8 เกาะติดวิกฤติโลกผ่านพระคัมภีร์และนอสตาดามุส (71-80)

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 13, 2025 8:55 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 71 )

✴️ สัญญาณ​เตือน​แก่มนุษยชาติ​ (B) ✴️
วิธีการของสวรรค์คือให้ความกระจ่างเพียงเท่าที่จำเป็น ปีศาจนรกกำลังออกเพ่นพ่าน และ
ทำสงครามอย่างเต็มที่กับผู้มีใจศรัทธา ด้วยเหตุนี้​พระตรีเอกภาพ และพระนางมารีย์จึงเตือนเรา
ล่วงหน้าอย่างชัดเจน
บาปที่ถูกเปิดเผย สัญญาณเตือนจะแสดงบาปของเรา​ เช่นเดียวกับที่​ ดอเรียนเกรย์ได้เห็น
สถานภาพของชีวิตของเขาเพียงแต่ไม่ใช่บนผืนผ้าใบแต่เป็นในจิตวิญญาณของตนเอง นี่คือ
“การแก้ไขจิตสำนึกของชาวโลก” พระวรสาร​บอกไว้นานแล้วว่า​ พระเยซูจะส่งพระจิตมาเพื่อ​
“พิพากษาบาปของโลก” หากเราไม่สามารถเข้าใจได้ถ่องแท้ในขณะนี้​ เราก็จะเข้าใจได้ใน
ขณะนั้นด้วยอานุภาพของสัญญาณเตือน
บาป การขัดขืนของเราที่เป็นคนที่เปี่ยมด้วยความรัก เช่นที่พระเจ้าทรงเป็น เป็นสาเหตุของ
การ​กระทำ การตัดสินใจ และทัศนคติที่ขาดความรักมากมาย สิ่งเหล่านี้จะปรากฏชัดเมื่อแสงสว่าง
ของพระผู้เป็นเจ้าสาดส่องลงมาบนวิญญาณของเรา จิตสำนึกของเราจะสว่างไสวไปในขณะนั้น
และเปิดเผยการหลอกลวงตนเอง ซึ่งเรามักใช้แก้ตัวอยู่บ่อยครั้ง​ ดึงเอาซากความทรงจำ ซึ่งไม่เคย
ได้รับการฟื้นฟูด้วยความรักออกมา​ แสดงให้เราเห็นความเท็จที่เราบอกแก่ตนเอง และการโอนอ่อน
ต่อบาปของเรา
ด้วยสัญญาณเตือนนี้ เรามิอาจหลบซ่อนจากตัวเองได้อีก​ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยทำจะปรากฏ
ต่อสายตาทั้งหมด เพียงในชั่วพริบตา​ เมื่อนั้นเราจะรู้ว่า สายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าผ่านทะลุทุก
สิ่งจนถึงก้นบึ้งของสิ่งที่เป็นความลับที่สุด เราจะเห็นความเป็นสากลอย่างแท้จริงของสวรรค์ โดย
ปราศจากอุปสรรคของสีผิว เผ่าพันธุ์หรือความเชื่อ​ พระองค์จะทรงทำให้เรารู้ว่า​ พระองค์ทรงเห็นเรา
เป็นอย่างไร​ และสิ่งใดในตัวเราที่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย​ เราจะเข้าใจสถานะนิรันดรของตนเอง​
และแสงสว่าง หรือความมืดของวิญญาณของเรา ในชั่วขณะหนึ่งเราจะต้องเป็นทุกข์ถึงบาปของเราเอง
ทุกข์ที่ต้องแยกไปจากพระเป็นเจ้า ทุกข์ของไฟชำระ หรือนรก​ เราจะได้เห็นทุกสิ่ง ไม่ว่าเราจะต้องการ
หรือไม่ก็ตาม​ เราจะได้เห็นการตัดสินใจของเราที่เหี้ยมโหด ดื้อรั้น และปราศจากความปราณี เวลาต่างๆ
ที่เราเหยียบย่ำความรู้สึกของผู้อื่นอย่างโหดร้าย เวลาที่เรามักได้ในทรัพย์สินของผู้อื่น ริษยาในโชคดี
และชื่นชมในความล้มเหลวของผู้อื่น​ เมื่อนั้น เราจะต้องร่ำร้องด้วยความทุกข์โศกเศร้า​ เมื่อพระผู้เป็นเจ้า
ทรงเผยให้เราเห็นการละเลย การปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือ กิจการและแผนงานที่เราไม่ยอมกระทำ
เราจะได้ยินพระองค์ตรัสแก่เราว่า “เจ้าเบียดเบียนเราทำไม?”
สัญญาณเตือนนี้คือ พระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการเตือนนี้เราจะได้รู้ว่า เรายังไม่เป็นอย่างที่
พระองค์ทรงต้องการ น้ำพระทัยของพระองค์คือให้เราเป็นเช่นเดียวกับพระองค์​ และเข้าใกล้ชิดพระองค์​
บาปเป็นอุปสรรคเพียงอย่างเดียวที่กีดขวางเราจากความสุขอันสมบูรณ์เป็นนิรันดร์ บาปของเราจะถูกเผย
ให้เห็นด้วยสัญญาณเตือน มิใช่เพื่อแก้แค้น​ เพราะความแค้นมิใช่เป็นคุณสมบัติของดวงหฤทัยของพระองค์
แต่เพราะความรักและพระเมตตา
คาราบันดัล คือกุญแจ​ สัญญาณเตือนคือเครื่องหมายสำหรับอนาคต เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญในประวัติ
ศาสตร์ของโลก และคงจะเป็นเครื่องหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุกกาลสมัย การแยกทะเลแดง​ และมานนา
จากสวรรค์ เป็นความช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้า​เพื่อชน​กลุ่มน้อย​ๆ แต่สัญญาณเตือน จะครอบคลุมไป
ทั่วโลก และปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ จะเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญกว่า เพราะจะส่งผลกระทบกว่า เพราะจะส่ง
ผลกระทบต่อชาย​ หญิง และเด็กทุกคนบนโลกมนุษย์​ สัญญาณเตือนจะเตรียมใจประชากรโลก เพื่อรับสาร
จากพระวจนะ และเตรียมตัวทุกคนเพื่อรับพระเยซู และชีวิตจากพระองค์ ด้วยสัญญาณเตือนนี้เราจะตระหนัก
ถึงบาปของตนเอง เราจะรู้ว่าเราต้องการพระผู้ไถ่ หากเราไม่ตระหนักถึงบาปของเรา เราก็ย่อมจะไม่เข้าใจว่า
เราต้องการพระเยซู​ ​และการอภัยโทษของพระองค์มากเพียงไร
สัญญาณเตือนเป็นความช่วยเหลือโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า​ สัญญาณเตือนนี้แสดงถึงความรักอันลึกล้ำ
ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา ไม่เคยเลยที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำการใดโดยตรง และทั่วถึงเช่นนี้เพื่อทำให้ทุกคน
ในโลกได้รับรู้ในบาปของตนต่อความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์​ ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์
ที่พระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งใดด้วยฤทธานุภาพ ความเที่ยงตรง อย่างฉับพลันเช่นนี้
แต่เวลากำลังจะหมดไปแล้ว ยุคปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และเราได้รับคำสัญญาว่าจะได้ยุคใหม่แห่ง
สันติภาพ สัญญาณเตือนจะเป็นเครื่องหมายชัดเจนประการแรก ที่จะบ่งว่ายุคเก่ากำลังจะสิ้นสุดลง พระผู้เป็นเจ้า
ไม่ทรงปรารถนาให้เราอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ยอมกลับใจทันเวลา​ พระองค์ไม่ทรงเคยปรารถนาให้วิญญาณของ
ลูกน้อยๆ ของพระองค์แม้แต่ดวงเดียวต้องพินาศไป
เราได้เลือกทางของเราแล้ว​ และในอดีตเราก็ไม่ได้เลือกทางแห่งมหากางเขน (การยอมสู้ทนความยาก
ลำบาก-สนธิ) ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงยื่นพระหัตถ์เข้ามาเพื่อทำให้เห็นอันตรายเด่นชัดขึ้น​ เพื่อเผยโฉม
ของความชั่วในยุคปัจจุบัน และเพื่อเปิดโปงโอกาสความชั่วร้ายของ​ “ความรู้แจ้ง”​ เท็จเทียม​ หากโลกไม่
ต้องการรับฟังความจริง​ และลูกน้อยๆ​ ของพระบิดากำลังถูกลวงให้หลงทาง แต่ด้วยพระบารมี​ และฤทธานุภาพ​
พระองค์เองจะทรงบังคับให้เรารับฟัง และด้วยสัญญาณเตือนนี้​ พระองค์จะทรงปัดเป่าความเท็จ และคำลวง
ซึ่งซาตานใช้บดบังแสงสว่างแห่งพระวรสาร

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 13, 2025 9:00 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 72 )

✴️ สัญญาณ​เตือน​แก่มนุษยชาติ​ (C) ✴️
ผู้เห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในนิมิตคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนป่วยที่ไม่ประสงค์จะแสดงตัว และ
อาศัยอยู่ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ได้รับสารในปี​1990 - 1992 ซึ่งให้ความกระจ่าง
ในลักษณะของสัญญาณเตือน ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหวัง และความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์
ทรงกล่าวแก่เธอว่า “ผู้ที่อยู่ในพระหรรษทานของเราไม่มีสิ่งใดต้องกลัว เมื่อสัญญาณเตือนมาถึง เมื่อไร
ลูกจึงจะเรียนรู้เสียทีว่า ไม่มีสิ่งใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักของเรา? ลูกไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นของความ
รักของเราเลยหรือ? ยังจะมีผู้ใดยิ่งใหญ่กว่าเราอีกหรือ? ทำไมลูกจึงแสวงหาจากที่อื่นๆ​ เล่า? เข้ามาสู่
อ้อมแขนของเราเถิด
“นี่คือเวลาหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่มนุษย์จะได้มี
โอกาสนึกเช่นเดียวกับเวลาใกล้จะตาย​ นี่คือเมตตากิจอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา”​ เมื่อมนุษย์เผชิญหน้า
กับบาปในชีวิตของเขา เวลานั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา เราจะฟื้นฟูทุกอย่างได้​ แต่เขาจะต้องขอร้อง เรา
จะอภัยโทษทั้งหมดได้ แต่เขาจะต้องสำนึกผิด​ เราจะรับทุกคนกลับมาสู่ดวงใจของเรา แต่เขาจะต้องเป็น
ผู้หันกลับมาเอง”​
“...ความเขลาที่เกาะกุมมนุษยชาติอยู่ ทำให้ทุกคนไม่อาจเข้าใจความหนักหนา (ของบาปในโลก)
ดังนั้น ผลลัพธ์จึงต้องสมดุลกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่แต่องค์เดียวเพื่อรอความรุ่งโรจน์แห่งมหา
ทรมานของเรา ซึ่งหมายความว่า ในอีกไม่ช้า เผ่าพันธุ์มนุษยชาติทั้งหลายจะป็นประจักษ์พยานถึงการตรึง
กางเขนของเราอีกครั้งหนึ่ง ในเวลานั้นทุกคนจะเข้าใจถึงความทุกข์มหาศาลที่พระบิดาของเราต้องขานรับ”
องค์​พระบิดาได้ตรัสลงมาจากท้องฟ้า​ “ประชากรของเราได้ลืมเราแล้ว​ เราจะดับดวงอาทิตย์เป็นเวลา​
3 ชั่วโมง คนจะพากันออกจากบ้านเรือนของตนอย่างสับสนวุ่นวาย จะไม่อาจปลอบโยนคนบางคนได้เลย
สายโทรศัพท์จะไม่พอใช้ แม้แต่พระสงฆ์ก็จะเป็นทุกข์เสียใจ จงสวด​สายประคำ ​สิ่งนี้สำคัญมาก พวกเขาจะ
ต้องจำศีลอดอาหารอีกครั้งหนึ่ง​ มนุษย์จะต้องยอมสละตนเอง​ เปลี่ยนแปลงชีวิต และชดเชยบาป​(ชดใช้กรรม)
ทั้งหมดของตน ผู้ที่อยู่ร่วมกันโดยไม่ได้แต่งงานจะต้องแยกบ้านกัน​ ความเกินเลยทั้งสิ้นจะต้องยุติลง คนติด
ยาเสพติดจะหายได้โดยอาศัยพระหรรษทานของเราเพียงอย่างเดียว”​
“สัญญาณเตือนนี้จะเกิดขึ้นตอนบ่ายสองโมง เธอรู้วันที่ท้องฟ้าจะกลับมืดครึ้ม โลกทั้งโลกจะอยู่ในสภาพ
สับสนอลหม่าน การทำลายล้างครั้งใหญ่จะอยู่ในใจของมนุษย์​ ผู้คนจะคิดไปว่า โลกกำลังถึงกาลอวสานแล้ว
ใครมีบาปมากก็กลัวมาก บาปของโลกช่างหนักหนาสากรรจ์ยิ่งนัก จนว่าไม่มีอะไรจะมาทัดทานไว้ได้อีกแล้ว
สัญญาณเตือนจะต้องเกิดขึ้น อย่าได้คลางแคลงใตแม้แต่น้อยนิด เราได้เคยบอกเธอไว้แล้ว​ ขณะที่เธอไม่คาด
คิดนั่นเอง เธอจะเห็นกางเขนในท้องฟ้า”​
เมื่อประมวลเหตุการณ์ต่างๆ​ แล้ว​ สรุปได้ว่า จะเกิดมืด 2 ช่วง ช่วงแรกจะเกิดตอน สัญญาณเตือน
เป็นเวลา​ 3 ชั่วโมง และในช่วงที่ 2 จะเกิดตอนมีการลงทัณฑ์ เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน
สัญญาณเตือนกำลังจะเกิดขึ้น​ คริสตีนา กัลลาเกอร์ ได้รับรู้ว่าชาวโลกจะได้สัญญาณเตือนผ่านทางเครื่อง
หมายอย่างหนึ่ง หากเครื่องหมายนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ การลงทัณฑ์จะเกิดตามมา “เครื่องหมายอย่างหนึ่งจะปรากฏ
ขึ้น ทุกคนในโลกจะรู้สึกได้ภายในจิตใจ และรู้ว่าสิ่งนี้มาจากพระผู้เป็นเจ้า​ และจะเห็นตัวเองเช่นที่เป็นอยู่อย่าง
แท้จริง ผู้ที่เชื่อจะต้องสวดภาวนาเพื่อที่คำภาวนาของเราจะได้ถูกนำไปใช้​ และทำให้ทุกคนตอบสนองเครื่อง
หมายนั้น และจะได้รับความรอดสู่พระอุระของพระเจ้า แม่พระจำต้องอาศัยพวกเราที่มีความเชื่อให้สวดภาวนา
เพื่อผู้อื่น ซึ่งตกอยู่ในความมืดจะได้รับพระหรรษทานและกลับใจ”
“เราจะต้องไม่คิดเพียงแต่จะสวดภาวนาเพื่อวิญญาณของเราเอง​ และเพื่อญาติและเพื่อนๆ เท่านั้น เราต้อง
ภาวนา และชดเชยบาปเพื่อทุกคน​ เพราะนั่นคือหน้าที่ของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย ในฐานะบุตรของพระผู้เป็นเจ้า
และอวัยวะหนึ่งในพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า เมื่อเราตอบสนองต่อพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า เราก็
อาจช่วยผู้อื่น ซึ่งไม่อาจช่วยตนเองในขณะนั้น ให้พวกเขารอดพ้นได้”​
คริสตีนา กัลลาเกอร์ เชื่อว่าเครื่องหมายเหนือธรรมชาตินี้อยู่ไม่ไกลเลย เธออธิบายว่า “ฉันรู้สึกได้ภายใน
ตัวของฉัน ฉันรู้สึกได้ว่ามันกำลังมาด้วยความเร็วสูงทีเดียว”​
เธอเชื่อว่าทุกสิ่งที่เธอได้เห็น จะเกิดก่อนสิ้นศตวรรษนี้

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ส.ค. 13, 2025 9:08 pm

🕵️ เกาะติด​วิกฤติ​โลกผ่านทาง​พระคัมภีร์​และนอสตราดามุส 🕵️
โดย​ สนธิ​ สารธรรม
ตอนที่​ ( 73 )

✴️ ปาฏิหาริย์​ครั้ง​ใหญ่​และ​เครื่อง​หมายถาวร​ (A) ✴️
ที่คาราบันดัล วันที่ 8 สิงหาคม​1961 ขณะที่เด็กทั้ง 4 กำลังอยู่ใน​ภวังค์ ณ บริเวณสวนสนนั้น ท่าน
บาทหลวง หลุยส์ อันดรู ก็อยู่ในบริเวณ​นั้นด้วย เด็กทั้งสี่ได้กล่าวว่า​ ท่านบาทหลวงได้เห็นปาฏิหาริย์ครั้ง
ใหญ่นี้ล่วงหน้า​ หลังจากเหตุการณ์เข้าภวังค์ครั้งนี้ คอนชิต้าก็ได้พยายามที่จะแพร่ข่าวนี้​ ไม่ว่าทั้งการพูด
ชี้แจงด้วยตนเอง หรือด้วยการขีดเขียนถึงปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่​นี้ว่าจะต้องเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับ
สัญญาณเตือนอย่างแน่นอน
คอนชิต้ารู้วันที่แน่นอนว่าจะเกิดวันใด แล้วเธอจะแจ้ง 8 วันก่อนที่จะเกิดปาฏิหาริย์นี้
ปาฏิหาริย์ครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าที่ฟาติมา​ จะมองเห็นได้ไปทั่วหมู่บ้านคาราบันดัลซึ่งแวดล้อมด้วยภูเขา
จะเกิดในวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น.​เป็นวันฉลองมรณสักขีหนุ่มที่มีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทเป็น​พิเศษ​
ปาฏิหาริย์ครั้งนี้จะประจวบกับเหตุการณ์สำคัญและนำความชื่นชมยินดีมาสู่พระศาสนจักร
(เข้าใจว่าคงจะเป็นการคืนดีกันระหว่างนิกาย​ออร์โธดอกซ์​ โปรเตสแตนต์​ และคาทอลิก​-สนธิ)
ปาฏิหาริย์ครั้งนี้จะกินเวลาประมาณ 10 -​ 15 นาที
ณ สวนสนก็จะมีเครื่องหมายอันหนึ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป ซึ่งก็เป็นเครื่องหมายอันนี้เองที่จะเป็นปรากฏ
การณ์ประหลาดมหัศจรรย์​ ซึ่งเราสามารถที่จะถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอได้ ไม่จำเป็นที่เด็กทั้งสี่จะต้องอยู่ที่
นั้น​เมื่อเกิดปาฏิหาริย์ เพราะพระเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ครั้งนี้ด้วยการเสนอจากแม่พระมารีย์
ผู้ป่วยที่อยู่ ณ ที่นั้นจะหายจากโรคอย่างปาฏิหาริย์และผู้ไม่เชื่อจะกลับ​ใจ
สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเห็นปาฏิหาริย์นี้ไม่ว่าพระองค์จะประทับอยู่ ณ ที่ใด
หลังจากปาฏิหาริย์ครั้งนี้หากโลกยังไม่กลับใจ พระเป็นเจ้าจะส่งการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่ลงมา​
ปาฏิหาริย์ครั้งนี้จะเป็นการทดสอบถึงความละเมียดละไมขององค์พระผู้เป็นเจ้าและของพระแม่มารีย์
สำหรับโลกทั้งมวล
แม่พระเปิดเผยถึงปาฏิหาริย์อย่างเพียงพอที่เราจะเตรียมรับเหตุการณ์นี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในหนึ่งปี
หลังจากสัญญาณเตือน ไม่มีใครู้วันที่แน่นอน นอกจากคอนชิต้าขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในนิวยอร์ก
คนนับล้านจะสามารถมองเห็นปาฏิหาริย์ได้ในวันนั้น เพราะคาราบันดัลที่อยู่ท่ามกลางเนินเขา ซึ่ง
มีรูปทรงเหมือนโรงมหรสพที่บรรจุคนจำนวนมาก ซึ่งจะเดินทางมายังสถานที่ห่างไกลนี้ คนจำนวนมาก
จะมาชุมนุมกันที่หมู่บ้านนี้จากทุกหนทุกแห่ง และทุกคนที่สามารถมาถึงเนินเขาเหล่านี้ก็จะได้เห็นภาพนิมิต
แห่งความปิติยินดี ซึ่งได้ส่งบาทหลวงหลุยส์ขึ้นสู่สวรรค์ หลังจากที่ท่านได้เห็นนิมิตแห่งปาฏิหาริย์นี้
ปาฏิหาริย์จะเกี่ยวกับศีลมหาสนิท การเน้นการสักการะศีลมหาสนิทที่คาราบันดัลนั้นหนักแน่นมาก​
และหากปาฏิหาริย์จะเกี่ยวข้องกับศีลมหาสนิทแล้ว ก็จะสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
คาราบันดัล แม่พระเปิดเผยว่าปาฏิหาริย์จะเกิด ณ เวลา 20.30 น. ของวันพฤหัสบดีระหว่างวันที่ 8-16 เดือน
มีนาคม เมษายน หรือพฤษภาคม ซึ่งเป็นฉลองมรณสักขีผู้เยาว์แห่งศีลมหาสนิทองค์หนึ่ง เราจะต้องพร้อม
ที่จะรับข้อพิสูจน์จากพระผู้เป็นเจ้าโดยอาศัยปาฏิหาริย์นี้ ว่าศีลมหาสนิทคือศูนย์กลางชีวิตในพระศาสนจักร
และว่าพระเยซูทรงประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิท เราควรจะรับศีลศักดิ์สิทธิ์นี้ให้บ่อยครั้งที่สุดเท่าที่
จะทำได้
แม่พระบอกแก่ “บุตรที่รักทั้งหลายของพระนาง”​ ผ่านทางคุณพ่อกอบบีและมอบข้อมูลบางอย่าง
ในวันที่ 8 ธันวาคม 1980 ว่า “ในชั่วยามที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะสูญสิ้นนั้นทุกสิ่งก็จะถูกกอบกู้โดยอาศัย
ความรัก อันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระบิดา ซึ่งจะเห็นได้จากปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ของดวงหฤทัยของ
พระเยซูในศีลมหาสนิท”
ปาฏิหาริย์เกี่ยวกับพระศาสนจักรนั่นคือ จะยืนยันความจริงว่าพระหรรษทานทั้งปวงผ่านมาทางพระ
กายทิพย์ของพระคริสต์เจ้า คือ​ พระศาสนจักรและมนุษย์ทุกคนจะต้องติดตามไม่เพียงแต่องค์พระเยซูเท่านั้น​
แต่จะต้องเข้ามาในพระศาสนจักรของพระองค์ และยอมรับกฎระเบียบ คำสั่งสอน และศีลศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ปาฏิหาริย์จึงจะเกิดขึ้นอย่างเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์อันสำคัญของพระศาสนจักร กำหนดเวลา
ของพระเป็นเจ้าก็คือกำหนดเวลาของพระศาสนจักร และอาญาสิทธิ์ของพระศาสนจักรก็จะได้รับการยืนยัน
และรับรองด้วยเหตุการณ์ของพระศาสนจักร​ และปาฏิหาริย์ที่จะปรากฏขึ้นในวันเดียวกัน และอาจจะในเวลา
เดียวกัน​ พระสันตะปาปาจะทรงได้เห็นปาฏิหาริย์นี้ ไม่ว่าพระองค์จะทรงอยู่ในสถานที่ใดในขณะนั้นก็ตาม​
ปาฏิหาริย์จะเกี่ยวข้องกับพระนางมารีย์​ ปาฏิหาริย์จะสำแดงความรุ่งโรจน์ของพระมารดาของพระเป็นเจ้า
เพื่อที่คริสตชนทั้งมวลจะยุติการคัดค้านบทบาทของพระนางในพระกายทิพย์​ของพระคริสต์เจ้า และถวาย
เกียรติแด่พระนางเช่นที่พระเป็นเจ้าเองทรงมอบให้​ ชาวโลกจะเริ่มถวายเกียรติ​ และคารวะดวงหทัยนิรมล
ของพระนางมารี​ย์​ตามที่พระนางสมควรได้รับ อาศัยปาฏิหาริย์ครั้งสำคัญนี้คนเป็นจำนวนมากจะเริ่มรัก
“สันตะมารีอา มารดาพระเจ้า”
ความเป็นมารดาอันสูงส่ง แม่พระกล่าวแก่มารีโอมองต์ว่า “ความชั่วของมนุษย์จะพยายามทำลายแผน
การของแม่ แต่ฤทธิ์​อำนาจที่องค์พระเป็นเจ้าเองประทานให้แม่นั้น ยิ่งใหญ่เหนือความชั่วร้ายทั้งหลายใน
โลกนี้​ ความดีย่อมชนะความชั่ว จงจำสิ่งนี้ไว้เสมอ เพราะมันจะทำให้ลูกมีกำลังใจ​ เมื่อลูกรู้และระลึกถึงสิ่งนี้
ซาตานและพลพรรคของมันไม่อาจขัดขวางชัยชนะของแม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักสักเพียงไร เพราะ
องค์พระผู้เป็นเจ้าเองทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในยุคนี้ ลูกโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่ในยุคนี้
ซึ่งเป็นยุคแห่งพระเมตตาและความรัก ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับโอกาสอันวิเศษเช่นนี้ ที่จะสำนึกผิดจากความชั่ว
อันแสนจะฉกาจฉกรรจ์​ ลูกจะรู้ได้จากเครื่องหมายบนท้องฟ้า ซึ่งก็คือ ตัวของแม่เอง​ เวลามาถึงแล้ว สำหรับ
การกลับใจอย่างฉับพลันของมหาชน สิ่งนี้จะสำเร็จไปโดยอาศัยการหลั่งไหลของพระหรรษทานมายังโลก
จากพระหัตถ์ของพระเจ้าผ่านทางแม่ เพื่อจุดประสงค์นี้ สิ่งนี้จะเป็นชัยชนะของดวงหทัยนิรมลของแม่ที่
พูดถึงที่ฟาติมา (22 กุมภาพันธ์ 1987)”
ฤทธานุภาพ ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเพื่อการกลับใจของชาวโลกทั้งมวล​ พระเยซูเองทรงยืนยันเรื่องนี้
แก่คอนชิต้าที่คาราบันดัล พระองค์ตอบคำถามของเธอเกี่ยวกับการกลับใจของรัสเซียโดยทรงย้ำว่า
“ปาฏิหาริย์​นั้นไม่ใช่เพียงเพื่อการกลับใจของชาวโลกทั้งมวล​ และดังนั้นทุกคนจะรักดวงหทัยของเราทั้งสอง”
(ดวงพระทัยของพระเยซูและแม่พระ)

🔹---โปรดติดตามตอนต่อไป​-​--🔹
ตอบกลับโพส