6 เกาะติดวิกฤติโลกผ่านพระคัมภีร์ และนอสตาดามุส (51-60)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อาทิตย์ ก.ค. 20, 2025 6:10 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 51 )

✴️ ทัวร์​แสวง​ (หา) บุญกึ่งแสวงหาข่าว​ (C)​ ✴️
2. )ปาฏิหาริย์ แม่พระได้สัญญาว่า “ปาฏิหาริย์” จะเกิดที่สวนสน มันจะเกิดในวันพฤหัสบดี เวลา​20.30 น.
ระหว่างวันที่ 8-16​ระหว่างเดือนมีนาคม​ เมษายน​ และพฤษภาคม “ปาฏิหาริย์” นี้จะประจวบกับเหตุการณ์
ในพระศาสนจักร คือ เป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่มผู้ศรัทธาในศีลมหาสนิท
การบอกใบ้เหล่านี้ของแม่พระจำเป็นต้องขยายความ ในปฏิทินคาทอลิก​ ทุกๆ วันจะถูกกำหนดให้
เป็นวันฉลองนักบุญ หรือมรณสักขีองค์หนึ่งหรือหลายองค์ (โดยมากเป็นวันตายของนักบุญองค์นั้น)
มรณสักขี หมายถึงนักบุญ​ที่ยอมตายเพื่อพระศาสนา ถึงแม้จะถูกทรมานถูกขู่อย่างไรก็ไม่ยอมทิ้งศาสนา
แม้จะเสียชีวิตก็ตาม ฉะนั้นจึงต้องเปิด​Encyclopaedia เพื่อหาดูว่านักบุญ​หนุ่มที่ยอมตาย เพื่อยืนยันใน
ศรัทธา หรือความเชื่อในศาสนาคริสต์​ และวันฉลองของท่านจะต้องตกในวันที่ 8-16 ระหว่าง เดือนมีนาคม
เมษายน​ พฤษภาคม ก็พบนักบุญพันกราส (St. Pancras) ซึ่งมีประวัติย่อๆ ว่าเกิดที่​ Frigia เป็นกำพร้า
มาเข้าศาสนาคริสต์ตามคุณลุง เป็นนักกีฬามวยปล้ำที่เก่งกล้า​ มีใจเด็ดเดี่ยวมั่นคง ตอนที่มีการเบียดเบียน
ศาสนาคริสต์ในสมัยจักรพรรดิ​ดีโอเกลซีอาโน ถูกข่มขู่ให้ทิ้งศาสนาท่านก็ไม่ยอมทั้งๆ ที่รู้จะต้องถูกตัดคอ​
ท่านถูกตัดคอยเมื่อปี​ค.ศ. 304 มีอายุแค่ 14 ปี เนื่องจากท่านเป็นนักกีฬา​ผู้​กล้าหาญ และยอมตายโดยไม่
ยอมทิ้งศาสนา ท่านจึง​ “ดัง”​ ในเรื่อง “เด็ดเดี่ยว” “ถอดหน้ากากคนโกง” “จับเท็จ”​ ฉลองของท่านจะตกใน
วันที่ 12 พฤษภาคม​ แม่พระได้บอกใบ้ไว้ว่า​ “ปาฏิหาริย์”​ นั้นจะเกิดในวันพฤหัสบดี เมื่อรู้วันเดือนปีแห่ง
ปาฏิหาริย์นี้แล้วก็ต้องมาดูว่าปาฏิหาริย์นี้คืออะไร? เมื่อประมวลจากหลายแหล่งก็สรุปได้ว่า จะเป็นเสาเมฆ
หากดูตอนกลางวัน ถ้าดูตอนกลางคืนจะเห็นเป็นเสาไฟจะลุกแต่ไม่ไหม้ เสานี้จะเป็นรูปกางเขนจะเกิดเหนือ
ต้นสนที่แม่พระเคยปรากฏมาที่คาราบันดัล เสาเมฆหรือเสาไฟที่เป็นรูปกางเขนนั้นอาจจะถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอ
ก็ได้ แต่จะจับต้องไม่ได้​ เครื่องหมายกางเขนนี้จะคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย ทุกคนในหมู่บ้านและทิวเขา
โดยรอบจะมองเห็นได้ คนเจ็บคนป่วยที่อยู่ในบริเวณนั้นจะหายจากโรค​ คนบาปและคนไม่เชื่อจะกลับใจ รัสเซีย
จะกลับใจหลังปาฏิหาริย์นี้ โป๊ปจะเห็นปรากฏการณ์นี้ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ใดก็ตาม
แม่พระยังบอกเธออีกว่า “ขณะที่จะเกิดปาฏิหาริย์นั้นให้สังเกตพระศาสนจักรดูเหมือนทำท่าจะล่มสลาย เมื่อ
พระสงฆ์จะมีความยากลำบากในการถวายบูชามิสซาหรือในการพูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์เรื่องศรัทธา” เวลานั้นจะมาถึง
เมื่อพระศาสนจักรให้ความรู้สึกว่ากำลังถึงจุดหายนะ​ จะต้องผ่านกาทดสอบที่น่ากลัว เมื่อเธอถามแม่พระว่า จะ
เกิดอย่างไร?​ แม่พระก็ตอบแต่เพียงว่า “ลัทธิคอมมิวนิสต์”
เกี่ยวกับประเด็นปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์นี้ มีกรณีหนึ่งที่น่าสนใจ​ เป็นจดหมายที่คอนซิต้าได้เขียนไปถึง
โจอี้ โลมานจิโน เมื่อวันที่ 19​มีนาคม​ 1964 ใจความว่า “โจอี้ที่รัก​ วันนี้ที่สวนสนแม่พระได้กระซิบในใตฉัน
ให้มาบอกเธอว่า ในวันปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่นั้น เธอจะได้รับดวงตาใหม่”​ ถึงแม้โจอี้จะรู้ว่าตาพิการของเขาจะ
รักษาให้หายไม่ได้แล้ว แต่จดหมายของแม่ระมาด​ในปี​ 1964 นั้นทำให้เขาเชื่อว่า วันหนึ่งเขาจะมองเห็น
คอนซิต้า ย้ำในจดหมายต่อไปว่า “สิ่งแรกที่โจอี้จะเห็น จะเป็นปาฏิหาริย์ซึ่งพระบุตรของแม่จะทรงแสดง
โดยการเสนอของแม่ และนาทีนั้นเขาจะมองเห็นตลอดไป”​ คอนซิต้าได้อธิบายในภายหลังว่าดวงตาใหม่นั้น
แม่พระหมายถึงดวงตาปกติธรรมดานี่เอง​ ไม่ใช่ดวงตาทางจิตวิญญาณ เพราะดวงตาใหม่นี้โจอี้จะใช้ให้เป็น
ประโยชน์ในการแพร่ธรรมและเกียรติคุณแห่งพระผู้เป็นเจ้าต่อไป
โจอี้เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน​1931 ใกล้บรุคลิน นิวยอร์ก เมื่ออายุได้​ 16 ปี ขณะโจอี้กำลังสูบลมยางรถ
บรรทุกน้ำแข็งและถ่าน ยางก็เกิดระเบิดใส่หน้า ยางฟาดเข้าที่ตาทั้งสองข้าง ตัดประสาทดมกลิ่นและสายตา
ของเขา โจอี้ไปพบบาทหลวง ปีโอ ผู้โด่งดังเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ที่อิตาลีขณะคุกเข่ารอคุณพ่อปีโอเพื่อถวาย
บูชามิสซา เมื่อคุณพ่อเดินผ่าน โจอี้รู้สึกเหมือนมีระเบิดในศีรษะของเขา​ ทันใดนั้นเขาได้ประสาทการดมกลิ่น
กลับคืนมา เขาได้กลิ่นหอมกุหลาบทันที แล้วโจอี้ก็ถามถึงแม่พระปรากฏมาที่คาราบันดัลเป็นเรื่องจริงหรือ
ท่านตอบว่า “จริง”​ “ควรไปที่นั่นไหม?”​ คำตอบของท่านคือ “ทำไมไม่ไปล่ะ!” แล้วโจอี้ก็ไปคาราบันดัลหลาย
ครั้ง จนได้ชื่อว่า “สาวกตาพิการแห่งคาราบันดัล”
3.) การลงทัณฑ์ ระหว่างเดือนกรกฎาคม 1962 คอนซิต้า มารีโลลี และยาชินทา ได้เห็นนิมิตว่า การลงทัณฑ์ที่
จะเกิดขึ้นนั้นจะมีสภาพอย่างไร​ แม่พระบอกเด็กทั้ง 3 นี้ว่า “ถ้าเราไม่เชื่อฟังการเตือนนี้ และมนุษยชาติไม่เปลี่ยน
แปลงหลังจากการเตือนและปาฏิหาริย์ที่สวนสน พระเป็นเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์มาแน่ ในการพรรณนาถึงนิมิต
ของการลงทัณฑ์นั้น มารีโลลีกล่าวว่า “มันแย่ยิ่งกว่ามีไฟสุมหัวเราอีก ไฟข้างใต้ ไฟรอบตัวเรา เธอเห็นผู้คนทิ้ง
ตัวลงไปในทะเล แต่แทนที่ไฟจะดับ กลับดูเหมือนว่า​ ยิ่งทำให้ไหม้หนักขึ้นอีก
คอนซิต้ากล่าวว่า “แม่พระบอกว่า หลังจากโป๊ป จอห์นที่ 23 แล้ว​ ยังจะมีโป๊ปอีก 3 องค์​ จะมีองค์หนึ่งครอง
สาส์นสั้นๆ และเมื่อโป๊ป พอลที่​6 ได้รับเลือกตั้งเป็นโป๊ปต่อจากจอห์น​ที่ 23 แม่พระก็บอกหนูว่า หลังจากโป๊ปองค์นี้
จะเหลือโป๊ปอีก 2 องค์ แล้วก็จะถึงกาลสิ้นยุค แต่ไม่ใช่สิ้นโลก เพื่อนของเขาแย้งว่า “แล้วมันต่างกันอย่างไร?
”​ อีกคนตอบ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”​
เพื่อนผมคนหนึ่ง เอาคำถามนี้ไปถามพระสงฆ์รูปหนึ่งว่า อีกไม่นานจะสิ้นยุคแล้วจริงหรือครับคุณพ่อ?​
พระสงฆ์รูปนั้นตอบว่า “เธอนี้เพี้ยนแล้ว!...?..!”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ เสาร์ ส.ค. 02, 2025 4:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 2:45 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 52 )

✴️ จอห์น​ พอลที่​ 2 กับเพื่อนๆ​ ในวัยเด็ก​ (A)​ ✴️
สืบเนื่องจากการนำชาวคาทอลิกจำนวนหนึ่งเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอลที่ 2 เ
มื่อเดือนพฤศจิกายนที่แล้ว​ รู้สึกว่าการเดิเหินของพระองค์เชื่องช้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด และแทนที่
พระองค์​จะดำเนินเข้าทางประตูใหญ่ของห้องโถง พอลที่ 6 แล้วดำเนินไปทักทายผู้คนที่ยืนคอยที่
บริเวณทางเดินทั้งสองข้างเช่นเคย ก็ทรงเปลี่ยนเป็นดำเนินเข้าสู่เวทีแล้วทรงประทับนั่งฟังรายงานเลย
แล้วรายการเข้าเฝ้าก็จบลงด้วยการนำผู้พิการที่ต้องนั่งรถเข็นขึ้นบนเวที แล้วพระองค์ก็จะทรงอวยพร
และทักทายคนพิการเหล่านี้เป็นอันเสร็จพิธี
ในโอกาสนี้ได้ซื้อนิตยสาร​“Inside the Vatican” ที่หน้าวิหารเซนต์ปีเตอร์พูดถึงพระสันตะปาปาอีก
แง่มุมหนึ่ง เห็นว่าน่าสนใจจึงขอถ่ายทอดมาให้แฟนหน้า 5 ในหัวข้อ​ “จอห์น พอลที่ 2 กับเพื่อนๆ
ในวัยเด็ก ” ในโอกาสที่บ้านเราเพิ่งผ่าน​ “วันเด็ก”​ ไปหมาดๆ
“พระองค์ชอบเป็นโป๊ปมั้ย?” “ทำอย่างไรถึงได้เป็นโป๊ป?” “ตอนที่พระองค์ยังเป็นเด็ก พระองค์เคยคิดอยาก
เป็นโป๊ปหรือเปล่า?” เป็น​คำถามของพวกเด็กๆ ด้วยน้ำใสใจจริงที่ใคร่จะรู้คำตอบจากพระองค์ท่าน​ คงไม่มี
นักหนังสือพิมพ์หรือพระสงฆ์องค์เจ้ารูปใด บังอาจตั้งคำถามที่ซื่อบริสุทธิ์เช่นนี้ต่อพระสันตะปาปาเป็นแน่ แต่ทว่า
เด็กๆ กลุ่มหนึ่งของโบสถ์เซนต์ฟรันซิส เดอชาลส์ เมื่อเดือนมีนาคม 1994 ได้ตั้งคำถามเหล่านี้ต่อพระองค์ และ
ยังมีคำถามอื่น​ๆ อีก เช่น “เมื่อพระองค์เป็นเด็กชอบเล่นกีฬาอะไร?”​ “พระองค์มีเพื่อนๆ มีคุณพ่อหรือคุณแม่
หรือเปล่า?” คำตอบของพระองค์คือ “พ่อไม่เคยคิดที่จะมาเป็นโป๊ป แต่เป็นพระเยซู​ที่ได้เลือกพ่อ และผู้สืบ
ตำแหน่งของพ่อก็อาจจะเป็นคนหนึ่งในระหว่างพวกเธอนี่แหละ”​
พระองค์ทรงมีเพื่อนสนิทในวัยเด็กอยู่ 3-4 คน จนกระทั่งปัจจุบันนั้นยังมีการติดต่อกันเป็นประจำคือ
Hallina Kwiatkowska เธอเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งตั้งแต่มีอายุ 9​ปี และเมื่ออายุ 20 ปีเธอยังร่วมอยู่ใน
คณะละครเดียวกัน เธอได้กลายมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในโปแลนด์​ จนกระทั่งถึงปี 1980 เธอยังแสดงละคร
ที่ “Antiguo Teatro” โรงละครชื่อดังแห่งเมืองคราโคฟ
Jerzy Kluger เป็นเพื่อนนักเรียน บิดาของเขาเป็นประธานชุมชนชาวยิวแห่งเมือง Wadowice ปัจจุบัน
Jerzy พำนักอยู่ที่กรุงโรม​ เขายังไปพบเพื่อนที่เป็นโป๊ปเป็นครั้งคราว
Meiczyslaw Malinski พบกับโป๊ปตอนเข้ามหาวิทยาลัย แล้วชวนกันเข้าสามเณราลัยพร้อมกัน ท่านผู้นี้
ปัจจุบันเป็นนักเขียนคาทอลิก​ที่มีชื่อกระฉ่อนผู้หนึ่งในโปแลนด์ โดยอาศัยการแนะนำจากท่านผู้นี้​ ทำให้รู้จัก
นักเรียนชื่อดังชาวฝรั่งเศสชื่อ​Putrick meney ซึ่งได้เขียนหนังสือชื่อ “Le pape aussi a eu vingt ans”
“โป๊ปครั้งหนึ่งก็มีอายุ​ 20 ปีด้วย”​ ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลต่างๆ จากท่านผู้นี้ในเรื่องที่จะกล่าวต่อไป
“คุณแม่ของผมฝันอยู่เสมอว่า​ อยากให้ลูกคนหนึ่งเป็นหมอและอีกคนหนึ่งเป็พระ​สงฆ์”
มารดาของโป๊ปชื่อ Emilia เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ในเมือง Wadowice ต่างรักใคร่เธอกันทุกคน เพราะเธอ
เป็นคนใจดี เป็นกันเองกับทุกคน เธอเป็นคนไม่สู้จะแข็งแรงนัก มีรูปร่างบอบบาง สะโอดสะอง ใบหน้าของ
เธอชวนมองและมีดวงตาที่มีเสน่ห์​ เธอแต่งงานกับนายทหารออสเตรียที่ชื่อ​ Karol Wojtyla ซึ่งมีบันทึกใน
ทะเบียนประวัติว่า​ “เป็นคนซื่อสัตย์​ รับผิดชอบ​ สุขุมและสงบเสงี่ยม​ ผู้บังคับบัญชาของเขาได้บันทึกไว้ว่า​ เคร่งครัด
ต่อหน้าที่​ และมีความรู้เรื่องกฎระเบียบเป็นอย่างดี เขาได้รับเครื่องอิสริยากรณ์แต่ไม่เคยปฏิบัติการในสนามรบ
เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นบริหาร​ ก่อนหนึ่งปีที่จะได้บุตรชายคนที่ 3 ซึ่งถือกำเนิดในปี​1920 สนธิสัญญาแวร์ซาย
ก็อุบัติขึ้น​ ซึ่งได้กำหนดเขตแดนแห่งรัฐอิสระใหม่ โปแลนด์เป็นชาติอิสระชาติหนึ่ง เขาก็เข้าปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพ
ของโปแลนด์บ้านเกิดเมืองนอนของเขา
บุตรชายคนที่ 3 ของเขา มีชื่อ​Karol เช่นเดียวกับชื่อของเขา​ เขารอบุตรคนนี้มาหลายปี ขณะนั้นเขามีอายุ 41 ปี
และภรรยาอายุ 36 ปี​ บุตรชายคนแรกชื่อ Edmund เกิดในปี 1908 แล้วบุตรคนที่ 2 ก็ตามมาเป็นผู้หญิง แต่ได้
เสียชีวิตหลังจากเกิดได้ไม่นาน Karol เป็นของขวัญแห่งความเชื่อศรัทธาซึ่งตระกูล​Wojtyla ต้องผ่านการทดสอบ
ที่น่าสยอง​ “คุณแม่ของอาตมาภาพเคยฝันไว้ว่าอยากจะมีลูกชายเป็นหมอคนหนึ่ง​ และอีกคนหนึ่งอยากให้เป็น
พระสงฆ์” โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 ตรัสกับกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่ง ในขณะนั้น Edmund บุตรชายคนโตอายุได้​12 ปี​
เขาก็แสดงความปรารถนาว่าจะเรียนเป็นหมอ ณ วันที่ 18 พฤษภาคม​ 1920 Karol ถือกำเนิด​ คุณแม่ของเขาก็ได้
แต่หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะตัดสินใจอุทิศตัวเองแก่พระผู้เป็นเจ้า เธอคงไม่เคยวาดภาพขนาดถึงเป็น
พระสันตะปาปาหรอก เพราะนั่นเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าตำแหน่งนั้นถูกสงวนไว้เฉพาะแค่​ “คุณแม่ชาวอิตาเลียนเท่านั้น”​
โป๊ปเป็นชาวอิตาเลียนตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
Karol เป็นเพื่อนเล่นกับ​ Jerzy Kluger ชาวยิวตั้งแต่เพิ่งหัดเดิน แล้วต่อมาก็เล่นฟุตบอลด้วยกัน​ มักจะจัด
เป็นทีมคาทอลิก​ VS กับทีมยิว​ เพื่อนๆ มักให้สมญา Karol ว่า​Martyna นักฟุตบอลชื่อดังในสมัยนั้น​
เมื่อประมุขรับไบ (Rabbi) แห่งศาสนายิวที่กรุงเยรูซาเล็ม ชื่อ Meir Lau สบโอกาสต้อนรับโป๊ปจอห์น​พอลที่ 2
ก็ได้เล่าประวัติน่าสนใจของชาวยิวผู้หนึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่​ 2 ว่า มีสองสามีภรรยาชาวยิวคู่หนึ่งอาศัยอยู่
ในโปแลนด์ ก่อนที่จะถูกทหารนาซีจับกุม เขาได้นำลูกชายที่ยังแบเบาะอยู่ ไปฝากไว้กับครอบครัวชาวคาทอลิก
ที่เมืองคราโคฟชื่อ lakowiezowa ให้ช่วยเลี้ยงดู​ โดยต้องสัญญาว่าเมื่อเด็กชายนั้นโตขึ้นขอให้นับถือศาสนายิว
ต่อมา​สองสามีภรรยานั้นถูกจับ​ และส่งไปเข้าค่ายกักกันนั้น ส่วนลูกชายก็เติบโตในครอบครัวคาทอลิก​ ท่ามกลาง
ความรักและความอบอุ่นในฐานะบุตรบุญธรรมจนอายุได้​ 8​ ปี​ พ่อแม่บุญธรรมจึงพาเด็กไปหาเจ้าอาวาส
เพื่อทำพิธีล้างบาป

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 2:51 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 53. )

✴️ จอห์น​ พอลที่​ 2 กับเพื่อนๆ​ ในวัยเด็ก​ (B) ✴️
แต่พระสงฆ์หนุ่มเจ้าอาวาสรู้จักประวัติของเด็กนั้นเป็นอย่างดี​ จึงพูดกับพ่อแม่บุญธรรมนั้นว่า เขาต้องถือ
ตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพ่อแม่ของเด็กชาวยิวผู้​นั้น​ แล้วประมุขของรับไบผู้นั้นก็สรุปว่า “เด็กน้อยอายุ 8 ขวบ
คนนั้นก็คือตัวข้าพเจ้าเอง และเจ้าอาวาสท่านนั้นก็คือพระสันตะปาปา จอห์น​พอลที่​ 2”
Baguslaw Banas เป็นเพื่อนอีกคนหนึ่งของ Karol เขาเป็นลูกคนมีเงินของเมือง Wodowice เขามีกิจการ
โรงแรม และมีรถยนต์หนึ่งคันด้วย เขาคุยให้เพื่อนๆ ฟังว่า เขาเกือบทำให้พวกเขาไม่มีเพื่อนเป็นโป๊ปเสียแล้วเทียว
เขาเล่าให้ฟังว่า “พี่ชายของผม Karol และผมกำลังอยู่ในร้านกาแฟ​ ผมได้พบปืนสั้นของตำรวจโดยบังเอิญ ผมก็
หยิบเอามาเล่น​ Karol นั่งบนม้ายาวติดกับพี่ชายของผม แล้วผมก็พูดกับพวกเขาว่า​ ยกมือขึ้นไม่งั้นยิงนะ! ผมกำลัง
จะหยอกพวกเขา แน่ใจว่าปืนไม่มีลูก​ ผมขึ้นนกแล้วเหนี่ยวไก โป้ง! กระสุนเฉียดหัว Karol! ผมยืนตัวแข็งเป็นท่อนไม้
”​ แล้วบิดาของเขาก็ลงโทษ​Boguslaw อย่างรุนแรง Karol ไปปลอบใจเพื่อนว่าไม่มีใครตาย ไม่เป็นไรเขายกโทษให้
วันนี้ Boguslaw ยังบ่นให้เพื่อนฟังอยู่บ่อยๆ ว่า “เกือบฆ่าโป๊ปไปเสียแล้วซี”​
ชะตายังไม่ถึงฆาต ว่างั้นเถอะ​ เมื่อ 15 ปีที่แล้ว โป๊ปจอห์น​ พอลที่ 2 ก็ถูกลอบปลงพระชนม์ที่หน้าลานพระวิหาร
เซนต์ปีเตอร์ กระสุนเฉียดหัวใจไปอย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นไม่นานพระองค์เสด็จไปเยือนสเปน​ พระสงฆ์ชาวสเปน
รูปหนึ่งได้ใช้ดาบปลายปืน พยายามปลงพระชนม์พระองค์เป็นครั้งที่ 2
ลองเปิดกลอนของนอสตราดามุส​ดู รู้สึกไม่สบายใจที่ยังมีกลอนอีกหลายบทพาดพิงถึงโป๊ป ที่จะต้องรับชะตา
กรรมน่าสยอง ถึงแม้นอสตราดามุสมิได้ระบุอย่างชัดเจนตรงไปตรงมา
เช่นในบทที่ 93/2

Bien pres du Tymbre presse la lybitine,
Un peu devant grande inondation :
Le chef du nef prins, mis a la sentine,
Chasteau, palais en conflagration.
ณ บริเวณใกล้แม่น้ำไทเบอร์ มีการคุกคามความตาย (เทพเจ้าแห่งความตาย)
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยจะมีการปฏิวัติ (อุทกภัย) ครั้งใหญ่
กัปตันนาวาถูกจับใส่ใต้ท้องเรือ
ปราสาทและราชวังถูกเผาวอด

วิเคราะห์
แม่น้ำไทเบอร์ (หรือ เตเวเร ในภาษาอิตาลี) ไหลผ่านวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในพระราชวังวาติกัน ถ้าวัดเป็น
ระยะก็ไม่เกิน 1 ก.ม.​ ปราสาททูตสวรรค์ (ไมเคิ้ล) ก็อยู่บนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์​ หน้าวิหารเซนต์​ปีเตอร์นั่นเอง

ปีใหม่นี้โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 ดำรงตำแหน่งเป็นพระสันตะปาปาเป็นปีที่ 18 และจะมีพระชนมายุครบ​76
ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้​ ...ตลอดสมณสมัยของพระองค์ได้มีเหตุการณ์สำคัญ ๆ เกิดขึ้นที่ควรแก่การสนใจ คือ
1. )การที่พระองค์ถูกลอบปลงประชนม์ ที่ลานพระวิหารเซนต์ปีเตอร์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981
2. )การที่พระองค์เป็นแรงสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ใน
โปแลนด์ บ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์ ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต แม่บทลัทธิคอมมิวนิสต์ในที่สุด
3.) การที่พระองค์ ทรงตราพระสมณสาส์น “Evangelium vitae” “สาส์นข่าวดีแห่งชีวิต”​ ซึ่งเชิดชู “วัฒนธรรมแห่งชีวิต”​
ปะทะกับ “วัฒนธรรมแห่งความตาย”​ แห่งยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งหลงใหลได้ปลื้มเฉพาะแต่ “วัตถุ”​ ที่บำเรอ “ร่างกาย”
เท่านั้น แต่ “จิตวิญญาณ”​ ถูกบำราบชนิดไร้เทียมทาน
“วัฒนธรรมแห่งความตาย”​ ที่โลกปัจจุบันกำลัง “สร้างสม”​ มันขึ้นมายิ่งวันยิ่ง “เข้มข้น” จนเป็นวัฒนธรรม
ทั้งๆ ที่เป็น​ “อาชญากรรม” หรือ​ “บาป”​ ขั้นอุกฤษฏ์จะเป็น “การทำแท้ง” ก็ดี “การฆ่าด้วยเมตตา​ (euthanasia)”
ก็ดี “​การทดลองตัวอ่อน (embryo) จากครรภ์มารดา” ก็ดี ห​รือโทษประหารชีวิตก็ดี ล้วนเป็น​ “วัฒนธรรมแห่ง
ความตาย”​ ที่โป๊ปหมายถึง ซึ่งพระองค์ออกมประณามอย่างห้าวหาญ ถือเป็นภารกิจชิ้นโบแดง แห่งสมณสมัย
ของโป๊ปจอห์น พอลที่​ 2
เมื่อคืนวันคริสตมาสปีนี้ ชาวคาทอลิกไทยได้มีโอกาสร่วมพิธีมิสซาโดยโป๊ปถ่ายทอดสดทางทีวี​ โดยปกติ
หลังพิธีมิสซานี้จะมีอีกพิธีหนึ่งต่อจากนั้น เรียกว่าพิธีอวยพรวันคริสต์มาสเป็นภาษาต่างๆ หลายสิบภาษา​ แต่
ครั้งนี้แพทย์ประจำพระองค์ห้ามไว้ จึงทรงอวยพรแค่ 2-3 ภาษา​ ทำให้หนังสือพิมพ์หยิบยกเรื่องสุขภาพของ
พระองค์ไปพูดกันในหลายแง่หลายมุม
แต่ครั้งนี้ผมจะหยิบยกอีกแง่มุมหนึ่งคือก่อนที่พระองค์จะได้รับเลือกเป็นโป๊ปมีเบื้องหลังอย่างไร
ในเดือนตุลาคม ปี 1978 พระคาร์ดินัล Wojtyla ต้องมาคัดเลือกพระสันตะปาปา (Conclave) เป็นครั้งที่ 2
ในปีเดียวกัน ครั้งแรกเมื่อโป๊ปพอลที่ 6 สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1978 ก็ได้โป๊ปจอห์น​ พอลที่ 1 ใน
วันที่ 26 สิงหาคม แต่พระองค์ครองอาสน์ไปได้เพียง 33 วัน​ ก็สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 28 กันยายน
พระคาร์ดินัล คาโรล วอยตัว​ จึงต้องเดินทางมาเลือกโป๊ปเป็นครั้งที่ 2 ในปีเดียวกัน ผมได้อ่านข่าวเมื่อ​17 ปี
ที่แล้ว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าพระองค์เดินทางจากสนามบินเพื่อจะเข้ากรุงโรมเพื่อเลือกตั้งโป๊ปองค์​ใหม่​
รถเกิดเสียกลางทาง​ พระองค์เกรงจะเข้าร่วมประชุมคัดเลือกโป๊ปไม่ทัน​ จึงกระโดดขึ้นรถเมล์ประจำทาง พลาง
บอกโชเฟอร์ตรงดิ่งเข้าวาติกัน​ โชเฟอร์อึกอักอยู่พักหนึ่งแล้วปฏิบัติตาม ท่านคาร์ดินัลคาโรลพูดภาษาอิตาลีได้
ชัดเจน และที่หน้าวังวาติกัน ทหารสวิสผู้เฝ้าประตูโบกมือให้รถเมล์หยุด พอพระคาร์ดินัลลงมาชี้แจง แล้วรีบโบก
ให้รถเมล์พระคาร์ดินัลผ่านสะดวก​ ทำให้พระองค์เข้าประชุมคัดเลือกโป๊ปได้อย่างฉิวเฉียด​ มีข่าวภายหลังเมื่อ
พระองค์ได้รับเลือกเป็นโป๊ปแล้ว​ ได้ทรงเชิญโชเฟอร์​รถเมล์คนนี้เข้าร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วย

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 2:55 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 54 )

✴️ จอห์น​ พอลที่​ 2 กับเพื่อนๆ​ ในวัยเด็ก​ (C) ✴️
กล่าวกันว่าพระคาร์ดินัล คาโรล​ มีลางสังหรณ์ว่าท่านจะได้รับเลือกเป็นโป๊ปและคงจะรำพึงในใจว่า
“พระศาสนจักรพร้อมที่จะต้อนรับโป๊ปที่มิใช่ชาวอิตาเลี่ยน ที่เคยครองอาสน์เซนต์ปีเตอร์ติดต่อกันมาถึง
456 ปี ได้อย่างไร?”​
พระคาร์ดินัลตัวเก็งทางฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้แก่พระคาร์ดินัล Giuseppe Siri แห่งเมืองเจนัว คนโปรด
ของโป๊ปปีโอที่ 12 ส่วนพระคาร์ดินัลตัวเก็งทางฝ่าย “ก้าวหน้า”​ ได้แก่พระคาร์ดินัล Giovanni Benelli แห่ง
เมืองฟลอเรนซ์ คนใกล้ชิดของโป๊ปพอลที่ 6 ท่านทั้งสองมีคะแนนนิยมสูสีกันมากจนเป็นที่ล่วงรู้กันก่อนมี
การเลือกตั้งอยู่แล้ว​ ลงคะแนนกัน 4 ครั้งยังไม่มีใครได้คะแนน 2 ใน 3 บวก 1 ลุถึงวันที่ 15​ตุลาคมแล้ว
คะแนนยังคงยันกันอยู่ที่เดิม จึงต้องหาทางออกโดยมีความคิดว่าจะต้องเลือกโป๊ปที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยน
ทั้งนี้เพราะในช่วงนั้นวาติกันมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการเงิน จึงเป็นโอกาสที่จะควานหาแคนดิเดตที่ไม่ใช่ชาว
อิตาเลี่ยนโดยอาศัยความร่วมมือของพระคาร์ดินัล​ Franz Konig แห่งเวียนนา และพระคาร์ดินัล Gohn Krol
แห่งฟิลาเดเฟีย สหรัฐอเมริกา​ ซึ่งเป็นลูกหลานชาวโปแลนด์ ถึงแม้ท่าน​ Konig จะอยู่ขั้ว “ก้าวหน้า” และท่าน
Krol จะอยู่ขั้ว “อนุรักษ์นิยม” แต่ท่านทั้งสองเห็นพ้องต้องกันที่จะเสนอชื่อพระคาร์ดินัล Karol Wojtyla ว่าเป็น
“บุรุษแห่งสถานการณ์” ท่าน​ Konig เชื่อว่าสถานการณ์ได้ล่วงเลยมาถึงจุดที่พระศาสนาจะรอดได้โดยอาศัย
ชาวยุโรปตะวันออกเท่านั้น ส่วนท่าน​Krol มีความประทับใจในพระคาร์ดินัลหนุ่มอายุเพียง 58 ปี ซึ่งเต็มไปด้วย
พลังและจิตวิญญาณขั้นดื่มด่ำลึกซึ้งของท่าน Wojtyla ภาพโป๊ปองค์ใหม่ก็ถูกสเก็ตส์​ให้เห็นได้เลือนลาง
โดยอาศัยท่านสถาปนิกทั้งสองนี้ ท่าน Konig ดึงคะแนนจากบรรดาพระคาร์ดินัลหัวก้าวหน้า จากยุโรป
ตะวันตกและจากประเทศโลกที่ 3 ส่วนท่าน Krol ดึงคะแนนจากพระคาร์ดินัลชาวอเมริกันทั้งหมด​ เวลาผ่านไป
ไม่กี่วันพระคาร์ดินัลทั้งหลายต่างเริ่มมองเห็นภาพลางๆ​ ของโป๊ปที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลี่ยนชัดเจนขึ้น ท่าน​Konig
ท่าน Krol ท่าน Leo Losef Suenens แห่งเบลเยี่ยม ท่าน​Vicente Enrique Tasancon แห่งสเปน และท่าน
Alosio Lorscheider แห่งบราซิล ต่างไปเชิญชวนบรรดาพระสหายพระคาร์ดินัลอีกจำนวนหนึ่ง ให้ร่วมใจกัน
เทคะแนนให้กับท่าน Wojtyla
พระคาร์ดินัล Eugene Tisserant ประธานคณะพระคาร์ดินัล ได้เรียกให้มีการลงคะแนนครั้งที่ 8 หลังเวลา
5 โมงเย็นเล็กน้อย​ นับเป็นการประชุมลงคะแนนเลือกโป๊ป (Conclave) เป็นวันที่ 2 ภายในวิหารน้อยซิสติน
(Sistine chapel) ที่ค่อนข้างจะตึงเครียด เกรงกันว่าจะเกิดปัญหาระหว่างพระคาร์ดินัลชาวอิตาเลี่ยนที่มีคะแนน
ก้ำกึ่ง หรือสูสีกันเกินไปจนเกิดปัญหาหยุดอยู่กับที่​ และแล้วพระคาร์ดินัล Sebastian Baggio พระสมณมนตรี
กระทรวงเกี่ยวกับคณะพระสังฆราช ก็เปิดเปิดเกมทุ่มคะแนนมาให้ท่าน Wojtyla พร้อมกับพระคาร์ดินัลอีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่กำลังนับคะแนนท่าน​Konig ซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าท่าน​ Wojtyla หันหลังกลับมาดูการนับคะแนน เห็นคะแนน
ผ่านไปเกินจำนวนที่ต้องการแล้ว​ ท่านก็เหวี่ยงดินสอลงแล้วนั่งตรง หน้าของท่านแดงกล่ำ แล้วเอามือทั้งสองกุมขมับ
อย่างใช้ความคิด
เมื่อนับคะแนนมาได้ 94 คะแนน สำหรับท่าน และคัดค้าน​ 17​คะแนน ท่าน Wojtyla ก้มศีรษะลงที่โต๊ะ​
แล้วเริ่มเขียนขยุกขยิกแก้ขวย
ณ เวลา 18.18 นาฬิกา พระคาร์ดินัล Tisserant ได้ประกาศในวิหารน้อยว่า พระคาร์ดินัล Karol Wojtyla
แห่งคราโคฟได้รับการคัดเลือกเป็นพระสันตะปาปา แห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก พระคาร์ดินัล Villot
ประธานพิธีได้เข้าใกล้ท่าน Wojtyla แล้วกล่าวเป็นภาษาลาตินใจความว่า “ท่านยอมรับเป็นพระสันตะปาปาไหม?”
​ ท่าน Wojtyla ก็ตอบไปโดยไม่รั้งรอว่า​ “แม้จะรู้สึกว่าอาตมาภาพไม่คู่ควรกับเกียรติอันสูงส่งเช่นนี้ แต่ก็ยินดีรับ​
ตามน้ำพระทัยของพระผู้เป็นเจ้า” จากนั้นพระคาร์ดินัลผู้เป็นประธานพิธี กล่าวถามต่อไปว่า
“ทรงปรารถนาจะใช้นามใด?” ท่านตอบว่า “จอห์น พอล ที่ 2”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:05 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่ ( 55 )

✴️ บาทหลวง​ผู้​เชี่ยว​ชาญเรื่อง​เหตุการณ์​สุด​ท้าย​ของ​มนุษยชาติ​ (A) ✴️
โดยปกติทุกวันอาทิตย์เวลา​09.00 น. ผมจะไปโบสถ์ ดอนบอสโก ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พอเลิกพิธีมิสซา
ราว 10.00 น. ผมมักพูดคุยอยู่กับบาทลวงอาวุโส ประชุม มินประพาฬ เป็นประจำ ท่านเป็นบาทหลวงผู้เชี่ยว
ชาญเรื่อง สิ่งสุดท้ายหรือเหตุการณ์สุดท้ายของมนุษยชาติ (Eschatolology)
เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ผมมีความจำเป็นต้องมาค้างที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ สุขุมวิท เพื่ออำนวย
ความสะดวกให้ลูกค้าของบริษัทผู้เดินทางมาร่วมสัมมนาในเมืองไทย​ วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ 28​ กรกฎาคม
หลังจากส่งลูกค้าขึ้นรถไปสัมนาราว 6.45 น. และเสร็จธุระจากอาหารเช้าแล้ว เห็นฝนตั้งเค้า​ ผมจึงรีบเรียก
แท็กซี่ เพื่อไปโบสถ์ตามปกติ แต่พอถึงโบสถ์ก็แปลกใจ​เห็นโบสถ์ยังว่างเปล่า ดูนาฬิกาจึงรู้ว่าผิดเวลาไป
1 ชั่วโมง จึงมีเวลาพูดคุยกับคุณพ่อประชุมมากเป็นพิเศษ​ ดูเหมือนจะเป็นลางสังหรณ์อะไรสักอย่าง​ สาระที่
พูดคุยกันวันนั้นท่านว่า​.....เวลาหมดแล้ว...ตอนนี้ดูเหมือนลมสงบไปสักหน่อยแล้วจะเกิดพายุใหญ่....ทุกอย่าง
จะเป็นไปตามที่แม่พระทำนายเอาไว้...พ่อเฝ้าสังเกตมาเป็นเวลา 30 กว่าปีแล้ว ทุกอย่างเป็นมาเป็นเปลาะๆ​
อย่างไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน...ดูเถอะ ตึกสูงๆ ที่กำลังแข่งกันสร้างนี้​ จะมีโอกาสเข้าไปอยู่กันหรือ
หลังพิธีมิสซา ก็ยังพูดคุยกันต่อไป ผมแย็บคำถามลุ่นๆ เข้าให้เลยว่า​ คุณพ่อทราบไหมใครคือ แอนตี้ไคร้สต์...?
คุณพ่อตอบว่า ตอนนี้ยังมองไม่เห็นบทบาทของมัน ละครองก์นี้ยังไม่เปิดฉาก ต้องรอถึงปี 1998 มันจะมีบทบาท
สูงทางการเมือง ประกาศิตของมัน โลกทั้งโลกต้องยอมสยบ ตอนนี้ยังพรางตัวแสดงบทอื่น อาจเป็น MR. LM,N
หรือ X,Y,Z ก็ได้ทั้งสิ้น พ่อไม่อยากอยู่​ถึงตอนนั้น พ่อเคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้วที่อิตาลี ชนาดหาเศษ
อาหารตามกองขยะเอามายาไส้ แต่ครั้งนี้จะลำบากกว่าเป็นพันเท่า พวกเราจะต้องขุดรูอยู่...ยังไม่ทันจะวาดภาพ
ของเหตุการณ์ตอนแอนตี้ไคร้สต์ครองโลกก็พอดีมีเด็ก 2 คน มาเชิญคุณพ่อไปโปรดศีลเจิมให้คนป่วยอาการสาหัส​
คุณพ่อรีบผละจากผมเพื่อทำหน้าที่สงฆ์อย่างน่าชมเชย​ ทั้งๆ​ ที่อายุของท่านก็เลยวัยที่จะปฏิบัติกิจสงฆ์เช่นนี้แล้ว
แต่ท่านก็ยินดีไปด้วยความเต็มใจ เพราะนั่นก็คือ ท่านจะได้ช่วยส่งวิญญาณของผู้ใกล้จะสิ้นใจให้ไปหาพระผู้สร้าง​
ผมดูการแต่งตัวของเด็กทั้งสองก็รู้ว่า ไม่ได้มาเชิญพร้อมกับรถเก๋ง ดีไม่ดีคุณพ่ออาจจะต้องควักค่าแท็กซี่เสียด้วยซ้ำ
ผมเองก็เคยขับรถให้คุณพ่อไปโปรดศีลเจิมมาหลายครั้ง คุณพ่อเปรยให้ผมฟังหลายครั้งว่า พ่อเป็นพระสงฆ์ของ
คนจน...ก่อนจะผละผมไป คุณพ่อยังบอกผม 2 ข้อ
ข้อ 1.) พ่ออยากให้รณรงค์ ให้รับศีลมหาสนิททางปากจากพระสงฆ์ ไม่ควรใช้มือรับจากพระพระสงฆ์​
เพราะแม่พระขอร้องเอาไว้
ข้อ2. )คือขั้นตอนต่างๆ แห่งวันมหาวิปโยค มืด​ 3 วัน​ 3 คืน​ แอนตี้ไคร้สต์ครองโลก และการเสด็จกลับมา
ครั้งที่ 2 ของพระเยซู​ซึ่งท่านสัญญาจะให้รายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผม ท่านขอผลัดเป็นอ​าทิตย์
ต่อไป แต่คงไม่มีวันที่ผมจะได้รายละเอียดอันนี้เสียแล้วเพราะ...
เมื่อต้นเดือนสิงหาคม ผมไปสัมมนาที่พัทยา กลับถึงกรุงเทพฯ วันที่ 9​ สิงหาคมก็ได้ข่าวว่า พระได้ยก
คุณพ่อประชุมไปแล้ว ตั้งแต่คืนวันที่​5 สิงหาคม​ ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระแห่งหิมะ แม่พระมารับคุณพ่อไปแล้ว
หลังจากที่คุณพ่อได้อุทิศชีวิตสงฆ์ทั้ง 56 ปีด้วยความศรัทธา และด้วยความรักต่อแม่พระอย่างเป็นชีวิตจิตใจ
ประวัติของคุณพ่อประชุม มินประพาฬ เกิดเมื่อวันที่ 24​พฤศจิกายน​ 1911 มรณภาพ วันที่ 5 สิงหาคม 1996
คณะนักบวชซาเลเซียนเดินทางสู่ประเทศไทย ค.ศ.​ 1928
คุณพ่อประชุมเป็นสงฆ์ซาเลเซียนองค์แรกของประเทศไทย ได้รับศีลบรรพชาเป็นพระสงฆ์ ระหว่างสงคราม
โลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23​มิถุนายน​ 1940 ที่ตุริน อิตาลี​ เนื่องจากท่านได้ใช้ชีวิตในยุโรปมาหลายปี จึงทำให้ท่าน
แตกฉานในภาษายุโรปหลายภาษา แน่นอนรวมทั้งละติน​ ฮีบรู​ และกรีกด้วย ในฐานะที่เรียนทางสงฆ์ ท่านมีความ
สนใจเป็นพิเศษในวิชา “อนตวารวิทยา (Eschatology)” เป็นวิชาว่าด้วยสิ่งสุดท้าย หรือเหตุการณ์สุดท้ายที่จะเกิด
ในวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ
การที่ท่านคร่ำหวอดในวิชานี้​ ด้วยการค้นคว้ามาตลอดชีวิตของท่าน​ ท่านจึงตระหนักอย่างเต็มเปี่ยมว่า
มนุษยชาติกำลังนับถอยหลังไปสู่จุดจบแล้ว​ และครั้งสุดท้ายที่ผมพูดคุยกับท่าน ท่านก็พูดว่า​ “เวลาหมดแล้ว”​
ท่านมิได้หมายถึงตัวท่าน แต่หมายถึงมนุษยชาติ สำหรับตัวท่าน​ ท่านปรารภกับผมเสมอว่า ท่านพร้อมเสมอ
โดยเฉพาะคราวที่ต้องถูกผ่าตัดสมองเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้ท่านรับอาหารเพียงวันละมื้อ ทั้งๆ ที่ท่านชรามาก
ควรที่จะได้รับการดูแลพิเศษ แต่ท่านต้องการทำพลีกรรม​ เพื่อใช้โทษบาปแทนผู้อื่นที่หลงระเริงในบาป
ราว 50 ปีที่แล้ว ท่านเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสาร “มัจฉิมวัย” “เยาวสาร” “พันธุสาส์น” และ “อุดมพันธ์” ซึ่งได้กลาย
มาเป็น “อุดมสาร” ในปัจจุบัน​ สำหรับนิตยสาร “พันธุสาส์น” นั้นเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวิชา Eschatology คือวิชาว่า
ด้วยเหตุการณ์ในวาระสุดท้ายของมนุษยชาติ ทำให้ท่านมีแฟนทั่วราชอาณาจักรในวงการคาทอลิก ในคืนวัน
สวดศพของท่านเมื่อวันที่ 10 และ​ 11 นี้ เจ้าภาพได้ตั้งโต๊ะพร้อมหนังสือ “พันธุสาส์น” ที่เข้าข่ายหนังสือ​ “ต้องห้าม”​
ในสมัยหนึ่ง​ มาแจกให้ผู้ร่วมสวดศพ ผมก็ได้รับแจกด้วย จึงขอนำมาแบ่งปัน ดังต่อไปนี้ :
แม่ชี มักทิลเด (ค.ศ.1280) ในปี​1280 แม่ชีมักทิลเด ซึ่งโรมตั้งฉายาว่า​ “เจเรมีอา คนใหม่”​ ทำนายถึงวาระ
สุดท้ายของโลกว่า “ไปจบเอาตอนเทคโนโลยี ความเหี้ยมโหด และอธรรม กำชัย”
เดี๋ยวนี้ เทคโนโลยี ความเหี้ยมโหดและอธรรมนั้น บ่งชัดออกมาแล้วมิใช่หรือ?
ยุคเทคโนโลยี พูดถึงเทคโนโลยี ที่ประชาโลกพากันกราบกรานปานเทพเจ้าองค์ใหม่ ซึ่งแต่ก่อนไม่มีใคร
รู้จักเทพเจ้าองค์นี้ และเคยมีกล่าวไว้ในพระวรสารแล้ว
ภราดา ฌอง เคฟต์ ร้อค : ราวปลายอายุของโลก โป๊ปกับ คาร์ดินัลบางองค์ ถูกบีบบังคับให้ออกจากโรม
ไม่รู้ว่าไปไหน พระองค์จะถูกทรมานตายร้ายฉกรรจ์ในถิ่นเนรเทศ พระศาสนาจะต้องทุกข์หนักอย่างไม่เคย
ประสบในประวัติการณ์
บาร์บารา แบแซร์ แห่ง โลไซม์​ จังหวัดชาอาร์ลันด์ (เยอรมนี) ในฌานนิมิตของเธอ “ในอิตาลี​ คอมมิวนิสต์
จะบุกโรม แผนการของพวกเขาจะถูกกีดกันจากพลานุภาพแห่งราชินีสวรรค์ การกระทำของพวกเขาจะถูกยับยั้ง
เด็ดขาด​ พระแม่มารีอาจะกู้โป๊ปและโรม จากระเบิดที่วางไว้ และแผนการที่พวกรัสเซียคิดไว้บนฝั่งอาเดรียติกจะ
ถูกกำจัดล้มเหลวไปสิ้น ถึงยังไงนอกโรมจะมีการนองเลือด แล้วรัสเซีย จะได้รับการตัดสินอย่างน่ากลัว พระจะ
ให้ฝนไฟตกลงมาเผา ทั้งประเทศจะกลายเป็นทะเลเพลิง พระแม่มารีอาจะช่วยคนดีกับคนที่จะกลับเข้าหาพระ
คนรอดตายเหล่านี้จะตั้งรัสเซียขึ้นใหม่ ใจซื่อสัตย์​ต่อพระคริสตเจ้า”

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:10 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 56 )

✴️ บาทหลวง​ผู้​เชี่ยว​ชาญเรื่อง​เหตุการณ์​สุด​ท้าย​ของ​มนุษยชาติ​ (B) ✴️
บุญราศี ยออากิม (1202) ตอนใกล้สิ้นยุค แอนตี้ไคร้สต์จะแย่งชิงพระอาสน์​ของโป๊ป
น.เจโรม​ (420) แอนตี้ไคร้สต์จะเกิดใกล้บาบิโลน มันจะได้รับการสนับสนุนทั้งข้าวของและเงินทอง
มันจะขายตัวให้กับซาตาน เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีเทวดารักษาตัวและไม่มีมโนธรรม
คำทำนายของ เฟร์มอล (ศต.ที่​5)
“ไม่ว่าที่ไหน มีแต่สงคราม​ ประชาชน​ ประเทศ ห้ำหั่นกัน​ สงคราม สงคราม​ สงครามทั้งกลางเมือง ทั้ง
นอกบ้าน...ลุเทซีอุส (ปารีส) จะต้องพินาศหรือ?​ ทำไม พระเจ้าข้า, ทำไม พระองค์จึงไม่รั้งสงครามนี้ไว้ ?
จะต้องมาใช้เป็นเครื่องแสดงพระพิโรธของพระองค์ด้วย? พอ พอเถิด, พระเจ้าข้า​ บ้านเมืองฉิบหายวายป่วง
ภัยธรรมชาติรุกราน, แผ่นดินไหว,​ ธรณีสูบ ทุกแห่งพังพินาศหมด สงสาร สงสารโรมบ้าง​ พระองค์ไม่ยอมฟัง
เสียงเลย โรมจะชุลมุนวุ่นวาย ฉันเห็นประมุขของโรมแบกกางเขนสวมมงกุฎไตรภพ​ (มงกุฎสำหรับโป๊ป)
สลัดละอองพระบาทหนีข้ามทะเลไป พระเจ้าข้า ศาสนจักรของพระองค์ถูกลูกๆ ของตัวเองฉีกกระชาก ฝ่าย
หนึ่งภักดีต่อพระสันตะปาปาองค์ที่หนี อีกฝ่ายหนึ่งพินอบพิเทาผู้ครองใหม่ในโรม ทำลายมงกุฎ​ไตรภพ​ แต่
พระผู้ทรงสรรพานุภาพจะให้ความยุ่งเหยิงนี้สิ้นสุดในพระเมตตาของพระองค์​ แล้วเริ่มยุคใหม่
นี่เป็นจุดเริ่มต้นแห่งอวสานกาล พระจิตเจ้า ตรัส”​

วิจารณ์ :
กระจ่างหรือยังครับ? คำทำนายนี้บอกชัดว่า พระศาสนจักรแท้จะซื่อต่อพระสันตะปาปาในถิ่นเนรเทศ
ส่วนสันตะปาปาใหม่ที่โรมต้องเป็นแอนตี้โป๊ป โดยปริยาย คำทำนายหลายแห่งบอกเราว่า โป๊ปแท้จะสิ้น
พระชนม์ในที่เนรเทศ แล้วพระศาสนจักรแท้จะขาดผู้นำไปชั่วระยะหนึ่ง ไม่ยากเลยที่จะแจ้งให้ผู้อ่านทราบ
ล่วงหน้าก่อนว่า แอนตี้โป๊ปกับบรรดาเถรานุเถระผู้ขายตัวและสงฆ์ผู้ติดสอยห้อยตามทั้งหลาย จะมีคำสั่ง
ทำนองว่า “เห็นไหม​ โป๊ปองค์ที่พวกท่านโปรดนั้น สิ้นพระชนม์ไปแล้ว และบัดนี้ ผู้ที่ปกครองต่อมาก็ต้องเป็น
โป๊ปองค์ใหม่นี้แหละ พระคาร์ดินัลทั้งหลายของเราได้พร้อมใจกันเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ขึ้นแล้ว
พระองค์ประทับอยู่ในโรนี่เอง” แน่ละ​ เมื่อพระศาสนจักรเก่ากระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง พระคาร์ดินัล
ผู้จงรักภักดีกระจัดกระจายจนเลือกโป๊ปใหม่แท้ๆ ขึ้นไม่ได้ คาทอลิกส่วนใหญ่ก็จะสยบหัวให้แอนตี้โป๊ปมาเป็น
ผู้นำของตน
ชาวนาผู้เห็นนิมิตคนหนึ่ง​ชื่อ​ ฟรันซิส คูเกิลเบียร์ ณ ตำบล โลเซา​ ชานเมืองเบรเก่นส์ จังหวัดโฟร์ลเบอร์ก
(เยอรมนี) ปี 1922 ในฌานนิมิตเขาได้เห็นสามวันแห่งอาญาโทษว่า มืดตลอดสามวันสามคืน เริ่มต้นด้วยเสียง
ระเบิดดังกึกก้องอย่างน่ากลัว แผ่นดินก็ไหว กินไม่ได้นอนไม่หลับ ได้แต่สวดเท่านั้น เฉพาะเทียนเสกจึงจะจุดไฟติด
ฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงปีศาจสาปแช่งฟังระคายหู ฟ้าฝ่า คลื่นทะเลโครมคราม ใครสอดรู้สอดเห็นมองไปทาง
หน้าต่างต้องตายแน่ๆ จงนมัสการพระโลหิตของพระเยซู และเรียกหาแม่พระ​ ปีศาจจะจิกหัวกระชากตัวคนชั่วที่
กำลังร่อแร่ พวกเขาจะร้องขอชีวิตไว้เสียงระงม แต่ไม่มีประโยชน์อันใด โรคระบาดมองเห็นเป็นจ้ำดำๆ​ ที่แขน​
ไอกำมะถันระเหยคลุ้ง ดูราวพุ่งออกมาจากขุมนรก
กางเขนหนึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้าบอกสัญญาณสิ้นความมืด​ แผ่นดินกลายเป็นป่าช้า เงียบเหงา​ แห้งแล้ง
มนุษย์ออกนอกบ้านได้​ หน้าตาตื่นตกใจ​ เข็นคนตายใส่รถไปฝังรวมในหลุมเดียวกัน รถไฟ​ รถยนต์ เรือ หยุดเดิน​
โรงงานเงียบไม่มีมนุษย์เดินเครื่อง
น.บอนาเวนตูรา สาธยายถึงการฟอนเฟะของบรรดาสงฆ์และนักบวช
น.อัมโบรซิโอ มองเห็นล่วงหน้าว่า ความเชื่อโดยเฉพาะในอิตาลีจะหดหายสิ้น
น.ยวง บอสโก (1888) คงมองเห็นชะตากรรมที่พระศาสนจักรจะต้องประสบอีกวาระหนึ่ง ในสมัยของเรา
จึงรู้สึกมีความจำเป็นขอความคุ้มครองจากแม่พระใต้ ชื่อ “คริสตประชานาถ” เพื่อต่อต้านอิทธิพลชั่วบนผืนภพ​
สังเกตได้จากตอนสร้างวัดเสร็จใหม่ๆ ท่านให้ช่างจารึกเลขสองจำนวนบนหินอ่อนมาติดไว้ที่หน้าวัด​ จำนวนแรก
นั้นเป็น 1571 หมายถึง​ สงคราม เลปันโต (เป็นสงครามที่ชาวตุรกีบุกยุโรป โป๊ปปีโอที่ 5 ขอร้องให้ชาวคาทอลิก
สวดสายประคำจนสามารถเผด็จศึกได้) อีกจำนวนหนึ่ง​19... พอตีความได้ว่า​ เหตุการณ์สำคัญจะเกิดขึ้นในปีหนึ่ง
พันเก้าร้อย​ แต่ไม่ยอมบอกว่าปีไหน​ ทิ้งเป็น​ปริศนา​ให้​เรา​คิด​เอา​เอง
ผมขอยุติพันธุสาส์นแต่เพียงเท่านี้
การจากไปของคุณพ่อ เป็นเสมือนสัญญาณที่บ่งบอกพวกเราว่า​ ภารกิจที่เบื้องบนได้มอบหมายให้คุณพ่อ
ได้เผย และแพร่ให้พวกเรารู้นั้น ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว​ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะ
ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของคุณพ่อ เพื่อยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ดั่งที่คุณพ่อใฝ่ฝัน​
REQUIEM AETERNAM DONA EI, DOMINE
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานการพักผ่อนนิรันดรแก่คุณ​พ่อประชุม​ มินประพาฬ ด้วยเทอญ

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:17 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 57 )

✴️ แอนตี้ไคร้สต์ (A) ✴️
(บทความนี้ตัดตอนมาจากหนังสือ The Thunder of Justice พระยุติธรรมคำราม โดย Ted และ​
Maureen Flynn)
ความหมายกว้างๆ ของคำว่า​ Antichrist ปรปักษ์พระคริสต์​ คือผู้​ที่​ปฏิเสธว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์เจ้า
ซึ่งหมายถึงกษัตริย์หรือพระผู้ไถ่​(1จอห์น 2:18-22) ตลอดประวัติศาสตร์มีบันทึกถึง​ Antichrist ด้วยอักษร a
ตัวเล็ก​เป็นสามัญนามหรือนามธรรม หมายถึง ผู้เป็นปฏิปักษ์พระคริสต​์โดยทั่วไปไม่เจาะจง แต่ในพระคัมภีร์
ที่กล่าวถึงปรปักษ์พระคริสต์ ในฐานะบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง เป็นการบ่งบอกถึงมนุษย์ผู้หนึ่งที่มีเนื้อหนัง
มังสา ที่ตำบลลาซาแลตต์ แม่พระเตือนว่า “โรมจะสูญเสียความเชื่อ​และจะกลายเป็นศูนย์ของแอนตี้ไคร้สต์”
แม่พระกล่าวถึงแอนตี้ไคร้สต์​ ในสารลงวันที่​ ​17 มิถุนายน 1989 แห่งขบวนการสงฆ์ของแม่พระว่า​ “เมื่อทั้งความ
เชื่อและความวิปโยคทวีขึ้นจนถึงขีดสุด ประตูก็จะเปิดออก​ เพื่อเผยให้เห็นโฉมหน้าของปรปักษ์พระคริสต์” แม่พระ
ยังกล่าวเช่นเดียวกับพระธรรมวิวรณ์ว่า “มนุษย์จะไม่อาจซื้อหรือขายได้โดยปราศจากเครื่องหมายของสัตว์ร้าย”
ก่อนการเสด็จมาขององค์พระผู้ไถ่ของเรา ก็เคยมีคำทำนายถึงพระองค์​ ​และจะเป็นเช่นเดียวกันสำหรับ
แอนตี้ไคร้สต์ ประกาศก​ดาเนียลกล่าวถึงมันทั้งอย่างตรงไปตรงมาและอย่างอุปมาอุปมัยในพระ​วรสาร 4 บท
(คือ บทที่ 7, 9,11 และ​12) ขณะที่นักบุญมัทธิว (บทที่ 24) นักบุญมาร์โก (บทที่ 13) นักบุญยวง​(บทที่ 5)
จดหมายถึงชาวเธสะโลนิกา ฉบับที่ 2 ของนักบุญเปาโล นักบุญยวงในจดหมายฉบับที่ 1 และ​2 โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง พระธรรมวิวรณ์ (บทที่ 13) ต่างก็บอกเราถึงเหตุการณ์ในอนาคตของแอนตี้ไคร้สต์ หากเป็นเมื่อ
2 ศตวรรษที่แล้วมา​ คงจะเป็นการยากสำหรับนักเทวศาสตร์ที่จะอธิบายว่า แอนตี้ไคร้สต์จะนำโลกทั้งโลก
มาอยู่ใต้อำนาจทั้งทางการเมืองและศาสนาได้อย่างไร?
แอนตี้ไคร้สต์คือทรราชที่จะครองอำนาจอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ตามคำทำนายถึงวาระสุดท้ายในพระธรรมดาเนียล
บทนี้ อัครเทวดามีคาแอลถูกเอ่ยถึงในฐานะเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งปกป้องคุ้มครองประชาชนในวาระสุดท้าย​
ดาเนียลเขียนว่า “จะมีเวลาที่ยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งที่มีประชาชาติ” (ดาเนียล​12:1) ข้อความนี้
กล่าวถึงความยากลำบากครั้งใหญ่​ และยัญบูชานิรันดร์คือพิธีมิสซาจะถูกล้มเลิกเป็นเวลาสามปีครึ่ง​ สิ่งที่น่า
สะอิดสะเอียนที่ถูกยกขึ้นจะเป็นแอนตี้ไคร้สต์ ผู้จะก่อความความยากลำบากและความเจ็บปวดอย่างไม่น่าเชื่อ
บนโลก ขณะที่นั่งอยู่บนทำเนียบของโรม​ “อย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติ”
ฉากทั้งทางด้านศาสนาและทางโลกต่างก็ถูกจัดไว้พร้อมสำหรับการปรากฏตัวของปรปักษ์พระคริสต์ แม่พระ
ได้แย้มให้บาทหลวงกอบบีได้ล่วงรู้โดยการดลใจเมื่อวันที่ 18 กันยายน 1988 ถึงเหตุการณ์น่ากลัวที่รอเราอยู่
ในไม่กี่ปีข้างหน้านี้ว่า “ในระยะเวลา 10 ปีนี้ กาลเวลาที่แม่เคยบอกลูกไว้จะจบสิ้นสมบูรณ์เริ่มตั้งแต่ที่ลาซาแลตต์
จนถึงการปรากฏมาของแม่ในปัจจุบัน​ ภายในระยะเวลา​10 ปีนี้ ความลึกลับของสิ่งชั่วร้ายซึ่งเกิดจากการละทิ้ง
ความเชื่อที่แพร่หลายก็จะปรากฏเด่นชัด”
แม่พระกล่าวถึงแอนตี้ไคร้สต์ที่ลาซาแลตต์ (ปี 1846) ว่า​ “แอนตี้ไคร้สต์​จะเกิดจากซิสเตอร์ชาวยิว ผู้เป็น
พรหมจารีย์เก๊ ที่ไปเกี่ยวข้องกับเจ้างูร้าย จอมลามก พ่อของมันจะเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่ง เมื่อแรกเกิดมัน
จะสำรอกแต่คำหยาบคาย มันจะมีฟันเต็มปาก สรุปแล้วมันก็คือปีศาจมาเกิดนั่นเอง มันจะกรีดร้องอย่างน่า
ขนหัวลุก จะทำสิ่งประหลาดได้ และจะดื่มกินสิ่งปฏิกูล มันจะมีพี่น้องอื่นๆ​ ซึ่งถึงแม้ไม่ใช่เป็นผีมาผุดมาเกิด
เหมือนมัน แต่ก็เป็นลูกแห่งมารเช่นเดียวกัน พออายุได้ 12 ปี พวกมันจะดึงความสนใจด้วยชัยชนะอันกล้า
บ้าบิ่น มิช้ามินานก็จะเป็นผู้นำทัพซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองพลนรก
“โรมจะสูญเสียความเชื่อ และกลายเป็นศูนย์กลางของแอนตี้ไคร้สต์​ พระศาสนจักรจะตกอยู่ในเงามืด
โลกจะสะดุ้งสะเทือน แต่บัดนี้ เอน้อคและเอลียาห์ผู้เปี่ยมด้วยพระจิตของพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏตัว พวกเขา
จะสั่งสอนด้วยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า และคนดีจะเชื่อในพระเจ้า และวิญญาณมากมายจะได้รับการบรรเทาใจ
พวกเขาจะก้าวไกลไปข้างหน้าด้วยคุณธรรมแห่งพระจิตเจ้า และจะประณามความเลวร้ายของแอนตี้ไคร้สต์​ วิบัติ
จะเกิดแก่ชาวโลก จะเกิดสงครามนองเลือดและความอดอยาก โรคระบาด​ โรคติดต่อต่างๆ สัตว์ต่างๆ จะตกลง
มาดังห่าฝน จะเกิดพายุฝน จะสั่นคลอนบ้านเรือน แผ่นดินไหวกลืนกินถิ่นฐานบ้านช่อง จะมีเสียงดังฟังได้ในท้องฟ้า​
คนจะเอาหัวโขกกับกำแพงเรียกหาความตาย แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความตายก็เป็นความทุกข์ทรมานของมนุษย์
เลือดจะหลั่งออกจากทุกแห่งหน ใครจะเป็นผู้ชนะ​ หากพระเป็นเจ้าไม่ทรงย่นระยะเวลาของการทดสอบด้วยเลือด
น้ำตา​ และคำภาวนาของคนดี พระเป็นเจ้าจะทรงยอมยกโทษ เอน้อค และเอลียาห์จะถูกสังหาร โรมที่ไม่เอาพระ
ไม่เอาศาสนาจะอันตรธานไป ถึงเวลาแล้วดวงอาทิตย์กำลังเริ่มมืดมัวลง มีแต่ความเชื่อเท่านั้นที่คงอยู่ได้ บัดนี้ถึง
เวลาแล้ว นรกกำลังเปิดออก นี่คือราชา ราชาแห่งความดำมืด นี่คือเจ้าสัตว์ร้าย​ และบริวารของมันผู้เรียกตัวเอง
ว่าผู้ช่วยให้โลกรอด มันจะเหาะไปในอากาศ​อย่างทรนงสู่ท้องฟ้า มันจะถูกเป่าด้วยลมปากของอัครเทวดามีคาแอล
มันจะร่วงหล่นและโลกมนุษย์ซึ่งจะผ่านช่วงเวลาอันต่อเนื่องเป็นเวลาสามวัน​ ก็จะเปิดทวารที่ลุหร้อนด้วยไฟพลุ่งขึ้น
สู่เบื้องบน และมันจะจมดินลงไปในเหวแห่งอเวจี​ พร้อมกับบริวารของมันตลอดนิรันดร หลังจากนั้น น้ำและไฟจะ
ชำระล้างโลก และเผาผลาญงานแห่งความหยิ่งผยองของมนุษย์ และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเนรมิตขึ้นใหม่​
พระเป็นเจ้าจะได้รับการปรนนิบัติ​รับใช้และกราบไหว้​บูชา​
ประกาศกหลายท่าน ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร ได้เขียนถึงการปรากฏกาย ของความลึกลับแห่ง
ความชั่วร้ายซึ่งกลายเป็นมนุษย์ผู้ครองอำนาจ​ บรรดาปิตาจารย์ และนักบุญแห่งศาสนจักร ได้พินิจพิจารณา
อย่างลึกซึ้งถึงสิ่งที่พระคัมภีร์ได้พูดถึงแอนตี้ไคร้สต์ และการครองอำนาจของมันดังต่อไปนี้ :-

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:23 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 58 )

✴️ แอนตี้ไคร้สต์​ (B) ✴️
นักบุญฮิปโปลิตุส (235) “นักบุญยวงกล่าวว่า เราจะมอบอำนาจแก่พยานของเราสองคน และเขาจะ
ให้คำทำนายเป็นเวลาหนึ่งพันสองร้อยหกสิบวันโดยนุ่งห่มผ้ากระสอบ นี่คือครึ่งสัปดาห์ที่ดาเนียลกล่าวถึง
นี่คือต้นมะกอกสองต้น และเชิงเทียน 2 อัน ที่ตั้งอยู่ต่อหน้าพระเจ้าของโลก เพราะนี่คือสิ่งที่ประกาศกเอน้อค
และเอลียาห์ จะสั่งสอน”
“ขอให้พิจารณาอย่างละเอียดในสิ่งที่ดาเนียล กล่าวไว้ในนิมิตของท่าน​ เพราะด้วยการแยกแยะอาณาจักร
ซึ่งจะขึ้นมาสู้อำนาจภายหลังสิ่งเหล่านี้​ ท่านได้บอกถึงการปรากฏกายของแอนตี้ไคร้สต์ในวาระสุดท้าย และ
การทำลายโลกทั้งมวลอีกด้วย ดาเนียลกล่าวว่า ภายในหนึ่งสัปดาห์จะทำสัญญากับคนเป็นอันมาก และจะเป็น
กลางสัปดาห์นี้ที่ยัญบูชา และการบูชาของเราจะสิ้นสุดลง โดยคำว่าหนึ่งสัปดาห์ ท่านหมายถึงสัปดาห์แห่งปี
สุดท้ายซึ่งจะเป็นวาระสุดท้ายของโลก”
“ผู้หลอกลวงจะพยายามแสดงตนว่าเหมือนกับพระบุตรของพระเจ้าในทุกๆ ด้าน​ พระคริสตเจ้าคือ สิงโต​
แอนตี้ไคร้สต์ก็เป็นสิงโต พระคริสตเจ้าเป็นราชาแห่งสรวงสวรรค์และแผ่นดิน และแอนตี้ไคร้สต์ก็จะเป็นราชา
บนโลกมนุษย์ พระผู้ไถ่ทรงปรากฏองค์เยี่ยงลูกแกะและแอนตี้ไคร้สต์เองก็จะแสดงตนเป็นลูกแกะเช่นกัน
ในขณะที่ภายในเป็นสุนัขป่า”
เมื่อดาเนียล กล่าวว่า “เราจะทำสัญญาภายในหนึ่งสัปดาห์​ ท่านหมายถึงสัปดาห์แห่งปีคือ 7 ปี และครึ่ง
สัปดาห์สำหรับการสั่งสอนของประกาศก และสำหรับอีกหนึ่งสัปดาห์ที่เหลือ หมายถึงสามปีครึ่ง​ แอนตี้ไคร้สต์
จะครองโลก​ และภายหลังจากนี้ อาณาจักรและความรุ่งโรจน์ของมันจะถูกกำจัดไป​ และด้วยความขาดแคลน
อาหาร มนุษย์จะอดอยากยากแค้น และกราบไหว้บูชามัน และมันจะทำเครื่องหมายบนมือขวา และบนหน้าผาก
ของคนเหล่านี้ เพื่อที่จะไม่มีใครสามารถทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนบนหน้าผากด้วยมือขวาของตนได้
มือของพวกเขาจะถูกมัดและตีตราบนหน้าผาก และบนมือขวาคือหมายเลข 666
นักบุญฮัลลารี (367) แอนตี้ไคร้สต์จะสั่งสอนว่าพระเยซูเป็นผู้สวมรอย ไม่ใช่พระบุตรแท้จริงของพระเป็นเจ้า
นักบุญจอห์น คริสโซสตอม( 407) โลกจะขาดความเชื่อและเลวร้ายลงนับแต่กำเนิดของแอนตี้ไคร้สต์​
แอนตี้ไคร้สต์จะถูกซาตานเข้าสิง​ และจะเป็นลูกนอกกฎหมายของหญิงชาวยิวแดนตะวันออก
นักบุญออกัสติน (430) ดาเนียลทำนายไว้ถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายในลักษณะที่บ่งว่า แอนตี้ไคร้สต์​
จะเกิดขึ้นก่อน​ และพรรณนา​ไปจนถึงอาณาจักร​อันมิรู้​จบของ​ชาว​สวรรค์​ แต่ผู้ที่​อ่านข้อความนี้​ แม้จะอ่านอย่าง
ครึ่งหลับครึ่งตื่น​ ก็ยังต้องเห็นว่าอาณาจักรของแอนตี้ไคร้สต์นั้นจะคุกคามพระศาสนจักรอย่างหนักแม้จะเป็น
เพียงระยะเวลาสั้นๆ​ ก่อนที่การพิพากษาครั้งสุดท้ายของพระเป็นเจ้าจะนำเข้าสู่อาณาจักรมิรู้สิ้นสุดของบรรดา
นักบุญ เพราะเห็นได้อย่างชัดเจนจากสารว่าหนึ่งวาระ​ สองวาระ​ และครึ่งวาระนั้น หมายถึง​ หนึ่งปี สองปี​ และ
อีกครึ่งปีซึ่ง​ก็คือสามปีครึ่งนั่นเอง
นักบุญจอท์น ดามาซีน​ (770) : มันจะเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นแอนตี้ไคร้สต์ซึ่งจะปรากฏตัวในช่วงเวลาสุดท้าย
ของโลก แม่ของมันจะอ้างว่านางให้กำเนิดมัน ขณะที่นางยังเป็นหญิงพรหมจารีย์ มันจะครองอำนาจจากคาบ
สมุทรหนึ่งไปยังอีกคาบสมุทรหนึ่ง แอนตี้ไคร้สต์จะเป็นลูกนอกกฎหมายอยู่ภายใต้อำนาจซาตานอย่างสมบูรณ์
และองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรู้ถึงความวิบัติในอนาคตของมัน จะทรงยอมให้ปีศาจเข้าครอบงำมันอย่างสิ้นเชิง
และตลอดไปนับตั้งแต่มันปฏิสนธิมาจากบาป
นักบุญบริดเจต์แห่งสวีเดน​(1373) : “ยุคของปรปักษ์พระคริสต์จะเข้ามาใกล้ เมื่อความอยุติธรรมจะท่วมท้น
และเมื่อความชั่วจะแพร่อย่างมหาศาล​ เมื่อคริสตชนถือนอกรีต และคนอธรรมเหยียบย่ำคนรับใช้ของพระเป็นเจ้า
ไว้ใค้ฝ่าเท้า” “ในท้ายยุคนี้ แอนตี้ไคร้สต์จะกำเนิดมา ขณะที่พระเยซู​ถือกำเนิดจากสตรีที่สูงส่งที่สุด (พรหมจารี)
แอนตี้ไคร้สต์ก็จะเกิดจากหญิงที่ต่ำช้าที่สุด​(โสเภณี) มันจะเป็นเด็กมหัศจรรย์ตั้งแต่กำเนิด แม่ของมันจะเป็นหญิง
ที่ถูกสาปแซ่ง ซึ่งเสแสร้งว่าเป็นผู้รู้ซึ้งในเรื่องจิตวิญญาณ และพ่อของมันก็เป็นชายที่ถูกสาปแช่ง เพราะลูกของมัน
เป็นเครื่องมือของปีศาจ ยุคของแอนตี้ไคร้สต์ซึ่งฉันรู้ดีจะเกิดขึ้น เมื่อความชั่วและความไร้ศรัทธาจะแพร่ขยายไปทั่ว
เมื่อความอยุติธรรมจะเพิ่มขึ้นจนท่วมท้น และความชั่วร้ายจะขยายตัว จนเหลือที่คาดเดาได้​ มันจะครองอำนาจ
อยู่ 3 ปี และปกครองทั่วทั้งโลก ในปี 1980 คนชั่วจะประสบชัยชนะ”​
ฌานน์ เลอ รัวเยร์ (1798) : ผู้เบียดเบียนมากมาย ประกาศกจอมปลอม​ และสมาชิกสมาคมลับจากแดนนรก
ผู้บูชาซาตาน จะโจมตีข้อความเชื่อ และคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา จะเบียดเบียนคนใจศรัทธา จะกระทำกิจ
อันน่าชัง​ แต่ความน่าสะอิดสะเอียนและการถูกทอดทิ้งให้สิ้นหวังจะเกิดขึ้นระหว่างการครองอำนาจของแอนตี้ไคร้สต์
เป็นเวลาสามปีครึ่ง วิบัติ วิบัติ​ วิบัติ จะเกิดแก่ศตวรรษสุดท้ายซึ่งกำลังมาถึง​ ความทุกข์ยากใดเล่าจะเกิดขึ้นก่อน
จากเสียงอันทรงอำนาจ ฉันได้ยินว่าความทุกข์ฉกรรจ์​นี้จะปรากฏในยุคก่อนการพิพากษา และขณะที่ฉันพินิจพิเคราะห์
ดื่มด่ำในองค์พระเจ้าอยู่นั้น ฉันตระหนักว่าศตวรรษซึ่งเริ่มด้วยปี 1800 ยังไม่ใช่ศตวรรษสุดท้าย​ ฉันเห็นว่าเมื่อการ
เสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูใกล้เข้ามา พระสงฆ์ชั่วรูปหนึ่งจะทำอันตรายร้ายแรงต่อพระศาสนจักร​ เมื่อยุคของปรปักษ์
พระคริสต์ใกล้เข้ามา​ จะปรากฏศาสนาจอมปลอมขึ้น ซึ่งจะต่อต้านเอกภาพระหว่างพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักร
ของพระองค์ นี่จะส่งผลให้เกิดการแตกแยกครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในโลก ยิ่งใกล้วาระสุดท้ายเท่าไร
ความมืดของซาตานก็จะแผ่คลุมโลกยิ่งขึ้น​ บุตรแห่งความชั่วก็จะทวีจำนวนยิ่งขึ้น และจำนวนคนดีก็จะ
ลดน้อยถอยลงเช่นกัน
แอนตี้ไคร้สต์จะปลงพระชนม์พระสันตะปาปา​ อาจด้วยการตรึงกางเขน​ เมื่อมันป็นเด็กวัย 10 ขวบ​ มันก็รู้มาก
กว่าคนใดๆ ในโลก และเมื่อมันอายุ​ 30 ปี มันก็จะเริ่มงานที่แท้จริง 15 วันหลังจากที่เอน้อคและเอลียาห์ขึ้นสวรรค์​
จะเกิดมหาภัยพิบัติต่างๆ บนโลก แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุด คลื่นยักษ์ทะลักท่วมแผ่นดินนองเจิ่ง ในที่สุดจะเกิด
ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วโลก

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:30 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 59 )

✴️ ผู้​ศักดิ์​สิทธิ์​เผย​ถึง​ปรปักษ์​พระ​คริสต์​ (A) ✴️
ในคริสตศาสนา มีพระคัมภีร์​ แบ่งเป็น 2 ภาคใหญ่ๆ คือ พระธรรมเก่า​ (Old Testament) เป็นพระคัมภีร์
ที่กล่าวถึงพระเจ้าสร้างโลกและมนุษย์​เรื่อยมาจนถึงพระเยซูประสูติใน ค.ศ.1 ข้อความในพระคัมภีร์ภาคนี้
ถือเป็นพระวจนะของพระเจ้าเอง​ ตรัสผ่านทางประกาศก (Prophet) ผู้ทรงคุณธรรมเป็นที่ปรากฏแก่ปวงชน
ของแต่ละยุค ส่วนพระธรรใหม่​(New Testament) เป็นพระคัมภีร์ที่บันทึกชีวประวัติและคำสั่งสอน
ของพระเยซูโดยสานุศิษย์ของพระองค์​
ฉะนั้น ทั้งพระธรรมเก่าและพระธรรมใหม่ ล้วนเป็นพระวจนะของพระเจ้าโดยตรง ตรัสผ่านบรรดาประกาศก
ในพระธรรมเก่า และส่วนในพระธรรมใหม่ เป็นพระวจนะของพระเจ้า ตรัสผ่านพระบุตร คือพระเยซู​ ฉะนั้นข้อความ
ในพระคัมภีร์ จึงถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพบูชาสูงสุดและเชื่อถือ​ได้
สำหรับชาวคาทอลิก ยังมี “คำพูด คำดลใจ หรือ ปรากฏการณ์” ของพระเยซู แม่พระ เทวดา หรือบรรดาผู้
ศักดิ์สิทธิ์ ผ่านการเผยสำแดงเป็นการส่วนตัว (Private Revelation) ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง​ ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์
กันจนมั่นใจว่า​ ปรากฏการณ์นั้นๆ น่าเชื่อถือ มิใช่มีการหลอกลวง​ อย่างมากพระศาสนจักรก็จะรับรอง แต่จะเชื่อ
ก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ มิใช่มีสาระเหมือนในพระคัมภีร์ที่ได้กล่าวข้างต้น
ต่อไปนี้ผมจะขอรวบรวมคำพูดหรือเหตุการณ์ต่างๆ​ เกี่ยวกับแอนตี้ไคร้สต์จากบรรคาผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับ
การเผยสำแดง (Private Revelation) เป็นการส่วนตัว ทั้งนี้เป็นการถอดความเรื่อง ปรปักษ์พระคริสต์ (Antichrist)
เรียบเรียงโดย​ เปียโร มันเตโร
-นักบวชคณะเบเนดิกติน ผู้ทรงคุณวุฒิชื่อ ราบาโน เมาโร ได้กล่าวถึงแอนตี้ไคร้สต์ว่า : แม้แอนตี้ไคร้สต์จะ
เกิดมาเหมือนมนุษย์ทุกคน จากหญิงคนหนึ่ง​ แต่ทว่าด้วยกระบวนการที่แปลกที่สุด คือ ท่านกล่าวเป็นภาษาละติน
ว่า​ Totus in peccato concipietur, in peccato generabitur et in peccate nascetur แปลว่า ได้รับการปฏิสนธิ
ในบาป กล่าวคือ พ่อเป็นสงฆ์ แม่เป็นชี​ ลักลอบได้เสียกัน ถือเป็นการผิดคำสาบานต่อพระเจ้าที่จะถือพรหมจรรย์
เริ่มชีวิตในครรภ์มารดาในบาป หมายถึง มารสอดแทรกเข้าไปสิงในครรภ์-มารดา​ และ เกิดมาในบาป หมายถึง
เมื่อเกิดเป็นทารกแล้วยังถูกยัดเยียดหรือถูกประคบประหงมด้วยความชั่วช้านานาประการ ดังนั้นจึงสามารถเรียก
ได้ว่าเป็นคนบาปหนา (Man of sins) และลูกแห่งความพินาศ (son of perdition)
- ก่อนที่แอนตี้ไคร้สต์จะปรากฏโฉม โลกจะวุ่นวายด้วยสงครามระหว่างนานาชาติ บ้างจะแยกกับชาตินั้น
บ้างจะรวมกับชาตินี้ ความมืดแห่งซาตานจะครอบคลุมไปทั่วแผ่นดิน​ แล้วสมุนของมันจะพากันต้อน
มวลสัตบุรุษ​ให้ถลำเข้าบ่วงแร้วของมัน
- สงครามที่นี่ สงครามที่โน่นจะเกิดไล่เรียงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงสงครามสุดท้าย ซึ่งจะได้รับการบงการ
จาก 10 กษัตริย์ของแอนตี้ไคร้สต์ ซึ่งจะร่วมผนึกเป็นหนึ่งเดียวที่จะยึดครองโลก
- ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคของผู้กรุยทางของแอนตี้ไคร้สต์​ แล้วก็ถึงยุคของแอนตี้ไคร้สต์ ซึ่งก็เป็นผู้กรุยทาง
ของซาตานอีกทีหนึ่ง แอนตี้ไคร้สต์นี้จะได้รับความช่วยเหลือจากซาตาน
อีกไม่นานก็จะถึงยุคแอนตี้ไคร้สต์ อย่าปล่อยให้บุตรแห่งซาตานหลอกให้หลงเป็นอันขาด ถ้าเธออ่าน
พระคัมภีร์ เธอก็จะรู้ยุคปัจจุบันและยุคที่กำลังจะมาว่ามันสอดคล้องกับพระคัมภีร์อย่างไร
- อานุภาพต่างๆ ของแอนตี้ไคร้สต์ จะผนึกกันเป็นหนึ่งเพื่อก่อให้สงครามใหญ่ปะทุขึ้นมา
- สงครามเหนือธรรมชาติได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเธอนั่นเองแหละ กำลังต่อสู้กับร่างกายของเธอ ทว่าจริงๆ​
แล้วเป็นจิตวิญญาณที่กำลังต่อสู้กัน​ ซาตานเป็นผู้ชักใยในการรบราฆ่าฟัน สงครามนี้จะเป็นหนึ่งในหลายๆ​
สงครามขั้นเริ่มต้น อาณาจักรของแอนตี้ไคร้สต์ ต้องการปูนซีเมนต์ที่ทำด้วยเลือด และความเกลียดชังเพื่อ
ผนึกเป็นหนึ่งเดียว
- เมื่อเวลาของแอนตี้ไคร้สต์มาถึง ช่วงเวลาของมันจะกินเวลานานกี่ปี?​ พระเป็นเจ้าผู้มีพระปรีชาญาณล้ำเลิศ
จะมิให้มนุษย์ล่วงรู้......ช่วงเวลาของแอนตี้ไคร้สต์ก็จะเป็นเวลาเดียวกันที่พลังจิตจากเบื้องบนเริ่มปฏิบัติการ แต่
ทว่าผู้ที่อยู่เหนือพลังจิตแห่งเบื้องบนอยู่ที่ สตรี (มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์) ในพระธรรมวิวรณ์ (ก็คือ แม่พระ นั่นเอง)
- ซาตานดลใจและให้อำนาจแก่ผู้ที่มีตำแหน่งสูงๆ มันกำลังกลายเป็นเจ้าโลก ผู้คนจะไม่รู้หรอกว่า มั
นใช้ชีวิตของมันอย่างไร พวกมันประกอบกรรมชั่วสะสมอาวุธและฆ่าฟันกัน
- ปัจจุบัน โลกเรามีมารกลุ่มหนึ่งกำลังวางแผนชั่ว ที่จะตั้งสาธารณรัฐแห่งสากลจักรวาล แผนของพวกมันคือ
ขจัดพระศาสนาให้ล่มสลายไปทีละน้อย
- ความระยำของพวกชั่วช้าในขณะนี้พูดได้ว่า “ร้ายกาจ”​ เป้าหมายแรกของพวกมันก็คือ หลอกล่อพวก
นักบวช นักพรต​ ที่ถวายตัวรับใช้พระให้หย่อนยานในธรรมปฏิบัติ พวกมันต้องการให้คนเสียวิญญาณ ให้จมปลัก
แห่งความชั่วให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พวกมันต้องการข่มขู่และเข่นฆ่าศัตรูที่ช่ำชองยุทธ (คนดีมีคุณธรรม) ของมัน
- คนเหล่านี้ซึ่งเป็นเครื่องมือโดยตรงของซาตาน จะถูกกวาดไปประดุจเมล็ดฝุ่นต้องลม ในช่วงเวลาที่กำลัง
เข้ามาใกล้อย่างน่าหวาดหวั่นที่สุด
- การปะทะครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว แต่แม่จะไล่เจ้ามารจอมหลอกลวง จอมปลิ้นปล้อน ขอให้ลูกๆ ระวัง
พวกมารเหล่านี้ให้ดี เพราะมันจะใช้เครื่องมือพิเศษ จะแฝงมาในรูปของมิตร ของลูกแกะแสนซื่อ หรือมาในมาด
ของผู้คุ้มครองป้องกัน
- เวลาแห่งหายนะเข้าใกล้มาทุกที เพราะว่ามารกำลังเร่งมือในการทำตามแผนให้เข้มข้นขึ้น ความวุ่นวาย
ในสมองและในใจ กำลังทวีดีกรีขึ้นอย่างน่าวิตก โดยถอดถอนความสามารถในการทำงาน และในการเข้าใจ
ให้ลดน้อยถอยลงไป จนไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว
- ขอให้พวกเธอศึกษาให้ดี ถึงพวกที่จะมาก่อนการเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซู เพราะเหตุว่าพลังต่างๆ​
ของแอนตี้ไคร้สต์กำลังเดินหน้าเต็มตัว​ จะมีคนเป็นจำนวนมากหลงเชื่อไปว่า กำลังมีชัยชนะเหนือแอนตี้ไคร้สต์
นึกว่าสันติภาพใกล้เข้ามาแล้ว​ แต่ที่แท้เป็นการหยุดพักเอาแรงของศัตรูพระคริสต์​ซึ่งกำลังให้หยูกให้ยากับ
บาดแผลที่ได้รับ และผนึกกำลังกับกองทัพของมัน​ เพื่อจะได้ปะทะให้เหี้ยมหาญแบบสุดสุดต่อไป
- 666 คือ ลูซีเฟอร์ (หัวหน้าปีศาจ) กับปีศาจอีก 5 ตน รวมเป็น 6 ตน​ วันแห่งการทรมาน ที่แสนร้ายกาจไป
จนกระทั่งการถูกโทษ ไม่ใช่เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์แห่งความพินาศ เป็นมนุษย์ที่ชื่อของมันคือ 666
ซึ่งโยงถึงลูซีเฟอร์ในร่างของมนุษย์ ตามพระคัมภีร์มันจะนั่งในพระวิหาร​ และประกาศตัวเป็นพระเจ้า​
มิใช่​มนุษย์​ธรรมดา​ แต่เป็น​ลูซีเฟอร์​ เป็น​ปีศาจ​มาเกิด​นั่น​เอง​ ซึ่ง​ก็​คือ​ 666

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

เสาร์ ส.ค. 02, 2025 3:36 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 60 )

✴️ ผู้​ศักดิ์​สิทธิ์​เผย​ถึง​ปรปักษ์​พระ​คริสต์​ (B) ✴️
- มันผู้นี้เรียกกันว่า “ลูกของซาตาน”​ “เกิดจากมาร”​ “คนทุศีล” “ศาสดาจอมปลอม” “สุภาพบุรุษจากอเวจี”
- ในยุคของเรานี้ พวกเธอจำเป็นเหลือเกินที่จะได้รับการปกป้องจากเล่ห์กระเท่ห์อันร้ายกาจจากศัตรูของเรา
ซึ่งสามารถตั้งอาณาจักรของมันในโลกได้สำเร็จ​ เป็นอาณาจักรที่ต่อต้านพระเยซู​คริสต์ เป็นอาณาจักรของ
แอนตี้ไคร้สต์​ ในช่วงสุดท้ายของศตวรรษนี้​ อาณาจักรนี้ สามารถบรรลุถึงยอดสุดแห่งอานุภาพในการชักจูง
ผู้คนให้ถลำลึกในความชั่วครั้งมโหฬาร​ ขณะที่มนุษย์อสัตย์ผู้นี้กำลังเตรียมตัวขึ้นสู่พระที่นั่งของพระเจ้า​ เพื่อจะ
ให้ผู้คนมากราบไหว้สักการะประหนึ่งพระเจ้า มันกำลังปรากฏโฉมพร้อมอำนาจราชศักดิ์เต็มรูปแบบ
- โทรทัศน์เป็นเทพเจ้าโดยแท้​ ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระธรรมวิวรณ์ว่า​ มันถูกสร้างขึ้นมาให้มนุษยชาติบนแผ่นดิน
กราบไหว้สักการะมัน โดยอาศัยโทรทัศน์นี้​ เจ้ามารจะทำให้ภาพและการเคลื่อนไหวเป็นสื่อชักจูงไปในทางชั่ว
​ และก่อให้เกิดอาการวิปริตต่างๆ
- เมื่อถึงยุคของแินตี้ไคร้สต์​ ลูกๆ ของซาตานจะมีเครื่องหมายที่หน้าผาก หรือที่ข้อมือขวา และพวกมันจะ
มีสิทธิ์ซื้อและขายได้ ใครไม่มีเครื่องหมายก็จะถูกเบียดเบียนข่มเหง จะเกิดข้าวยากหมากแพงในระหว่างสามปี
ครึ่งนั้น เมื่อแอนตี้ไคร้สต์ประกาศตัวเป็นพระเจ้า มันจะสั่งให้สร้างรูปจำลองของมัน และจะบังคับให้ทุกคนกราบ
ไหว้สักการะมัน เหมือนสมัยโมเสส ที่ผู้คนกราบไหว้รูปปั้นวัวทอง ใครไม่ยอมก้มหัวให้รูปปั้นของมัน มันก็จะ
เบียดเบียนข่มเหงและฆ่าเสีย เมื่อถึงเวลาที่มหาบุรุษ​ทั้งสอง คือ เอน้อค และเอลียาห์ จะลงมา เราจะจัดการให้
เขาทั้งสองปฏิบัติภารกิจ ในฐานะผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าเป็นเวลา 1,260 ซัน​ แล้วท่านทั้งสองจะเผชิญหน้า
อย่างอาจหาญ เพื่อจะเปิดหน้ากากแสนชั่วร้ายของแอนตี้ไคร้สต์ ท่านทั้งสองสามารถทำให้ไฟออกจากปากเพื่อ
ปราบศัตรู เมื่อท่านทั้งสองตายลง ผู้คนจะยินดีปรีดาทำการฉลองเป็นการใหญ่ แต่จะต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็น
ท่านทั้งสองฟื้นจากที่ตายได้ 3 วัน แล้วลอยขึ้นสู่เบื้องบน
- แอนตี้ไคร้สต์ จะส่งสมุนของมันไปเบียดเบียนและฆ่าชาวคริสต์​ ยุคโรมันจะหวนกลับมาใหม่ พวกเธอจะ
ต้องสวดอย่างหลบๆ ซ่อนๆ อาวุธชนิดหนึ่งเท่านั้นที่มันไม่มี คือ มันไม่สามารถอ่านใจ อ่านความคิดของเราได้
- จะมีเวลาหนึ่ง ที่แผนแห่งความหลงผิด แห่งการหลอกลวง จะถูกเปิดเผย ซาตานและเจ้าแห่งความมืด
จะสำแดงเดชในการทำลายบ้านของพระบุตรของเรา เพื่อจะตั้งสหภาพภายใต้รัฐบาลโลกที่รวมกันเป็นหนึ่ง​
วิหารพระเจ้าจะไม่มีพระเจ้าสถิตอยู่ - ขอให้พวกเธอรู้ไว้เถิดว่า​ เมื่อโลกและวิหารรวมกันเป็นอันเดียวกัน อวสาน
ก็ใกล้เข้ามาแล้ว
- ลูกๆ ของซาตานจะบรรลุถึงตำแหน่งสูงๆ ทางพระศาสนาและทางฝ่ายผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง
- พระศาสนาของเราจะสับสนอลหม่าน - พวกยูดาส (คนทรยศ) ทั้งหลายจะปรากฏในแสงอาทิตย์
(หลังจากแฝงในความมืดมานาน) และในบรรดาชนชั้นมีระดับ
- พระศาสนาของเราป่วยมากก​ มารกำลังแสดง​อิทธิ​ฤทธิ์​สุดเหวี่ยง​ แต่ในไม่ช้าหรอก มันจะถูกล่ามโซ่​
หมาป่าในฝูงแกะ มันนั่นแหละจะอลเวง
- เมื่อเธอได้ยินการปฏิวัติในกรุงโรม เมื่อเธอเห็นพระสันตะปาปาหนี​ ขอให้เธอพยายามหาที่หลบภัย
ในประเทศอื่น และรู้ไว้เถอะว่า เวลาใกล้เข้ามาแล้ว มนุษย์แห่งความลับดำมืด 666 ที่ลึกลับ เอเย่นต์จาก
นรกอเวจีอยู่​ใกล้​พวก​เธอ​แล้ว​
- รากฐานของศาสนจักรโลกถูกตั้งขึ้น และศิลาหัวมุม คือ ซาตานหัวหน้าก็คือ ปรปักษ์โป๊ป​ (Antipope)
ซึ่งจะถูกบงการจากซาตาน ปรปักษ์โป๊ปหรือโป๊ปปลอมต้องการปกครองศาสนาจักรโลก​ตามคำบัญชาของ
ซาตาน​ กิจกรรมอันดับแรกก็คือ ปฏิเสธพระแม่มารีอา​ พระนางจะถูกทำให้เสื่อมเสีย​ ความพรหมจรรย์ของ
พระนางจะถูกโจมตี​ มันจะแสดงว่าแม่พระมีลูกหลายคน​ ลูกประคำจะถูกประกาศว่าเป็น เฮเรติก (ถือนอกรีต)
- มหาวิปโยคจะคงอยู่เป็นเวลานาน แต่เป็นอำนาจของเราที่จะย่นให้สั้นลง โดยอาศัยการพลีกรรมและ
การอธิษฐานภาวนาจากพวกเธอที่ได้รับเลือกสรร ในวันเหล่านี้พวกเธอไม่ต้องกลัว จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอ
- ความชั่วอันยิ่งใหญ่จะถูกสงวนไว้ในวาระสุดท้าย เมื่อซาตานจะเข้าไปในร่างของมนุษย์ผู้หนึ่ง ซึ่งมีอำนาจ
มหาศาลบนโลก จะให้ความสามารถแก่บุคคลผู้นี้ด้วยอำนาจทางจิตของซาตาน แล้วจะประกาศตนเป็นพระคริสต์
จอมลวงโลกผู้นี้จะปลุกตัวเองให้ฟื้นจากความตาย และจะแสดงปาฏิหาริย์ยิ่งใหญ่ เหมือนที่พระเยซูเคยแสดง
มาก่อน คนมากมายจะลุ่มหลงและปลงใจเชื่อ
- เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นทันทีที่ศาสนจักรโลกถูกตั้งขึ้น เพราะพระคริสต์จอมปลอม จะปกครองศาสนจักร
โดยอาศัยโป๊ปปลอม เมื่อซาตานเริ่มอาณาจักรของมัน​ โลกเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัว​ อเมริกาจะ
ถูกปราบในหนึ่งสัปดาห์​ อำนาจของซาตานสามารถออกแบบอาวุธที่ไม่มีใครรู้จัก​ แล้วเอาไปทำลายล้างนานาชาติ
ซึ่งจะยอมจำนนด้วยความกลัว​ เวลาเข้ามาใกล้แล้ว​ พระผู้เป็นเจ้ากำลังปลีกตัวออกไปจากโลก เพื่อเปิดโอกาส
ให้ซาตาน ก่อนที่องค์พระบุตร จะนำกองทัพของเทวดามาบดขยี้ซาตานมารร้ายให้จมปฐพี​
- ในปี 1558 นอสตราดามุส ได้เขียนจดหมายกราบทูลกษัตริย์อังรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส มีตอนหนึ่งกล่าวถึง
แอนตี้ไคร้สต์ ว่าดังนี้
CXIX...L'Antichrist sera le prince infernal, encores part la derniere fois trembleront tous les
Royaumes de la Chrestienteʼ, et aussi des infidelles par lʼespace de vingt cinq ans, et seront plus
griefves guerres et batailles, et difices bruslez, desolez, destruicts avec grande effusion de sang
vestal, mariees, et Vefues violees, infants de laict contre les murs des villes allidez et brisez,
et tant de maux se commettront par le moyen de Satan, prince infernal, que presque le monde
universel se trouvera defaict et desoleʼ (CXX) et avant iceux advenemens aucuns oyseaux insolites
crieront par lʼair : Huy Huy, et seront apres quelques temps esvanouys.
แอนตี้ไคร้สต์ยังเป็นเจ้าอเวจีอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย คริสตจักรต่างๆ จะสั่นสะท้านรวมทั้งบุคคอื่นๆ​
ที่เชื่อผีสางนางไม้ด้วย เป็นเวลาถึง​25 ปี จะมีสงครามน้อยใหญ่จนถึงสงครามชฝขั้นรุนแรง เมืองเล็กเมืองใหญ่
ไปจนถึงปราสาทราชวัง รวมทั้งตึกระฟ้าจะถูกเผา และพังทลาย​ บรรดาสาวพรหมจารีย์ แม่บ้าน​ แม่หม้าย จะถูก
ข่มขืน ทารกเกิดใหม่จะถูกโยนทิ้ง​ และถูกจับฟาดกับกำแพงเมือง จะมีคนมากมายประกอบกรรมชั่ว โดยทาง
ซาตานเจ้าขุมนรก ซึ่งเกือบทั้งโลกจะถูกทำลายล้างผลาญจนสิ้นซาก และก่อนเหตุการณ์นี้ จะมีนกประหลาดส่ง
เสียงร้องในอากาศ ฮุย ฮุย หลังจากนั้นก็จะอันตรธานไป

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ตอบกลับโพส