โดย สนธิ สารธรรม
ตอนที่ ( 51 )
2. )ปาฏิหาริย์ แม่พระได้สัญญาว่า “ปาฏิหาริย์” จะเกิดที่สวนสน มันจะเกิดในวันพฤหัสบดี เวลา20.30 น.
ระหว่างวันที่ 8-16ระหว่างเดือนมีนาคม เมษายน และพฤษภาคม “ปาฏิหาริย์” นี้จะประจวบกับเหตุการณ์
ในพระศาสนจักร คือ เป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่มผู้ศรัทธาในศีลมหาสนิท
การบอกใบ้เหล่านี้ของแม่พระจำเป็นต้องขยายความ ในปฏิทินคาทอลิก ทุกๆ วันจะถูกกำหนดให้
เป็นวันฉลองนักบุญ หรือมรณสักขีองค์หนึ่งหรือหลายองค์ (โดยมากเป็นวันตายของนักบุญองค์นั้น)
มรณสักขี หมายถึงนักบุญที่ยอมตายเพื่อพระศาสนา ถึงแม้จะถูกทรมานถูกขู่อย่างไรก็ไม่ยอมทิ้งศาสนา
แม้จะเสียชีวิตก็ตาม ฉะนั้นจึงต้องเปิดEncyclopaedia เพื่อหาดูว่านักบุญหนุ่มที่ยอมตาย เพื่อยืนยันใน
ศรัทธา หรือความเชื่อในศาสนาคริสต์ และวันฉลองของท่านจะต้องตกในวันที่ 8-16 ระหว่าง เดือนมีนาคม
เมษายน พฤษภาคม ก็พบนักบุญพันกราส (St. Pancras) ซึ่งมีประวัติย่อๆ ว่าเกิดที่ Frigia เป็นกำพร้า
มาเข้าศาสนาคริสต์ตามคุณลุง เป็นนักกีฬามวยปล้ำที่เก่งกล้า มีใจเด็ดเดี่ยวมั่นคง ตอนที่มีการเบียดเบียน
ศาสนาคริสต์ในสมัยจักรพรรดิดีโอเกลซีอาโน ถูกข่มขู่ให้ทิ้งศาสนาท่านก็ไม่ยอมทั้งๆ ที่รู้จะต้องถูกตัดคอ
ท่านถูกตัดคอยเมื่อปีค.ศ. 304 มีอายุแค่ 14 ปี เนื่องจากท่านเป็นนักกีฬาผู้กล้าหาญ และยอมตายโดยไม่
ยอมทิ้งศาสนา ท่านจึง “ดัง” ในเรื่อง “เด็ดเดี่ยว” “ถอดหน้ากากคนโกง” “จับเท็จ” ฉลองของท่านจะตกใน
วันที่ 12 พฤษภาคม แม่พระได้บอกใบ้ไว้ว่า “ปาฏิหาริย์” นั้นจะเกิดในวันพฤหัสบดี เมื่อรู้วันเดือนปีแห่ง
ปาฏิหาริย์นี้แล้วก็ต้องมาดูว่าปาฏิหาริย์นี้คืออะไร? เมื่อประมวลจากหลายแหล่งก็สรุปได้ว่า จะเป็นเสาเมฆ
หากดูตอนกลางวัน ถ้าดูตอนกลางคืนจะเห็นเป็นเสาไฟจะลุกแต่ไม่ไหม้ เสานี้จะเป็นรูปกางเขนจะเกิดเหนือ
ต้นสนที่แม่พระเคยปรากฏมาที่คาราบันดัล เสาเมฆหรือเสาไฟที่เป็นรูปกางเขนนั้นอาจจะถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอ
ก็ได้ แต่จะจับต้องไม่ได้ เครื่องหมายกางเขนนี้จะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย ทุกคนในหมู่บ้านและทิวเขา
โดยรอบจะมองเห็นได้ คนเจ็บคนป่วยที่อยู่ในบริเวณนั้นจะหายจากโรค คนบาปและคนไม่เชื่อจะกลับใจ รัสเซีย
จะกลับใจหลังปาฏิหาริย์นี้ โป๊ปจะเห็นปรากฏการณ์นี้ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ใดก็ตาม
แม่พระยังบอกเธออีกว่า “ขณะที่จะเกิดปาฏิหาริย์นั้นให้สังเกตพระศาสนจักรดูเหมือนทำท่าจะล่มสลาย เมื่อ
พระสงฆ์จะมีความยากลำบากในการถวายบูชามิสซาหรือในการพูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์เรื่องศรัทธา” เวลานั้นจะมาถึง
เมื่อพระศาสนจักรให้ความรู้สึกว่ากำลังถึงจุดหายนะ จะต้องผ่านกาทดสอบที่น่ากลัว เมื่อเธอถามแม่พระว่า จะ
เกิดอย่างไร? แม่พระก็ตอบแต่เพียงว่า “ลัทธิคอมมิวนิสต์”
เกี่ยวกับประเด็นปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์นี้ มีกรณีหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นจดหมายที่คอนซิต้าได้เขียนไปถึง
โจอี้ โลมานจิโน เมื่อวันที่ 19มีนาคม 1964 ใจความว่า “โจอี้ที่รัก วันนี้ที่สวนสนแม่พระได้กระซิบในใตฉัน
ให้มาบอกเธอว่า ในวันปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่นั้น เธอจะได้รับดวงตาใหม่” ถึงแม้โจอี้จะรู้ว่าตาพิการของเขาจะ
รักษาให้หายไม่ได้แล้ว แต่จดหมายของแม่ระมาดในปี 1964 นั้นทำให้เขาเชื่อว่า วันหนึ่งเขาจะมองเห็น
คอนซิต้า ย้ำในจดหมายต่อไปว่า “สิ่งแรกที่โจอี้จะเห็น จะเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งพระบุตรของแม่จะทรงแสดง
โดยการเสนอของแม่ และนาทีนั้นเขาจะมองเห็นตลอดไป” คอนซิต้าได้อธิบายในภายหลังว่าดวงตาใหม่นั้น
แม่พระหมายถึงดวงตาปกติธรรมดานี่เอง ไม่ใช่ดวงตาทางจิตวิญญาณ เพราะดวงตาใหม่นี้โจอี้จะใช้ให้เป็น
ประโยชน์ในการแพร่ธรรมและเกียรติคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้าต่อไป
โจอี้เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน1931 ใกล้บรุคลิน นิวยอร์ก เมื่ออายุได้ 16 ปี ขณะโจอี้กำลังสูบลมยางรถ
บรรทุกน้ำแข็งและถ่าน ยางก็เกิดระเบิดใส่หน้า ยางฟาดเข้าที่ตาทั้งสองข้าง ตัดประสาทดมกลิ่นและสายตา
ของเขา โจอี้ไปพบบาทหลวง ปีโอ ผู้โด่งดังเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ที่อิตาลีขณะคุกเข่ารอคุณพ่อปีโอเพื่อถวาย
บูชามิสซา เมื่อคุณพ่อเดินผ่าน โจอี้รู้สึกเหมือนมีระเบิดในศีรษะของเขา ทันใดนั้นเขาได้ประสาทการดมกลิ่น
กลับคืนมา เขาได้กลิ่นหอมกุหลาบทันที แล้วโจอี้ก็ถามถึงแม่พระปรากฏมาที่คาราบันดัลเป็นเรื่องจริงหรือ
ท่านตอบว่า “จริง” “ควรไปที่นั่นไหม?” คำตอบของท่านคือ “ทำไมไม่ไปล่ะ!” แล้วโจอี้ก็ไปคาราบันดัลหลาย
ครั้ง จนได้ชื่อว่า “สาวกตาพิการแห่งคาราบันดัล”
3.) การลงทัณฑ์ ระหว่างเดือนกรกฎาคม 1962 คอนซิต้า มารีโลลี และยาชินทา ได้เห็นนิมิตว่า การลงทัณฑ์ที่
จะเกิดขึ้นนั้นจะมีสภาพอย่างไร แม่พระบอกเด็กทั้ง 3 นี้ว่า “ถ้าเราไม่เชื่อฟังการเตือนนี้ และมนุษยชาติไม่เปลี่ยน
แปลงหลังจากการเตือนและปาฏิหาริย์ที่สวนสน พระเป็นเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์มาแน่ ในการพรรณนาถึงนิมิต
ของการลงทัณฑ์นั้น มารีโลลีกล่าวว่า “มันแย่ยิ่งกว่ามีไฟสุมหัวเราอีก ไฟข้างใต้ ไฟรอบตัวเรา เธอเห็นผู้คนทิ้ง
ตัวลงไปในทะเล แต่แทนที่ไฟจะดับ กลับดูเหมือนว่า ยิ่งทำให้ไหม้หนักขึ้นอีก
คอนซิต้ากล่าวว่า “แม่พระบอกว่า หลังจากโป๊ป จอห์นที่ 23 แล้ว ยังจะมีโป๊ปอีก 3 องค์ จะมีองค์หนึ่งครอง
สาส์นสั้นๆ และเมื่อโป๊ป พอลที่6 ได้รับเลือกตั้งเป็นโป๊ปต่อจากจอห์นที่ 23 แม่พระก็บอกหนูว่า หลังจากโป๊ปองค์นี้
จะเหลือโป๊ปอีก 2 องค์ แล้วก็จะถึงกาลสิ้นยุค แต่ไม่ใช่สิ้นโลก เพื่อนของเขาแย้งว่า “แล้วมันต่างกันอย่างไร?
” อีกคนตอบ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เพื่อนผมคนหนึ่ง เอาคำถามนี้ไปถามพระสงฆ์รูปหนึ่งว่า อีกไม่นานจะสิ้นยุคแล้วจริงหรือครับคุณพ่อ?
พระสงฆ์รูปนั้นตอบว่า “เธอนี้เพี้ยนแล้ว!...?..!”