
การรับไฟแห่งพระจิตเจ้า

โดย คุณปีเตอร์ เฮอร์เบค

ตอนที่ (9)

ไฟแห่งการพิพากษา <1>

องค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งในการประกาศเกี่ยวกับวันเปนเตกอสเตของนักบุญเปโตร
มักถูกมองข้าม แต่เป็นแก่นสำคัญต่อสารของท่าน ด้วยความรู้สึกถึงความจำเป็นเร่งด่วน ท่านเตือนฝูงชน
ว่า “จงช่วยตนให้รอดพ้นจากคนยุคนี้เถิด” (กจ 2:40) ท่านนักบุญเปโตรตำหนิคนในยุคนี้เช่นเดียวกับ
พระเยซูเจ้าว่า “คนหัวดื้อ เชื่อยาก และเลวร้าย เราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใด จะต้องทนท่านอีก
นานเท่าใด” (ลก 9:41)
นักบุญเปโตรประกาศว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระผู้ช่วยให้รอดพ้น และประกาศว่า
แต่ละคนจำเป็นต้องมีการกลับใจและรับศีลล้างบาป ท่านวินิจฉัยแยกแยะการต่อต้านพระเจ้ามีปรากฏอยู่
ให้เห็น ทั้งในโลกและประชากรอิสราเอล รวมทั้งมิตรภาพพร้อมด้วย ค่านิยม ความประพฤติ และความคิด
ที่หยิ่งจองหองต่อโลกที่ตกอยู่ในบาป ถูกมองผ่านทางพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ว่าเป็นความไม่
ซื่อสัตย์ การกราบไหว้รูปเคารพ และการให้ความรักต่อโลกของเราก่อนที่จะรักพระเจ้า
“ท่านที่ไม่ซื่อสัตย์ ท่านไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลกคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า ฉะนั้น ผู้ใดต้องการ
เป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตนเป็นศัตรูกับพระเจ้า” (ยก 4:4)
“จงอย่ารักโลกและสิ่งที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่อยู่ในตัวเขา เพราะทุก
สิ่งที่อยู่ในโลกได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ทุกสิ่ง และความหยิ่งทะนงโอ้อวดในทรัพย์
สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกทั้งสิ้น และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น
กำลังผ่านพ้นไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดนิรันดร” (1 ยน 2:15-17)
นักบุญเปาโลอธิบายอย่างชัดเจนถึงธรรมชาติของโลกที่ต่อต้านพระเจ้า พระศาสนจักรถูกผจญูอย่าง
ต่อเนื่องให้ยอมอ่อนข้อ และการลงโทษของพระเจ้าอย่างเที่ยงตรงต่อผู้ที่ยืนกรานที่จะต่อต้านพระองค์
“พระเจ้าจากสวรรค์ทรงแสดงให้มนุษย์เห็นการลงโทษ ความไม่เคารพนับถือพระเจ้า และความอธรรม
ทุกชนิดของพวกเขาที่ปิดบังความจริงในความอธรรมของตนทั้ง ๆ ที่พระเจ้าทรงทำให้สิ่งที่รู้ได้เกี่ยวกับ
พระองค์ปรากฏชัดอยู่แล้ว กล่าวคือ ตั้งแต่เมื่อทรงสร้างโลก คุณลักษณะที่ไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้า คือ
พระอานุภาพนิรันดรและเทวภาพของพระองค์ปรากฏอย่างชัดเจนแก่ปัญญามนุษย์ในสิ่งที่ทรงสร้าง ดังนั้น
คนเหล่านี้จึงไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ พวกเขารู้จักพระเจ้า แต่ไม่ได้เคารพบูชาพระองค์เป็นพระเจ้า หรือขอบพระคุณ
พระองค์ ความคิดหาเหตุผลของพวกเขากลับใช้การไม่ได้ และจิตใจที่ไม่ยอมเข้าใจกลับมืดบอดลง พวกเขา
คิดว่าตนเป็นคนฉลาด แต่ในความเป็นจริง พวกเขากลับโง่ จนถึงกับนำพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าผู้เป็นอมตะ
มาแลกกับภาพเลียนแบบ คือภาพมนุษย์ที่ไม่เป็นอมตะ ภาพสัตว์ปีก ภาพสัตว์สี่เท้า หรือภาพสัตว์เลื้อยคลาน”
(รม 1:18-23)
นักบุญเปาโลระบุว่าสาเหตุของบาปคือความเต็มใจของมนุษย์ที่จะ “ปกปิดความจริง” เกี่ยวกับพระเจ้า
และแม้จะรู้จักอย่างดี แต่ก็ปฏิเสธอย่างเย่อหยิ่งที่จะ “ถวายเกียรติแด่พระองค์ในฐานะพระเจ้าและขอบพระคุณ
พระองค์” นี่คือแก่นแท้ของการต่อต้านของโลก มีลักษณะที่แตกต่างกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วคือ การปฏิเสธอย่าง
จงใจในการอ้างสิทธิอันชอบธรรมของผู้สร้างเหนือมนุษย์ จิตใจที่แข็งกระด้างและจองหอง เลือกที่จะเป็นพระเจ้า
มากกว่าที่จะรับใช้พระเจ้า นักบุญเปาโลบรรยายว่า “ไม่ใช่แค่เศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์โดยบังเอิญเท่านั้น
แต่รวมถึงสถานการณ์ที่คงอยู่ถาวรของมนุษยชาติ ของมนุษย์ต่อพระพักตร์พระเจ้า”
การกบฏของมนุษย์นี้เลือกที่จะดำเนินชีวิตตามเงื่อนไขของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงพระเจ้าจะส่งผลตามมา
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จิตใจที่เย่อหยิ่งจะมืดมัว พวกเขากลายเป็นคนโง่เขลา และเป็นทาสกราบไหว้รูปเคารพ
ขอบพระคุณพระเจ้าที่จัดเตรียมทางออกให้กับทุกคน ข้อความที่นักบุญเปโตรเทศนาในวันเปนเตกอสเตเสนอ
วิธีแก้ไข ด้วยการกลับใจ รับศีลล้างบาป และรับพระจิตเจ้า ในทางกลับกัน พระเจ้าทรงมอบความรัก ไฟแห่ง
พระหรรษทาน ความเมตตา การให้อภัย เสรีภาพ สิ่งสร้างใหม่ และสติสัมปชัญญะ
หากมนุษย์ยังคงดื้อรั้นกบฏ พระเจ้าจะทรงใช้ไฟแห่งการพิพากษาลงโทษ สิ่งที่นักบุญเปาโลอธิบายว่าเป็น
พระพิโรธของพระเจ้า ประทานแก่มนุษย์ในสิ่งที่เขาปรารถนา และให้เหตุผลของความคิดที่มืดมนของเขาเอง
นักบุญเปาโลกล่าวถึงสามครั้งว่า “พระเจ้าทรงละทิ้งพวกเขา” ประการแรกคือ การผิดศีลธรรมทางเพศและ
ความไม่บริสุทธิ์ จากนั้น นำไปสู่ความเสื่อมเสีย วิปริตผิดธรรมชาติ และไปสู่จิตใจที่ต่ำทรามในที่สุด (รม 1:24-28)
ทำไมพระเจ้าถึงละทิ้งพวกเขา “ในพระปรีชาญาณของพระองค์ พระเจ้าอนุญาตให้มนุษย์ได้ลิ้มรสถ้วยอันขมขื่น
ของความชั่วร้าย เพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระจากการหลอกลวงของสิ่งยั่วยวน และกลับไปหาพระบิดาเจ้าสวรรค์ผู้
ทรงรักเขา” พระเจ้าทรงอนุญาตให้มนุษษย์มีประสบการณ์อย่างเต็มที่ในการกบฏของเขา ในความหวังที่จะปลุก
เขาให้ตื่นและรู้สึกตัว ก่อนที่การตัดสินใจของเขาจะถูกกำหนดไว้ชั่วนิรันดร์ ประกาศกอิสยาห์เตือนเราว่า
คำตัดสินของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งดี “เมื่อพระองค์ทรงพิพากษาแผ่นดิน ผู้อาศัยในแผ่นดินจะได้เรียนรู้ความ
ชอบธรรม” (อสย 26:9)
ไฟแห่งการพิพากษา คือ พระเจ้าที่ดำเนินการเพื่อขจัดทุกสิ่งที่ขัดขวางความรัก ไม่มีความขัดแย้งระหว่าง
ไฟแห่งพระหรรษทานและไฟแห่งการพิพากษา นักบุญเปาโลกล่าวถึง “น้ำพระทัยดีงามและความเคร่งครัด
ของพระเจ้า” (รม 11:22) ซึ่งเป็นพระเมตตาและพระยุติธรรมของพระองค์ “พระยุติธรรมและพระเมตตาของ
พระเจ้าอยู่ในความสมดุลที่ละเอียดอ่อน พระองค์ไม่ทรงปิดกั้นการให้อภัยจากใจที่สำนึกผิด และไม่ทรงมอง
ข้ามความแข็งกระด้างของใจที่ไม่สำนึกผิด” พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้ความมืดเข้ามาควบคุมโลก หรือในพระ
ศาสนจักรของพระองค์ พระองค์จะตีสอนด้วยความรักที่มีต่อพระศาสนจักรของพระองค์ เพื่อช่วยเหลือ
และปลดปล่อยพระศาสนจักรจากการดำเนินในความมืดและการยอมอ่อนข้อ

~ โปรดติดตามตอนต่อไป ~
