุญของคนที่ชอบสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เขาทั้งหลายจะถูกเรียกว่า ลูกศิษย์ของเรา (ปีศาจ)"
"เป็นบุญของคนที่ไม่มีเวลาสวดภาวนา เขาทั้งหลายก็จะภาวนาให้เราเอง (ปีศาจ) เป็นอัตโนมัติ"
"เป็นบุญของคนที่ชอบนินทา เขาทั้งหลายเป็นสายลับของเรา (ปีศาจ)"
"เป็นบุญของคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์พระศาสนจักร เขาทั้งหลายจะรับมรดกในอาณาจักรปีศาจ
ของเราอย่างแน่นอน"
"เป็นบุญของคนที่ชอบบ่นว่าผู้อื่นเสมอ ๆ เขาจะเป็นผู้ช่วยที่ดีของเรา (ปีศาจ) เสมอ ๆ"
"เป็นบุญของคนที่อ่านบทความนี้ และคิดว่าทุกข์ของคนอื่นไม่เกี่ยวกับเรา อย่าไปสนใจไยดี
เขาทั้งหลายเป็นเพื่อนแท้ของเรา (ปีศาจ)"

👉 ลูกอยู่สหรัฐ 👈

หญิงชราคนหนึ่งมีความเชื่อและความศรัทธาดี อ่อนโยน ลำบาก สมถะ เป็นคนสุภาพ ดูภายนอกเป็น
คนจนคนหนึ่ง ทุกคนล้วนเข้าใจว่า เธอไปร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณทุก ๆ สัปดาห์พร้อมกับเพื่อนคริสตชนทั้ง
หลาย เนื่องจากเธอดูยากจน ทุกคนจึงพยายามช่วยเหลือเธอ ทั้งเรื่องเงินและสิ่งของเท่าที่จะสามารถช่วยได้
คณะวินเซนต์เดอปอล ก็ช่วยอย่างสม่ำเสมอ คณะพลมารีย์ก็เช่นกัน สภาภิบาลของวัดก็สนับสนุน เพื่อให้เธอ
ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขพอสมควร เป็นแบบนี้มาหลายปีที่ทุกคนจับมือกันช่วยเหลือหญิงชราคนนี้ จนวันหนึ่ง
เพื่อนพลมารีย์รู้มาว่า เธอมีลูกชายทำงานอยู่ที่เมืองนอก ประเทศสหรัฐอเมริกา เลยถามถึงลูกชายของหญิง
ชราว่าลูกเป็นอย่างไร สบายดีไหม การงานเป็นอย่างไร ส่งเงินมาใช้เธอใช้บ้างไหม หญิงชราก็ไม่ได้ปิดบังอะไร
เธอเล่าให้ฟังว่า "ลูกชายของฉันเขียนจดหมายมาทุกเดือน ทำงานอยู่แต่ไม่ได้ส่งเงินมาให้ น่าจะค่อย ๆ ปรับตัว
อยู่ ค่าใช้จ่ายคงจะมาก คงไม่ค่อยมีเงิน และคงยุ่งกับงาน" หญิงชราพยายามพูดเพื่อปกป้องลูก เข้าใจลูก และ
เห็นใจลูก เพื่อนพลมารีย์รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย จึงถามหญิงชราว่าขอดูจดหมายที่ลูกของเธอเขียนมาได้ไหม
เธอบอกว่าได้ (ความจริงแล้วเธออ่านหนังสือไม่ค่อยได้) เมื่อเธอเอาหนังสือพระคัมภีร์ที่มีจดหมายคั่นอยู่มา
ให้เพื่อนพลมารีย์ดู เธอบอกว่าลูกส่งมาให้เธอทุกเดือน เธออ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง และลูกก็ชอบส่งรูปอะไร
มาให้ไม่รู้มีตัวเลขแต่อ่านไม่ออก แค่ดูรูปและเดาว่า คงเป็นรูปที่ลูกส่งมาให้ดู เธอบอกว่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน
พลมารีย์คนนั้นรู้สึกงงและประหลาดใจมาก เพราะนอกจากจดหมายแล้ว รูปแปลก ๆ ที่เธอบอกว่าลูกส่งมาให้ดู
แท้จริงแล้วเป็นเช็คเงินสดที่ลูกชายของเธอส่งมาให้ทุกเดือนเป็นเวลาหลายปี เป็นเช็คหลายฉบับ พูดตรง ๆ
เลยก็คือ ถ้านับเป็นเงินตามที่ระบุในเช็คที่หญิงชราคนนี้ได้รับ มีมากกว่าทุกคนในหมู่บ้านของเธอเลยทีเดียว
เธอรวยกว่าทุกคนที่ช่วยเหลือเธอซะอีก
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ย. 26, 2024 4:57 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 02, 2024 7:43 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ ( 12 )🕺

👉 ขนมสกปรก 👈

นักธุรกิจที่ร่ำรวยคนหนึ่งไปเดินเล่นและทานอาหารกลางวัน เขาเดินไปใกล้สวนสาธารณะ
เพื่อซื้อฮอทด็อกและน้ำหวาน ขณะเดียวกันมีชายยากจนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาและพูดว่า
"ช่วยผมหน่อย ผมหิวมาก" แต่นักธุรกิจทำเหมือนมองไม่เห็น และเดินต่อไปเรื่อย ๆ
หลังจากนั้นเขาซื้อขนมสอดไส้ช็อกโกแลตจากคนขายแถวนั้น ขณะที่เขากำลังจะหยิบขนม
อร่อย ๆ เข้าปาก เขาต้องกระโดดหลีกทางให้เด็กชายที่กำลังเล่นสเก็ตบอร์ดผ่านมา ขนมของเขา
ตกลงที่พื้นแฉะ ๆ เขาหยิบมันขึ้นมาเช็ด แต่ไม่ได้ผลเพราะขนมเปื้อนโคลนเสียแล้ว
ตอนแรกเขาคิดจะโยนขนมทิ้ง แต่เกิดความคิดใหม่ เขาเดินไปที่ชายยากจนและให้ขนมที่
สกปรกนั้น พร้อมกับพูดว่า "เป็นขนมที่คงจะช่วยประทังความหิวได้" เขายิ้มกับตัวเองและเดิน
กลับไปที่ห้องทำงาน
คืนนั้นนักธุรกิจฝันว่า เขานั่งอยู่ในร้านอาหารที่มีคนแน่นมาก มีบริกรหญิงนำขนมเค้กและ
ขนมหวานที่อร่อยหลากหลายคอยบริการลูกค้า แต่ไม่มีใครสนใจเขา แม้เขาจะโบกมือเรียกเท่าไร
ก็ตาม ที่สุดเขาสบตากับบริกรหญิงคนหนึ่ง เขาขอให้เธอเอาขนมมาให้เขา สักครู่หนึ่ง เธอก็เดินมา
หาเขาพร้อมกับขนมแสนสกปรก
นักธุรกิจโกรธมาก และต่อว่าบริกรหญิงคนนั้นว่า "เธอทำกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร ฉันมีสิทธิ์
ได้รับการบริการเหมือนคนอื่น ๆ ฉันคิดว่าฉันจะต้องได้รับการบริการที่คุ้มค่ากับเงินของฉัน"
"ดูเหมือนท่านจะเข้าใจผิดแล้ว" บริกรหญิงพูดอย่างอ่อนโยน "ที่นี่ท่านไม่สามารถซื้ออะไรได้เลย เรา
ไม่มีการรับเงิน ท่านเพิ่งจะมาถึงสวรรค์ และสิ่งที่ท่านจะได้รับที่ท่านสามารถสั่งได้คือ สิ่งที่ท่านส่งมา
ล่วงหน้าเมื่อตอนท่านยังอยู่ในโลก มีแค่รายการขนมสอดไส้ช็อกโกแลตที่เปื้อนโคลนอันนี้เท่านั้น
ที่เรามีจดไว้ในรายการที่ส่งมาในนามของท่าน"
จงปฏิบัติต่อผู้อื่น อย่างที่ท่านต้องการให้เขาปฏิบัติต่อท่าน

👉 ขอดูมือหน่อย 👈

เรื่องเล่าถึงปีศาจตนหนึ่งพยายามมาล่อลวงมนุษย์ให้ตกในบาป ให้เข้าใจพระเจ้าผิด หลงตัวเอง
หยิ่งจองหองต่อพระเจ้า มันมาหาชายคนหนึ่งที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้ามาก คงเป็นเรื่องยากแน่ ๆ
เราไปวัดทุกอาทิตย์ มันรู้ดีว่าล่อลวงสิ่งภายนอกธรรมดาคงไม่มีทางสำเร็จ ล่อด้วยสิ่งของคงไม่ได้
แต่อย่างไรก็อาจจะหลงได้ ถ้ามันหลอกให้ชายคนนี้ค่อย ๆ หลงไปว่าไม่ว่าอะไร พระเจ้าบันดาลได้
ทุกสิ่ง ล่อให้มโนธรรมเสีย จิตใจเสีย มีความโลภเสียก่อนแล้ว ให้ค่อย ๆ ติดใจ ค่อย ๆ สูญเสีย
ความเชื่อหลงไปได้ ในที่สุด มันแปลงร่างเป็นพระเยซูเจ้าและเดินเข้ามาหา ชายคนที่ศรัทธาเขาดีใจ
มากที่พระทรงประจักษ์มา ปีศาจเริ่มแผนโดยพูดว่า "พระเจ้าต้องการประทานพรให้ท่าน เพราะท่าน
เป็นคนศรัทธา ต้องการอะไรบอกมาเลย เราพระเยซูเอง ไม่ต้องกังวลอะไรจัดเต็มได้ทุกอย่าง" ชายที่
ศรัทธาฟังแล้วก็รู้สึกดี แต่ก็ประหลาดใจนิดหน่อย ไม่ค่อยเหมือนคำสอนในพระวรสารที่พระเยซูเจ้า
ทรงเคยสอนไว้เลย ทำไมง่าย ๆ สบาย ๆ จึงรู้สึกแปลกใจ เพราะพระเยซูเจ้าจะทรงเน้นเรื่องคุณค่า
ของจิตใจที่แท้มากกว่าเรื่องภายนอก ชายที่ศรัทธาไม่ได้ขอออะไรเพราะสงสัย สับสนมาก จึงคิดที่จะ
พิสูจน์ด้วยความรักง่าย ๆ ที่พระเยซูเจ้าทรงสอนและประทานให้มนุษย์ทุกคน อยากรู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า
ตัวจริงไหม จึงถามปีศาจที่แปลงร่างเป็นพระเยซูเจ้าว่า "ท่านเป็นพระเยซูเจ้า เป็นพระเจ้าจริงหรือเปล่า?"
ปีศาจตอบว่า "ไม่ต้องกังวล เป็นเราเองจริง ๆ เจ้าสงสัยไปทำไม เพราะเจ้าเป็นคนดีไง พระเจ้าเลยอยาก
ตอบแทนเจ้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องคิดมากเลย ขอพรมาได้เลย เจ้าจะได้ยิ่งใหญ่ ดูดี มีความสุข มีฐานะ
เท่าเทียมคนอื่น ๆ ทำให้คนอื่นที่เคยดูถูกเจ้าอับอายขายหน้าทุกคน ชายที่ศรัทธาจึงถามว่า "ขอดูมือ
สีข้าง ศีรษะและเท้าของท่านหน่อยได้ไหม?" ปีศาจงงและถามกลับไปว่า "จะดูทำไม" ชายที่ศรัทธาบอกว่า
"ถ้าท่านเป็นพระเยซูเจ้าตัวจริง ก็จะต้องมีแผลซ่อนอยู่ เพราะพระองค์ได้ไถ่บาปมนุษย์ด้วยบาดแผลเหล่านี้
ซึ่งท่านไม่มีเลย" ชายที่ศรัทธาพูดยังไม่ทันจบปีศาจก็หายตัวไปก่อนแล้ว และมันพูดกับตัวเองว่า
"คงไม่มีหวังที่จะกลับมาล่อลวงคนแบบนี้อีก เสียเวลาจริงๆ"

👉 นกแก้วไม่ยอมพูด 👈

เรื่องเล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่งได้ซื้อนกแก้วมา 1 ตัว ผ่านไปหนึ่งวันก็กลับไปที่ร้านขายนกแก้ว
บอกกับเจ้าของร้านว่า
หญิงสาว : "นกไม่ยอมพูดเลย"
เจ้าของร้าน : "สงสัยนกต้องการกระจกสักบาน เพื่อส่องดูตัวเองแล้วจะเริ่มพูด"
หญิงสาว : "นกมันชอบกระจกหรือ?"
เจ้าของร้าน : "มันอาจต้องการดูตัวมันเองว่ามันสวยขนาดไหนแล้วจะเริ่มพูด"
หญิงสาวก็ไปซื้อกระจกแล้วกลับไปที่บ้านเอาไปให้นก วันใหม่เริ่มขึ้น หญิงสาวก็กลับไปที่
ร้านขายนกบอกเจ้าของร้าน
หญิงสาว : "นกไม่ยอมพูดอีกแล้ว"
เจ้าของร้าน : "มันอาจต้องการบันไดเพื่อกระโดดเล่น"
หญิงสาว : "นกมันชอบบันไดหรือ?"
เจ้าของร้าน : "มันชอบบันไดเพื่อมันจะได้ผ่อนคลายสบายตัวแล้วมันจะเริ่มพูด"
หญิงสาวก็ซื้อบันไดไปให้นกกระโดดเล่น วันใหม่ต่อมา เธอก็กลับไปที่ร้านอีกครั้งหนึ่ง
แล้วบอกกับคนขายว่า
หญิงสาว : "นกไม่ยอมพูดอีกแล้ว"
เจ้าของร้าน : "มันอาจต้องการที่เกาะเพิ่ม เพื่อจะเคลื่อนที่ได้ว่องไวและอาจจะเริ่มพูดได้"
หญิงสาวก็กลับไปที่ร้านอีกครั้งหนึ่งบอกว่า "นกตายแล้ว" เจ้าของร้านตกใจมากและพูดว่า
"ฉันเสียใจด้วย เจ้านกนั้นพูดอะไรก่อนตายหรือเปล่า" หญิงสาวตอบว่า "มันพูดว่า" เจ้าของร้าน
ถามว่ามันพูดอะไร หญิงสาวตอบว่ามันพูดหนึ่งประโยค หญิงสาวตอบว่า "ทำไมท่านไม่ซื้ออาหาร
มาให้กินสักที" แล้วนกก็ตกลงมาสิ้นใจตาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 02, 2024 7:57 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ ( 1 3 )🕺

👉 ความเชื่อ 👈

          ชายอาหรับได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ให้เดินทางกลางทะเลทรายด้วยม้าตอนกลางคืน
และทุกครั้งที่หยุดพักระหว่างทางให้เก็บก้อนหินด้วย
          เขาเริ่มเดินทางตอนหัวค่ำ หยุดพักระหว่างทางทุกชั่วโมง และทำตามที่อาจารย์สั่งคือ
เก็บก้อนหินในความมืดใส่กระเป๋า ก้อนหินที่เขาเก็บเริ่มเต็มกระเป๋ากางเกง จึงนำมาใส่
กระเป๋าเสื้อ เมื่อเต็มกระเป๋าเสื้อก็ใส่กระเป๋าเสื้อคลุม
          การเดินทางเริ่มยากขึ้น เริ่มอ่อนเพลีย แถมก้อนหินมีมุมแหลมทิ่มแทงเนื้อตัวเองด้วย
เขาทนไม่ได้ ก็เริ่มหยิบก้อนหินทั้งระหว่างทาง เพราะมันทิ่มแทงขา หน้าอกและแขน
          พอรุ่งสางใกล้ที่หมายปลายทาง ก้อนพื้นที่เต็มกระเป๋ากางเกง เสื้อคลุมก็เริ่มเบาตัวลง
แต่ยังพอมีเหลือ และเมื่อถึงที่พักพอดีเช้า ท้องฟ้าเริ่มสว่าง ก็นำก้อนหินที่เก็บตอนกลางคืนออก
จากกระเป๋า ผู้เดินทางชาวอาหรับคนนี้ก็ตกตะลึง เพราะก้อนหินเหล่านี้เป็นก้อนเพชรนิลจินดาที่
ยังไม่ได้เจียรนัย เขานึกเสียดายที่เมื่อคืนเขาโยนทิ้งระหว่างทางไปหลายสิบก้อน แต่นึกปลอบใจ
ตัวเองว่ายังโชคดีที่ มีเหลืออยู่บ้าง 2-3 ก้อน
ชีวิตคนเราบนโลกก็เหมือนกับการเดินทางกลางทะเลทราย ความทุกข์ยากลำบากในชีวิต
เปรียบ เสมือนก้อนหินที่เราเก็บระหว่างทาง อยู่ที่เราที่จะสู้อุตส่าห์มุมานะ อดทนต่อความยาก
ลำบากของชีวิต ซึ่งในความเชื่อของเรามันคือคุณธรรม พระพรแห่งชีวิตต่าง ๆ ที่พระเจ้ามอบ
ประทานให้ เปรียบเสมือน เก็บก้อนเพชรนิลจินดาเหล่านี้ไปเจียรนัยเมื่อถึงที่หมาย

👉 อีกา 👈

ในชนบทแห่งหนึ่ง มีอีกาตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ บ้านนี้
เป็นบ้านของเจ้าของนา เจ้าของฟาร์มที่ใหญ่โต ทุกปีเจ้าของนารายนี้เก็บเกี่ยวข้าวได้มากมาย ยังผล
ให้อีกาตัวนี้พลอยเก็บสะสมเม็ดข้าวไว้ในรังที่มุมหลังคายุ้งฉางไว้มากมายตามไปด้วย...
...มาวันหนึ่ง คนงานของโรงนานี้ทำการขนย้ายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางขึ้นรถบรรทุก นำไปส่งโรง
สีข้าว ข้าวเปลือกกองนี้เป็นผลผลิตที่ดีเลิศสำหรับปีใหม่นี้ แต่ละเม็ดใหญ่ สีออกเป็นสีทองสว่างสุกใส
อีกาทำตาโต เพราะมันเห็นเม็ดข้าวที่อ้วนอวบใหญ่โตเหล่านี้หล่นกลางถนนหลายเม็ด อีกาก็บินไปที่ริม
ถนนมองซ้ายมองขวา เพื่อดูว่ามีรถวิ่งผ่านไปมาไหม เนื่องจากถนนนั้นเป็นถนนใหญ่เชื่อมระหว่างจังหวัด
มีรถใหญ่วิ่งไปมามากมาย กว่าอีกาตัวนี้ ได้จังหวะบินไปเพื่อจิกเม็ดข้าวที่ตนเองหมายปองนั้น ต้องรออยู่
นานหลายนาทีทีเดียว....
....แต่......มีนกกระจอกตัวเล็ก ๆ เกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ ๆ 2-3 ตัว กำลังคุยกัน....
นกตัวแรกพูดว่า "น่าเสียดายนะ อีกาเขาก็มีเม็ดข้าวมากมายในบ้าน เขาไม่จำเป็นต้องหามาเพิ่มเลย..."
ตัวที่สองก็เสริมว่า "อืม นั่นน่ะสิ ที่พี่กาเขาสะสมไว้ที่มุมยุ้งฉางนั้น กินทั้งปีก็ไม่หมด"
....ตัวที่สามมาร่วมคุยด้วย ทำท่าถอนหายใจพร้อมพูดว่า "ไม่เข้าใจพี่กาเลยว่า พี่กาบินไปกลางถนน
ให้รถทับทำไม มันไม่คุ้มเลยที่จะได้เม็ดข้าวเพิ่มอีก 2-3 เม็ด แต่ต้องมาเสียชีวิต แบนติดถนนอย่าง
ที่เห็นอยู่นี้... ไม่เข้าใจจริง ๆ ..."

👉 นาฬิกาชีวิต 👈

ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างจากนครหลวง มีร้านขายและซ่อมนาฬิกาเพียงแห่งเดียว คุณลุง
เจ้าของ ร้านาฬิกานี้ถือเป็นผู้รักษาเวลาที่ถูกต้องของหมู่บ้าน บ้านใดครอบครัวใดที่นาฬิกาตาย หยุดเดิน
ก็นำมาซ่อม กับคุณลุงคนนี้ หรือนาฬิกาเรือนใดเดินไม่เที่ยงตรง ช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็นำมาตั้งเวลาใหม่ให้
เที่ยงตรงกับนาฬิกา ประจำบ้านของคุณลุงคนนี้ พูดง่าย ๆ ทุกคน ทุกบ้าน ในหมู่บ้านนี้ พึ่งคุณลุงคนนี้เกี่ยว
กับเรื่องเวลา
เวลาผ่านไปหลายปี คุณลุงอายุมากขึ้น แก่ชรามากขึ้น และวันหนึ่งก็จากหมู่บ้านนั้นไปสวรรค์ คุณลุง
ไม่มีทายาทสืบสกุล ร้านนาฬิกาของตนจึงถูกทอดทิ้ง ไม่มีใครดูแลต่อไป นาฬิกาประจำบ้านทุกครัวเรือนก็
เริ่มรวนเร เดินไม่ตรง ช้าบ้าง เร็วบ้าง การนัดหมายระหว่างกันเริ่มมีปัญหา จนในที่สุด หลายครอบครัวหยุด
ไขลาน ปล่อยให้นาฬิกาประจำบ้านของตนหยุดเดินเอาดื้อ ๆ
เวลาผ่านไปอีกหลายปี มีผู้คนอพยพย้ายถิ่นที่อยู่มาในหมู่บ้านนี้ และในจำนวนสมาชิกใหม่นี้มีช่าง
นาฬิกามาด้วยหนึ่งครอบครัว พ่อบ้านของครอบครัวใหม่ก็ประกาศเปิดร้านนาฬิกา รับจ้างซ่อมนาฬิกา ตั้ง
นาฬิกาให้ตรงเวลา นำความยินดีให้แก่ชุมชนหมู่บ้านนี้ ที่พวกเขาจะได้มีเวลาที่เที่ยงตรงอีกครั้ง แต่เนื่อง
จากมีผู้คนนำนาฬิกามาซ่อม มาตั้งเวลาใหม่มากมาย จนเขาไม่สามารถรับงานได้หมด ช่างนาฬิกาคนใหม่นี้
จึงประกาศว่า เขาจะซ่อมจะตั้งเวลาให้เฉพาะ ผู้ที่ยังไขลานนาฬิกาของตนเองให้เดินตลอดเวลาที่ผ่านมาหลาย
ปีเท่านั้น สำหรับรายใดที่ไม่ไขลานนาฬิกาของตนเอง ปล่อยให้นาฬิกาของตนหยุดเดิน เขายังไม่รับซ่อมให้
เพราะมันซ่อมยากขึ้น และต้องใช้เวลามากขึ้น ส่วนนาฬิกาที่เจ้าของยังไขลานทุกวันนั้น ซ่อมและตั้งเวลาให้
ตรงได้ง่ายกว่า...
....ชีวิตคริสตชนของเราเปรียบเสมือนนาฬิกาเรือนนี้ เราจำต้องไขลานทุกวันเช่นกัน ถ้าเราไม่ไขลาน
ปล่อยให้ลานหย่อนจนหยุดเดิน และทิ้งไว้นาน ๆ น้ำมันหล่อลื่นก็จะแห้ง ตัวสปริงก็จะแข็งกระด้าง ทำให้
นาฬิกาทั้งเรือนหมดคุณค่าของมัน...
การไขลานนาฬิกานี้ ก็คือการดำเนินชีวิตคริสตชนที่ดี การมีส่วนร่วมในกิจการ กิจกรรมต่างๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 06, 2024 8:07 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (14)🕺

👉 คนขี้ลืม 👈

          นักศึกษาแพทย์ 3 คน ได้รับมอบหมายให้ไปรักษาคนป่วยในหมู่บ้านชนบทห่างไกลแห่งหนึ่ง
การเดินทางต้องข้ามภูเขา 3 ลูก กว่าจะถึงหมู่บ้านที่ผู้ป่วยอยู่ ทั้ง 3 คนเริ่มท้อ เมื่อเริ่มไต่ภูเขาลูกที่หนึ่ง
          เพื่อนคนหนึ่งหัวดี เสนอว่าถ้าผ่านลูกแรกไปได้ ฉันจะเล่าเรื่องสนุกให้ฟัง ว่าแล้วทั้งสามก็ผ่าน
ภูเขาลูกแรกได้ด้วยความทุลักทุเล และเพื่อนคนแรกก็ทำตามสัญญา เล่าเรื่องขำขันหัวเราะกันจน
ท้องแข็ง ผ่านภูเขาลูกที่ 2 เพื่อนนักเรียนแพทย์คนที่ 2 ร้องเพลงเพราะมาก ซุ่มเสียงดี ทั้งสามมีกำลังใจ
เดินต่อไปอีก เพื่อจะข้ามภูเขาลูกที่ 3
          ทั้ง 2 เริ่มทวงสัญญาว่าเมื่อถึงหมู่บ้าน คนที่สามต้องร้องเพลงหรือเล่าเรื่องก็ได้ คนที่สามตกลง
และแล้วก็มาถึงหมู่บ้านที่ผู้ป่วยรอคอย แต่ก่อนจะเข้าไป เพื่อนนักเรียนแพทย์ทั้งสองเอ่ยปาก
"นี่...ตานายแล้วมีอะไรดี ๆ จะเล่าไหม"
          เพื่อนแพทย์คนที่ 3 ใบหน้าเริ่มเศร้า และบอกกับเพื่อนว่า มีเรื่องเศร้าจะบอกแต่ไม่อยากบอก
"ทำไมหรือ...." เพื่อนปรารภ
"เพื่อนรัก.... เศร้าจริง ๆ นะเพื่อน"
"...เศร้ายังไงก็ว่ามาซิยินดีฟัง" เพื่อนปรารภอีก
"ทำไมจะไม่เศร้าล่ะเพื่อน ก็เราลืมคว้ากระเป๋ายามาด้วย..."
          ก็ไม่รู้จะว่าไงละนะ มาถึงคนป่วยแล้วแต่ไม่มีกระเป๋ายานะ จะทำไงดี....ช่วยตอบด้วย

👉 แสงแห่งหวัง 👈

          หัวหน้าฤาษีแห่งภูเขาซีนาย ในเวลาที่ท่านใกล้จะตาย ท่านไม่เหมือนกับคนที่ใกล้ตายทั่วไป
ที่มักจะหวาดกลัวความตาย แต่ท่านนี้กลับไม่สนอะไรแม้เรื่องวิญญาณของท่าน ท่านกลับมีความร่าเริง
ยินดีผิดปกติ ท่านเจ้าคณะผู้เข้มงวดและเจ้าระเบียบกลัวว่า ท่านอธิการผู้นี้จะไม่เข้าใจความหมายของ
ความตาย ท่านจึงได้ตักเตือนอธิการให้ระลึกชีวิตหลังความตายที่ต้องพบกับการตัดสินที่เคร่งครัด
ซึ่งมีเหตุผลพอเพียงที่จะทำให้เกิดความกลัวได้ ท่านยังได้ชี้ให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากที่จะไม่ได้
อยู่ในอ้อมพระหัตถ์ของพระองค์ อธิการนั้นตอบว่า
"คุณพ่อครับ พระคริสตเจ้าทรงรักษาพระวาจาจาของพระองค์ไหมครับ"
"แน่นอนคุณพ่อ พระองค์ทรงรักษาวาจาเสมอ"
"เอ...ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร พระเยซูคริสต์เคยพูดไว้ใช่ไหมว่าเราจะไม่ตัดสิน"
"แน่นอนคุณพ่อ พระองค์ทรงรักษาวาจา และไม่ตัดสินใคร เราจะไม่ประณามใครที่ไม่ประณามคนอื่น
และเราจะยกโทษให้แก่ผู้ที่ยกโทษ ผมปฏิบัติคุณธรรมประการนี้มากที่สุด ผมไม่เคยพิพากษาใคร
หรือประณามใคร และผมก็ยกโทษให้ผู้อื่นเสมอ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องกลัว"
       ในชีวิตนักบวชของผม ผมถือว่าความรักเป็นจุดยืน เป็นวิถีชีวิตของผมเอง ผมพยายามที่จะรักคนอื่น
        น้ำตาใส ๆ ก็หลั่งไหลออกจากตาของเจ้าคณะ ผู้ซึ่งแน่ใจว่าอธิการผู้ใกล้ตายท่านนี้ ไม่มีความกลัว
ไม่จำเป็นต้องกลัวเลยจริง ๆ

👉 แล้วหลังจากนั้นล่ะ? 👈

          นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งชื่อฟรังซิส ได้เข้ามาหานักบุญฟิลิป เนรี เขาเล่าให้ท่านฟังว่า เขากำลังศึกษา
กฎหมาย "คุณพ่อครับ ผมช่างมีความสุขเสียจริง ๆ ผมกำลังศึกษากฎหมายอยู่ และวันหนึ่งผมจะเป็นผู้
คงแก่เรียนที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกฎหมาย"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ?" คุณพ่อฟิลิปถาม
"หลังจากนั้นผมก็จะกลายเป็นทนายความที่ยิ่งใหญ่ มีชื่อเสียงโด่งดัง"
"แล้วหลังจากนั้น ล่ะ?"
"หลังจากนั้น ผมจะเป็นมหาเศรษฐี และผมจะสร้างคฤหาสน์หลังงามสำหรับตัวผม"
"แล้วหลังจากนั้นล่ะ?"
"หลังจากนั้น ผมจะแต่งงาน และมีชีวิตที่มีความสุขไปจนแก่เฒ่า"
"ฟรังซิส แล้วหลังจากนั้นล่ะ?"
          หนุ่มน้อยฟรังซิส รู้สึกอับจนคำตอบต่อคำถามของท่านนักบุญ หลังจากนิ่งคิดได้ครู่หนึ่ง
เขาจึงตอบว่า "หลังจากนั้น ผมก็จะเป็นเหมือนคนอื่น คือผมจะต้องตาย"
"ฟรังซิส แล้วหลังจากนั้นล่ะ?"
        ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด แต่เขาก็ยังตอบคำถามของท่านนักบุญด้วยท่าทีที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
"หลังจากนั้น ผมก็จะต้องรอฟังคำพิพากษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า..."
          เขาพูดได้แค่นั้น และไม่สามารถจะตอบอะไรได้มากกว่านี้
          แล้วคำถามของท่านนักบุญ ทำให้เขาได้ทบทวนถึงแผนการในอนาคตของเขาอีกครั้งหนึ่งด้วย
ความรอบคอบมากยิ่งขึ้น

👉 ใครผลักผม

          ยังมีชาวเท็กซัสที่ร่ำรวยคนหนึ่งจัดงานเลี้ยงสำหรับลูกสาวของเขา เขาเป็นคนที่ร่ำรวยมากมีที่ดิน
หลายพันไร่ ฝูงสัตว์หลายพันตัว บ่อน้ำมันเป็นร้อย ๆ บ่อ มีคฤหาสน์ใหญ่โตที่มีถึง 29 ห้อง มีสระว่ายน้ำ
และบุตรสาวสวยคนหนึ่ง
          ในงานเลี้ยงนี้ เขาได้เชิญชายหนุ่มที่เข้าเกณฑ์หลายคนที่เขารู้จักมา เพื่อจะได้พบกับบุตรสาว
ของเขา หลังจากงานเลี้ยงได้ดำเนินไปสักครู่ เขาก็ได้เรียกให้ทุกคนออกมาที่สระว่ายน้ำ เพื่อจะได้ประกาศ
อะไรบางอย่าง เขาได้ให้บรรดาชายหนุ่มไปยืนที่ด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำ ซึ่งเต็มไปด้วยงูและจระเข้ พร้อม
กับกล่าวว่า "คนแรกที่กระโดดลงไปในสระแล้วว่ายไปถึงอีกด้านหนึ่งของสระ ผมก็จะใช้เลือกเอา ระหว่าง
หนึ่งล้านดอลลาร์กับที่ดินที่อุดมที่สุดหนึ่งพันไร่กับ การแต่งงานกับลูกสาวของผม"
สิ้นคำพูดของเศรษฐีก็ได้ยินเสียงกระโจนลงในสระ ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบว่ายไปยังอีกสระหนึ่ง
อย่างรวดเร็ว พอ ๆ กินกับสถิติของกีฬาโอลิมปิกเลยทีเดียว
เศรษฐีจึงได้รีบไปหาชายหนุ่มพร้อมกับถามว่า เขาจะเอาเงินหนึ่งล้านดอลลาร์หรือไม่ ซึ่งชายหนุ่ม
ก็ได้ตอบว่า
"ไม่ครับ ขอบคุณ"
"ถ้าอย่างนั้นก็ที่ดินหนึ่งพันไร่" ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบว่า
"ไม่ครับ ขอบคุณ เช่นกัน"
"ถ้าอย่างนั้น" เศรษฐีพูด
"คุณคงจะอยากแต่งงานกับลูกสาวผม"
ชายหนุ่มก็ว่า "ไม่ครับ ขอบคุณ" เช่นกัน
"ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการอะไรกันแน่?"
"ที่ผมอยากจะได้คือ อยากจะทราบชื่อของผู้ที่ได้ผลักผมลงไปในสระครับ"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 06, 2024 8:16 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (15)🕺

👉 รออยู่ที่ประตูสวรรค์ 👈

          สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 1 ซึ่งเป็นพระสันตะปาปา ได้เพียง 33 วันเท่านั้น ทรงชอบที่
จะเล่านิทานเรื่องพระคาร์ดินัลที่มีชื่อเสียง 3 องค์ที่ได้เสียชีวิตไป และได้ไปปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูสวรรค์
นักบุญเปโตรออกมาพบพวกเขากล่าวขออภัย เพราะท่านติดธุระมาก พร้อมกับเชิญให้ทั้งสามนั่งรอที่
เก้าอี้นวม ทั้งสามรอแล้วรอเล่า แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอสุภาพสตรีที่สวยงามคนหนึ่งปรากฏตัว
นักบุญเปโตรก็เปิดประตูให้เธอเข้าไปทันที พระคาร์ดินัลทั้งสาม จึงบ่นด้วยความไม่พอใจว่า "ดูเหมือนว่า
สีแดง (สีของเสื้อพระคาร์ดินัล) จะไม่สามารถเปิดประตูสวรรค์ได้นะ"
        หลังจากที่ได้รอเป็นเวลานาน ในที่สุดนักบุญเปโตรก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมกับพูดกับพระคาร์ดินัล
ทั้งสามว่า "ถ้าพระคุณเจ้าจะอนุญาต ผมก็จะขออธิบายกรณีของสุภาพสตรีสาวคนนั้น เธอเป็นธิดาของ
มหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เธอขับรถเบนซ์คันใหม่ที่บิดาของเธอให้ไปทั่วทั้งยุโรป เธอได้รับอุบัติเหตุ
และตายคาที่ ผู้คนจำนวนล้าน ๆ ได้ยินเรื่องนี้จากวิทยุบ้าง จากโทรทัศน์บ้าง และจากหนังสือพิมพ์บ้าง
จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับพวกเขา มันทำให้พวกเขาต้องคิดถึงความตายของพวกเขา และผลที่
ตามมาคือ ทำให้พวกเขากลับมาหาพระเจ้า มากกว่าที่หนังสือหรือบทเทศน์ต่าง ๆ ของพระคุณเจ้า เสียอีก"
          "บัดนี้พระคุณเจ้าคงจะเห็นแล้วว่า หญิงสาวคนนั้นได้ช่วยเหลือวิญญาณได้มากกว่า
พระคุณเจ้าทั้งสามรวมกันเสียอีก"

👉 สิ่งที่พระไม่ถาม 👈

          เราถูกเตือนว่า พระเจ้าทรงสนพระทัยสิ่งที่อยู่ภายในมากกว่าสิ่งที่ปรากฏแต่ภายนอก
พระเจ้าจะไม่ถาม  เราขับรถยี่ห้ออะไร แต่จะถามว่า  "มีกี่คนที่เราช่วยรับโดยสารมา"
พระเจ้าจะไม่ถาม  บ้านใหญ่ไหม แต่จะถามว่า  "เคยให้ที่พักกี่คน"
พระเจ้าจะไม่ถาม  เงินเดือนสูงไหม แต่จะถามว่า  "ได้มาด้วยวิธีใด"
พระเจ้าจะไม่ถาม  รวยมากไหม แต่จะถามว่า  "ทำสุดความสามารถหรือยัง"
พระเจ้าจะไม่ถาม  มีเพื่อนมากไหม แต่จะถามว่า   "คุณเป็นเพื่อนดีไหม"
พระเจ้าจะไม่ถาม  อยู่ที่ไหน แต่จะถามว่า  "ปฏิบัติต่อเพื่อนบ้านดีไหม"
พระเจ้าจะไม่ถาม  ผิวสีอะไร แต่จะถามว่า  "นิสัยดีแค่ไหน"
พระเจ้าจะไม่ถาม  ทำไมมาสวรรค์ของข้า แต่จะเปิดสวรรค์และต้อนรับทันที

👉 ดีหรือไม่ดี...ยากที่จะบอก 👈

          นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง พระราชาองค์นี้มีคนสนิทคนหนึ่งที่พระองค์สนิทมาก และ
มักจะพา ไปไหนมาไหนด้วยเสมอในทุก ๆ ที่
          แล้ววันหนึ่ง พระราชาก็ถูกสุนัขตัวหนึ่งกัดที่นิ้ว แผลฉกรรจ์มาก พระราชาจึงถามคนสนิทว่า
นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า "ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก"
          และในที่สุด พระราชาก็ถูกตัดนิ้ว และพระราชาก็ถามคนสนิทอีกว่า นี่เป็นลางไม่ดีของพระองค์
หรือเปล่า คนสนิทกลับตอบว่า "ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก"
          พระราชาโกรธมาก เลยจับคนสนิทขังไว้ในคุก
          วันหนึ่ง พระราชาก็ได้เสด็จออกป่าล่าสัตว์ พระองค์ทรงตื่นเต้นมาก แล้วก็มุ่งเข้าไปในป่าลึก
เข้าไปเรื่อย ๆ
          เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า พระองค์ได้หลงทางเสียแล้ว แต่ก่อนที่อะไรจะเลวร้ายไปกว่านั้น พระองค์
ก็ได้พบกับชนเผ่าพื้นเมืองในป่าแห่งนั้น
          คนป่าพวกนั้นต้องการจับพระราชาไปบูชายัญ แต่พวกเขาก็พบว่า พระราชานิ้วขาด จึงรีบปล่อย
พระราชา เพราะเชื่อว่าพระราชาไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์เลย และไม่เหมาะที่จะนำไปบูชายัญ
          พระราชาจึงตัดสินใจกลับพระราชวังในที่สุด
          และสุดท้าย พระองค์ก็เข้าใจคำพูดของคนสนิทที่บอกว่า
"ดีหรือไม่ดี ยากที่จะบอก" เพราะถ้าพระองค์นี้นิ้วครบสมบูรณ์ พระองค์ต้องถูกฆ่าโดยคนป่าพวกนั้น
อย่างแน่นอน
          พระราชาจึงสั่งปล่อยตัวคนสนิท และขอโทษเขา
   แต่พระราชากลับประหลาดใจ เมื่อคนสนิทกลับไม่โกรธพระองค์เลย ในทางตรงข้าม เขากลับบอกว่า
"มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลยที่ท่านขังข้าไว้ ทำไมงั้นหรือ เพราะว่าถ้าพระองค์ไม่ขังข้าไว้
ข้าตามเสด็จด้วยต้องโดนบูชายัญเป็นแน่ ๆ"

👉 อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องรู้ 👈

        นักปรัชญากำลังนั่งเรือข้ามฟาก ได้ถามคนพายเรือว่าเขารู้จักอะไรเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
และอิทธิพลที่มันมีต่อทะเลและแม่น้ำหรือไม่ คนพายเรือซึ่งเป็นชาวฮินดูก็ตอบว่า "ผมไม่ทราบเรื่องเหล่านี้
หรอก แต่สิ่งเดียวที่ผมทราบคือ พระเจ้าได้ทรงสร้างมันมา ในความสวยงามของมันและทรงบังคับการ
เคลื่อนไหวต่าง ๆ ของมัน" นักปรัชญาจึงพูดว่า "คุณได้ทำให้หนึ่งในสี่ของชีวิตของคุณสูญเสียไปเปล่า ๆ
          เวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง นักปรัชญาก็ได้ถามคนพายเรืออีกว่า "คุณรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกษัตริย์และ
พระราชินีทั้งหลายของเราบ้างไหม" ก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่ทราบครับ ผมไม่สนใจกับพวกท่าน เพราะพวก
ท่านผ่านไป แต่พระเจ้าทรงคงอยู่และทรงดีต่อผม" "อย่างนั้นคุณก็ได้ทำให้ครึ่งหนึ่งของชีวิตของคุณสูญเสีย
ไปเปล่า ๆ"
          นักปรัชญาก็ได้ตั้งคำถามใหม่ว่า "คุณรู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นใคร และพระองค์ทรงงานอย่างไรหรือไม่"
"ไม่ครับ ผมไม่ทราบเลย สิ่งเดียวที่ผมทราบคือ พระองค์ทรงมีอยู่และทรงนำทางทุกสิ่งทุกอย่าง ผมจึง
ได้ปล่อยให้ทุกสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และก็หลับดีในเวลากลางคืน"
       ผู้มีปัญญาก็ได้อุทานออกมาว่า "นี่คุณ คุณได้ทำได้ทำใช้ชีวิตสามในสี่ของคุณสูญเสียไปเปล่า ๆ นะนี่!"
       หลังจากนั้นไม่นานเกิดมีพายุฝนอย่างรุนแรง ทำให้เรือเคว้งคว้างไปมาเหมือนกับฟองน้ำ นักปรัชญา
ตกใจกลัวอย่างสุดขีด คนพายเรือจึงได้ถามเขาบ้างว่า
"คุณตกใจกลัวไปทำไม คุณว่ายน้ำไม่เป็นดอกหรือ"
"ไม่ ผมไม่เคยฝึกว่ายน้ำเลย"
"ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็ได้ทำให้ทั้งชีวิตของคุณสูญเสียไปเปล่า ๆ"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 06, 2024 8:22 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (16)🕺

👉 ทำอย่างไรถึงจะมีความสุข 👈

          ชายหนุ่มคนหนึ่ง....รู้สึกว่าชีวิตของตนน่าเบื่อหน่าย จึงขอพบพระอาจารย์เซ็นอู๋จี้เพื่อขอคำ
ชี้แนะว่า...ทำอย่างไรตนจึงจะมีความสุข
          พระอาจารย์ไม่กล่าวว่าอะไร... ได้แต่หยิบตะกร้าไผ่ใบหนึ่ง นำชายหนุ่มมายังริมแม่น้ำเล็ก ๆ
ลมเย็นโบกพัด พวกเขาเดินเลาะริมฝั่ง แล้วอยู่ ๆ พระอาจารย์อู๋จี้ก็บอกกับชายหนุ่มว่า....
"เจ้าเห็นก้อนหินที่อยู่ตามทางนั่นไหม นับจากนี้ เมื่อเจ้าเดินก้าวหนึ่งก็จงหยิบก้อนหินขึ้นมาก้อนหนึ่ง
แล้วใส่ไว้ในตะกร้าไผ่ข้างหลัง ตกลงไหม" ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่เข้าใจเจตนาของพระอาจารย์
          แต่เมื่อเห็นก้อนหินรูปทรงประหลาดมากมายริมแม่น้ำ ก็พยักหน้าด้วยความยินดี พลางเดิน
หยิบก้อนหินไปพลาง ไม่นานนัก... เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้า...
          ตะกร้าไผ่ที่สะพายอยู่ด้านหลังก็หนักอึ้งเกินกว่าจะทำให้จิตใจเบิกบาน
          ในที่สุดเขาก็เดินไปจนสุดทาง พระอาจารย์ถามเขาว่า...
"รู้สึกอย่างไรบ้าง" เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ ตะกร้าหนักขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะแบกไม่ไหวแล้ว! "
พระอาจารย์กล่าวยิ้ม ๆ ว่า..."รู้ไหม เหตุใดจึงไม่เป็นสุข... เพราะ... เจ้าแบกสิ่งของเอาไว้มากเกินไป"
          จากนั้นพระอาจารย์ก็หยิบก้อนหินในตะกร้าออกมาทีละก้อน
          พลางพูดว่า... "ก้อนนี้คือ...อำนาจ ก้อนนี้คือ...เงินทอง ก้อนนี้คือ...หญิงงาม ก้อนนี้คือ...
ความกลัดกลุ้ม ก้อนนี้คือ...ความเหงา..."
          เมื่อก้อนหินเหล่านั้นถูกโยนทิ้งไป ชายหนุ่มสะพายตะกร้าไผ่ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกเบาโล่ง
ทำให้เขาได้สติขึ้นในฉับพลัน แค่วางลงก็เป็นสุขแล้ว !
          ขอเพียงแค่ยอมวางลงความสุขก็จะล้นปรี่อยู่ทุกวัน เราจงฝึกฝนการวางลงด้วยกันเถิด
ปล่อยวางตำแหน่งหัวโขนที่ทำให้กลัดกลุ้ม

👉 คาดไม่ถึง 👈

          วันหนึ่งลูกสาวพร่ำบ่นถึงชีวิตอันแสนลำเค็ญให้พ่อฟังว่า เธอกำลังรู้สึกอับจนปัญญาที่จะจัดการ
กับชีวิต และปรารถนาที่จะยอมแพ้ด้วยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ และการแข่งขัน ประหนึ่งว่า
เมื่อสางปัญหาหนึ่งเสร็จสิ้น อีกปัญหาหนึ่งก็ก้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพ่อครัวจึง
เดินนำเธอเข้าไปในครัว จัดแจงต้มน้ำในหม้อ 3 ใบ ด้วยไฟแรงจนน้ำเดือด เขาใส่แครอทในหม้อ
ใบแรก วางไข่ลงในหม้อใบที่ 2 และตักกาแฟลงไปในหม้อใบสุดท้าย แล้วปล่อยให้มันเดือดไปเรื่อย ๆ
โดยไม่มีคำอธิบายเลย ฝ่ายลูกสาวเริ่มรู้สึกหงุดหงิดและหมดความอดทน ทั้งยังสงสัยว่าพ่อกำลังทำอะไร
20 นาทีผ่านไป เขาก็ปิดเตาแก๊ส ตักแครอทขึ้นมาวางไว้ในชาม นำไข่วางไว้ในชามอีกใบหนึ่ง และตัก
กาแฟไว้ในชามสุดท้าย
          แล้วหันไปถามลูกว่า "ลูกเห็นอะไรบ้าง" "แครอท ไข่ กาแฟ" เธอตอบ
          เขาจึงขอร้องให้เธอสัมผัสแครอท เธอจึงรู้ว่ามันนิ่ม แล้วเขาก็ให้ลูกสาวตอกไข่ เมื่อเธอแกะเปลือก
ไข่ออก ก็พบว่าไข่นั้นได้ต้มจนสุก แล้วท้ายที่สุดเขาให้ลูกสาวลองจับกาแฟดู เธอยิ้มและลิ้มรสอันหอม
กรุ่นนั้น แล้วค่อย ๆ ถามว่า "นี่หมายความว่าอย่างไรเหรอคะคุณพ่อ"
          พ่ออธิบายว่า เราได้กระทำต่อสามสิ่งนี้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน นั่นคือ น้ำเดือด แต่ผลลัพธ์มันกลับ
แตกต่างกัน จากเดิม แครอทดูแข็ง ๆ และไม่โอนอ่อนผ่อนตาม พอผ่านการต้มมันกล้านิ่มและดูอ่อนปวกเปียก
          ไข่ซึ่งดูบอบบาง มีเพียงเปลือกบาง ๆ คอยห่อหุ้มของเหลวภายใน แต่น้ำเดือดทำให้ของเหลวนั้นกลับ
แข็งขึ้น ขณะที่กาแฟกลับมีลักษณะเฉพาะตัวตลอดกาล เมื่อมาเจอน้ำเดือด น้ำต่างหากที่แปรเปลี่ยนไป
"แล้วลูกล่ะเป็นอะไร" พ่อถามลูกสาว
     เมื่อความทุกข์มาเยือน ลูกจะเตรียมรับมืออย่างไร   ลูกเป็นแครอท ไข่ หรือ กาแฟ
          แล้วคุณล่ะ ? แครอทนั้นดูแข็งโป๊กแต่เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนานาก็จะเฉา อ่อนแลและ
สูญเสียเรี่ยวแรงกำลังไป หรือจะเป็นไข่ซึ่งดูสามารถปรับุสภาพได้ในตอนแรก จิตใจอันอ่อนไหวของคุณ
จะเป็นอย่างไรหลังจากที่ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย การแตกแยก การหย่าร้าง หรือการออกจากงาน
หัวใจของคุณเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า แม้เปลือกภายนอกของคุณยังคงเดิม หากหัวใจและจิตวิญญาณของ
คุณเล่ามันปวดร้าวและได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง
        หรือคุณเหมือนเมล็ดกาแฟ เมื่อเจอน้ำเดือดอันนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ ณ อุณหภูมิสูงสูด 100 องศา
เซลเซียส กาแฟกลับมีรสชาติดีขึ้นยามนั้น หากคุณเป็นดั่งกาแฟ เมื่อถึงภาวะที่เลวร้ายที่สุด นอกจาก คุณจะ
สามารถจัดการชีวิตตนเองได้แล้ว คุณยังสามารถทำสิ่งรอบข้างให้ดีขึ้นได้ด้วย

👉 ทางลัด
          วันหนึ่ง พระเจ้าตัดสินใจจะขับรถโดยสาร ทันทีที่ผู้โดยสารขึ้นเต็มรถ รถโดยสารก็เร่งเดินเครื่อง
"เรากำลังจะไปที่ใด" ผู้โดยสารถาม
"เรากำลังไปสวรรค์"
"เราไปทางลัดดีกว่า เพราะเราทราบมาว่าทางที่จะไปต้องใช้เวลานานมาก"
"เราจะไปทางลัดก็ได้" พระเจ้าตอบ
"แต่ถ้าเราไปทางลัด เราจะไม่ได้เห็นความสนุกสนาน"
"ไม่เป็นไร"
"ตามใจ ถ้าพวกท่านต้องการอย่างนั้น"
ดูเหมือนว่าพระเจ้าเพิ่งจะเริ่มออกรถโดยสาร เมื่อพระองค์ประกาศว่า
"เรามาถึงแล้ว โปรดลงจากรถ"
"พระองค์หมายความว่า การเดินทางสิ้นสุดแล้วใช่ไหม" พวกเขาบ่น "แต่จริง ๆ เราไม่มีโอกาสเห็น
สถานที่อื่นเลย"
"เป็นความผิดของพวกท่านเอง" พระเจ้าตักเตือน "หนทางไปสวรรค์อาจจะดูเหมือนยาวนานและ
ยากลำบาก แต่ตลอดทางสวยงาม การใช้เส้นทางลัด ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะมีความสนุกสนาน
และความตื่นเต้นของการเดินทาง"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ย. 06, 2024 8:29 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (17)🕺

👉 ประตูสวรรค์ 👈

          กิลาเมผู้ใจดีเป็นหญิงที่ร่ำรวยและน้ำใจดี เธอไม่เคยปฏิเสธคนยากจน เธอจะเปิดประตูรับคนจน
และให้ความช่วยเหลือตามที่พวกเขาต้องการ เธอเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไปซึ่งต่างขนานนามเธอว่า
สตรีที่ประตูเปิดเสมอ
          เมื่อกิลาเมผู้ใจดีสิ้นชีวิต เทวดาได้นำวิญญาณของเธอไปที่ประตูสวรรค์ วิญญาณหลายดวงกำลัง
รอเข้าประตูสวรรค์
          กิลาเมมองเห็นเทวดานำวิญญาณดวงหนึ่งไปที่ประตู และได้ยินเทวดาบอกเขาว่า "ประตูนี้จะเปิด
หลังจากที่คุณเคาะสิบล้านครั้ง" "สิบล้านครั้ง"
วิญญาณบ่น "ทำไมข้าต้องเคาะนานอย่างนั้น ก่อนจะได้เข้าประตูสวรรค์"
"ถ้าท่านมีใจดีต่อเพื่อนมนุษย์ ขณะอยู่บนโลก ท่านอาจจะเคาะเพียงไม่กี่ครั้ง ประตูก็จะเปิด ยิ่งท่านมี
น้ำใจดี บนโลกมากเท่าใด หลังการตาย การเข้าประตูสวรรค์ก็จะเร็วขึ้นเท่านั้น"
          วิญญาณอีกดวงถูกขอให้เคาะประตูยี่สิบล้านครั้ง บางดวงห้าสิบล้านครั้ง...
          เทวดานำวิญญาณของกิลาเมไปที่หน้าประตูของเธอ เธอกำลังประหลาดใจว่าเธอจะเคาะกี่ครั้ง
ก่อนที่เทวดาจะพูดอะไรกับกิลาเมผู้ใจดี "ไม่ยุติธรรมเลย" วิญญาณบางดวงบ่นเพราะเขาเองต้อง
โทษนาน "ทำไมประตูของเธอเปิดออกก่อนที่เธอจะเคาะเสียอีก"
          เปโตรตอบอย่างเคร่งขรึม "ประตูสวรรค์ของกิลาเมเปิดทันที เพราะว่าขณะที่เธออยู่บนโลกนี้
ประตูบ้านของเธอเปิดเสมอเพื่อเพื่อนมนุษย์ชายหญิง โดยเฉพาะเพื่อคนยากจน ใครที่ทำเช่นเธอ
ประตูสวรรค์จะเปิดทันที
          หลังจากนั้น เปโตรก็สั่งให้กิลาเมเข้าประตูสวรรค์ที่ซึ่งฟ้าและแผ่นดินมาบรรจบกัน

👉 ข้อความในหนังสือ 👈

          ฤาษี 2 รูปอ่านพบข้อความในหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งของห้องสมุดอารามว่า สุดปลายแผ่นดิน
โลกนี้เป็นสถานที่ที่ฟ้าและแผ่นดินมาบรรจบกัน ดังนั้น เขาทั้งสองจึงตัดสินใจออกเดินทางเพื่อค้นหา
สถานที่แห่งนั้น และเขาก็ตั้งใจว่าเขาจะไม่กลับไปก่อนที่จะได้พบสถานที่นั้น
          เขาออกเดินทางท่องโลก ผ่านพ้นภยันตรายมากมาย ต้องเผชิญกับความอดอยากและความ
ทรมานนานัปการ อีกทั้งต้องถูกประจญทุกอย่างที่ขัดขวางมิให้เขาบรรลุความตั้งใจนั้น แต่เขาทั้ง 2
ก็เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ มาได้
          เขารู้ว่าสถานที่เขาค้นหานั้นมีประตูอยู่บานหนึ่ง เพียงแต่เขาผลักประตูบานนี้เท่านั้น เขาก็จะได้
พบพระพักตร์พระเป็นเจ้า และในที่สุด เขาก็ได้พบประตูบานนั้น เขาเคาะประตู หัวใจเต้นระทึก ประตู
เปิดออกช้า ๆ ฤาษีทั้ง 2 เดินเข้าไป ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น กังวลและ....เขาก็ได้พบว่า เขาได้มาอยู่ใน
ห้องส่วนตัวของเขาที่อารามนั่นเอง

👉 4 ส่วนของโลก 👈

          ศาสตราจารย์ผู้รอบรู้คนหนึ่งกำลังเดินทางเพื่อไปบรรยายสอนครั้งสำคัญ ขณะนั้นฝนตกหนัก
เมื่อฝนหยุดตก น้ำในแม่น้ำก็สูงขึ้นท่วมสะพานที่เขาจะต้องใช้ เขาไม่สามารถข้ามไปอีกฝั่งได้ จึงตก
ลงใจจ้างช่างไม้ซึ่งเป็นเจ้าของเรือให้พายไปส่งเขา
          ขณะที่ช่างไม้กำลังเตรียมเรือ ศาสตราจารย์ถามเขาว่า
"เธออาศัยอยู่แถวนี้ คงจะห่างไกลความเจริญ เธอจะรู้ข่าวคราวจากหนังสือพิมพ์ได้อย่างไร"
"ผมไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์ ข่าวคราวที่ผมได้รับส่วนมาก ก็มาจากวิทยุและโทรทัศน์" ชายช่างไม้
ตอบขณะที่เขาเอาเรือลงน้ำ "น้องชายที่รัก" ศาสตราจารย์ตอบ
"ใครก็ตามที่ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน เท่ากับเขาสูญเสียโลกไปซีกหนึ่งแล้ว"
          ขณะที่ศาสตราจารย์ขึ้นไปบนเรือ เขาถามต่อไปว่า
"คงมีห้องสมุดใกล้ ๆ ที่เธอสามารถจะมีหนังสือดี ๆ ไว้อ่านได้ใช่ไหม"
          ขณะที่จับพายไว้ในมือ ช่างไม้สั่นศีรษะ พร้อมกับพูดว่า "ผมไม่ได้อ่านหนังสือมาเป็นปี ๆ แล้ว"
"ถ้าเธอไม่อ่านหนังสือ เธอก็สูญเสียโลกไปอีกซีก" เขาพูดเศร้า ๆ สักครู่เขาพูดต่อว่า
"แล้วเธอเล่นดนตรี ฟังดนตรี หรือไปดูละครบ้างไหม"
          ช่างไม้กำลังออกแรงพายฝ่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เขาบ่นพึมพำว่า "ผมไม่สนใจไปดูละคร
หรือฟังดนตรี เพราะมันแพงมาก และสถานที่แสดงก็อยู่ไกลด้วย ผมคิดว่าผมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ
วัฒนธรรมจากโทรทัศน์"
          ศาสตราจารย์ฟังด้วยความฉงนสนเท่ห์ "ถ้าไม่มีละคร ดนตรี เท่ากับคุณสูญเสียโลกไปอีกซีกหนึ่ง"
          ทันใดนั้นเรือกระแทกกับหินและพลิกคว่ำ ช่างไม้ตะโกนถามศาสตราจารย์ว่า "คุณว่ายน้ำเป็นไหม"
"ไม่เป็น" ศาสตราจารย์ตะโกนด้วยความกลัว
"ผมว่าคุณน่ะสูญเสียโลกไปทั้ง 4 ส่วนแล้ว ช่วยจับพายที่มือผมไว้แน่น ๆ แล้วผมจะดึงคุนขึ้นฝั่งอย่าง
ปลอดภัยไปสู่โลกที่คุณวาดไว้อย่างสวยงาม"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ก.ย. 07, 2024 12:47 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ ( 1 8 )🕺

👉 เหรียญทอง 300 เหรียญ 👈

          นานมาแล้วมีช่างทำรองเท้าคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่พอใจและมีความสุขมากกับชีวิต ผู้คนที่เดิน
ผ่านไปมาจะหัวเราะทักทายและโบกมือให้เขา ทุกครั้งที่เห็นเขาร้องเพลงเสียงดังอย่างมีความสุข
ขณะทำรองเท้า หลายคนแวะร้านของเขาเพียงเพื่อจะเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเขา
          ในบรรดาผู้คนมากมายที่เห็นช่างทำรองเท้า มีนายธนาคารคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียด
ยิ้มน้อย และแทบจะไม่เคยร้องเพลงเลย เขามีปัญหาเรื่องการนอน เขานอนไม่ค่อยหลับ แรก ๆ เขา
หงุดหงิดกับช่างรองเท้าที่อารมณ์ดี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เขากลับรู้สึกประทับใจ ที่สุดนายธนาคาร
ตัดสินใจแวะไปเยี่ยมช่างทำรองเท้า และได้ค้นพบเคล็ดลับความสุขของเขา
          หลังจากชายสองคนสนทนากันพักหนึ่ง นายธนาคารถามช่างทำรองเท้าว่า "ท่านร่ำรวยมาก
ใช่ไหม ขอโทษด้วยนะที่ถามคำถามนี้ แต่ละปีท่านมีรายได้มากน้อยแค่ไหน"
"ครอบครัวของเราใช้ชีวิตอยู่อย่างยากจน" ช่างทำรองเท้าตอบ "บางวันมีเพียงงานแค่ซ่อมรองเท้า
ไม่มีใครมาซื้อสินค้าเลย ร้านนี้ปิดวันฉลอง เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีรายได้เมื่อเราไปทำพิธีฉลองนักบุญ
ฉันไม่สามารถให้ตัวเลขที่แน่นอนของรายรับได้"
"ท่านช่างเป็นคนซื่อที่น่าทึ่งจริง ๆ" นายธนาคารพูด
"ฉันจะช่วยท่านแก้ปัญหาด้านการเงิน ในเมื่อท่านแบ่งปันชีวิตของท่านให้ฉัน จงเอาเงิน 300 เหรียญทองนี้
ไปเถิด และใช้มันเมื่อท่านต้องการหรือมีความจำเป็น"
          ช่างทำรองเท้าดีใจมาก เขากลับบ้านพร้อมกับเหรียญทอง 300 เหรียญ และจัดการฝังซ่อนไว้ตรง
มุมบ้าน เรื่องนี้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไป เขามักจะออกจากร้าน และกลับบ้านทุกครั้งที่คนในครอบครัว
ออกไปข้างนอก โดยคิดว่าอาจจะมีคนมาขโมยทรัพย์สมบัติของเขา เขานอนไม่หลับหลายคืน เพราะกลัว
คนจะมาขโมยเงินที่ฝังไว้ เพื่อน ๆ สังเกตว่าเขาไม่ได้ร้องเพลงอย่างร่าเริงสนุกสนานเหมือนแต่ก่อน เขา
ไม่ไว้ใจคนที่มาแวะร้านเขาเพียงเพื่อสนทนาปราศรัยเท่านั้น
          ในที่สุดช่างทำรองเท้าไปหานายธนาคารพร้อมกับถุงทอง
"ขอบคุณจริง ๆ สำหรับความใจดีของท่าน แต่ฉันไม่สามารถเป็นเจ้าของเหรียญทอง 300 เหรียญนี้ได้
ขอได้โปรดรับคืนไปเถิด เพื่อฉันจะได้มีความสุขกับการร้องเพลง การนอนหลับสบาย และมีความสุขกับ
เพื่อน ๆ เหมือนเดิม ฉันรู้สึกว่าเมื่อฉันมีเงินฝังไว้ ฉันได้ฝังความสุขสันติตามไปด้วย"

👉 ทะเลทรายที่ร้อนระอุ 👈
          กลางทะเลทรายที่หาน้ำได้ยากนั้น มีต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งเจริญเติบโตอยู่
          ต้นนั้นเป็นความภาคภูมิใจของทะเลทรายที่ไม่มีน้ำ และร่มเงา
          ใต้ต้นไม้ต้นนั้นมีเงาอันร่มรื่น รอบ ๆ ต้นไม้มีแอ่งน้ำให้ความสดชื่น
          ผู้คนต่างชุ่มชื่นใจเมื่อได้อยู่ใต้ต้นไม้นั้น เหงื่อร้อน ๆ จะกลายเป็นหยดน้ำอันเย็นฉ่ำ
คอก็หายแห้งผาก
          เจ้าของแอ่งน้ำคิดจะขายน้ำในแอ่งนี้ให้นักท่องเที่ยว เพราะเขาอยากได้เงินมาก ๆ
"แอ่งน้ำจะทำให้ฉันกลายเป็นเศรษฐี" เจ้าของแอ่งน้ำอารมณ์ดีมาก
          เช้าวันหนึ่งขณะที่เจ้าของแอ่งน้ำออกมาจากบ้านเพื่อขายน้ำ
เขาสังเกตว่าที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นนั้นมีน้ำอยู่เต็มต้น ดูสิต้นไม้นั่นดูดน้ำจากแอ่งน้ำของฉันไป
แต่ความจริงแล้ว น้ำเหล่านั้นคือน้ำค้างที่ต้นไม้ดูดซับไว้ต่างหาก ต้องตัดต้นไม้ต้นนั้น แล้วเอา
น้ำในต้นไม้ไปใส่ในแอ่งน้ำ น้ำในแอ่งจะได้มีมากกว่าเดิม แล้วฉันก็จะได้เงินเพิ่มมากขึ้น เจ้าของ
แอ่งน้ำจึงนำเลื่อยมาตัดต้นไม้
          หลายวันผ่านไป ขณะที่เจ้าของแอ่งน้ำออกมาขายน้ำ เขาก็ต้องตกใจ เพราะแอ่งน้ำของเขา
แห้งเหือด ไม่มีน้ำเหลือเลยสักหยด
          เมื่อก่อน ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นช่วยกำบังลมและป้องกันแดด น้ำในแอ่งน้ำจึงมีอยู่เต็ม แต่พอไม่มี
ต้นไม้นั้นแล้ว น้ำในแอ่งน้ำจึงเหือดแห้งหมด เจ้าของแอ่งน้ำรู้สึกเสียใจในความโลภของตัวเอง
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

👉 การซ่อนตัวของพระเจ้า 👈

          ในยุคแห่งการเริ่มต้นของกาลเวลา มีตำนานที่เล่าขานกันถึงเรื่องที่พระเจ้าทรงปรารภถึงการที่
จะซ่อนพระองค์ไว้ในสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น ขณะที่พระเจ้าทรงครุ่นคิดหาวิธีการที่ดีที่สุดอยู่นั้น เหล่าเทวทูต
ทั้งหลายก็ห้อมล้อมอยู่รอบพระองค์
"เราประสงค์จะะซ่อนตัวเราไว้ในสิ่งที่เราได้สร้างขึ้น" พระเจ้ารับสั่งแก่เหล่าเทวทูต
"ซึ่งสถานที่นั้นจะต้องไม่ใช่สถานที่ซึ่งจะหาเราได้ง่ายนัก ทั้งนี้เพราะในการแสวงหาตัวเรานั้น สรรพสิ่ง
ทั้งหลายที่เราสร้างขึ้น ย่อมจะต้องมีความเจริญเติบโตทั้งทางด้านจิตวิญญาณและความเข้าใจด้วย"
"ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงไม่ซ่อนพระองค์ให้ลึกที่สุดใต้พื้นพิภพล่ะ พระเจ้าข้า?" เทวทูตองค์แรกถวายการ
เสนอแนะ
          พระเจ้าทรงครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ก่อนจะตอบว่า "ไม่ได้หรอก เพราะอีกไม่นานมนุษย์ก็จะเรียนรู้วิธี
การที่จะขุดเพื่อค้นหาแร่ธาตุ อันเป็นทรัพย์ที่มีคุณค่ามหาศาลซึ่งซ่อนอยู่ใต้พื้นพิภพนั้น ขณะเดียวกัน
พวกเขาก็จะค้นพบเราในเวลาอันรวดเร็วเกินไป จนไม่มีเวลาพอที่จะสร้างความเจริญเติบโตให้กับ
จิตวิญญาณของตนเอง "ถ้าเช่นนั้นทำไมไม่ซ่อนพระองค์ไว้ในดวงจันทร์ของพวกเขาล่ะ พระเจ้าค่ะ?"
เทวทูตอีกองค์หนึ่งเสนอแนะขึ้นบ้าง
          พระเจ้าทรงใช้ความคิดอยู่กับเรื่องนี้อีกเป็นครู่ ในที่สุดก็ตอบว่า
"ไม่ได้ แม้ว่ามันจะใช้เวลานานกว่าใต้พื้นพิภพอยู่บ้าง แต่อีกไม่นาน พวกเขาก็จะเรียนรู้วิธีการบิน
ผ่านอวกาศไปยังดวงจันทร์ และเมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พวกเขาก็จะสำรวจความเร้นลับทั้งหลายของ
ดวงจันทร์ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า พวกเขาจะค้นพบเราในเวลาที่รวดเร็ว จนไม่มีเวลามากพอที่จะสร้าง
ความเจริญเติบโตให้กับตนเองด้วยเช่นกัน"
          เมื่อได้ยินพระเจ้ารับสั่งเช่นนั้น บรรดาเทวทูตทั้งหลายต่างก็อับจนปัญญาที่จะหาสถานที่ซ่อน
ให้กับพระองค์ได้ ความเงียบจึงปกคลุมอยู่เป็นเวลานานมาก
          ในที่สุดเทวทูตองค์หนึ่งก็ทำลายความเงียบขึ้น
"ทำไมพระองค์จึงไม่ทรงคิดที่จะซ่อนพระองค์อยู่ในหัวใจของพวกเขาเสียเลยเล่าพระเจ้าข้า เพราะ
พวกมนุษย์ย่อมไม่เคยคิดที่จะค้นหาสิ่งที่แฝงอยู่ในหัวใจของพวกเขาอยู่แล้ว"
"ใช่เลย" พระเจ้าทรงอุทานด้วยความปราโมทย์ ที่บัดนี้ทรงหาสถานที่เหมาะสมที่จะซ่อนพระองค์ได้แล้ว
          และนับแต่นั้นเป็นต้นมา พระเจ้าจึงซ่อนพระองค์อย่างลึกล้ำ อยู่ภายในหัวใจของมนุษย์ทั้งหลายที่
ทรงรังสรรค์ขึ้น และทรงซ่อนอยู่จนกระทั่งถึงเวลาที่มนุษย์ได้มีจิตวิญญาณที่เจริญเติบโต และมีความเข้าใจ
อย่างท่องแท้มากพอที่จะเสี่ยงกับการเดินทางอันยิ่งใหญ่ เข้าไปสู่แก่นแห่งความเป็นตัวตนอันจริงแท้ และ
ณ ที่นั้น มนุษย์จึงได้ค้นพบพระผู้สร้าง และได้ประสานจิตวิญญาณให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
เพื่อความเป็นนิรันดร์
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 09, 2024 10:11 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้] 💠

💃 ตอนที่ (19)🕺

👉 แจกันวิเศษ 👈

กาลครั้งหนึ่ง มีครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็ก ๆ ซึ่งปลูกอยู่ในที่
ห่างไกลความเจริญ ทุกคนในครอบครัวล้วนแล้วแต่พยายามที่จะทำให้บ้านของพวกเขาเป็นบ้านที่มี
ความสุข แต่มันเป็นช่วงเวลาข้าวยากหมากแพง การที่จะหางานทำก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเวลาผ่านไป
ความสิ้นหวังก็ดูจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ซึ่งความรู้สึกสิ้นหวังนี้สะท้อนให้เห็นแม้แต่กับบ้านที่พวกเขาอยู่อาศัย
เพราะเมื่อมาถึงวันนี้ พวกเขาไม่สนใจที่จะทำความสะอาด แม้แต่จะเช็ดหน้าต่าง ไม่ดูแลรักษาสวนไม้ดอก
เล็ก ๆ หน้าบ้านอีกต่อไป สีที่ฉาบไว้ตรงประตูหลุดร่วงเป็นแผ่น มีรอยแตกร้าวเกิดขึ้นทั่วผนังของตัวบ้าน
วันหนึ่ง ลูกชายคนโตของครอบครัวได้เดินอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งถึงตลาด เจ้าของร้านค้าต่าง
แสดงสินค้าในร้านของตนไว้ตามชั้นตั้งของขาย และมีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดอยู่รอบตัวมากมาย ดังนั้นแทน
ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง ชายหนุ่มกลับพบว่าตนเองบังเกิดความตื่นเต้นกับบรรยากาศในตลาดเช้าแห่งนี้ไปด้วย
เขาหยุดยืนดูผู้คนที่กำลังซื้อผักและผลไม้ ซื้อขนมปังที่เพิ่งสุกใหม่ ๆ จากเตาอบ และเค้กก้อนใหญ่
ที่น่ากินเหลือเกิน เมื่อมองไปยังแผงขายปลาก็เห็นผู้คนเข้าแถวรอซื้ออยู่มากมาย และเมื่อเดินผ่านร้าน
ขายดอกไม้ เขาก็สูดกลิ่นหอมของดอกไม้ช่วงฤดูร้อนเข้าไว้เต็มปอด
แต่ร้านขายของที่ดึงดูดใจเขามากที่สุดกลับเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ขายสินค้ามือสอง ซึ่งซุกอยู่ตรงมุมหนึ่ง
ของตลาดอย่างเงียบ ๆ เด็กหนุ่มแน่ใจว่า เขาไม่เคยสังเกตเห็นร้านนี้มาก่อน ดังนั้นจึงหยุดยืนดูแล้วก็ได้
พบว่า ตรงมุมมืดของชั้นวางของมีแจกันสวยใบหนึ่งตั้งแอบอยู่ เขาคลำเหรียญเงินที่อยู่ในกระเป๋าอย่าง
รวดเร็ว แล้วก็พบว่ามีเงินพอซื้อแจกันใบนั้นได้ตามราคาพอดี แต่นั่นหมายถึงว่าเขาจะไม่มีเงินเหลือไว้
ซื้อสิ่งอื่นได้อีกเลย
"ช่างเถอะ..." เขาคิดในใจ "ถึงแม้เราจะต้องมัธยัสถ์กว่าเดิม แต่เราก็ยังจะซื้อแจกันใบนี้อยู่ดี เขารู้ว่า
แม่จะต้องชอบมาก...ไม่ใช่แต่แม่คนเดียวหรอก ใครเห็นก็ต้องชอบ" เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ยื่นเงินทั้งหมด
ที่มีอยู่ให้กับเจ้าของร้าน
ขณะที่ชายเจ้าของร้านห่อแจกันใบนั้นด้วยกระดาษสีน้ำตาล เขาก็กล่าวกับเด็กหนุ่มว่า
"มีความสุขที่ได้ซื้อแจกันใบนี้แล้วใช่ไหม... เอาละ รักษามันให้ดี ๆ ก็แล้วกัน เพราะนี้แหละแจกันวิเศษล่ะ"
คำพูดที่แฝงความหมายลึกลับของเจ้าของร้านก้องอยู่ในหูของเด็กหนุ่ม เขารีบกลับบ้านพร้อมแจกัน
ใบนั้นด้วยภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
แล้วเขาก็พบว่า สมาชิกทุกคนในครอบครัวต่างดีใจที่ได้เห็นแจกันสวยใบนี้ ไม่มีใครคิดจะต่อว่า
ที่เขาเอาเงินแม้กระทั่งเหรียญสุดท้ายไปซื้อแจกันใบนี้มาเลย ทุกคนต่างพูดไปในทางที่ดี ซึ่งตรงข้ามกับ
ที่เขาคิดทั้งสิ้น
ต่อมา เมื่อพ่อได้เห็นแจกันใบนั้นเข้า เขาก็บังเกิดความรู้สึกว่า ห้องที่อยู่อาศัยกันนั้นมันช่างซอมซ่อ
เต็มที ดังนั้น เขาจึงขึ้นไปยังห้องใต้เพดาน หยิบแปรงกับถังสีลงมา และลงมือทาสีห้องเสียใหม่
เมื่อลูกชายคนที่ 2 สังเกตเห็นว่าห้องมีสีสันสวยงามขึ้น เพราะพ่อเพิ่งทาสีใหม่ ในรอบปี เขาก็รีบไป
ตักน้ำมาล้างทำความสะอาดหน้าต่างเป็นครั้งแรก
ภายนอก เมื่อลูกชายคนที่ 3 ทอดสายตามองผ่านหน้าต่างกระจกออกไป เขาจึงได้เห็นสภาพของ
สวนไม้ดอกว่ามันทรุดโทรมมากเพียงไร จึงรีบเดินออกไปข้างนอก และลงมือแต่งสวนเสียใหม่
เมื่อลูกชายคนที่ 4 ของครอบครัวได้เห็นสวนไม้ดอกที่ได้รับการยกร่องขึ้นใหม่ เขาก็เริ่มลงมือเพาะ
เมล็ดพันธุ์ไม้ดอก และเฝ้ารดน้ำมันด้วยความรักตลอดฤดูใบไม้ผลินั้น
เมื่อฤดูร้อนมาถึง ลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวได้ออกไปเล่นในสวน และเจ้าหล่อนก็สังเกตเห็น
ดอกไม้ที่ผลิดอกเบ่งบาน จึงเก็บรวมกันเป็นช่อใหญ่เอามาให้แก่มารดา
"แม่จ๋า....หนูเก็บดอกไม้มาให้ แต่นี่เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ" สาวน้อยบอก "แล้วที่หนูเก็บเอา
มาให้แม่เพราะหนูรักแม่จ้า"
คำพูดของลูกสาวทำให้ผู้เป็นมารดามีความปลาบปลื้มใจอย่างยิ่ง หยาดน้ำตาเอ่อล้นขึ้นด้วย
ความปิติ รู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก ขณะปักช่อดอกไม้แสนสวยลงในแจกันวิเศษ...

👉 ดอกทานตะวันกับนกกระจอก 👈

ระหว่างลังไม้เก่า ๆ กับเครื่องซักผ้าที่มีสนิมจับเกรอะกรัง ต้นทานตะวันเล็ก ๆ ต้นหนึ่งงอกงามขึ้น
เธออยู่ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกองขยะ เป็นต้นไม้ต้นเดียวในแถบนั้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไม
ต้นทานตะวันจึงตัองไปขึ้นอยู่ตรงนั้น ทั้งที่มีที่ให้มันขึ้นอยู่ถมไป...?
ดอกทานตะวันมีชีวิตอยู่ด้วยความเศร้า ในยามราตรีมันจะเฝ้าฝันมองท้องทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วย
ดอกไม้หลากสีสัน มีฝูงผีเสื้อที่บินวนอยู่รอบ วันหนึ่งเจ้านกกระจอกน้อยตัวหนึ่งบินมาเกาะอยู่ตรงหน้า
เธอ มันเฝ้าจับตามองเธออยู่ จะงอยปากเผยออ้า "เธอช่างเป็นดอกไม้ที่สวยเหลือเกิน...สวยจริง ๆ"
"ฉันไม่สวยหรอก" ดอกทานตะวันตอบเศร้า ๆ
"เจ้าต้องเห็นพี่น้องของฉัน พวกเธอมีขนาดใหญ่กว่าฉันตั้งสิบเท่าแน่ะ ฉันน่ะทั้งเล็กทั้งน่าเกลียด"
"แต่สำหรับฉันแล้ว... เธอเป็นดอกไม้ที่สวยเหนือกว่าใครเลย" นกกระจอกบอกก่อนจะบินจากไป
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา... นกกระจอกก็แวะเวียนมาเยี่ยมดอกทานตะวันอยู่ไม่ขาด และทุกวันที่
ผ่านไป ต้นทานตะวันก็จะสูงขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย สีสันของดอกก็เริ่มสดขึ้น... และสดขึ้นเรื่อย ๆ บัดนี้
ทั้งดอกทานตะวันและนกกระจอกได้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
แต่แล้ววันหนึ่ง นกกระจอกไม่ได้มา... และมันไม่ได้ปรากฏตัวใช้เห็นอีกเลย ไม่ว่าจะอีกกี่วันต่อมา...
ดอกทานตะวันเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างมาก
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อเธอตื่นขึ้นก็เห็นนกระจอกนอนอยู่ตรงหน้า เหยียดปีกกว้าง ดอกทานตะวันตกใจมาก
"นี่เจ้าตายแล้วหรือเพื่อนน้อย ๆ ของฉัน...? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...?"
นกกระจอกค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ มันกล่าวว่า
"สองสามวันที่ผ่านมานี่ ข้าหาอะไรกินไม่ได้เลย และตอนนี้ข้าก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว ที่ข้ามาที่นี่เพราะ
อยากจะมาตายใกล้เจ้าเท่านั้น"
"ไม่นะ... ไม่..." ดอกทานตะวันร้อง
"เดี๋ยว... รอเดี๋ยวก่อน...! "
เธอรีบโน้มดอกขนาดใหญ่ลงไปหา ซึ่งทำให้เมล็ดทานตะวันในดอกร่วงลงสู่พื้นดิน
"เก็บมันกินสิเพื่อนรัก มันจะช่วยให้เจ้ามีกำลังขึ้นมาได้"
เจ้านกกระจอกใช้กำลังที่พอจะเหลืออยู่ขบเมล็ดทานตะวันนั้น แล้วก็นอนนิ่งความเหนื่อยอ่อน
วันรุ่งขึ้นนกน้อยก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น มันอยากจะบินไปหาดอกทานตะวันเพื่อขอบใจเธอ
แต่แล้วก็ต้องหัวใจสลายเมื่อเห็นเธอเข้า ทั้งนี้เพราะกลีบดอกสีเหลืองของเธอเริ่มเหี่ยวเฉา ใบของ
หล่อนห้อยอย่างไร้ชีวิต
"นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ ดอกทานตะวัน...?" นกน้อยถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
"ไม่ต้องห่วงฉันหรอก" ดอกทานตะวันตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
"เวลาของฉันหมดลงแล้ว เจ้ารู้ไหมว่า...ฉันเคยคิดเสมอว่า การดำรงอยู่ของฉันมันช่างไร้ความหมาย
เสียเหลือเกิน..."
"แต่เมื่อมาถึงเวลานี้ ฉันจึงได้รู้ว่า ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์อยู่แล้ว แม้ว่าเราจะไม่ค่อยเข้าใจ
ในจุดประสงค์นั้นสักเท่าไรก็ตาม...ถ้าไม่มีเจ้า... ฉันก็คงจะหมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว และ
ถ้าไม่มีฉัน เจ้าก็อาจสูญเสียชีวิตไปแล้ว..."
"แต่... เจ้าลองก้มลงดูสิ... ขณะนี้มีเมล็ดทานตะวันเกลื่อนอยู่เต็มพื้นดิน และสักวันหนึ่งที่ตรงนี้ก็จะมีต้น
ทานตะวันเกิดขึ้นอีกมากมาย จากนี้ก็จะมีนกกระจอกตัวน้อย ๆ อย่างเจ้านี่แหละ ที่มาบินวนเวียนอยู่รอบ ๆ
เหมือนฝูงผีเสื้อยังไงล่ะ"
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 09, 2024 10:20 pm

🪅 HAPPY  LIFE  เรื่องสั้นอ่านสนุก 🪅
💠 ผู้แต่ง : สุวนารถ  กวยมงคล [พ่อมี้]

💃 ตอนที่ (20)🕺

👉 ต้อนรับสมาชิกใหม่👈

          หญิงสาวคนหนึ่งมีความสำเร็จในชีวิตอย่างสูง วันหนึ่งเธอประสบอุบัติเหตุรถชนทำให้เธอ
เสียชีวิต วิญญาณของเธอถูกนำมาถึงสวรรค์ เธอได้พบท่านนักบุญเปโตรที่ประตูสวรรค์
ท่านนักบุญกล่าวว่า "ขอต้อนรับสู่สวรรค์ แต่ก่อนที่ลูกจะเข้าสวรรค์มีปัญหานิดหน่อย เป็นเรื่องแปลก
มากืพ่อไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ไม่รู้จะจัดการอย่างไร ตัดสินอย่างไรดี"
          หญิงสาวบอกว่า "ไม่มีปัญหาหรอกท่านนักบุญ ปล่อยให้ฉันเข้าสวรรค์ก็หมดเรื่องแล้ว"
          ท่านนักบุญเปโตรพูดต่ออีกว่า "พ่อก็อยากทำอย่างนั้น แต่มันเป็นกฎที่เคร่งครัด กรณีของ
ลูกที่ไม่ชัดเจน ให้ลูกเดินชมสวรรค์และนรกก่อนแล้วค่อยเลือก"
          หญิงสาวบอกว่า "ไม่ต้องชมก็ได้"
          แต่ท่านนักบุญเปโตรย้ำว่า "มันเป็นกฎ"
          ท่านจึงพาหญิงสาวลงลิฟต์ไปทันที เธอแปลกใจมากที่นรกน่าอยู่มาก มีสนามหญ้าเขียวขจี
สนามกีฬา มีร้านอาหารหรู ๆ ร้านอาหารใหญ่ ๆ มีร้านเหล้ามากมาย มีร้านกาแฟนำสมัย มีไนท์คลับ
เธอพบเพื่อนเก่าที่สนิทมากมาย เพื่อนร่วมธุรกิจมากมาย ทุกคนใส่เสื้อผ้าสวย ๆ มาทักทายเธอย่างดี
ทุกคนเดินมา คุย กอด จูบเธอเหมือนเมื่อตอนที่อยู่ในโลก พาเธอไปเดินเล่น ว่ายน้ำ กินสเต็ก กุ้งล็อบสเตอร์
เธอพบปีศาจเป็นชายหนุ่มรูปงาม สง่างามน่ารัก เธอใช้เวลาอย่างสนุกสนานมากตลอดทั้งวัน เธอรู้สึก
ประทับใจ ก่อนที่เธอจะจากไป เธอบอกตัวเองว่านี่เป็นสวรรค์สำหรับฉัน
          เธอเดินขึ้นลิฟต์ที่จะพาเธอไปสวรรค์ ท่านนักบุญเปโตรบอกว่า "มีเวลา 1 วันที่นี่ก่อนเลือก"
        บนสวรรค์มีเมฆสวย เสียงเพลงเพราะบรรเลงทั่วทั้งสวรรค์ เพลิดเพลินดีเหมือนกัน สวรรค์ สงบร่มเย็น
เห็นบรรดานักบุญยิ้มแย้มแจ่มใสทั้งวัน ยังดูไม่ครบเพราะหมดเวลาเสียก่อน ในสวรรค์นั้นกว้างใหญ่มาก
วันเดียวไม่พอ ท่านนักบุญเปโตรมารับเธอเพราะหมดเวลาแล้ว และถามหญิงสาวว่า "ลูกอยากอยู่ที่ไหนมาก
กว่ากัน ตามความรู้สึกของลูก" หญิงสาวตอบว่า "สวรรค์ยิ่งใหญ่จริง แต่สำหรับฉันนรกน่าอยู่มาก ๆ" ท่าน
นักบุญเปโตรไม่ว่าอะไรรีบกดลิฟต์พาเธอไปนรกตามใจปรารถนา เมื่อเปิดประตูลิฟต์ เธอตกใจมาก เธอ
เห็นภาพน่าเกลียด น่ากลัว น่าขยะแขยงทั่วไปหมด มันว่างเปล่าน่าขนหัวลุก ไม่มีวี่แววเหมือนเมื่อวานเลย
มีแต่กองขยะสกปรกเน่าเหม็นเต็มไปหมดทุกที่ เพื่อน ๆ ที่เธอได้พบครั้งก่อนใส่เสื้อผ้าสกปรก เก็บขยะกิน
และยังเก็บใส่ย่ามไปอีก เธอตกใจพูดออกมาว่า "ฉันไม่เข้าใจ เมื่อวานฉันมาที่นี่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ แต่มีทุก
อย่างที่สมบูรณ์แบบเหมือนในโลก มีสนามกีฬา มีภัตตาคาร ไนท์คลับ ที่อำนวยความสะดวกสบายทุกอย่าง
มีสระน้ำ มีร้านอาหาร มีอาหารเลิศรส ทำไมเหลือแต่กองขยะ สิ่งสกปรกทั้งหลาย ปีศาจเดินเข้ามาด้วยท่า
ทางน่าเกลียดน่ากลัว มันพูดด้วยเสียงสะใจว่า "เมื่อวานแค่ต้อนรับสมาชิกใหม่เท่านั้น
วันนี้และตลอดนิรันดรเป็นแบบนี้แหละ เจ้าเลือกของเจ้าเอง"

👉 ขุมทรัพย์ที่แท้จริง 👈

          นานมาแล้วมีเรื่องเล่าถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ Peter เขาพบลายแทงขุมทรัพย์มหาศาล เขาตั้งใจจะ
ไปตามล่าขุมทรัพย์ทันทีที่มีโอกาส เขาตัดสินใจเด็ดขาดจึงหนีออกจากบ้าน เพราะถ้าบอกพ่อ เขาอาจไม่
ได้ไป การเดินทางของเขาเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่อย่างไรก็ดี เขาไม่สิ้นหวัง เขาเดินเข้าสู่ป่าทึบ
ตามที่ลายแทงบอกทันที ทั้งกลัว ทั้งหนาว ทั้งมืด เวลาผ่านไป 2 วัน เขาคิดใจว่า "จะทำอย่างไรดี คนเดียว
คงยากแน่ ๆ ที่จะหาขุมทรัพย์ได้"
          เขารีบเดินไปที่ถ้ำสิงโตทันที เพราะรู้ดีว่าสิงโตเป็นเจ้าป่า การเดินทางหาขุมทรัพย์น่าจะง่ายขึ้น สิงโต
รับคำว่าจะช่วยเหลือ และจะแบ่งขุมทรัพย์กัน สิงโตเป็นสัตว์ที่ฉลาดและแข็งแรง มันพา Peter ผ่านป่าไปได้
อย่างสบาย เพราะสิงโตไม่เพียงชำนาญเส้นทางเท่านั้นแต่ยังคุ้มครอง Peter ได้อย่างดี เมื่อผ่านป่าทึบออกมา
ลายแทงบอกว่า "ต้องข้ามภูเขาใหญ่ไป" ทั้ง Peter และสิงโตจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี Peter กับสิงโตจึง
ตกลงกันไปขอความช่วยเหลือจากนกอินทรี นกอินทรีเป็นผู้มีสายตาดีเยี่ยม มองไกลหลายกิโลเมตร สามารถ
เห็นอันตรายก่อนที่จะถึงตัวได้ นกอินทรีตกลงช่วยเหลือแต่ต้องแบ่งขุมทรัพย์ให้ด้วย
          หนทางที่ทั้ง 3 ต้องผ่านยากลำบากมากขึ้น แต่ด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็ผ่านไปได้ คอยพยุง
คอยดัน คอยเตือนกันตลอดทาง ไม่ว่าจะเจอภูเขาที่สูงเท่าไร หรือทางขรุขระแค่ไหนก็ผ่านไปได้ด้วยกัน บางที
สิงโตลื่น Peter ก็ช่วยพยุงไว้ได้ ลายแทงบอกว่า "ต้องผ่านหุบเขาที่หนาวเย็นที่สุดไป ทั้ง 3 คิดว่าจะทำอย่างไรดี
สงสัยว่าคงจะไปต่อไม่ได้ เลยตกลงกันว่า ต้องหาเพื่อนเพิ่ม และตัวนั้นก็คือแกะขนปุย แกะตัวนี้มีขนที่ยาวเพื่อ
ป้องกันความหนาวได้ดี แกะตกลงว่าจะช่วยเหลือแต่จะต้องแบ่งขุมทรัพย์ให้ด้วย
          เมื่อทั้ง 4 เดินเข้าหุบเขาที่หนาวเหน็บ ทุกตัวเดินมาซุกตัวไว้กับแกะขนปุยเลยรอดชีวิตและผ่านไปได้
ทั้ง 4 เดินหน้าต่อไป และต้องตกใจเมื่อเผชิญหน้ากับทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ทุกตัวรวมทั้ง Peter หมดหวัง
จะทำอย่างไรดี ไม่ใช่ไม่ได้ขุมทรัพย์เท่านั้น แต่จะเอาชีวิตมาทิ้งที่ทะเลทรายด้วย ทั้ง 4 ตกลงกันว่าต้องหา
ผู้ช่วย ที่ทะเลทรายเพื่อจะผ่านไปให้ได้ ทั้ง 4 ไปขอให้อูฐช่วย อูฐมีคุณสมบัติพิเศษ เดินไปได้สบาย ๆ
ทนหนาว ทนร้อน และรู้วิธีการเอาตัวรอดในทะเลทรายได้เป็นอย่างดี
          ทั้ง 5 เริ่มออกเดินทางอย่างหฤโหด ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ก็ผ่านไปได้อย่างดีด้วยความ
ช่วยเหลือที่มีให้กัน
          ในที่สุดก็มาถึงด่านสุดท้าย ลายแทงบอกว่า "ต้องข้ามทะเลกว้างใหญ่ไป" ทุกตัวสิ้นหวังทันทีรวมทั้ง
Peter ด้วย ทุกตัวพยายามหาวิธีให้ผ่านทะเลกว้างใหญ่นี้ไปให้ได้ และก็พบว่าต้องหาเพื่อน และมันได้พบ
เต่ายักษ์ เจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้เป็นจ้าวทะเล ทั้งแข็งแรงและว่ายน้ำเก่งที่สุด ทุกตัวตัวผ่านทะเลไปได้อย่างตื่นเต้น
สนุกสนาน จนมาถึงตรงที่ขุมทรัพย์ฝังอยู่ นกเค้าแมวผู้เฝ้าขุมทรัพย์แสดงความยินดีกับ Peter และสัตว์ทุก
ตัวที่มาถึงจุดหมายได้ นกเค้าแมวบอกว่า "แท้จริงแล้ว ขุมทรัพย์แท้ที่ตามหา หาใช่ทรัพย์สมบัติภายนอก
ขุมทรัพย์ที่แท้คือ มิตรภาพ ความรัก การแบ่งปันซึ่งกันและกัน ความสามัคคี ความช่วยเหลือที่ให้กัน ชีวิต
ที่ใช้ร่วมกันตลอดทางเดินมาถึงที่นี่ต่างหาก" Peter และบรรดาสัตว์ทุกตัวต่างมองหน้ากันและยิ้มให้กัน
เพราะตลอดทางที่เดินทางร่วมกันมา ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น ทั้งผจญภัย ทั้งอันตราย ทั้งพบอุปสรรค ฯลฯ พวก
มันจับมือกันและต่อสู้ เคียงข้างกัน มันเป็นความสุขที่แท้จริงจากมิตรภาพที่เกิดขึ้นจริง ๆ และนี่คือขุมทรัพย์
ที่แท้จริง
ตอบกลับโพส