เกาะติดวิกฤติโลกผ่านทางพระคัมภีร์และนอสตาดามุส (31-40)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 29, 2025 4:01 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 31 )

✴️ ศรัทธา​กับวิทยาศาสตร์​ต่อผ้าห่อศพแห่งตุริน​ (B) ✴️
ผ้าห่อศพนี้มีความยาว 4.36 เมตร กว้าง 1.10 เมตร เป็นผ้าลินินมีลายกระดูกปลา นิยมกันในยุคนั้น
ที่ยังใช้หูกแบบดั้งเดิมที่ใช้เส้นด้ายไม่เท่ากัน
รอยพิมพ์บนผ้าห่อศพ แบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ คือ
(1) ร่องรอยที่บ่งบอกว่าเคยถูกไฟไหม้ นอกจากรูที่รอยไหม้หลายจุด ผืนผ้านี้มีเส้นขนานยาวสีดำ 2 เส้น
ตัดกับรอยปะที่เป็นรูปคล้ายสามเหลี่ยมจากวัสดุต่างๆ กัน รอยปะนั้นใช้สำหรับปิดคล้ายรูที่เกิดจากการหลอม
เหลวของกล่องเงินซึ่งใช้บรรจุผ้าห่อศพ (ถูกพับไว้หลายชั้น) คราวเกิดไฟไหม้ในปี 1532 ภายในห้องสังฆาภรณ์
ของโบสถ์น้อยในวัง​Chambery ซึ่งระยะนั้นผ้าห่อศพถูกเก็บไว้ที่นี่
(2) รอยด่างเพราะโดนน้ำ มีรอยเป็นดวงๆ เพราะถูกน้ำที่ใช้ดับไฟในปี 1532
(3) มีภาพคนกึ่งชัดกึ่งมัว บนผืนผ้า ตามส่วนยาวมีรอยพิมพ์ปรากฏอยู่ 2 ด้าน คือส่วนแผ่นหลังและส่วน
ด้านบนซึ่งก็มีใบหน้า ลำแขน​ เป็นการวางพระศพบนผ้า แล้วตลบผ้าส่วนที่เหลือทางพระเศียรมาคลุมพระพักตร์
พระวรกาย ไปจรดพระบาท บางจุดก็เข้มข้น บางจุดก็เบาบาง
(4) ร่องรอยที่ถูกประทับบางจุด เช่น พระพักตร์ พระศอ ข้อพระหัตถ์ พระบาท และพระสีข้างด้านขวามีรอย
ประทับที่แตกต่างไปจากจุดๆ​ อื่นซึ่งไม่เข้มข้นเท่ารอยประทับนี้ เหมือนกับว่าผ้าห่อศพถูกประทับติดกับบางสิ่ง
มีสีค่อนข้างแดงเข้ม
เป็นเวลากว่าศตวรรษที่ได้มีการศึกษาและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่า
- ภาพพิมพ์บนผ้าห่อศพนี้มิใช่เป็นการวาดหรือการระบายสี
- ภาพพิมพ์บนผ้าห่อศพมิใช่มีคนทำขึ้นมา มันเป็นภาพพิมพ์อยู่ในลักษณะ Negative เพราะผ้าห่อศพได้
ดูดซับเอาพระโลหิตไปหมดจึงเกิดภาพลักษณะนี้
- รอยประทับพิมพ์ในผ้าห่อศพซึ่งไม่ได้ส่อแสดงว่าพระศพมีร่องรอยของการเน่าเปื่อย และพระวรกายยังคง
ถูกหุ้มห่อชั่วเวลาหนึ่งซึ่งสามารถประทับรอยพิมพ์นั้น แต่มิได้เนิ่นนานจงถึงกับจะมีร่องรอยแห่งการเน่าเปื่อย
ให้ปรากฏ
- การตอกตะปูที่พระหัตถ์​ แสดงว่าได้ตอกที่ข้อพระหัตถ์มากกว่าตอกที่ฝ่าพระหัตถ์ เพราะสามารถรับ
น้ำหนัก ได้ดีกว่า
- รูปร่างของพระหัตถ์มองเห็นแค่ 4 นิ้ว ทั้งนี้เพราะตอนตอกตะปูเข้าที่ข้อพระหัตถ์นั้นหัวแม่มือจะมีอาการ
หดงอเข้าโดยอัตโนมัติ จึงมองไม่เห็นหัวแม่มือ
- พระโลหิตซึ่งไหลจากพระสีข้าง ที่ถูกแทงด้วยหอกนั้น น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่พระสิ้นพระชนม์แล้ว มีบันทึก
ในพระวรสารโดยเซนต์จอห์นว่า “แต่เมื่อพวกเขามาถึงพระองค์ ก็เห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงมิได้ทุบ
พระเพลาของพระองค์ อย่างไรก็ตาม​ ​มีทหารคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอาหอกแทงที่พระสีข้างของพระองค์ ทำให้
พระโลหิตและน้ำไหลออกมา”​
นักวิเคราะห์ทางโลหิตวิทยานำโดยศาสตราจารย์ไบมา โบลโลเน​ ได้พิสูจน์แล้วว่าพระโลหิตที่ติดกับผ้า
ห่อศพนั้นเป็นของมนุษย์อยู่ในกรุ๊ปAB
นักวิเคราะห์ทางอิเล็กทรอนิกส์ก้าวหน้าได้พิสูจน์แล้วว่า รูปภาพของผ้าห่อศพประกอบด้วยภาพสามมิติ
ในตัวของมันเอง
- ภาพประทับอยู่ที่ดวงพระเนตรด้านช้าย ซึ่งค้นพบโดยศาสตราจารย์ฟีลาส และในภายหลังยังยืนยัน
โดยนักวิจัย 3 ท่าน คือ​ ตัมบูเรลลี​ ฮังเกอร์ และโมโรนี​ ว่าเป็นการยืนยันที่ถูกต้องว่าในสมัยพระเยซูนั้นมี
ประเพณีใช้เหรียญในการฝังศพด้วย และเหรียญที่ใช้นั้นก็เป็นสมัยเดียวกับสมัยพระเยซู​
การค้นพบครั้งสุดท้าย
ผ้าห่อศพแห่งตุรินนี้ยังเป็นข่าวหน้าหนึ่งเป็นครั้งคราว ครั้งล่าสุดในปี 1988 ได้มีการนำส่วนหนึ่งของผ้า
ห่อศพนี้ไปพิสูจน์คาร์บอน 14​ ปรากฏผลออกมาว่าเป็นผ้าสมัยศตวรรษที่ 13-14 แต่ก็แย้งกับนักวิทยาศาสตร์
ชาวรัสเซีย Dimitri Kouznetsov ผู้ได้รับรางวัลเลนินไพรส์แขนงวิทยาศาสตร์ เป็นผู้อำนวยการห้องวิจัย
E.A. Sedov Biopolymer แห่งอิสราเอล ซึ่งมีอายุสมัยพระเยซู (ตัวอย่างผ้านี้ถูกจัดหามาจากนักวิจัย
มารีโอ โมโรนี โดยการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่กองโบราณคดีแห่งเยรูซาเลม) ได้จัดการทดสอบคาร์บอน
จากห้องแล็บของเมืองทัสคอน​ (อาริโซน่า) โตรอนโต​(แคนาดา) และมอสโก ผลแห่งการพิสูจน์ออกมาว่า
มีอายุราวๆ ค.ศ. 2 ตรงกันทั้ง 3 แล็บ แล้วใช้ผ้าชิ้นนี้ไปทดสอบด้วยสภาพเดียวกันกับที่ได้เกิดไฟไหม้ที่
เมืองชามเบอรี เมื่อ​ปี​1532 ซึ่งไฟได้ลุกไหม้โบสถ์ที่เก็บรักษาผ้าห่อศพให้มีอุณหภูมิสูงในบริเวณที่มีวัตถุที่
เป็นแร่เงิน เมื่อเงินหยดลงในผ้าห่อศพ ก็จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการไหม้ของเนื้อเยื่อของเส้นด้าย แล้วชิ้นผ้าลินินนี้
ก็จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีให้กลายเป็นคาร์บอน แล้วนาย Kouznetwsov ได้ทดสอบคาร์บอน 14 ก็ได้ผลออก
มาว่า ผ้าลินินมีอายุหลังจากนั้นตั้ง​14 ศตวรรรษ นั่นก็หมายความว่าแร่เงินเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทางเคมีจนทำให้วิธีทดสอบอายุด้วยวิธีทดสอบคาร์บอน​14 จะบอกอายุที่อ่อนกว่าถึง 1400 ปี
เกี่ยวกับเลือดที่ปรากฏบนผ้าห่อศพ Jerome Lejeune ผู้ได้รับรางวัลโนเบิ้ลไพร้สในสาขาพันธุกรรม
ได้ทำการวิเคราะห์และพิสูจน์เลือดแดงที่พบบนผ้าเป็นเลือดของมนุษย์ตรงกับที่เปียร์ ลุยจี ไบมา โบลโลเน
พิสูจน์มาแล้วในปี​1981
ยังมีนักวิทยาศาสตร์อีกหลายท่านกำลังทดสอบ DNA บนผ้าห่อศพนี้
ที่เมืองสตราสเบิร์กมีข่าวเกี่ยวกับผ้าห่อศพที่พูดถึงตัวจีนโดดๆ​ ของโครโมโซม X และ Y ว่าเป็นเลือดของ
เพศชาย วิคเตอร์​ ไทรออน จากมหาวิทยาลัยซานอันโตนิโอ เท็กซัส ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเลือดที่ได้มาจาก
บริเวณกะโหลกศีรษะว่าเป็นเลือดของผู้ชาย
การค้นพบทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับผ้าห่อศพนี้ก็สำคัญมิใช่น้อย​ จีโน ซานีน๊อตโต อาจารย์ภาษากรีก
และลาตินได้ค้นพบหลักฐานของศตวรรษที่ 10 ชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งประกายเล็กๆ ที่พอจะให้ความสว่าง
เกี่ยวกับผ้าห่อศพผืนนี้ได้บ้างว่า ได้หายไปในตุรกี มีรหัสคำบันทึกเป็นลายมือว่า Codex Vossionus Latinus Q69
ได้กล่าวรายงานของชาวซีเรียแห่งศตวรรษที่ 8 ว่าพระเยซูได้ทิ้งร่องรอยเป็นภาพพิมพ์ทั้งร่างของพระองค์ลง
บนผืนผ้า ซึ่งได้ถูกเก็บรักษาไว้ในโบสถ์​แห่งเอเดสสา ตุรกี แน่นอนเป็นการอ้างอิงถึงผ้าห่อศพผืนนี้อย่างไม่มี
ทางจะผิดพลาดได้ อาจารย์ซานีน็อตโต ยังได้เน้นบทความตอนหนึ่งจากกิจการของเซนต์จอห์น ในการบันทึก
ของซีปรีอาโนในศตวรรษ 3-4 มีตอนหนึ่งพระเยซูตรัสว่า: พวกท่านจะเห็นเราเหมือนกับภาพสะท้อนในน้ำ
หรือในกระจก
และก็คือสิ่งที่เรารำพึงด้วยความพิศวงถึงพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนในผ้าห่อศพแห่งตุริน

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 01, 2025 11:52 am

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 32 )

✴️ มารู้จัก​ศูนย์​ฟื้นฟู​ชีวิตผู้ติดยาเสพติด​ ลำไทร​ (A) ✴️
ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมนานาชาติครั้งที่ 14 ของ คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร ในหัวข้อ
“ผู้ติดยาเสพติด เอดส์ และปัญหาต่างๆ ของผู้ติดยาเสพติด” ณ โรงแรมสีดารีสอร์ท​ นครนายก
ระหว่างวันที่ 15-16​พฤษภาคม 1995 นับว่าได้ความรู้จากการร่วมประชุมครั้งนี้อย่างมาก​ จึงขอ
นำมาเล่าสู่กันฟัง คลายเหงาขณะรอรัฐบาลใหม่
ก่อนอื่นหมดขอแนะนำให้รู้จักคำ “คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร” Communita Incontro ภาษาอิตาลี​
เป็นชื่อของศูนย์พื้นฟูชีวิตผู้ติดยาเสพติดซึ่งดอนเปียรีโน ผู้ก่อตั้งศูนย์เป็นผู้ให้ชื่อนี้ ดอนเปียรีโนคือ
บาทหลวงผู้ก่อตั้งศูนย์ มีชื่อเต็มว่า​Pierino Gelmini ชาวอิตาลีที่สนิทสนมชอบพอกับท่าน มักเรียก
ท่านว่า​Don Pierino คํา Don มาจากภาษาละติน​ Dominus แปลว่า เจ้านาย​ เป็นคำที่ใช้เรียกขุนนาง
หรือผู้ดีมีสกุลสมัยก่อน​ แต่มาถึงยุคประชาธิปไตย คำนี้นิยมใช้เรียกเฉพาะบรรดาพระสงฆ์ หรือ
บาทหลวงเท่านั้น แต่ในถิ่นไกลปืนเที่ยงเช่นในเกาะซีซิลีก็ยังใช้คำนี้เรียกคนที่มีอิทธิพล เช่น พวกเจ้าพ่อ
มาเฟียว่า ดอน นำหน้าชื่อ น่าจะตรงในภาษาสมัยนี้ที่นิยมให้เกียรติแก่​ ส.ส. ว่า “ท่าน”​ เช่น ท่านสมัคร​

คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร มีต้นกำเนิดมาเมื่อวันที่ 3 กุมภาภาพันธ์​1963 ที่ Piazza Navona, กรุงโรม​
ขณะที่ดอนเปียรีโน ยังเป็นเลขาพระคาร์ดินัล ซันตีอาโก หลุยส์ โคเปโย ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ
แห่งรัฐวาติกัน (ตำแหน่งเทียบเท่านายกรัฐมนตรี) วันหนึ่งเมื่อท่านเลิกงานกำลังกลับบ้านพัก ได้พบหนุ่ม
ติดยาคนหนึ่งชื่อ อัลเฟรโด ซึ่งได้ขอให้ดอนเปียรีโนช่วยสงเคราะห์ ท่านทำท่าจะควักเงินในกระเป๋าให้ไป
แต่อัลเฟรโดปฏิเสธที่จะรับเงิน ท่านจึงว่าจะพาไปโรงพยาบาล อัลเฟรโดก็ยังปฏิเสธอีก กล่าวว่าเข้าๆ ออกๆ
มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว (เพราะการรักษาโดยทั่วไปก็ใช้ยาเสพติดอีกขนานหนึ่งไปปราบ ก็จะเสพติดยาขนาน
ใหม่นั่นเอง วนเวียนไปไม่รู้จบ) มาถึงจุดนี้ดอนเปียรีโนด้วยวิญญาณแห่งความเป็นสงฆ์ เริ่มดูดซับความทุกข์
ที่ฝังลึกในหัวใจของหนุ่มติดยาคนนี้​ ท่านได้ชวนให้อัลเฟรโดไปพักที่บ้านพักของท่าน ไออุ่นจากท่านนี้เอง
เป็นเสมือนยาขนานวิเศษที่อัลเฟรโดได้พบ (Incontro) อันเป็นสัญญาณการเริ่มต้นประวัติความเป็นมาของ
คอมมูนิต๊ะ (พวกเดียวกัน) หลังจากได้พักอยู่กับดอนเปียรีโนได้ 2-3 วัน อัลเฟรโดก็เสนอความคิดที่จะรวบ
รวมเด็กหนุ่มที่ติดยาเหมือนกับเขา มาใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา​ นับได้ว่างานของดอนเปียรีโน
เริ่มต้นจากจุดนั้นเมื่อ 32 ปีที่แล้ว
ท่านได้เริ่มรวบรวมเด็กติดยาเสพติด จนต้องขยายบ้านพักไปอยู่ชานกรุงโรม แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ จนท่าน
มองเห็นว่าจำเป็นที่ต้องมีสถานที่ที่กว้างขวางพอสมควร เพื่อผู้ติดยาเหล่านี้ได้มาใช้ชีวิตที่รับผิดชอบร่วมกัน​
ภายใต้การดูแลอันอบอุ่นของพระสงฆ์ ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีสักระยะหนึ่ง คือ 2-3 ปี จึงจะได้ผล​ มิฉะนั้น
จะเสียเวลาเปล่า ที่สุดท่านก็ย้ายมาที่แคว้นอุมเบรีย ในเมืองอาเมเลีย โดยใช้โรงสีเก่าแห่งหนึ่งมาซ่อมแซม
และปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งก็คือ ศูนย์คอมมูนิต๊ะ อินคอนโทร เปิดใช้งานเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1979
ปรัชญาของศูนย์ การบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ติดยาเสพติดจะเป็นไปในลักษณะของชุมชน
บำบัด กล่าวคือแก้ไขปัญหาด้วยสิ่งแวดล้อมใหม่แบบครอบครัว​ ให้รู้จักปรับตัวในการอยู่ร่วมกัน​ มีระยะเวลา
ไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยมีหลักการดังนี้
1. การก้าวไปสู่บรรยากาศแห่งการพัฒนาชีวิตโดยใช้บรรยากาศของชีวิตครอบครัว เนื่องจากพบว่าผู้ติดยา
เสพติดส่วนใหญ่จะมีบุคลิกภาพที่ต้องการพึ่งพิงผู้อื่น​ มักจะลงโทษตัวเองว่า เป็นผู้ผิดเมื่อปัญหา ชอบเปรียบ
เทียบกับผู้อื่นว่าตนด้อยกว่า ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะทำให้สัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัวต้องสูญเสียไป​
กลายเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นจะต้องนำพวกเขาเข้าสู่บรรยากาศของครอบครัว จะทำให้สมาชิก
ได้ศึกษาประสบการณ์ชีวิต ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กล้าเผชิญความจริง ช่วยเหลือตนเอง​ และเป็นที่พึ่ง
แก่คนอื่นได้ มีความรับผิดชอบสูง พร้อมจะเป็นผู้ให้และผู้รับ รวมทั้งให้เข้าใจผู้อื่นเท่าๆ กับเข้าใจตัวเอง
2. การใช้ระบบครอบครัวเปิดในการแก้ปัญหา กล่าวคือสมาชิกจะมีความเป็นประชาธิปไตย​ สามารถแสดง
ความคิดเห็นและความรู้สึกต่างๆ​ ได้เต็มที่ พร้อมจะให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กล้าเผชิญความจริง
​ กล้ายอมรับความผิดพลาด และข้อบกพร่องของตนเอง โดยใช้กิจกรรมกลุ่ม​ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เผชิญ
หน้ากัน ในการชี้แนะข้อบกพร่องเหล่านั้น​ ทำให้สมาชิกมีโอกาสฝึกความอดทนต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ได้เรียนรู้
การแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญา​ และศักยภาพที่มีอยู่ของแต่ละบุคคล​ ระบบครอบครัวแบบเปิด​ืจะมีเป้าหมาย
ในการดำเนินชีวิตร่วมกัน ด้วยกฎเกณฑ์ที่สมาชิกร่วมกันกำหนด รวมทั้งการแบ่งแบ่งแยกหน้าที่แต่ละคน
รับผิดชอบ ทำให้งานบรรลุผลสำเร็จ
3. หัวใจของศูนย์ คือ ความรับผิดชอบ สมาชิกทุกคนจะต้องได้รับการพัฒนาจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ
เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ​ และพฤติกรรมของแต่ละคน

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร ก.ค. 01, 2025 11:58 am

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 33 )

✴️ มารู้จัก​ศูนย์​ฟื้นฟู​ชีวิตผู้ติดยาเสพติด​ ลำไทร​ (B) ✴️
4. บัญญัติ 10 ประการของศูนย์คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร
1. ซื่อสัตย์ ซื่อตรง 2. รับผิดชอบ​ เสียสละ 3. รักและ สนใจในงานที่รับผิดชอบ 4. ต้องการให้ผู้อื่นทำแก่เรา
อย่างไรก็ทำแก่เขาอย่างนั้น​ 5. ใครไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน 6. ให้ผู้อื่นอย่างไรจะได้รับอย่างนั้น
7. ต้องมีความเชื่อมั่นในกลุ่มและในผู้ดูแล 8.​พยายามเข้าใจคนอื่นมากกว่าที่จะให้คนอื่นเข้าใจเรา
9. ให้ดีกว่ารับ 10. จะไม่ก้าวหน้าหากไม่ได้รับความร่วมมือจากคนอื่น
ศูนย์คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร โตวันโตคืน ต้องขยับขยายไปทั่วอิตาลีถึง 160 ศูนย์ แต่ละศูนย์จะไม่ใหญ่
เกินไป เพราะกว่าสมาชิกจะรู้จักสนิทสนมกัน ต้องใช้เวลานานพอสมควร​ ศูนย์จึงควรเป็นแบบกะทัดรัด​
ในปี​1987 ก็ได้เริ่มขยายศูนย์ไปในต่างแดน คือ สเปน ซึ่งขณะนี้มี 6 ศูนย์​ในปี 1990 เป็นปีที่เปิดศูนย์ใน
โบลีเวีย และในประเทศไทยที่ลำไทร​ ลำลูกกา ปทุมธานี ขณะนี้​ในโบลีเวียมี 9 ศูนย์ ในประเทศไทยก็ไป
เปิดที่แม่สอด ตาก และที่ท่าแร่ สกลนคร​ รวมเป็น 3 ศูนย์
นอกจากนี้ยังมีศูนย์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์​ ฝรั่งเศส สโลเวเนีย​ คอสตาริกา บราซิล และในประเทศอื่นๆ
อีก ซึ่งจะเปิดในไม่ช้านี้ คือ​ แคนาดา ซีเรีย เลบานอน และซาอีร์
สำหรับในประเทศไทย ศูนย์คอมมูนีต๊ะ อินคอนโตร ซึ่งเรียกเป็นภาษาทางการว่า ศูนย์ฟื้นฟูชีวิตผู้ติดยา
เสพติด ตั้งอยู่ที่ตำบลลำไทร​ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โทร.​02-653-1006-7 โทรสาร 02-563-1009 ขั้นตอนการ
ดำเนินงานสมาชิกที่จะเข้าศูนย์จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ​ ตามลำดับดังนี้
1. ขั้นเข้ารับสู่ศูนย์
จะต้องผ่านการสัมภาษณ์จากเจ้าหน้าที่ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง​ เพื่อทราบรายละเอียดของศูนย์ขั้นตอน
การบำบัดรักษา และสร้างความศรัทธาให้สมาชิก มีความพร้อมตั้งใจที่จะเข้าศูนย์ สู่ความเปลี่ยนแปลงตนเอง
เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบประวัติ และความพร้อมของผู้ติดยาเสพติดว่าจะเข้ารับการบำบัดรักษาตามขั้นตอน
ของศูนย์เพียงใด
2. ขั้นตอนการพักฟื้นประจำและการพัฒนา แบ่งเป็น
ก. การรับเป็นสมาชิก ซึ่งจะประกอบด้วยการบำบัดรักษาทางกาย​ (Physical Therapy) มีการตรวจร่างกาย
เป็นระยะๆ และกิจกรรมนันทนาการ การกีฬาการออกกำลังกาย อีกประเภทหนึ่งคือ​ การบำบัดรักษาทางจิต
​(Phychiatric Therapy) ทำแบบรายบุคคลและกลุ่ม
ข. การฝึกงานและการเตรียมหางานทำให้​ ขั้นตอนนี้ก็คือการฝึกทำงาน เช่น เลี้ยงโคนม โคเนื้อ หมู​ ไก่
ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างอ๊อก​ ช่างไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้เกิดความเข้าใจในคุณค่าของ
ความเป็นมนุษย์
3. การฟื้นฟู ทางสังคม (Social Rehabilitation) คือการทำให้ผู้ติดยาได้เปลี่ยนแปลงความคิด​ ทัศนคติ
พฤติกรรม ตลอดจนบุคลิกภาพนี้เดิมให้มีความเข้มแข็ง ทั้งทางร่างกายและจิตใจที่มั่นคง พร้อมที่จะกลับไปอยู่
ในสังคมภายนอกได้ และจะไม่หวนกลับไปใช้ยาเสพติดอีก นั่นก็คือจุดมุ่งหมายสำคัญของศูนย์นั่นเอง การสมัคร
เข้าศูนย์ ผู้ติดยาเสพติดที่มีความสนใจ และตั้งใจ และเข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพในศูนย์ฟื้นฟู
ชีวิตผู้ติดยาเสพติดมีขั้นตอนการสมัครคือ
1. ต้องไปสมัครด้วยตนเอง​ ​ณ​ ที่ทำการของศูนย์ 2. นำผู้ปกครองไปด้วย 3. ผ่านการสัมภาษณ์หรือนัดพบ
อย่างน้อย 2-3 ครั้ง​ เพื่อเป็นการเตรียมตัวและตัดสินใจที่จะเข้าศูนย์​4. หลักฐานสำคัญ คือ​ บัตรประชาชน
และรูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว​ จำนวน 4 ภาพ 5. หลังจากสมัครต้องไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลหรือคลินิก และนำผล
การตรวจโรคมามอบให้ศูนย์​ หากใครมีโรคติดต่อ​ เช่น กามโรค ไวรัสตับ-อักเสบ หรือโรคติดต่ออื่นๆ
ต้องไปรักษาตัวให้หายก่อน
สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร มีดังนี้
1. เป็นชาย 2. เป็นผู้ติดยา สารเสพติด สุรา หรือสารระเหย​ 3. เป็นผู้ที่สมัครใจ
ปัจจุบันที่ศูนย์มีสมาชิกทั้งหมด​317 คน เป็นชาวอิตาเลียน 27 คน​ ทั้งนี้รวมทั้งเด็กเล็กๆ ขนาด 3-4 ขวบด้วย
แรกทีเดียวทางศูนย์มีจุดมุ่งหมายเพียงแต่จะรับลูกๆ ของผู้ติดยาเท่านั้น แต่ได้พบเห็นเด็กถูกทอดทิ้งมากมาย
จากครอบครัวที่มีปัญหา จึงจำต้องขยายแผนกเด็กซึ่งมีเด็กเล็กจำนวนถึง 50 คน นอกจากนี้ยังมีแผนกเด็กชาย
อายุตั้งแต่ 6-7 ขวบขึ้นไป​ ได้พูดคยกับเด็กชายคนหนึ่งชื่อวีรพัฒน์ แจ่มเที่ยงตรง อายุราว​13-15 ปี​ ทีแรกก็นึกว่า
ติดยา แต่คุยไปแล้ว จึงรู้ว่าไม่ได้ติดยา แต่มาจากครอบครัวที่มีปัญหา แล้วยังสารภาพด้วยว่าเป็นเด็กเกเร มา
อยู่ศูนย์ได้ 2 ปีแล้ว​ รู้สึกชอบมาก มีเพื่อนเยอะ​ ทางศูนย์ก็จะจัดให้ไปเรียนแถวๆ​ นั้น สรุปแล้ว​ ที่ศูนย์คอมมูนีต๊ะ
อินคอนโตร ที่ลำไทร มิใช่เป็นศูนย์ผู้ติดยาเท่านั้นแต่ยังเป็นสถานสงเคราะห์เด็กเล็ก ไปจนถึงเด็กโตด้วย อดไม่ได้
ที่จะขอแสดงความชื่นชมกับดอนเปียรีโน ที่สามารถเปิดศูนย์เพิ่มอีก​ 2 แห่ง คือ​ ที่แม่สอด ตาก และที่ท่าแร่ สกลนคร
ในนามของคนไทย ขอแสดงความกตัญญูกตเวที ที่ท่านได้อนุเคราะห์เยาวชนมากมาย ให้พ้นจากขุมนรก
แห่งการติดยาเสพติด​ ขอพระเป็นเจ้าทรงตอบแทนท่านด้วยสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์เสมอไปเทอญ

A nome dei Thailandesi Le vorrei porgere la nostra gratitudine per quello che Lei ha fatto
per aiutare i Giovanni Thailandesi che sono stati liberati dallʼ inferno di tossicodipendenza,
che Iddio La ricompensi con la buona salute per sempre, cosi sia.

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 04, 2025 9:48 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ (. 34. )

✴️ จิต​ชั่วร้ายในวันท้ายๆ​ ของโลก​ (A) ✴️
บทความนี้ผมแปล และเรียบเรียงจากบทความของบาทหลวง​ R. Gerald Culleton ในหัวข้อ
"Evils of the latter days ซึ่งท่านได้เขียนไว้เมื่อปี 1941 เมื่อ 54 ปีที่แล้ว​ เป็นการประมวลมาจาก
พระคัมภีร์​ และจากบรรดานักบุญซึ่งได้รับการเผยแสดงจากพระเป็นการส่วนตัว​ อ่านไปแล้วนึกไปว่า
คงจะเพิ่งเขียนในปีสองปีนี้เอง ดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ท่านเขียนถึงพอดี
สัญญาณที่สำคัญที่สุดสัญญาณหนึ่ง ในวันท้ายๆ ของโลก​ ก็คือ​ การสอนผิดๆ พร้อมกับผลร้าย
ที่ตามมา เช่นการแยกตัวออกจากศาสนา​ การขาดศรัทธา ขาดความเชื่อแม้จากพวกคาทอลิกเอง
และการเสื่อมศีลธรรมครั้งมโหฬาร
ตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว​ ชนชาติยิวเป็นชนชาติเดียวที่เชื่อในพระเจ้า ชาวยิวจึงเรียกคนต่างชาติว่า
คนต่างศาสนา (Gentiles) พระเยซู​คริสต์ซึ่งเป็นชาวยิวไม่เป็นที่ยอมรับของชาวยิว เพราะการอ้างของ
พระองค์ว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า เมื่อชาวยิวไม่ยอมรับพระเยซู​ พระองค์ก็หันไปสอนคนต่างศาสนา
(Gentiles) ให้มาเชื่อพระองค์​ และเราก็เรียกผู้ที่ยอมรับพระเยซูคริสต์ว่าเป็น “คริสตชน”
มีคำพยาการณ์โบราณมากมายของชาวยิวกล่าวไว้ว่า “คนต่างศาสนา”​ (ก็คือคริสตชนนั่นเอง)
ในวันท้ายๆ ของโลกจะพากันปฏิเสธพระเจ้า ในขณะที่ชาวยิวเริ่มทยอยกลับสู่ปาเลสไตน์ (1948)
ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า และก็จะเป็นเวลาที่พระเจ้าเริ่มปฏิเสธคนต่างศาสนา
คนต่างศาสนา (คริสตชน) ได้เริ่มปฏิเสธพระคริสต์ในเหตุการณ์แห่งศตวรรษของเรานี้คือ รัสเซีย​
เพราะหลักการสำคัญของระบอบคอมมิวนิสต์ คือ ต้องไม่นับถือศาสนาใดเลย ชาวรัสเซียส่วนใหญ่
เคยนับถือพระเจ้า นับถือพระเยซูคริสต์
การกบฏต่อพระเจ้า ต่อพระคริสต์ แผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆ​ ทั่วโลก ก่อนจะถึงยุคแอนตี้ไคร้ส
ครองอำนาจสักเล็กน้อย ถึงแม้ชาวคาทอลิกจำนวนมากก็พากันทิ้งความเชื่อไปด้วย พร้อมๆ​ กับผู้คน
ส่วนใหญ่ซึ่งเย็นเฉยกับศาสนา มันถึงยุคเสื่อมศีลธรรมครั้งใหญ่ เหมือนครั้งยุคคนป่าคนเถื่อนในต้นๆ
คริสตศักราช
ยังมีสัญญาณอีกอันหนึ่งที่แสดงว่าใกล้ยุคสุดท้ายคือ การทิ้งศาสนาทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่​(Apostasy)
หลายปีก่อนที่จะทิ้งศาสนาครั้งใหญ่จะต้องมีผู้สอนศาสนาจอมปลอม ซึ่งจะสร้างความสับสนและความ
มืดมิดในจิตใจของสัตบุรุษ จะก่อให้เกิดการสูญเสียความเชื่อไปทั้งชาติ​ ซึ่งจะเป็นการเตรียมทาง
ให้แอนตี้ไคร้สเดินเข้ามาอย่างสะดวกสบาย
ในวันท้ายๆ เราจะต้องระวังผู้ทำตัวเป็นศาสดา หรือเป็นผู้วิเศษอ้างว่าได้เห็นนิมิตบ่งถึงเหตุการณ์ต่างๆ​
ที่จะเกิดขึ้น บางครั้งก็บังเอิญเกิดเหตุการณ์ตามที่ได้นิมิตนั้นก็เป็นได้​ แต่จะเป็นศาสดาเก๊หรือไม่ก็จะดูได้
จากคำสอนว่าเป็นเช่นไร เพราะศาสดาจอมปลอมเหล่านี้จะพยายามทำให้​ผู้​คนลืมพระเจ้าที่แท้จริง ทั้งๆ​
ที่ตัวเองอ้างว่าถูกพระเจ้าส่งมาเสียด้วยซ้ำ พวกมันพยายามจะปล้นคนจนโดยการให้สินบาทคาดสินบน​
ปากก็พร่ำบอกว่าสันติภาพ​ สันติภาพ แต่เบื้องหลังก็พยายามยุให้รำตำให้รั่ว อย่างไรก็ตาม เวลาของพวก
มันจะมาถึงจุดอวสาน ทั้งนี้เพราะเหตุว่า​ พระ​ผู้​เป็นเจ้าทรงอนุญาตให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็เพื่อจะได้ทดสอบ
ความเชื่อและเพิ่มความรัก เพิ่มความไว้วางใจในพระองค์ให้มั่นคงยิ่งขึ้น
หลังจากการเกิดของ แอนตี้ไคร้สต์ และก่อนการปรากฏโฉมหน้าของ มหาราช สักเล็กน้อย คำสอนผิดๆ
จะขยายวงกว้างไป ถึงแม้ชาวคาทอลิกเองก็จะเกิดสงสัยในหลายหัวข้อแห่งความเชื่อ เป็นผลให้เกิดความ
วิปลาสวิตถารกันไปทั่ว มิใช่แต่ในวงการฆราวาสเท่านั้น แม้กระทั่งในวงการสงฆ์ด้วย ความร้อนรนในการ
ปฏิบัติศาสนกิจจะลดอุณภูมิลง​ ทั้งนี้เพราะขาดความศรัทธา ขาดความเชื่อ จะมีการขัดแย้งกันในวงการสงฆ์​
หลายท่านจะเป็นคนอวดดี เห็นแก่ตัว ไม่ยุติธรรม โลภ​ และบางทีก็ลืมศีลบนตอนเข้าพิธีบวชเสียด้วยซ้ำ
ว่าจะต้องถือศีลพรหมจรรย์ หลายท่านจะถวายมิสซาและส่งศีลศักดิ์สิทธิ์ด้วยการทุราจาร
เมื่อความกระตือรือร้นของนักบวชหมดไป พวกท่านก็จะเห็นสัตบุรุษทิ้งวัดและหันไปทางโลก​ บ้านของพระ
ก็จะถูกทอดทิ้ง การขับร้องบทสดุดีก็จะหยุดลง การจัดงานฉลองก็จะเลิกราไปด้วย พระธาตุของนักบุญก็จะ
กลายเป็นสิ่งไร้ค่า​ การทำบุญของฆราวาสก็จะทำอย่างอดเสียไม่ได้
ในบ้านนักบวชหลายแห่ง ความอ่อนน้อมถ่อมตน และการปฏิบัติตนเช่นคนจนจะถูกลืมเสียสิ้น มีแต่อยาก
เด่นอยากดัง ปรารถนาแต่ของใช้ฟุ่มเฟือยทางโลก แทนที่จะใช้ชีวิตเรียบง่าย ซึ่งเป็นเครื่องหมายของนักบวชที่แท้จริง
เนื่องจากการเหินห่างไปจาดพระ ชาวคาทอลิกจะถูกลงโทษ​อย่างสาหัส ทั้งนี้โดยอาศัยการเฆี่ยนสั่งสอน
จากพระเท่านั้น​ จะสามารถ​นำประชากรของพระองค์กลับมาสู่พระอุระเป็นผลสำเร็จ ผลที่ตามมาเป็นรูปธรรมก็คือ
พระสงฆ์และมวลสัตบุรุษจะถูกเบียดเบียนทั่วพระศาสนจักร​ เพื่อว่าความเชื่อและความรักในพระผู้เป็นเจ้าจะได้
รับการฟื้นฟู​ และแน่นอนคืนอันมืดมิดจะติดตามมาด้วยวันอันเจิดจ้า
ความชั่วของผู้คนในวันท้ายๆ​ ของโลกนี้จะทวีขึ้นอย่างน่าใจหาย​ ความอสัตย์อธรรมต่างๆ จะผุดขึ้นมาเป็น
ดอกเห็ดกระจายไปทั่วโลก​ จนกระทั่งอาจกล่าวได้ว่าคนสันดานต่ำช้าลามก หรือคนประเภทมือถือสากปากถือศีล
จะมีมากมายแทบจะเดินชนกัน ความเกลียดชังเข้ามาแทนความรักความเมตตา ทุกคนจะวางตัวเป็นศัตรูกับ
เพื่อนบ้าน คนชั้นต่ำจะชิงชังคนชั้นสูง คนดีๆ ที่มีไม่กี่คนจะถูกรังควานจากคนรอบข้างอย่างไม่ชอบธรรม ส่วน
คนเลวเท่านั้นที่จะเดินชูคอได้อย่างสง่าเผย​ กฎหมายจะไม่มีใครใยดี แต่กรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลจะกลายเป็น
สมบัติของผู้มีอิทธิพลเท่านั้น เพราะเหตุว่าอำนาจคือความถูกต้อง
ชีวิตครอบครัวก็จะล่มสลายไป​ เพราะหัวใจของชีวิตครอบครัวจะต้องหล่อเลี้ยงด้วยความรัก และความ
ซื่อสัตย์อย่างแท้จริง แต่ในยุคสุดท้ายนี้จะมีแต่ความขมขื่น และความหลายใจ เด็กๆ​ นั้นเล่าก็จะขาดความ
เคารพต่อผู้ใหญ่ พวกเขาจะลุกขึ้นเป็นฟืนเป็นไฟกับพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่ก็ไม่น้อยหน้ามักจะหักพร้าด้วยเข่า
ปราศจากความรักความเอ็นดูว่าเป็นลูกเป็นหลาน ผลก็คือ ไม่ไว้ใจ​ ไม่มีเยื่อใยต่อกัน
ในวันท้ายๆ ก่อน แอนตี้ไคร้สต์ปรากฏโฉม จะมีอนุแอนตี้ไคร้สต์มาก่อนหลายคน​ เช่น นโปเลียน ฮิตเลอร์
สตาลิน นี่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงวาระแห่งความชั่วร้ายแบบมหากาฬกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้​ แน่นอนที่สุด
ในช่วงเวลานั้น มารร้ายจะทวีความเข้มข้นยิ่งกว่ายุคใดในประวัติศาสตร์ของโลก อย่างไรก็ตามเราสามารถ
ชมหนังตัวอย่างแห่งความชั่วขั้นสุดยอดได้ เพียงแต่ให้สังเกตความอหังการ ความโลภ​ ความไม่รู้จักประมาณตน
ความไม่มีศีลธรรรม ความหน้าไหว้หลังหลอก​ กฎหมายไม่ยุติธรรม ขาดความรักตามธรรมชาติ การแพร่ความรู้
ผิดๆ​ ได้ขยายวงกว้างไปทั่วโลก จะมีน้อยคนที่เป็นคนฉลาดและรอบรู้ และในบรรดาคนเหล่านี้ก็ไม่กล้าเปิดเผย
ตัวเอง เพราะกลัวจะถูกเยาะเย้ย หรือไม่มีใครยอมรับฟัง​ บรรดาผู้ทำนายกล่าวว่าจิตชั่วและความเท็จจะทวีขึ้น
ขณะที่โลกเหลือเวลาน้อยลง
ยิ่งใกล้วันปรากฏโฉมของแอนตี้ไคร้สต์ ยิ่งรู้สึกว่าปีศาจมารร้ายจะชุกชุมผิดสังเกต ประหนึ่งว่าถูกปล่อย
อออกมาจนหมดนรก มุ่งแต่จะหาโอกาสตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัวแต่อย่างเดียว คนรวยจะกลับจน​ คนจนจะกลับ
รวย แผ่นดินจะไม่ให้ผลอย่างเคย สัตว์ก็จะไม่มีลูกดกอย่างเก่าก่อน​ ในขณะนี้เองจะเกิดผู้ปกครองสุดเหี้ยมขึ้นมา
3 ก๊ก ด้วยลักษณะทรราชสมบูรณ์แบบ จะมาทำการยึดสมบัติของวัดเป็นอันดับแรก​ แล้วจะมีการเบียดเบียน
พระสงฆ์ มีรัฐบาลมากมายพยายามจะควบคุมพระศาสนจักร​ แต่พระจะไม่ทอดทิ้งพระศาสนจักรอย่างสิ้นเชิง
ในขณะนั้น

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 04, 2025 9:55 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 35 )

✴️ จิต​ชั่วร้ายในวันท้ายๆ​ ของโลก​ (B) ✴️
มีสิ่งหนึ่งในหลายๆ​ สิ่ง ที่เกิดขึ้นระหว่างวันอันแสนชั่วร้ายนี้ก็คือ​ การเปลี่ยนแปลงกฎของพระ
โดยผู้นำที่มีมโนธรรมไม่ละเอียดเพียงพอที่มักจะทำอะไรตามความสะดวกสบายของตัวเอง สิ่งนี้จะ
นำไปสู่การกระทำผิดบาปไปทั่วโลก และจะเป็นบันไดไปสู่การขาดความนบนอบเชื่อฟังต่อพระบัญญัติ
ข้ออื่นๆ​ ตามไปด้วย​ ผู้นำในที่นี้อาจหมายถึง ผู้นำทางคริสตจักรบางแห่ง เกี่ยวกับการประนีประนอม
ในเรื่องการหย่าร้าง​ หรือผู้นำของบางประเทศในการตราพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการผ่อนปรนการ
หย่าร้าง หรือในกรณีการยอมรับการคุมกำเนิดโดยใช้อุปกรณ์ ในวันท้ายๆ​ นั้นแม้ชาวคาทอลิกเองก็เถอะ
ในเรื่องการคุมกำเนิดก็ถูกกระแสโลกซีดพาไปพลอยให้มัวหมองไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว และก็เป็นที่แน่นอนว่า
จากการหย่าร้างง่ายขึ้นหรือการคุมกำเนิดโดยใช้อุปกรณ์จะนำไปสู่ความเสื่อมศีลธรรมอย่างมิต้องสงสัย
ผลร้ายที่ตามมา คือ สังคมที่สับสนอลเวง ทั้งนี้เพราะชีวิต​ครอบครัวเป็นรากฐานของสังคม​ ฉะนั้นชะตา
กรรมของสังคมจึงตั้งอยู่บนตราชูว่าจะเอียงไปทางพระ หรือไปทางมาร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของประวัติ
ศาสตร์โลก เราได้เห็นเป็นประจักษ์พยานมามากต่อมากแล้วว่า​ เมื่อใดก็ตามที่มารร้ายไปปล่อยพิษไว้แก่ชาติ
ไหน ชาตินั้นก็จะสูญสลายมลายไปสิ้น ในวันท้ายๆ นี้ก็เช่นกัน พวกมันเร่งรัดปล่อยเชื้อร้าย​ ขจรขจายไปทั่ว
ทุกระดับชนชั้นของสังคมทั้งโลก เพื่อบ่อนทำลายจนฟอนเฟะ​ ก่อนที่แอนตี้ไคร้สต์ จะปรากฏโฉม ช่วงนั้นจะ
ไม่มีมาตรฐานแห่งศีลธรรมที่จะมาควบคุมความประพฤติอีกแล้ว การแต่งงานแม้จะใหญ่โตหรูหรา​ แต่ก็ไม่มี
อะไรทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง หญิงสาวจะไปอยู่กับชายหนุ่มกันอย่างหน้าตาเฉยโดยปราศจากพิธีแต่งงาน
ตามขนบธรรมเนียมประเพณี และจะมีการผิดศีลธรรมอีกหลายรูปแบบขยายวงกว้างกลายเป็นเรื่องชาชิน​
จะต้องมีการลงโทษที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น จึงจะสามารถฉุดกระชากลากออกมาจากทะเลโคลนนี้ได้​ เพราะ
เหตุว่าผู้คนในยุคสุดท้ายนี้จะใช้ชีวิตไปตามกิเลสตัณหาอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยไม่คำนึงถึงพระประสงค์และ
บัญญัติของพระเจ้า
ท้ายสุด ยังมีคำทำนายอีกว่าในขณะที่ แอนตี้ไคร้สต์ อายุ 20 ปี​ คนส่วนใหญ่ในโลกจะกลายเป็น
คนไม่เชื่อถึงพระเจ้า (atheistic) และจะถูกกดขี่ข่มเหงจากผู้ปกครองประเทศ
คำพยากรณ์ของแม่พระลาซาแลตต์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 1846 แม่พระได้ปรากฏมาพบเด็ก 2 คน เมลานี
คาลวาต์ อายุ 15 ปี และมักซีแมง ชีโรต์ อายุ 12 ปี ณ ที่ราบสูงเชิงเขาลาซาแลตต์ใกล้เมืองเกรอโนบล์​ ฝรั่งเศส
แม่พระได้มอบสารแด่เด็กดังนี้:- บรรดาสงฆ์ข้าบริพารของพระบุตรของแม่ สงฆ์ที่มีความประพฤติเสื่อมเสีย
ขาดความเคารพขาดความศรัทธาในการถวายบูชามิสซา​ ปักใจอยู่แต่ในทรัพย์สมบัติ​ ยศถาบรรดาศักดิ์​ และ
ความรื่นเริงบันเทิงใจ สงฆ์ที่กลายเป็นแหล่งแห่งความไม่บริสุทธิ์ ใช่แล้วพวกเขาวอนหาโทษ โทษทัณฑ์กำลัง
แขวนอยู่เหนือศีรษะพวกเขา​ กรรมแก่สงฆ์และผู้ถวายตัวทั้งหลายเพราะความไม่เชื่อและมีชีวิตเหลวแหลกนี่แหละ​
พวกเขาตรึงพระ ลูกของแม่อีกครั้งหนึ่ง บาปของคนถวายตัวแก่พระเจาะฟ้าขึ้นไปถึงเบื้องบน เรียกร้องอาญา
และเดี๋ยวนี้มันมาอยู่แค่หน้าประตูบ้านของเขาแล้ว เพราะไม่มีคนวอนขอเมตตา​ ขอโทษแทนประชาชน ไม่มี
วิญญาณที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่มีใครคู่ควรที่จะถวายบูชาตลอดไปด้วยใจใสสะอาดเพื่อประชาโลก
หนังสือลามกอนาจารจะล้นโลก จิตมืดให้โอนอ่อนผ่อนปรนแพร่ไปทั่ว แม้ในเรื่องการปรนนิบัติพระ​
จะมีคนมากมายคอยรับใช้จิตลามกเหล่านี้
ระหว่างนี้แหละ แอนตี้ไคร้สต์จะเกิดจากนักบวชหญิงชาวยิวคนหนึ่ง เป็นพรหมจารีเก๊ ซึ่งยอมเป็นทาส
ของมารร้าย เจ้าแห่งความโสโครก​ พ่อของมันจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ พอเกิดมันก็สำรอกคำแช่งชักหักกระดูก
ออกมาได้แล้ว ฟันมันจะขึ้นเต็มปาก พูดให้ถูก เป็นผีมาผุดมาเกิดนั่นเอง​ มันจะแผดเสียงดังก้องจนขวัญหนีดีฝ่อ
มันจะแสดงอภินิหารให้เห็น​ อาหารประจำคือสิ่งปฏิกูล
เกี่ยวกับกำเนิดของ แอนตี้ไคร้สต์ นอสตราดามุส ก็เขียนไว้ในกลอนบทที่ 10 เซนจูรี่ที่ 9 ดังนี้

Moyne moynesse dʼenfant mort expose, Mourir par ourself & rairy par verrier,

ทารกเกิดจากสงฆ์และนา​งชี​ ถูก​นำไปทิ้งหวังให้ตาย หมีตัวเมียเอามาหมายจะขย้ำ แต่หมูป่าตัวผู้แย่ง
เอาไปได้ ความเสื่อมศีลธรรมยุคคอมพิวเตอร์ นิตยสาร TIME ฉบับวันที่​ 3 กรกฎาคม 1995 ลงข่าวใหญ่
เกี่ยวกับภาพลามกในจอคอมพิวเตอร์ กำลังเป็นปัญหาให้ผู้ใหญ่ทางบ้านเมืองขบคิดว่าจะต้องมีมาตรการ
ควบคุมสิ่งลามกออนไลน์ได้อย่างไร​ ในระยะเวลา 18 เดือน​ ได้มีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับเซ็กซ์ในคอมพิวเตอร์
ได้พบตัวเลขน่าขนหัวลุกในยุคโลกาภิวัตน์ คือ พบภาพเกี่ยวกับเซ็กซ์ จะเป็นรูปภาพก็ดี หรือเรื่องสั้นก็ดี​ หรือ
ภาพยนตร์สั้นๆ ถึง​917,410 ชิ้น และ 83.5% เป็นภาพที่ถือว่าลามกอนาจาร กำลังเป็นที่นิยมกันเป็นบ้าเป็นหลัง
และทำรายได้มหาศาล ได้จากภาพเกี่ยวกับเซ็กซ์​ เรียกหาจากบริการ BBS (Bulletin-Board System) ซึ่งเสีย
ค่าสมาชิก​10 เหรียญ ถึง 30 เหรียญสหรัฐ​ ผู้​ประกอบการ BBS จะมีลูกค้ากว่า​2,000 หัวเมือง จาก 50 รัฐของ
อเมริกา และจาก 40 ประเทศ รวมทั้งประเทศจีนซึ่งมีกฎหมายเข้มงวดเกี่ยวกับสิ่งลามก ลูกค้าหลักของ​BBS
ก็คือพวกผู้ชายถึง 98.9% และภาพที่เห็นในจอคอมพิวเตอร์นั้น จะไม่ใช่แค่รูปผู้หญิงเปลือยที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป
แต่ตลาดของ BBS นั้นเป็นตลาดที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะไม่พบในแมกกาชีนทั่วไป เช่น ภาพโป๊ของเด็กๆ เซ็กซ์
กับสัตว์ หรือภาพเซ็กซ์วิตถารอื่นๆ
สิ่งที่พ่อแม่กลัวที่สุดก็คือ เด็กๆ​ ที่อายุยังน้อยจะมารู้เห็นสิ่งที่ไม่บังควร อย่างเด็กชาย Anders Urmacher
อายุ 10 ปี เป็นนักเรียนโรงเรียน Dalton ในกรุงนิวยอร์ก วันหนึ่งเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็รู้ว่ามีจดหมาย (E-mail)
จากคนแปลกหน้าบอกวิธีว่า จะต้องกดเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างไร แล้วหนูน้อยก็ทำตามคำแนะนำนั้น พลันก็เห็น
ภาพประหลาดจึงรีบวิ่งไปบอกผู้เป็น​แม่​ คือนางลินดา Mann-Unmacher ก็เห็นภาพคู่ของเลสเบี้ยน เซ็กซ์หมู่​ และ
​ Sodomy ศัพท์นี้ก็เอามาจากชื่อเมืองโซโดมในพระคัมภีร์นั่นเอง พวกชอบป่าเดียวกัน ขนาดเทวดาก็ไม่เว้น
ก็เลยโดนไฟตกจากฟ้าเผาวอดไปพร้อมกับเมืองโกโมร์รา
มาถึงตรงนี้พอจะสรุปได้หรือยังว่า เรากำลังอยู่ในวันท้ายๆ ของโลกแล้วหรือยัง?

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6678
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ก.ค. 04, 2025 10:04 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 36 )

✴️ สงคราม​ความอดอยาก​และ​โรคระบาด​ (A) ✴️
จากบทความ Famine, Pest and War ของบาทหลวงคัลเลตัน
สัญญาณทั้งสามนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ ถึงแม้สงคราม​ ความอดอยาก และโรคระบาดจะเป็น
เหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นตามปกติอยู่แล้ว แต่ทว่าทั้ง​ 3 เหตุการณ์ที่จะเกิดในวันท้ายๆ ของโลก​มันมี
อะไรที่แตกต่างไปจากปกติ​ สังเกตได้เป็น​ 3 ลักษณะ ภัยพิบัติที่จะเกิดนั้นต้องมีลักษณะ (1) แผ่กว้าง
ไปทั่วทั้งโลก​(universal) (2) ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินอย่างย่อยยับ​(disastrous) (3) ที่ก่อ
ให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก (deadly) เมื่อบ้านเมืองอยู่ในสภาพดังกล่าว จิตชั่วร้ายก็จะฉกฉวย
โอกาสนั้น ทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เข้าไปในจิตของแต่ละบุคคล ในครอบครัว ในสังคม​ ในชาติ
และในนานาชาติ เหตุการณ์จะเกิดตอนโลกทั้งโลกกำลังพูดว่า​“สันติภาพ​ สันติภาพ” แต่จะไม่มีทางเกิด
สันติภาพได้เลย เมื่อมนุษย์ทำงานโดยปราศจากพระ เมื่อคนต่ำต้อยฮึดสู้กับผู้มีอิทธิพล เด็กจะสู้กับผู้ใหญ่
โลกถือเงินหรือวัตถุเป็นพระเจ้า และในที่สุด ชาวยิว และชาวคริสต์จะถูกเบียดเบียน และชาวยิวจะเดิน
กลับปาเลสไตน์ ลักษณะเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงวาระสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว
นอกเหนือจากสัญญาณที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ยังมีสัญญาณอื่นๆ​ ที่มักจะเกิดพร้อมๆ​ กัน เช่น มีการเ
คลื่อนไหวผิดปกติของวัตถุจากฟ้า​ การอพยพผิดฤดูกาลของบรรดานกต่างๆ มีปลาจำนวนมากว่ายมาเกยตื้น​
จะ​มีบุคคล​ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนจะขึ้นปกครองประเทศ การสงครามที่ดำเนินไปในหมู่เมฆ และท้ายที่สุด
หลังจากการเกิดของแอนตี้ไคร้สต์ ชาติต่อชาติจะสู้รบกันจนมาถึงจุดสำคัญ ที่จะเกิดในวันท้ายๆ ของโลก
คือ จะเกิด​ 3 มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่และชั่วร้ายจะขับเคี่ยวกันแบบสุดสุด
เหตุการณ์แห่งความยุ่งยากเหล่านี้ ถูกกำหนดให้เริ่มด้วยการปฏิวัติของคนชั้นต่ำ แต่ในที่สุดก็ลงท้าย
ด้วยการพ่ายแพ้ ลำดับของเหตุการณ์ที่จะเกิดในช่วงนั้น คงจะเป็นดังนี้ ประชาชนจะไม่พอใจในสภาพต่างๆ
ที่เป็นอยู่​ การปฏิวัติก็จะตามมา แล้วการไล่ล่าฆ่าคนชั้นสูงก็จะเกิดขึ้น ทั้งนี้เพราะไม่อาจจะทนระบบทรราชไปได้
สงครามจะระเบิดในหลายประเทศ โดยจะเริ่มที่ประเทศเยอรมนีก่อน​ เมืองใหญ่ๆ และประเทศทั้งประเทศ
จะถูกทำลาย​ และสงครามเหล่านี้จะแผ่ขยายไปทั่วโลก จะมีสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของสงครามเหล่านี้ก็คือ​
ความอดอยาก​ ทั่วโลกเพราะขาดฝน หรือบางแห่งก็มีหิมะและน้ำแข็งมากจนเกินควร หลังจากความอดอยากก็
จะเกิด​ แผ่นดินไหว และหายนะภัยตามธรรมชาติอีกหลายอย่าง ในที่สุดจะถึงเวรของ โรคระบาด จะมาเยือนแล้ว
จะมี ลูกอุกกาบาต ถล่มโลกเป็นว่าเล่น และดาวหาง ดวงสำคัญจะปรากฏบนท้องฟ้าทางทิศเหนือ บอกสัญญาณ
ว่าจะเกิด คลื่นยักษ์ ไปทั่วโลก
ผลแห่งการลงโทษซึ่งพระเจ้าส่งมาสู่โลก จะทำให้วงการเมืองและพวกถือทิฏฐิ (ปฏิบัติศาสนาผิดไปจาก-
คนอื่นๆ หรือเฮเรติก) ยุ่งเหยิงและหมดสภาพไป มนุษยชาติทั้งหมดจะต้องจ่ายค่าชำระโลกถึงหนึ่งในสาม
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ยุโรปจะเป็นจุดที่จะโดนหนักที่สุด ประชากร 3 ใน 4 จะถูกกวาดไป ในยุโรป
และในที่อื่นๆ พระสงฆ์ส่วนใหญ่จะตายไปเพราะปกป้องความเชื่อ พระสงฆ์เหล่านี้ใน​3 เดือนท้ายๆ จะอยู่ภายใต้
การปกครองระบบคล้ายๆ กับระบบคอมมิวนิสต์นั่นเอง ตามคำทำนายของนอสตราดามุส​ ยุคนี้ในประวัติศาสตร์
โลก จะเริ่มด้วยเหตุการณ์ที่สเปนถูกแบ่งเป็นภาคๆ​ ตามความต้องการของรัฐบาล​ เยอรมนี-จะปกครองโดยทหาร
และการบูชาภูติผีปีศาจ จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาปฏิบัติกันอีก ชาวเยอรมันจะจนลง อิสรภาพจะอันตรธานไป บ้านเมือง
จะอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมทางทหาร (เป็นสงครามประสาท) นอสตราดามุส ได้พยากรณ์ไว้ด้วยว่า​ ปารีสจะถูก
ทำลาย​ แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งเยอรมมีจะต้องหนีไปอังกฤษ​ และฝรั่งเศสจะต้องถูกแบ่ง ส่วนหนึ่งของฝรั่งเศสจะถูก
ปกครองโดยคนสูงอายุชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่จะถูกถอดอำนาจจากผู้ชนะผู้หนึ่ง
ตามคำทำนายจากหลายแหล่ง​ อิตาลีจะถูกเยอรมนียึดครอง ซึ่งในระยะต่อมาก็จะปล่อยให้รัสเซียครองต่อไป
เยอรมนีจะสามารถยึดครองอิตาลีได้โดยการออกอุบายในสุนทรพจน์ที่หลอกลวงที่ได้กล่าวในงานสำคัญในเมือง
มิลาน​ เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โป๊ปจะต้องหนีไปจากโรม และคงจะต้องสิ้นพระชนม์ในถิ่นเนรเทศหลังจากเหตุการณ์
หนีนั้นหนึ่งปี (บางพยากรณ์บอกว่า 90 วัน​ บางพยากรณ์ก็ว่า 200 วัน) การเนรเทศนี้จะเป็นไปแบบถูกบังคับ​ หรือ
ไปโดยสมัครใจ (เพื่อจะสามารถปกครองพระศาสนจักรคาทอลิกทั่วโลกได้ดีกว่า)​ ก็ยังไม่เป็นที่กระจ่างนัก
การไปจากรุงโรมครั้งนี้จะเกิดขึ้นเมื่ออิตาลีขาดผู้นำ​​ และฝรั่งเศสขาดผู้ปกครอง
การแตกแยกช่วงระยะสั้นๆ ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย​ เพราะโป๊ปต้องไปจากกรุงโรม แล้วปรปักษ์
โป๊ป (Antipope คือ บุคคลที่ตั้งตัวเป็นโป๊ปแข่งกับโป๊ปตัวจริง) ซึ่งจะเป็นบุคคลที่มีกำเนิดจากเยอรมนี​ จะถูกตั้งขึ้น​
และในที่สุดกรุงโรมจะถูกทำลาย แต่ทว่าการโค่นกันนี้ เกิดขึ้นจากภายในไม่ใช่จากภายนอก มีคำกล่าวจากโป๊ป
องค์ก่อนๆ ไว้ว่า​ อิตาลีจะถูกทำลายแต่กรุงโรมจะปลอดภัย นี่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีการโค่นล้มกัน
เกี่ยวกับเวลาที่โป๊ปจะหนี​ ฝรั่งเศสและสเปนจะรวมกันเพื่อต้านเยอรมนีและจะประสบผลสำเร็จ แล้วรัสเซีย
จะมาจากทางเหนือ และญี่ปุ่นกับชาวมุสลิมจะมาจากตะวันออก​ และจะก่อให้เกิดความเสียหายไม่น้อย​ ญี่ปุ่นจะ
ประกอบไปด้วยแสนยานุภาพทางทะเล​ ตุรกีทางทหารราบ และรัสเซียทางอากาศ​ เครื่องบินจะมากันเต็มท้องฟ้า
อย่างมืดฟ้ามัวดิน​ จะนำความสูญเสียใหญ่หลวงมาให้ กองทัพของฝรั่งเศสและสเปนจะประสบชัยชนะในช่วงแรก​
แต่ถูกตียับเยินไปทั้งคู่ในภายหลัง​ พวกเขาจะยืนหยัดสู้อย่างไม่ถอยเพื่อพระศาสนา และขณะกำลังประจัญบานกัน
อยู่นั้น ก็เกิดปาฏิหาริย์พระเจ้าทรงเฆี่ยนกองทัพของผู้ไม่เอาพระไม่เอาเจ้าให้แตกกระเจิงไป
ตามคำพยากรณ์ของเซนต์​ โคลัมป์คิลล์ ก็บอกว่า ญี่ปุ่นจะส่งกองเรือที่ยิ่งใหญ่เข้าปะทะอังกฤษ​ และสามารถ
พิชิตอังกฤษได้ ณ​ ทะเลเมดิเตอเรเนียน​ อังกฤษจะพ่ายอย่างหมดรูป และจะหยุดเป็นจ้าวโลกตั้งแต่นั้น ผู้พยากรณ์
ให้เหตุผลว่า เนื่องจากพวกเขามิได้ปฏิบัติตามความยุติธรรม และความถูกต้อง​ จะมีสัญญาณ 3 ข้อที่บ่งบอกถึง
วาระสุดท้ายของอังกฤษ คือ หนึ่ง จะเกิดไฟไหม้ของหอคอยของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ สอง​ จะเกิดไฟไหม้อู่เรืออังกฤษ
และสาม​ จะเกิดไฟไหม้พระคลัง​ ตัวธนาคารแห่งชาติอังกฤษ ที่เป็นอาคารจะไม่ถูกทำลาย​ แต่การเงินการธนาคาร
จะเสียหายย่อยยับ​ ลอนดอนจะพังทลายต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองยอร์ก และประเทศอังกฤษจะถูกปกครอง
โดยผู้ปกครองร่วม​ คงจะได้รับการแต่งตั้งจากมหาราช ระหว่างการถูกทำลายและการฟื้นขึ้นมาใหม่ อังกฤษ
ถูกกำหนดให้โดนถล่มด้วยคลื่นยักษ์ ผลแห่งทุกขเวทนาครั้งนี้​ อังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่และมี
คุณธรรม แล้วจะกลับเข้าสู่พระศาสนจักรคาทอลิกอีกครั้งหนึ่ง

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ตอบกลับโพส