“ความลับสายประคำ” (ตอนที่ 21-40 )

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:08 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 21 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 10 (อัศจรรย์​) 🌹

ระหว่างที่ท่านนักบุญดอมินิก​กำลังเทศน์เรื่องสายประคำที่เมืองการ​กาสโซเนอยู่นั้น​ มีชาวเฮเรติก
คนหนึ่งเยาะเย้ยถากถางมหัศจรรย์และข้อลึกลับ 15 ประการของการสวดสายประคำ (​มงกุฎกุหลาบ)
ก็เลยเป็นการกีดกันเฮเรติกคนอื่นมิให้กลับใจด้วย​ เพื่อเป็นการลงโทษเขา พระเป็นเจ้าปล่อยให้ปีศาจ
15,000 ตัว​ เข้าไปสิงอยู่ในร่างกายของเขา

พ่อแม่ของเขาก็พาเขาไปหาคุณพ่อดอมินิกให้ไล่ผีออก​ ท่านนักบุญเริ่มงานโดยสวดภาวนาและ
ขอทุกคนที่อยู่ที่นั่นให้สวดลูกประคำดัง ๆ พร้อมกับท่าน และเมื่อสวดบทวันทามารีย์บทหนึ่ง​ ก็มีปีศาจ
หนึ่งร้อยตัวออกจากเขา และพวกมันออกมาเป็นร่างของถ่านไฟแดง

เมื่อปีศาจออกหมดแล้ว เขาก็สาปแช่งความผิดหลงของตน​ กลับใจ​ และเข้าร่วมในสมาคมคณะ
ภราดรภาพแห่งสายประคำ เ​พื่อน ร่วมลัทธิของเขาสะเทือนใจในการลงโทษของพระเจ้า​ และครั่นคร้าม
ในอานุภาพของสายประคำ ก็กลับใจเช่นเดียวกัน

ส่วนท่านการ์ทาเยนาซึ่งเป็นปราชญ์และสงฆ์ชาวฟรังซิสกัน​ และนักเขียนคนอื่นอีกหลายคนบอกว่า
มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในปี 1452 คือท่านผู้นับถือ (ยศแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ขั้นแรกของผู้ที่จะถูก
ประกาศว่าเป็นนักบุญ) เจมส์ สเปรน​เจอร์ (Sprenger) และนักบวชคนอื่นอีกในคณะของท่านกำลัง
ทำงานอย่างร้อนรนเพื่อจะฟื้นฟูความศรัทธาต่อการสวดลูกประคำ​ และตั้งคณะภราดรภาพ
ในเมืองโคโลญ​ (Cologne)

แต่น่าเสียดาย ที่มีพระสงฆ์สององค์ที่เป็นนักเทศน์ที่เก่ง แต่อิจฉาในความสำเร็จของท่านผู้น่านับถือ
ที่เทศน์ถึงการสวดลูกประคำนี้ พระสงฆ์สององค์นี้จึงพูดต่อต้านความศรัทธานี้ในทุกโอกาส แต่เนื่อง
จากว่าทั้งสองเป็นนักเทศน์แบบสาลิกาลิ้นทอง จึงมีคนหลงเชื่อมาก และไม่ยอมเข้าร่วมคณะ
ภราดรภาพของสายประคำ

และองค์หนึ่ง ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะบรรลุผลสำเร็จในเจตนาร้ายนี้ โดยเขียนบทเทศน์พิเศษต่อต้าน
การสวดลูกประคำ และวางแผนไว้ว่าวันอาทิตย์ต่อไปจะเอาไปเทศน์ให้ได้ แต่เมื่อถึงเวลาเทศน์ ก็ไม่เห็น
มาปรากฏกาย ผู้ที่รอฟังบางคนก็ออกไปตามดู​ ก็พบว่าท่านตายไปเสียแล้ว แน่นอนท่านตายคนเดียว
ไม่มีใครช่วย​ และไม่ได้พบพระสงฆ์

ส่วนเพื่อนพระสงฆ์อีกคนหนึ่งนั้น ก็เชื่อว่าสหายผู้หลงผิดของตนตายด้วยมรณภาพธรรมดา ก็เลย
คิดว่าต้องทำตามแผนการเพื่อนให้เสร็จไป ก็วางแผนที่จะเทศน์ในอาทิตย์ต่อไป คิดว่าการทำเช่นนี้​
จะทำให้คณะศรัทธานี่ต้องพังลงไปในที่สุด แต่นั่นแหละ พอถึงเวลาที่เขาต้องออกไปเทศน์ พระเป็นเจ้า
ก็ทำให้เขาเป็นอัมพาต แขนขาก็เคลื่อนไม่ได้​ ปากก็พูดไม่ได้

ที่สุดเขายอมรับบาปของตน​ รวมทั้งบาปของเพื่อนของตนที่ตายแล้ว และทันใดนั้น โดยความจริงใจ
ของเขา เขาวอนขอพระแม่ช่วย และสัญญากับพระแม่ว่าหากพระแม่ช่วยตนให้หาย ตนก็จะออกไปเทศน์
เรื่องการสวดลูกประคำด้วยความร้อนรนเท่า ๆ กับที่แต่ก่อนได้เคยต่อต้านความศรัทธานี้ เขาได้ขอพระนาง
ได้คืนสุขภาพและความสามารถพูดแก่ตน และพระแม่ก็อนุโลมให้ตามคำขอ เมื่อรู้สึกว่าตัวหายจากโรคภัย
อย่างทันทีเช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้น เหมือนเซาโล​ ศัตรูผู้ต่อต้านลูกประคำ บัดนี้กลายเป็นทนายความเพื่อลูกประคำ
ไปแล้ว เขาสารภาพความผิดของตนอย่างเปิดเผย และเป็นผู้เทศน์​ถึงความมหัศจรรย์แห่งสายประคำด้วย
ความร้อนรนและฝีปากเอกนับแต่นั้นมา

ข้าพเจ้าแน่ใจว่านักคิดเสรีและนักวิจารณ์คงสงสัยว่าเรื่องที่เล่ามานี้จะจริงเท็จอย่างใจ แต่ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้า
ได้ทำก็คือลอกจากหนังสือของนักเขียนร่วมสมัย และบางส่วนก็คัดจากหนังสือซึ่งเขียนแล้วไม่นาน​ ชื่อว่า
“ต้นกุหลาบมหัศจรรย์” โดยคุณพ่อ อันโตนิน​ โทมัส โอ.พี.

เราทุกคนคงทราบดีว่ามีความเชื่อถืออยู่หลายอย่างซึ่งทำให้เราเชื่อเรื่องราวหรือนิทานต่าง ๆ

เรื่องราวของพระคัมภีร์นั้น เราได้มา โดยความเชื่อจากพระเจ้า

เรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องราวทางศาสนา แต่ไม่ขัดกับสามัญสำนึก​ และถูกเขียนโดยนักเขียนที่เชื่อถือได้
เราเชื่อถือเรื่องเหล่านี้ตามแบบภาษามนุษย์เท่านั้น (human faith)

ส่วนเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าโดยผู้แต่งที่ดีไม่ขัดกับเหตุผลแม้แต่น้อย ซึ่งอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อบ้าง
เกี่ยวกับศีลธรรมบ้าง (แม้บางครั้งอาจเกี่ยวกับเรื่องผิดปรกติสักหน่อย) เราเรียกว่า​ ความเชื่อแบบศรัทธา

ข้าพเจ้าเห็นว่าเราไม่ควรเชื่อง่ายเกินไป แต่ก็ไม่ควรเป็นคนขี้สงสัยเกินไป คิดว่าควรเดินสายกลางดีกว่า
แต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า ความรักย่อมทำให้เราเชื่อในทุกอย่างว่าไม่ขัดต่อความเชื่อหรือศีลธรรม
ตามที่นักบุญเปาโลพูดถึงชาวโครินท์​ (1 คร 13:7) “ความรัก...เชื่อในทุกสิ่ง” และตรงข้ามความจองหอง
จะทำให้เราสงสัยแม้ในเรื่องที่น่าเชื่อถือได้ โดยอ้างว่าไม่มีหลักฐานในพระคัมภีร์​ เป็นต้น

นี่เป็นกับดักอันหนึ่งของปีศาจ​ ซึ่งชาวเฮเรติกในอดีตผู้ปฏิเสธพระวาจาพระเจ้าได้ตกลงไปแล้ว
และทุกวันนี้ นักวิจารณ์เกินไปก็กำลังถลำลงไปโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

คนเหล่านี้ไม่เชื่อสิ่งที่ตนไม่ชอบหรือไม่เข้าใจ เพราะชอบความเป็นอิสระทางใจ
หรืออยากเกาะแน่นกับความจองหองของตน

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:15 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 22 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 11 (บทแสดงข้อความ​เชื่อ​) 🌹

บท “ข้าพเจ้าเชื่อ” (Creed) เป็นสัญลักษณ์ของอัครสาวก สวดสำหรับกางเขนที่อยู่ตอนต้นของ
สายประคำ เป็นบทสรุปความเชื่อของคริสตชนทั้งหมด เป็นบทที่มีคุณค่ามาก เพราะเป็นดังรากแก้ว
หรือกระดูกสันหลัง ของความเชื่อของเรา​ และเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้ามาก ตามที่พระองค์สั่งว่า
“ใครที่มาหาพระเจ้าต้องเชื่อ..”​ (1 เฮบ.​ 11:6) ยิ่งเขามีความเชื่อมาก การสวดภาวนาของเขาก็จะยิ่ง
ได้กุศล ยิ่งจะมีพลัง และเป็นสิริมงคลแก่พระเป็นเจ้า

ข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดถึงบทนี้ให้ยืดยาว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดสักสองสามคำถึงคำที่ว่า “ข้าพเจ้า
เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า” เพราะมีผลทำให้เราเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ และขับไล่ปีศาจออกไปจากใจเรา เพราะ
สามคำนี้บรรจุคำพูดที่แสดงถึงฤทธิ์กุศลเหนือธธรรมชาติ​ 3 อย่าง คือ ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรัก

โดยคำตั้งปณิธานว่า “ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า”​ นี่แหละทำให้นักบุญทั้งหลายชนะการผจญได้ เป็นต้น​
ความคิดที่ขัดกับความเชื่อ​ ความไว้ใจ และความรัก ไม่ว่ามันจะมารบ​กวนเวลาสบาย ๆ หรือเวลาใกล้จะ
ตายก็ตาม คำเหล่านี้ยังเป็นวาจาสุดท้ายของนักบุญเปโตร​ องค์มรณสักขี มีชาวเฮเรติกคนหนึ่งได้ผ่า
ศีรษะของท่านออกเป็นสองเสี่ยงโดยการใช้ดาบฟันอย่างรุนแรง ในเวลาจวนจะสิ้นใจ​ ท่านยังพยายาม
ใช้นิ้วเขียนคำเหล่านี้ลงบนพื้นทราย

สายประคำบรรจุข้อลึกลับหลายข้อเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า และพระมารดามารีย์ และเนื่องจากว่ามี
ความเชื่อเป็นกุญแจลูกเดียวที่จะเปิดใจเราให้เข้าใจข้อลึกลับเหล่านี้ เราจึงควรเริ่มการสวดลูกประคำ
โดยการสวดบท “แสดงความเชื่อ”​ อย่างร้อนรน และยิ่งเรามีความเชื่อมาก​ การสวดของเราก็ยิ่งจะได้
กุศลแรงขึ้นเท่านั้น

ความเชื่อนี้ต้องมีชีวิตชีวาและปรุงแต่งโดยความเมตตาปรานี​ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า การที่จะสวด
สายประคำได้ถูกต้องจริง ๆ​ นั้นต้องมีพระหรรษทานของพระผู้เป็นเจ้า หรืออย่างน้อยต้องการและกระหาย
หาพระหรรษทานนี้ ความเชื่อนี้ต้องแข็งแรงและมั่นคง​ กล่าวคือเราไม่ต้องแสวงหาความศรัทธาที่รู้สึกด้วย
ประสาททั้งห้า​ หรือแสวงหาความบรรเทาใจจากการสวดภาวนานี้ และเราก็ไม่ต้องเลิกสวดหากจิตใจเรา
ฟุ้งซ่านมาก หรือมีความเบื่อหน่ายในวิญญาณ​ หรือเพราะปวดเมื่อยร่างกายด้วย ในการสวดนี้ไม่ต้องการ
ความรู้สึก​ ความบรรเทา การส่ายหน้า การเคลื่อนที่ การตั้งใจเสมอ​ หรือจินตนาการ มีแต่ความเชื่อและ
เจตนาดีก็พอแล้ว “ความเชื่อเท่านั้นก็พอแล้ว”​ ดังเพลงว่า (จากบท Pange Lingua ข้อ 4)

พระวจนาถต์เป็นพระกาย ปังแท้
Verbum caro, panem verum

เป็นกายด้วยพระวจนาถต์
Verbo carnem efficit

พระโลหิตพระคริสต์กลับเป็นเหล้าองุ่น
Firque sanguis Christi merum

และหากประสาทขาดไป
Etsi sensus deficit

เพื่อทำใจซื่อ ๆ ให้มั่นคง
Ad firmandum cor sincerum

ความเชื่อเท่านั้นพอ
Sola fides sufficit

N.B ประวัติเพิ่มเติมของ Peter of Verona O.P. 1206 - 1253 ท่านเป็นพระสงฆ์ชาวดอมินิกัน
ซึ่งต่อต้านลัทธิเฮเรติกอย่างกล้าหาญและร้อนรน ท่านมีบุญได้รับเสื้อนักบวชจากมือนักบุญดอมินิกเอง
​ ท่านถูกแต่งตั้งเป็นพัสดี Inquisitor แห่ง​Lombardy และได้ตายในการรักษาความเชื่อในหน้าที่ของท่าน

บทข้าแต่พระบิดาบรรจุหน้าที่ของเราทั้งหมดต่อพระเจ้า เป็นกิจกรรมแห่งฤทธิ์กุศลทั้งปวง​ และยัง
เป็นคำขอร้องให้พระองค์ช่วยเราในความต้องการทั้งกายและใจ ท่านนักพูดแตร์ตูเลียน​ บอกว่า​ บทข้า
แต่พระบิดาเป็นบทสรุปของ พระธรรมใหม่​ (New Testament) ทั้งหมด​ ท่านโทมัส อา แคมปีส บอกว่า
เป็นบทแสดงความปรารถนาที่อยู่เหนือความปรารถนาของนักบุญทั้งหลาย เป็นบทกลั่นกรองมาจาก
คำพูด เพราะ ๆ​ ของเพลงสดุดีและลำนำ (Canticles) ทั้งหลาย ในบทนี้เราขอทุกสิ่งที่เราต้องการ
และวิญญาณของ เราจะลอยตัวขึ้นจากโลกไปรวมกับพระเป็นเจ้าในสวรรค์

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:22 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 23 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <A> 🌹

ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย - แต่ก่อนเราใช้คำว่าข้าแต่พระบิดาของเรา รู้สึกว่าจะมีความรู้สึก
สนิทสนมมากกว่า แต่นักภาษาเขาบอกว่าเป็นคำที่ไม่ให้เกียรติแก่พระเท่าไร เลยใช้คำว่า​ “ข้าพเจ้าทั้งหลาย”
ตามหลักการใช้ราชาศัพท์​ อย่างไรก็ตาม​ บทนี้มีคุณค่าสูงมาก​ และเหนืออื่นใดผู้แต่งบทนี้มิใช่มนุษย์หรือ
เทวดาองค์ใด แต่เป็นจอมราชาของเทวดาและมนุษย์ทีเดียว​ พระองค์เป็นพระสวามีและผู้ไถ่ของเรา นั่นคือ
องค์พระคริสตเจ้าเอง​ นักบุญซีเปรียนบอกว่า เป็นการสมควรแล้วที่องค์พระมหาไถ่ของเรา ผู้ซึ่งทำให้เรา
ได้เกิดใหม่โดยชีวิตของพระหรรษทานจะได้เป็นพระอาจารย์เจ้าแห่งสวรรค์ และสอนเราว่าควรจะสวด
ภาวนาอย่างไร

การเรียงลำดับอันสวยงาม การมีพลังอันอ่อนช้อย และความชัดแจ้งของบทภาวนาของพระเจ้านี้
ย่อมแสดงถึงความปรีชาฉลาดของพระอาจารย์เจ้าเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นบทสวดที่สั้น ๆ ก็จริง แต่กะทัดรัด
และกินความหมายมาก เข้าถึงจิตใจประชาชนที่การศึกษาต่ำ​ ส​่วนคนมีการศึกษาสูงก็อาจใช้เป็นบทรำพึง
ถึงข้อลึกลับต่าง ๆ ของความเชื่อของเรา

นักบุญจอห์น คริสโซสตอม​ บอกว่า เราจะเป็นศิษย์ที่ดีของพระอาจารย์ไม่ได้เลย หากเราไม่สวดภาวนา
เหมือนที่พระองค์ทำ​ และด้วยวิธีการที่พระองค์ทรงสอนเรา ยิ่งกว่านั้นพระบิดาเจ้าก็พอใจที่จะฟังบทที่เราได้
ร่ำเรียนมาจากพระบุตรของพระองค์ยิ่งกว่าบทที่เราคิดขึ้นเอง​ เพราะมันเป็นผลงานของมนุษย์ที่ไร้
ความสามารถและมีขอบเขต

เราต้องสวดบทนี้ด้วยความแน่ใจว่าพระบิดาเจ้าจะทรงฟังแน่นอน​ เพราะเป็นบทภาวนาของพระบุตร
ซึ่งพระองค์คอยฟังเสมอ​ และเป็นพระบุคคลหนึ่งในพระตรีเอกภาพ พระเป็นเจ้าจะประทานให้ตามที่เรา
ขอโดยทางบทภาวนานี้​ เพราะเราไม่อาจคิดเลยว่า​ พระบิดาผู้ใจดีทรงคำขอร้องเช่นนี้ของพระบุตร

นักบุญเอากุสตินบอกว่าทุกครั้งที่เราสวดบทนี้อย่างดี บาปเบาของเราก็หลุดพ้นไปด้วย มีคนกล่าวว่า
​ แต่ละวัน คนดี ๆ จะตกในบาปถึง 7 ครั้ง แต่ในบทสวดนี้ เราจะเห็นว่ามีคำวิงวอนอยู่เจ็ดประการ ที่จะช่วย
เรามิให้ตกในบาป และป้องกันจากศัตรูวิญญาณ​ พระอาจารย์เจ้าของเราทราบดีว่า เราอ่อนแอเพียงใด​
และต้องผจญกับความลำบากเพียงใด พระองค์จึงแต่งบทสวดเพียงสั้น​ๆ​ และง่าย ๆ เพื่อว่าหากเราตั้งใจ
สวดดี ๆ​ เราก็แน่ใจว่าพระเจ้าก็จะมาช่วยเราเร็ว ๆ

ท่านผู้มีดวงวิญญาณที่ศรัทธาทั้งหลาย ข้าพเจ้าอยากจะพูดอะไรกับท่านคำสองคำ อาจเป็นได้ที่ท่าน
ไม่ได้สนใจบทภาวนาที่พระอาจารย์เจ้าของเราแต่งให้เอง และขอให้พวกเราสวด ข้าพเจ้าอยากขอร้อง
ให้ท่านเปลี่ยนนิสัยเดิมเสียที ท่านอาจชอบที่มนุษย์ธรรมดาเขียนมากกว่าก็ได้​ ขอแต่ให้คนนั้นเป็นนักพูด
นักเขียนไพเราะน่าฟัง แต่ยังจะมีมนุษย์ใดในโลกที่จะรู้ดีกว่าพระเยซู​เจ้าว่าบทที่เราควรสวดนั้นเป็นฉันใด
บางทีท่านพลิกหาดูบทสวดในหนังสือที่มนุษย์เขียนราวกับว่ารู้สึกน้อยหน้าที่จะต้องสวดบทที่พระอาจารย์
เจ้าเองสั่งให้เราสวด

ท่านพยายามทำให้ตัวเองมั่นใจว่า บทสวดภาวนาในหนังสือเหล่านี้เป็นบทสำหรับคนมีความรู้และ
ของคนร่ำรวยเป็นผู้ดีชั้นสูง​ และคิดว่า​การสวดลูกประคำนั้นเป็นของสำหรับผู้หญิง เด็ก ๆ และคนชั้นต่ำ​
ท่านหลงผิดคิดไปว่า บทภาวนาและบทสรรเสริญพระเจ้าซึ่งท่านอ่านในหนังสือนั้นน่าฟังและเป็นที่พอ
พระทัยพระเป็นเจ้ามากไปกว่าถ้อยคำที่มีอยู่ในบทของพระอาจารย์เสียอีก มันเป็นการล่อลวงที่น่าอันตราย
ที่ชวนให้เราเสื่อมความศรัทธาในบทภาวนาของพระเยซู​แล้วไปสนใจบทอื่นที่มนุษย์เขียนเอง

ทั้งนี้ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะลบหลู่บทภาวนาที่บรรดานักบุญเขียนไว้ให้เราสรรเสริญพระเจ้า แต่อยาก
ขอเพียงว่าในบรรดาบทสวดต่าง ๆ นั้น บทของพระเยซูนับว่าดีและพอพระทัยพระเป็นเจ้ามากที่สุด​ ก็เหมือน
กับคนที่ทิ้งธารนำพุเดินไปหาห้วยหนอง ปฏิเสธน้ำใสสะอาด​ และดื่มน้ำโคลนตมแทน ทั้งนี้เพราะว่าบทสวด
ลูกประคำนั้นประกอบด้วยบทสวดของพระอาจารย์ และบทคำนับของเทวดา บทสวดเหล่านี้เป็นดังธารน้ำพุ
อันใสสะอาด มีพระหรรษทานไหลพุ่งออกมา ส่วนบทสวดของคนอื่นแต่งนั้นเป็นเพียงสายน้ำเล็ก ๆ​ ซึ่งไหล
มาจากน้ำพุนี้เท่านั้น

คนที่สวดบทภาวนาของพระอาจารย์เจ้าอย่างตั้งใจ พยายามคิดติดตามทุกคำและรำพึงไปด้วย
ต้องถือว่าตนมีลาภ เพราะเขาจะพบว่าในบทสวดนี้มีทุกอย่างที่ตนต้องการและอยากได้

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 17, 2025 5:24 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 24 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <B> 🌹

เมื่อเราสวดบทอันน่าพิศวงนี้ เราไปเคาะดวงใจของพระเป็นเจ้า​ ตั้งแต่แรกเริ่มทีเดียว เพราะเราเรียก
พระนามอันน่าจับใจของพระองค์ว่า​ “พระบิดาของเรา”​ - พระองค์เป็นบิดาที่น่ารักที่สุด มีอำนาจที่สุดเหนือ
สรรพสิ่งทั้งปวง ปกครองโลกด้วยวิธีการน่าพิศวงที่สุด น่ารักที่สุดในพระสัพพัญญูญาณของพระองค์​ และ
ใจดีที่สุดในการไถ่บาป เมื่อเรามีพระเจ้าเป็นพระบิดาของเราแล้ว เราทุกคนก็เป็นพี่ ๆ น้องๆ กัน มีสวรรค์
เป็นบ้านถาวรและเป็นมรดกของเรา​ เหล่านี้ก็เป็นเหตุผลเหลือเฟือสำหรับเราแล้ว ที่จะรักพระองค์
และเพื่อนบ้าน ที่จะสลัดตนพ้นจากสิ่งของของโลกนี้

ฉะนั้น​ เราควรที่จะรักพระบิดาเจ้าสวรรค์ของเรา และควรพูดกับพระองค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า :

ข้าแต่พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์
พระองค์ทำให้สวรรค์ และแผ่นดิน
เต็มด้วยความยิ่งใหญ่แห่งการสถิตอยู่ของพระองค์
พระองค์ผู้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง
อยู่ในบรรดานักบุญ โดยสิริมงคลของพระองค์
อยู่ในผู้ถูกสาปแช่ง โดยพระยุติธรรม
อยู่ในคนดี โดยพระหรรษทาน
อยู่ในคนบาป โดยความเพียร
ซึ่งโดยความเพียรนี้ พระองค์อดทนเขา
เราวอนขอพระองค์ โปรดให้เราจำไว้เสมอว่า
เรามาจากพระองค์
โปรดให้เราดำรงชีวิตอย่างที่สมจะเป็นบุตรธิดาของพระองค์
โปรดให้เราเดินทางไปหาพระองค์
อย่าห่างเหไปจากพระองค์เลย
โปรดให้เราใช้พลังความสามารถทุกประการของเรา
ใจและวิญญาณ และกำลังของเรา
มุ่งไปหาพระองค์ - พระองค์แต่ผู้เดียว

พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
กษัตริย์ดาวิดผู้เป็นประกาศกด้วยกล่าวว่า พระนามของพระเจ้านั้นศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม
และอีซัยกล่าวว่า สวรรค์นั้นกึกก้องด้วยเสียงสรรเสริญของเซราฟิม ผู้สรรเสริญความศักดิ์สิทธิ์ของ
พระเจ้าแห่งเทพเทวาไม่หยุดหย่อน

เราขอในที่นี่ให้โลกทั้งโลกจะได้รู้จัก และสรรเสริญคุณความดีของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และศักดิ์สิทธิ์
​ เราขอให้พระองค์ได้รับการรู้จัก​ รัก​ และนมัสการโดยคนต่างชาติ ต่างศาสนา ไม่ว่าจะเจริญมากน้อยเพียง
ใดก็ตาม เพื่อทุกคนจะได้ปรนนิบัติและถวายพระสิริมงคลแก่พระองค์ด้วยความเชื่ออันมีชีวิต มีความหวัง
มั่นคง มีความเมตตาร้อนแรง และทิ้งความเชื่อผิด ๆ ทั้งหลาย ทั้งหมดนี้ ต้องขอเพิ่มเติมอีกว่า เรายังสวด
ขอให้ทุกคนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระเป็นเจ้าเองก็เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ทุกประการ

พระราชัยจงมาถึง
ขอพระองค์มาปกครองวิญญาณเราด้วยพระหรรษทานเผื่อว่าหลังจากตายเราจะได้ครองราชย์กับ
พระองค์ ด้วยความสุขสมบูรณ์​อันถาวร ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่ออย่างมั่นคงว่าการที่ข้าพเจ้าหวังใน
ความสุขเช่นนี้ก็เพราะพระองค์ได้สัญญา และพระองค์จะประทานให้​ เพราะพระองค์พระทัยดีหาที่สุดมิได้​
โดยพระบารมีของพระบุตรและพระจิตเจ้าผู้เป็นองค์แห่งความสว่างได้นำเรื่องนี้มาให้เราทราบ

น้ำพระทัยของพระองค์จงเป็นไปในแผ่นดินดังในสวรรค์
แตร์ตูเลียนกล่าวว่า การที่เราขอเช่นนี้ มิใช่เพราะเรากลัวว่ามนุษย์จะเขมือบแผนการของพระเป็นเจ้า​
เพราะสิ่งใดที่พระองค์​ไม่ปรารถนาจริง ๆ แล้ว พระองค์ย่อมสามารถจัดการให้เป็นไปตามพระประสงค์เสมอ

เมื่อเราพูดว่า “น้ำพระทัยจงเป็นไป” ก็หมายความว่า เราสวดขอพระเป็นเจ้าให้เรายอมรับอย่างสุภาพ
กับสิ่งที่พระองค์ส่งมาให้เรา​ เราสวดขอพระองค์ให้เราทำตามน้ำพระทัยที่พระองค์โปรดให้เรารู้ในทุกแห่ง
และทุกเวลาอย่างเต็มใจและจงรักภักดีเหมือนนักบุญและเทวดาทำในสวรรค์

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ย. 18, 2025 12:10 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 25 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 12 (ข้าแต่พระบิดา) <C> 🌹

ขอประทานอาหารประจำวันแก่เราวันนี้
พระองค์สอนเราให้รู้จักวอนขอทุกสิ่งที่เราต้องการไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายกายหรือฝ่ายวิญญาณก็ตาม​
โดยการขออาหารประจำวันนี้ เรารับว่าเราเป็นคนยากจนไม่เพียงพอแก่ตน ต้องพึ่งพาและเกาะติดแน่น
กับพระผู้เป็นเจ้าเสมอ และรับว่า ของดี​ๆ มีประโยชน์มาจากพระสัพพัญญูญาณของพระองค์เสมอ

คำว่า อาหาร ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสว่า แป็ง (Pain) ภาษาอังกฤษว่า Bread ภาษาละตินว่า ปานีส
(Panis) นั้น ภาษาไทยเราน่าจะใช้คำว่า “ข้าว”​ แต่เรามาใช้ คำว่า อาหาร​ ซึ่งอาจไม่ใช่ “ข้าว”​ ก็ได้
แต่คำว่า​ อาหาร ในที่นี้ หมายถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต มิได้หมายถึงสิ่งฟุ้งเฟ้อ​ เหลือเฟือเลย

เราขอ “อาหารประจำวัน” นั่นหมายความว่า เราขอสำหรับวันนี้​ สำหรับปัจจุบันนี้ เรื่องพรุ่งนี้นั้น​
ปล่อยให้เป็นเรื่องของพระเป็นเจ้าอีก และโดยการพูดเช่นนี้ เราก็ยอมรับเต็มปากว่า​ พระเป็นเจ้าช่วย
เราทุกวัน เราอยู่ในอุ้งพระหัตถ์แห่งความเมตตาของพระองค์​

โปรดอภัยผิดของเรา เหมือนเรายกให้แก่เขา
นักบุญเอากุสตินและแตร์ตูเลียนบอกว่าบาปทุกประการทำให้เราเป็นหนี้พระเป็นเจ้า ซึ่งเราต้องชดใช้
หนี้นี้ทุกบาททุกสตางค์​ น่าเสียใจมากที่เราทุกคนต่างก็มีหนี้สินอันน่าเศร้าใจนี้

แม้ว่าเราจะมีหนี้สิน (บาป) นี้รกรุงรังเพียงใดก็ตาม หากเราเข้าหาพระเป็นเจ้าด้วยความไว้วางใจ
และเป็นทุกข์ถึงบาปของเรา​โดยสวดว่า​ “ข้าแต่พระบิดาเจ้า ผู้อยู่บนสวรรค์​ ขอโปรดอภัยบาปของเรา
ซึ่งทำด้วย ความคิด วาจา กิจการ (และไม่ทำกิจการ) ซึ่งเป็นการทำผิดต่อความยุติธรรมของพระองค์”​

“เรากล้ากล่าวเช่นนี้ เพราะพระองค์เป็นบิดาที่รักเราและเมตตาเรา และเพราะเราเองก็ลืมความผิด
ที่คนอื่นทำต่อเราแล้ว ทั้งนี้ โดยความเมตตาของเราต่อเขา และโดยความนบนอบต่อพระองค์

แม้เราเคยไม่ซื่อสัตย์ต่อพระหรรษทานของพระองค์ ก็ขออย่าปล่อยทิ้งเราให้พ่ายแพ้การผจญของโลก
ของปีศาจ และของเนื้อหนัง”​

แต่ขอโปรดช่วยเราให้พ้นภัย (Evil)
คำว่า ภัย นี้ขอขยายความกว้าง ๆ ไปตามคำภาษาอังกฤษว่า Evil ซึ่งแปลว่า “ความชั่ว-ไม่ดี”​
ซึ่งหมายถึงความชั่วของบาป และการลงโทษในโลกนี้ และโลกหน้า ซึ่งเรารู้ดีว่าสมกับเรายิ่งนัก

อาแมน (สาธุ!=ขอให้เป็นเช่นนี้เทอญ)
คำนี้ ซึ่งเราใช้เป็นคำสุดท้าย ในบทสวดเกือบทุกบท เป็น​บทแสดงความหวัง ความอบอุ่น บรรเทาใจ
นักบุญเยโรมกล่าวว่า​ มันเป็นคล้ายเป็นเสียงบอกเราว่าพระผู้เป็นเจ้าพอใจในบทภาวนาของเราที่จบลงนั้น
และพระองค์จะประทานให้เราตามที่ปรารถนา​ และให้มากราวกับว่าพระองค์เป็นผู้ตอบให้เองว่า :
“อาแมน-สาธุ! ขอให้เธอได้รับตามที่เธอขอนั้นเถิด ให้ได้มาก ๆ​ ตามที่เธอปรารถนานั้นด้วย”​ นี่แหละ
เป็นความหมายของคำว่า
“อาแมน”​

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 24, 2025 3:55 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ (. 26. )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 13 (ข้าแต่พระ​บิดา... <ต่อ>) 🌹

แต่ละคำที่มีในบทข้าแต่พระบิดานี้ ดูเป็นคำที่แสดงถึงความครบครันของพระองค์ทั้งนั้น
​ ประการแรก เราถวายเกียรติเยินยอพระองค์ถึงความอุดมสมบูรณ์ภายใต้ นามว่า​ พระบิดา :

ข้าแต่พระบิดา ผู้ให้กำเนิดพระบุตรแต่นิรันดร ผู้ซึ่งเป็นเหมือนพระองค์ทุกอย่าง คือ นิรันดร
และร่วมสภาวะเดียวกัน มีธรรมชาติ​(essence) เดียวกับพระองค์ มีอำนาจ ความดี ความปรีชา
เหมือนพระองค์ พระบิดา และพระบุตร จากความรักต่อกันของสองพระองค์นี้ ก็เกิดมีพระจิตเจ้า
ซึ่งเป็นพระเจ้าเหมือนพระองค์ท่าน​ ตรีบุคคลภาพ​ แต่เอกเทวภาพ

พระบิดาของเรา​ หมายความว่า​ พระองค์เป็นบิดาของมนุษยชาติ ได้สร้างได้บำรุงรักษาไว้
และไถ่บาปเรา พระองค์ยังเป็นพระที่กรุณาคนบาป เป็นเพื่อนของคนดี และเป็นบิดาที่รุ่งเรืองของ
นักบุญในสวรรค์

เมื่อเราพูดว่า “พระองค์อยู่” (เป็น= Art) เราหมายถึงความหาขอบเขตมิได้ (immensity และ​infinity
) และความเต็มเปี่ยมของความเป็นพระเจ้า (essence) ของพระองค์ พระเป็นเจ้าถูกเรียกอย่างถูกต้องว่า
“พระผู้เป็นอยู่” “He who is” = “Sum qui sum” (ละติน) กล่าวคือ โดยธรรมชาติ โดยจำเป็น ต้องมี
พระองค์อยู่ ต้องมีพระองค์เป็นพระเจ้าของเรา และเป็นอยู่แต่นิรันดรมาเสียด้วย​ เพราะพระองค์เป็น
พระผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหลาย เป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง​ ในพระองค์มีความครบครันของทุก
สิ่งอย่างเหลือล้น​ พระองค์อยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างเต็มบริบูรณ์ด้วยสถิตภาพและเทวานุภาพของพระองค์​
โดยไม่ถูกบดบังด้วยขอบเขตอันจำกัดของมัน เราสรรเสริญความสูงเลิศของพระองค์ รวมทั้งความ
รุ่งเรืองและความยิ่งใหญ่ ด้วยวาจาที่ว่า “พระองค์ผู้อยู่ในสวรรค์”​ นั่นก็เท่ากับพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า
​ “พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์อาสน์ปกครองมนุษย์ด้วยความยุติธรรมของพระองค์”​

และเมื่อเราพูดว่า “พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ”​ นั้นดูก็แจ้งอยู่แล้วว่า เราขอกราบเคารพความ
ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และขอให้มนุษย์ทุกรูปได้รู้จักพระนามนี้ก็​และเคารพพระองค์ เราแสดงความเคารพ
นบนอบต่อความเป็นราชันย์ของพระองค์ และก้มศีรษะคำนับความยุติธรรมของกฎหมายของพระองค์
โดยคำว่า “พระราชัยจงมาถึง” นั่นก็เป็นการขอให้มนุษย์เคารพนบนอบพระองค์บนแผ่นดินนี้ เหมือน
ที่เทวดาทำกันในสวรรค์

เราแสดงความไว้วางใจของเราในพระสัพพัญญูญาณโดยขออาหารประจำวันของเรา และร้องขอ
ความเมตตาของพระองค์เมื่อเราร้องขอการอภัยบาปของเรา

เราร้องขออิทธิพล​อัน​มหาศาล​ของพระองค์​โดยขออย่าให้เราพ่ายแพ้ในการผจญ และเราแสดง
ความเชื่อของเราในคุณความดีของพระองค์โดยมีความไว้ใจว่าพระองค์จะช่วยเราพ้นจากภัยอันตรายใด ๆ

พระบุตรของพระเจ้าได้ถวายสิริมงคลแก่พระบิดาของพระองค์เสมอ โดยการงานของพระองค์ และ
ได้เสด็จมาในโลกเพื่อสอนมนุษย์ให้รู้จักถวายสิริมงคลแก่พระบิดาเจ้า​ สอนพวกเขาให้รู้จักสรรเสริญ
พระบิดาโดยบทสวดที่พระองค์แต่งเอง ฉะนั้น​ มันเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะสวดบทนี้บ่อย ๆ สวดด้วย
ความตั้งใจและเคารพ และโดยจิตตารมย์เดียวกันกับที่ผู้แต่งได้มุ่งหมายนั้น

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 24, 2025 4:00 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 27 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 14 (ข้าแต่พระ​บิดา​) <ต่อ>🌹

เมื่อเราสวดบทภาวนาที่พระอาจารย์เจ้าของเราได้สอนไว้นี้​ ก็นับว่าเราได้สวดบทที่แสดงถึง
คุณธรรมขั้นสูงของคริสตชนหลายประการทีเดียว

เช่น​ เมื่อเราสวดว่า​ “ข้าแต่พระบิดา...พระองค์อยู่สวรรค์”​ เราก็แสดง​ ความเชื่อ​ การนมัสการ
​ และความสุภาพแก่พระองค์​ - “พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ”​ เราแสดงความปรารถนาอย่าง
เร่าร้อน ให้สิริมงคลของพระองค์รุ่งเรืองไป - และเมื่อเราสวดขอให้พระราชัยของพระองค์แผ่ไปนั้น
เราก็สวดบทแสดงความไว้ใจ​ และโดยคำว่า​ “พระนาม...ดังในสวรรค์”​ เราก็แสดงความนบนอบ
อันครบครันพระองค์

ในการขอ “อาหารประจำวัน” นั้นเล่า ก็นับว่าเป็นการฝึกความยากจนทางจิตใจ และการตัดใจ
จากสิ่งของ ๆ โลก - เมื่อขอพระองค์อภัยบาปของเรา​ ก็เท่ากับเป็นการแสดงถึงความทุกข์ถึงบาป
เหล่านั้น - “เหมือนข้าพเจ้ายกแก่เขา”​ เป็นการแสดงถึงฤทธิ์กุศลความเมตตาในชั้นสุดยอด

โดยการสวดขอพระเป็นเจ้าช่วยเรา ในการผจญนั้น เรากำลังทำกิจกรรมแห่งความสุภาพ
ความปรีชาฉลาด และพลกำลัง และโดยการที่ขอช่วยเราให้พ้นภัยนั้น เราก็กำลังปฏิบัติฤทธิกุศล
ความพากเพียร

ที่สุด ขณะที่เราขอสิ่งเหล่านี้ มิใช่สำหรับเราคนเดียว แต่สำหรับเพื่อนบ้านของเรา และสมาชิกทุกคน
ในพระศาสนจักร เราก็กำลังทำหน้าที่ของบุตรที่ดีของพระเจ้า เรากำลังเอาอย่างความรักของพระองค์ซึ่ง
โอบอุ้มทุกคน และกำลังรักษาพระบัญญัติแห่งความรักต่อพี่น้อง

ถ้าเราหมายความตามที่ใจเราคิดหรือตามสิ่งที่เราพูด และถ้าความตั้งใจของเรายังเหมือนที่พระองค์
พาเราสวดแล้ว โดยการสวดบทนี้ก็แปลว่าเราจะเกลียดบาปและถือตามกฎหมายของพระเจ้า​ เพราะว่า
เมื่อใดที่เราคิดว่าพระเป็นเจ้าอยู่ในสวรรค์ เมื่อเรามาอยู่ต่อหน้าพระองค์ เราก็คงจะต้องเต็มตื้นด้วย
ความเคารพ และความเคารพยำเกรงพระองค์ก็จะขับไล่ความจองหองไปทั้งหมด แล้วเราก็จะก้มศีรษะ
ซบหน้าลง เพราะสำนึกถึงความเป็นแต่ความเปล่าของเรา

เมื่อเราเรียกพระองค์ว่า “พระบิดา” เราก็ระลึกได้ว่าเราได้รับความเป็นอยู่คือชีวิตของเราจากพระองค์
โดยผ่านทางพ่อแม่ และได้รับความรู้จากครูบาอาจารย์ซึ่งก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่แทนที่พระเป็นเจ้า และเป็นรูป
อันมีชีวิตของพระเจ้า เราจึงอดไม่ได้ที่จะไม่ให้เกียรติและเคารพท่านเหล่านั้น หรือพูดย่างรวบรัดเลยก็ได้ว่า
แสดงความเคารพต่อพระเจ้าในพวกเขาเหล่านั้น ฉะนั้นคงไม่มีอะไรจะอยู่ห่างจากพวกเรามากไปกว่าการ
ไม่เคารพพวกเขา​ หรือทำให้พวกเขาต้องช้ำใจ

เราอยู่ห่างไกลจากการดุด่าว่าร้ายยิ่งนัก เมื่อเราสวดว่าขอให้พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ -
หากเราซึ้งใจว่าพระราชัยสวรรค์ก็คือมรดกของเราแล้ว เราจะมัวลุ่มหลงติดใจกับของของโลกไปทำไมอีก?

เราขออย่างซื่อ ๆ จากพระเป็นเจ้าให้เพื่อนบ้านของเราได้รับพระพรที่ต้องการเช่นเดียวกับเรา รวมทั้ง
หมายว่าเราจะพยายามทิ้งความรังเกียจเดียดฉันท์กัน ละเว้นการทะเลาะวิวาทและความอิจฉา​ แน่นอนหาก
เราขออาหารประจำวันจากพระ ก็หมายความว่าเรารู้จักการประหยัด การกระเหม็ดกระแหม่
การเที่ยวสนุกสนานฟุ้งเฟ้อ

พิจารณาต่อไปอีกหน่อย “ขอพระองค์ยกโทษข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้ายกให้ผู้อื่น” เท่ากับว่าเราจะไม่ยอม
ให้ความโกรธแค้นเข้ามาสิงใจของเราเป็นอันขาด เราจะตอบแทนความชั่วด้วยความดี และจะรักศัตรูของเราจริง ๆ

จากนั้นเราก็ขอพระองค์ช่วยเรา อย่าให้แพ้การผจญนั้น ก็เท่ากับว่าเราตั้งใจว่า จะต้องสู้ความเกียจคร้าน
และเราตั้งใจจะพยายามขุดรากถอนโคนนิสัยไม่ดีของเราเพื่อจะบรรลุถึงความรอดนิรันดร

ที่สุดเราก็สวดขอ “ช่วยเราให้พันภัย” (ความชั่ว, ภัย, บาป) นั่นก็คือเราเข้าใจว่า เราจะเกรงกลัว
พระยุติธรรมของพระองค์ และเราก็จะได้รับความสุขอันแท้จริง เพราะดังมีในพระคัมภีร์ว่า ความหวั่นกลัว
พระเจ้า เป็นเบื้องต้นแห่งความฉลาด โดยฤทธิ์กุศลความเกรงกลัวพระเจ้านี้ มนุษย์ก็พากันหลีกหนีบาป

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 24, 2025 4:03 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 28 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 15 (วันทามารี​ย์​) 🌹

บทคำนับของเทวทูต คือบทวันทามารีอา หรือบทอาเวมารีอานี้​ ท่านบุญราศีอาลัง เดอ ลาร้อช
กล่าวว่ามนุษย์เราธรรมดาเข้าใจอย่างลึกซึ้งไม่ได้ มีแต่พระอาจารย์เจ้าและองค์มหาไถ่ของเราผู้ทรง
บังเกิดจากครรภ์ของพระแม่พรหมจารีย์เองจะอธิบายให้เราเข้าใจถ่องแท้ได้

ความหมายอันยิ่งใหญ่ของบทนี้ก็เนื่องมาจากพระแม่เองเป็นผู้ถูกทักทาย และเนื่องมาจากเป้าหมาย
ของการรับเอากายซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดบทนี้ขึ้น และสุดท้ายก็เนื่องมาจากมหาพรหมเทวดาผู้กล่าว
คำทักทายนี้แก่แม่พระ

บททักทายนี้เป็นบทสรุปของเทวศาสตร์เรื่องแม่พระทั้งหมดที่นักเทวศาสตร์อาจสอนได้ ซึ่งอาจแบ่ง
ได้เป็น 2 ภาค คือภาคสรรเสริญ และภาควอนขอ ภาคแรกบอกทุกอย่างที่เป็นต้นต้นต่อทำให้แม่พระเป็น
ผู้ยิ่งใหญ่ และภาคที่สองนั้นบอกเราว่าต้องการอะไร และหวังจะได้รับสิ่งนั้นโดยการวิงวอนของพระแม่มารีย์

พระตรีเอกภาพได้เปิดเผยภาคแรกแก่เรา ส่วนภาคที่สองนั้นได้ถูกเพิ่มเติมโดยนักบุญเอลิซาแบธโดย
การดลใจของพระจิตเจ้า​ และพระศาสนจักรของเราได้ต่อเติมคำลงเอยตอนสุดท้ายในปี 430 ในการประนาม
ลัทธิเฮเรติกเนสตอเรียน โดยสังคายนาแห่งเอเฟส​ และตัดสินว่าพระนางมารีย์ พรหมจารีย์เป็นพระมารดาแท้
ของพระเป็นเจ้า และสั่งให้เราสวดขอพระแม่โดยสมญานามอันสง่าว่า​ “สันตะ (ศักดิ์สิทธิ์) มารีย์ มารดาพระเจ้า
โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป บัดนี้และในเวลาแห่งความตายของเรา”​

ต้องนับว่าเหตุการณ์อันสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกก็คือ การอวตารรับเอากาย
ของพระวจนาตถ์​ ซ​ึ่งโดยพระองค์นี้​ โลกได้ถูกไถ่ และสันติภาพระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ได้ถูกแต่งตั้ง
ขึ้นใหม่ ส่วนพระแม่ของเรานั้นถูกเลือกเป็นเครื่องมือของพระองค์สำหรับเหตุการณ์อันใหญ่ยิ่งนี้ และถูกทำ
ให้สำเร็จไป เมื่อพระนางตอบรับสารจากเทวทูต​ และอัครเทวทูต​กาเบรียลนั้นก็เป็นผู้นำของกองทัพสวรรค์
ผู้หนึ่ง และถูกเลือกให้เป็นทูตนำข่าวดีนี้มาบอกแก่พระนาง

ในบทคำนับของเทวทูตนี้ เราจะได้เห็นความเชื่อและความไว้ใจของบรรดาปิตาจารย์ทั้งหลาย รวมทั้ง
ของบรรดาประกาศกและสาวก นอกนั้นก็ยังให้ความกล้าหาญอดทนแก่มรณสักขี ให้ความปรีชาฉลาดแก่
นักปราชญ์ของพระศาสนา ให้ความเพียรแก่ผู้อภิบาลสัตบุรุษ ให้ความอดทนแก่นักบวช ยังเป็นบทเพลงใหม่
ของพระหรรษทาน เป็นความยินดีของเทวดาและมนุษย์ เป็นบทเพลงที่ทำให้ปีศาจสั่นสะท้านและอับอาย

โดยบทคำนับของเทวทูตนี้ พระเป็นเจ้าได้กลายเป็นมนุษย์​ หญิงสาวพรหมจารีย์ได้กลายเป็นพระมารดา
ของพระเป็นเจ้า​ วิญญาณของผู้ชอบธรรมถูกช่วยให้พ้นจากบาดาล​ บัลลังก์อันว่างเปล่าในสวรรค์ก็ถูกใส่
ให้เต็ม​ ๆ - ขอเพิ่มอีกหน่อยว่า บาปถูกยก​ พระหรรษทานถูกให้ คนป่วยหายดี คนตายกลับมีชีวิต ผู้ถูก
เนรเทศได้กลับบ้าน พระพิโรธของพระตรีเอกภาพถูกบรรเทาลง​ และมนุษย์ได้รับชีวิตนิรันดร

ที่สุดบทคำนับของเทวดานี้ยังเปรียบดังสายรุ้งบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความเมตตาและ
พระหรรษทานของพระเป็นเจ้าซึ่งได้ประทานแก่โลก
อาลัง เดอ รา ร้อช

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 24, 2025 4:11 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 29 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 16 (วันทามารี​ย์​ ความสวยงาม​) 🌹

แม้ว่าไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เท่าพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีอะไรต่ำช้ายิ่งกว่ามนุษย์คนบาป พระองค์ก็ไม่ประมาท
คำภาวนาอันต่ำต้อยของเรา ตรงข้ามพระองค์พอใจในคำภาวนาหรือเพลงสรรเสริญของเรายิ่งนัก

การคำนับของเทวทูตกาเบรียลต่อแม่พระนั้น เป็นบทเพลงไพเราะบทหนึ่งซึ่งเราอาจใช้ร้องสรรเสริญ
สิริมงคลของพระเจ้า
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงใหม่ถวายพระองค์” (สดุดี 143:9) - บทเพลงใหม่นี้ซึ่งดาวิดได้เกริ่นไว้ก่อนแล้วนั้น
ซึ่งได้เอามาร้องต้อนรับการมาของพระแมสซีอาห์นั้น มิใช่อื่นไกลนอกจากบทคำนับของเทวทูตนั่นเอง

มีบทเพลงเก่า ๆ และบทเพลงใหม่บทหนึ่ง (hymn) - บทแรก​ (เก่า) เป็นบทที่ชาวยิวร้อง เป็นการ
แสดง ความขอบคุณพระเป็นเจ้าที่ได้สร้างพวกเขามาและช่วยให้เขามีชีวิตยู่จนทุกวันนี้ ช่วยเหลือพวกเขา
ในยาม ตกเป็นเชลย นำพวกเขาข้ามพ้นทะเลแดงอย่างปลอดภัย ได้ประทานมานนาให้เขากินเป็นอาหาร
และยังมีพระพรอื่น ๆ อีกมากมาย

ส่วนบทเพลง (hymn) ใหม่นั้นเป็นบทเพลงที่ชาวคริสตชนร้องโมทนาคุณสำหรับพระหรรษทาน
แห่ง การรับเอากายและการไถ่บาป​ เหตุการณ์มหัศจรรย์เหล่านี้ถูกนำมาเล่าอย่างย่อ ๆ โดยบทสำคัญ
ของเทวดา และเราก็เอามาสวดหรือเอามาพูดมาเล่าต่ออีกที เป็นการโมทนาคุณพระตรีเอกภาพสำหรับ
น้ำพระทัยดีที่หาขอบเขตมิได้ของพระองค์ต่อเรา

เราสรรเสริญพระเป็นเจ้าพระบิดาผู้ทรงรักโลกเรามากถึงกับประทานพระบุตรแต่องค์เดียวแก่เรา
และเราก็ต้องขอบคุณพระบุตรเจ้าที่ทรงพระกรุณาลาจากสวรรค์ลงมาบนโลกนี้​ พระองค์ถูกสร้างให้เป็น
มนุษย์เพื่อไถ่กู้เรา ที่สุดเราก็สรรเสริญพระจิตเจ้าผู้ปั้นแต่งพระกายอันบริสุทธิ์ของพระบุตรในครรภ์ของ
พระนางพรหมจารีย์ - พระวรกายนี้แหละได้ตกเป็นเหยื่อของบาปของเรา​ ด้วยดวงจิตอันซาบซึ้งเราจึงควร
สวดบท “วันทามารีย์” โดย ซึ่งเป็นบทแสดงความเชื่อ ความไว้ใจ ความรัก และขอบคุณสำหรับของขวัญ
อันล้นค่าแห่งความรอดนี้เสมอ

แม้บทเพลงใหม่นี้เป็นบทเพลงสรรเสริญแม่พระและร้องถวายพระแม่โดยตรงก็ตาม แต่ก็เป็นบทสรรเสริญ
พระตรีเอกภาพอย่างดีไปในตัวด้วย เพราะความเคารพรักที่เราถวายแก่พระนั้น ก็ย่อมพุ่งตรงไปหาพระผู้เป็นเจ้า
ผู้เป็นต้นเหตุแห่งฤทธิ์กุศล และความครบครันของพระแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเราถวายเกียรติแก่แม่พระ
พระบิดาเจ้าเองก็ได้รับพระสิริมงคลด้วย เพราะเราได้ถวายเกียรติแก่ผู้ที่ครบครันที่สุดในบรรดาสิ่งถูกสร้าง
ทั้งมวล ส่วนพระบุตรเจ้าก็รับพระสิริมงคลเช่นกัน เพราะเราได้สรรเสริญพระแม่ที่บริสุทธิ์ยิ่งของพระองค์
และพระจิตเจ้าก็ได้รับพระสิริมงคลเช่นกันอีก เพราะเรากำลังพิศวงงงงวยในพระหรรษทานต่าง ๆ​
ที่พระองค์ทุ่มเทแก่พระบรมชายาของพระองค์

เมื่อเราสรรเสริญพระแม่โดยสวดบทคำนับของเทวดานี้​ พระนางก็ส่งทอดคำสรรเสริญนี้ไปหาพระผู้เป็นเจ้า
ในวิธีเดียวกันกับที่พระนางทรงกระทำเมื่อถูกสรรเสริญโดยนางเอลิซาแบธ​ เอลิซาแบธเทิดทูนพระนางอย่าง
สูงส่ง ในฐานะที่เป็นมารดาของพระเจ้า และพระนางก็ส่งคำสรรเสริญนี้ไปถวายพระผู้เป็นเจ้าทันทีด้วย
บทมักนีฟีกัต อันไพเราะของพระนาง (วิญญาณข้าพเจ้าขอถวายสดุดีพระเป็นเจ้า)

แต่บทคำนับของเทวดานี้ถวายสิริมงคลแก่พระตรีเอกภาพอย่างสูงส่งเพียงใด ก็ต้องถือว่าเป็นการ
ให้เกียรติแก่แม่พระอย่างสูงส่งเช่นกัน

วันหนึ่งขณะที่นักบุญแม็คทิลด์ (Mechtilde) กำลังสวดภาวนาและกำลังคิดหาวิธีที่จะแสดงความรัก
ต่อพระแม่ให้ดีกว่าที่เคยทำมา​ เธอก็เข้าฌานไป แม่พระประจักษ์มาหาเธอพร้อมด้วยบทวันทามารี​ย์​เป็น
ตัวอักษร ที่ลุกเป็นเปลวไฟสีทองบนอกของพระนาง และพูดกับเธอว่า “ลูกที่รัก อยากให้ลูกรู้ว่าไม่มีใคร
สามารถเป็นที่ พอใจแม่มากกว่าการสวดบทคำนับซึ่งพระตรีเอกภาพส่งมาให้แก่แม่ และโดยบทสวดนี้
แม่ถูกยกขึ้นสู่ตำแหน่งเป็นพระชนนีของพระเป็นเจ้า”​

“โดยคำ อาเว (ซึ่งเป็นนามกลับของเอวา) แม่รู้ว่า โดยฤทธิ์อำนาจอันหาเขตมิได้ของพระองค์ พระองค์
ได้ปกปักแม่ไว้จากบาปทั้งปวง และพ้นจากความน่าสังเวชทุกประการซึ่งสตรีคนแรกได้ตกเป็นเหยื่อของมัน”​

“อันนามว่า มารีย์ ซึ่งแปลว่า “เจ้าหญิงแห่งแสงสว่าง”​ นั้น แสดงว่าพระเป็นเจ้าได้บรรจุตัวแม่ให้เต็ม
ไปด้วยความฉลาดและแสงสว่าง เป็นดังดาวประกายแสง ซึ่งทอแสงสว่างจ้าไปทั่วฟ้าและดิน”

“ด้วยคำว่า “เปี่ยมด้วยหรรษทาน” นั้นเตือนแม่ให้คิดถึงพระจิตเจ้าซึ่งได้หลั่งพระหรรษทานมายังแม่
อย่างท่วมทัน จนแม่สามารถที่จะถ่ายทอดพระหรรษทานเหล่านี้อย่างอุดมแก่ผู้ที่มาขอแม่ในฐานะเป็น
คนกลางแห่งพระหรรษทาน”

“เมื่อประชาชนพูดว่า “พระสวามี (พระเจ้า) สถิตย์กับท่าน” พวกเขาก็รื้อฟื้นความปรีดาอันสุดแสนจะ
บรรยายได้ที่แม่มีเมื่อพระวจนาตถ์นิรันดร์ได้มารับเอากายในครรภ์ของแม่”

“เมื่อลูกพูดกับแม่ว่า “ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ” แม่ก็สรรเสริญพระมหากรุณาของพระผู้ทรงฤทธิ
เชิดชูแม่ขึ้นสู่ยอดความสุข”​

“และคำว่า “พระเยซูโอรสของท่านทรงบุญนักหนา” หมายความว่าทั่วทั้งสวรรค์ต้องยินดีกับแม่ที่
เห็นพระบุตรเยซูของแม่ได้รับนมัสการและถวายสิริมงคลในการที่ได้ลงมากู้มนุษย์ชาติให้รอด”​

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ พ.ย. 24, 2025 4:16 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 30 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 17 (วันทามารี​ย์​ - ผล) 🌹

บุญราศีอาลัง เดอ ลา ร้อช ผู้มีความศรัทธาต่อแม่พระอย่างแรงกล้า ได้รับการเปิดเผยแสดงจาก
พระแม่หลายครั้ง และเราทราบมาว่าได้รับรองการเปิดเผยแสดง​(Revelation) นี้โดยการสาบานที่เดียว
ทั้งหมดนี้มีการเปิดเผยสำแดงสามครั้งที่เน้นความหมายพิเศษ​

ประการแรก ถ้าประชาชนละเลยการสวดลูกประคำ (บทคำนับของเทวทูตซึ่งได้ช่วยโลกมาแล้ว)
จะเป็นเพราะความเย็นเฉยก็ตาม หรือเพราะความใจจืดใจจาง หรือเพราะเขารังเกียจบทนี้ นี่ก็เป็น
สัญญาณว่าอาจเป็นไปได้ (มาก ๆ) ที่ไม่นานเขาจะถูกสาปแช่งให้รับโทษนิรันดร

ประการที่สอง บอกว่าใครที่รักบทภาวนานี้ ก็เหมือนกับว่ามีตราพิเศษแห่งการเอาตัวรอด

ประการที่สาม​ คือว่าคนที่พระเป็นเจ้าได้ประทานเครื่องหมายแห่งพระหรรษทานแห่งความรักพระแม่
และรับใช้พระแม่ด้วยความรัก ต้องพยายามที่จะรักต่อไป และรับใช้พระแม่ต่อไปจนถึงเวลาที่พระนาง
จะพาเขาไปสวรรค์โดยจะให้พระบุตรจัดให้เขาอยู่​ใน​ตำแหน่งที่สมกับบุญกุศลของเรา
(บุญราศีอาลัง บทที่ 11 ย่อหน้า​ 2)

กลุ่มเฮเรติกส์และทุกคนที่เป็นสมุนของปีศาจ ย่อมมีเครื่องหมายแห่งการรังเกียจของพระเจ้า นั่นคือ
พวกเขากลัวบทแม่พระนี้ พวกเขาอาจสวดบทข้าแต่พระบิดาได้ แต่สวดบทวันทามารีย์นี้แทบเป็นไปไม่ได้
พวกเขายินดีที่จะเอางูพิษมาพันรอบคอเขาดีกว่าที่จะเอาเสื้อจำพวก​(Scapular) หรือลูกประคำแขวนคอเสียอีก

ส่วนพวกคาทอลิกที่มีเครื่องหมายแสดงว่าเขาไม่เป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า นั่นก็คือพวกที่คิดถึง
ลูกประคำน้อยมาก "ไม่ว่าจะเป็น 50 เม็ด หรือ 150 เม็ด ก็ตาม) พวกเขามักจะไม่สวด​ หรือสวดอย่างรีบเร่ง
หรือสวดอย่างเย็นเฉย

แม้ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ถูกเปิดเผยแก่อาลัง​ เดอ​ ลาร้อช​ แม้ประสบการณ์ของข้าพเจ้าจะเพียงพอ
ทำให้ข้าพเจ้ามั่นใจถึงความจริงที่น่ากลัวแต่บรรเทาใจนี้ ข้าพเจ้าก็ยังไม่ทราบหรือไม่เห็นชัดแล้วว่า ทำไม
ความศรัทธานี้ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย​ ๆ​ จะเป็นสัญญาณอันแน่นอนถึงความรอดนิรันดรสำหรับคน
ที่สวดนี้​ การละเลยต่อความศรัทธานี้ก็อาจเป็นดังสัญญาณมรณะสำหรับวิญญาณเขาก็ได้​ อย่างไรก็ตาม
ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีอะไรจะเป็นไปได้มากกว่านี้

ในสมัยของเรานี้ เรามักจะเห็นว่า คนที่ถือตามลัทธิใหม่ ๆ ซึ่งถูกประณามจากพระศาสนจักร อาจมี
ความศรัทธาแต่ภายนอกอยู่บ้าง​ แต่พวกเขาเยาะเย้ยลูกประคำและชักชวนเพื่อนฝูงให้เลิกสวดลูกประคำ
ทำลายความรักและความเชื่อต่อลูกประคำเสียสิ้น ในการทำเช่นนี้เขาอาจยกข้อแก้ตัวดี ๆ หลายอย่าง
บางทีก็น่าชมต่อหน้าโลก​ เช่น พวกเขาอาจไม่พูดหรือประณามอะไรโดยตรงหรือต่อต้านลูกประคำ และ
เสื้อจำพวก เช่น พวกเฮเรติกส์ คัลวินิสต์​ เป็นต้น​ แต่วิธีการโจมตีของเขานั้นเป็นหมัดตายและเยาะเย้ย
มากกว่าอีก ซึ่งข้าพเจ้าจะแถลงให้ท่านทราบในตอนต่อไป

บทวันทามารีย์ของข้าพเจ้า หรือลูกประคำ 50 เม็ด หรือ​ 150 เม็ด ของข้าพเจ้านั้นเป็นบทสวดมนต์
ของข้าพเจ้า และเป็นดังแก้วภายสิทธิ์ซึ่งข้าพเจ้าสามารถจะบอกได้ว่าใครเป็นผู้มีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำทาง
และใครที่กำลังหลงทางเพราะอุบายแสนกลของปีศาจ​ ข้าพเจ้าเคยเห็นหลายคนที่ดูภายนอกดูเหมือนลอยลิ่ว
อยู่เหนือเมฆเหมือนนกอินทรีย์เพราะการเข้าฌาณสมาบัติของเขา แต่ที่แท้เขากำลังหลงทางอย่างน่าสงสาร
แล้วข้าพเจ้าก็ได้พบว่าเหตุที่เขาต้องหลงทางนั้นก็เพราะเขาได้เยาะเย้ยบทวันทามารีย์และสายประคำซึ่ง
พวกเขาถือว่าไร้สาระไม่คู่ควรกับเขา

บทวันทามารีย์นี้เป็นดังน้ำค้างทิพย์จากสวรรค์ตกลงมาบนวิญญาณของผู้ถูกเลือกสรร ให้ความอุดม
สมบูรณ์แก่วิญญาณให้พวกเขางอกงามในฤทธิ์กุศล ยิ่งอุทยานแห่งวิญญาณของเขาถูกหยาดรดด้วยบท
ภาวนานี้ ดวงวิญญาณของเขาจะยิ่งแช่มชื่น ดวงจิตก็จะศรัทธาแก่กล้า และจะมีอาวุธที่แกร่งกล้าสามารถ
ชนะศัตรูฝ่ายวิญญาณได้

บทวันทามารีย์เป็นดังดาบ​(Shaft) ที่แหลมคมและเป็นประกายไฟ เมื่อรวมกับพระวจนาตถ์แล้ว จะมี
พลุพิเศษสามารถเจาะลึกและซึมซาบเข้าไปในวิญญาณได้ดียิ่ง สามารถทำให้คนบาปที่ดื้อรั้นที่สุดใจอ่อน
กลับใจได้ แม้เขาคน (ที่ชอบสวดนั้น) นั้นจะมีพรสวรรค์ในการเทศน์น้อยมากหรือไม่มีเลยก็ตาม

ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วว่า เรื่องนี้เป็นความลับสำคัญยิ่งที่พระแม่ได้เปิดเผยแก่นักบุญดอมินิกและ
บุญราศีอาลัง เพื่อพวกเขาจะสามารถกลับใจเฮเรติกส์และคนบาปได้

นักบุญอันโตนินบอกว่า นี่แหละเป็นเหตุว่าทำไมพระสงฆ์หลายคนติดนิสัยสวดบทวันทามารีย์บทหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะทำการเทศน์เสมอ

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ย. 25, 2025 9:11 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ (. 31. )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 18 (วันทา​มา​รี​ย์​ - พระพร) 🌹

บททักทายของเทวดานี้โน้มน้าวพระพรของพระเยซูและแม่พระลงมาให้เราอย่างอุดม
เพราะมันเป็นความจริงว่าพระเยซูและแม่พระย่อมประทานรางวัลแก่ผู้ถวายเกียรติแก่ตน
และจะประทานให้เราเป็นร้อยเท่าของที่เราถวายเกียรติแก่พระองค์และพระแม่เสียด้วย ดังมี
คำในพระคัมภีร์ว่า “เรารักเขาที่รักเรา...และจะทำให้เต็มเปี่ยมด้วยความรักของเรา และทำ
ให้ทรัพย์สินของเราสมบูรณ์” (Prov. 8:17,21) - ท่านทั้งสองได้เคยพูดเสมอว่า “เรารักทุกคน
ที่รักเรา และจะทำให้คลังของเขาเปี่ยมล้น” “ใครที่หว่านในพระพรก็จะเก็บเกี่ยวในพระพรด้วย”​
(กอร์ 9:6)

ทีนี้ถ้าเราสวดวันทามารีย์อย่างดี ก็มิใช่เป็นการแสดงความรัก ถวายพระพร และศิริมงคลแก่
พระเยซูและแม่พระดอกหรือ?

ในแต่ละบทเราถวายพระพรแด่ท่านทั้งสองอย่างสมบูรณ์ด้วยคำที่ว่า “ท่านมีบุญยิ่งกว่าสตรี
ทั้งหลาย และพระเยซูโอรสของท่านทรงบุญนักหนา”

นอกนั้นในบทวันทามารีอาทุกบทเราก็ให้เกียรติแก่พระนางด้วยเกียรติอันเดียวกับที่พระเป็นเจ้า
ส่งมาให้โดยทางพรหมเทพกาเบรียล ใครหรือที่จะใจกล้าคิดว่าพระองค์ท่านทั้งสองซึ่งเคยทำดีต่อ
คนที่เคยด่าแช่งท่าน จะหันมาสาปแช่งคนที่อวยพรและถวายเกียรติแก่ท่านโดยสวดบทนี้

นักบุญแบร์นาร์โด และโบนาแวนตูราบอกเราว่าพระราชินีสวรรค์ จะกตัญญูรู้คุณและตอบแทนแก่เรา
ไม่แพ้คนที่มีมารยาทดีในโลกนี้เลย ก็เหมือนกับที่พระนางสูงเลิศกว่าทุกคนในด้านความครบครัน พระนาง
ก็เลอเลิศกว่าทุกคนในด้านความกตัญญูด้วย​ ฉะนั้น​ พระนางย่อมจะไม่ปล่อยให้เราถวายเกียรติแด่พระนาง
ด้วยความเคารพรักฝ่ายเดียว โดยที่จะไม่ตอบแทนเป็นร้อยเท่าอย่างแน่นอน ท่านนักบุญโบนาแวนตูรา​
บอกว่า พระนางจะต้อนรับเราด้วยพระหรรษทานหากเราต้อนรับพระนางด้วย “วันทามารีย์”

ใครเล่าจะเข้าใจได้ถ่องแท้ว่าพระหรรษทานและพระพร ซึ่งแม่พระต้อนรับเราอย่างอ่อนหวานนั้นจะ
เกิดผลมหาศาลแก่เราเพียงใด? - ก็ดูแต่นักบุญเอลิซาแบธซิ นับแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเสียงทักทายของ
พระนาง นางก็เต็มตื้นด้วยพระจิตเจ้า และทารกในครรภ์ของนางก็โลดเต้นด้วยความยินดี ฉะนั้น​ ถ้าเรา
ประพฤติตนให้สมกับการทักทายและการอวยพรของพระแม่แล้ว จิตใจเราก็จะต้องเต็มเปี่ยมด้วยพระ
หรรษทาน และเอ่อล้นด้วยความบรรเทาทางจิตใจอย่างแน่นอน

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ พ.ย. 26, 2025 5:40 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 32 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 19 (การแลกเปลี่ยน​ที่​แสน​หวาน​) 🌹

มีเขียนไว้ว่า “จงให้ แล้วเขาจะให้แก่ท่าน” (ลูกา 6:38) และท่านบุญราศีอาลังได้อธิบายง่าย ๆ
ว่า “สมมุติว่าทุกวัน ฉันให้เพซรแก่คุณ 150 เม็ด แม้คุณเป็นศัตรูของฉัน คุณยังจะใจกระด้างไม่ยก
โทษให้ฉันหรือ? คุณจะไม่ประพฤติต่อฉันเหมือนเพื่อนและให้การสนองตอบทุกอย่างที่ดีและเหมาะสม
หรือ? ถ้าหากคุณอยากจะร่ำรวยพระหรรษทานและศิริมงคล จงคำนับพระนางพรหมจารีย์และถวาย
เกียรติแก่พระแม่ของคุณเถิด”​ ใครที่ให้เกียรติแก่แม่ของตน (พระมารดาพรหมจารีย์) ก็เหมือนกับคน
ที่กำลังสะสม​ “ขุมทรัพย์” (Eccles 3:5) ฉะนั้น​ ทุกวันขอให้เราถวายเพชรพลอยแก่แม่พระสัก 50 เม็ด
และแน่นอนมันเป็นที่พอพระทัยพระแม่ยิ่งกว่าทรัพย์สินทั้งสิ้นของโลกรวมกัน

และท่านก็หวังจะได้รับผลตอบแทนมากมายเช่นนี้จากความใจกว้างขวางของพระนาง พระนาง
เป็นมารดาและเพื่อนของเรา​ เป็นราชินีของสกลโลก และรักเรายิ่งกว่ามารดาและราชินีใด ๆ ของโลก
นี่เป็นความจริง เพราะว่าความรักเมตตาของพระนางอยู่เหนือความรักของมนุษย์ใดในโลก และของ
เทวดาทุกองค์ในสวรรค์ ดังที่นักบุญเอากุสติน​กล่าวไว้

วันหนึ่งนักบุญแยรตรูดได้เห็นภาพนิมิตเห็นพระเยซูเจ้ากำลังนับเหรียญทองอยู่ เธอกล้าถามพระองค์ว่า
กำลังทำอะไร​ และพระองค์ก็ตอบว่า “เรากำลังนับบทวันทามารีย์ที่เธอได้สวด และนี่แหละเป็นเงินที่เธอ
จะสามารถจ่ายเป็นค่าเดินทางไปสวรรค์ได้”

ท่านปราชญ์ชูอาเรส ซึ่งเป็นพระสงฆ์เยซูอิตผู้ศรัทธาได้ซึมซาบดีถึงคุณค่าของบทคำนับของเทวทูต
จนกล้ากล่าวว่า ตนยินดีจะขายความรู้ของตนทั้งหมดเป็นราคาของวันทามารีย์ที่สวดอย่างดีบทหนึ่ง

ท่านบุญราศีอาลัง​ กล่าวว่า “ข้าแต่พระแม่ ขอให้ทุกคนที่รักพระแม่ จงฟังวาจาเหล่านี้และดื่มด่ำ
ด้วยรสของมัน”​ :

เมื่อใดที่ข้าพเจ้าเอื้อนเอ่ยวันทามารีอา ทั้งสวรรค์ยินดีปรีดา ทั่วธรณีเต็มตื้นด้วยความพิศวง และข้าฯ
ขอเย้ยหยันโลก แต่ดวงใจข้าฯ​ เต็มเปี่ยมด้วยความรักต่อพระเจ้า เมื่อข้าฯ​ กล่าวว่า วันหามารีอา​ น้ำตา
จะหยุดไหลริน ตัณหาถูกระงับ เมื่อสวดวันทามารีอา ความศรัทธาจะงอกงาม ความเสียใจในบาปจะตื่นตัว
เมื่อข้าฯ​ สวดวันทามารีอา

ความหวังจะแรงกล้าในดวงใจ ธาราแห่งความบรรเทา จะหลั่งพรูลงในวิญญาณ อย่างล้นเหลือเมื่อ
ข้าฯ​ สวดวันทามารีอา และดวงจิตข้าฯ​ จะเปรมปรีดิ์ ความหมองศรีจะสลาย เมื่อข้าฯ​ สวดวันทามารีอา

เพราะว่า ความอ่อนหวานของการคำนับเช่นนี้ยิ่งใหญ่มากจนไม่อาจกล่าวได้อย่างเหมาะสม และแม้
เมื่อเราได้พยายามบรรยายถึงความดีของบทนี้แล้ว เรายังรู้สึกว่า ยังมีอะไรลึกลับซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง
มันเป็นบทสวดที่มีคำน้อยแต่เนื้อหามหาศาล มันหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง และมีค่ายิ่งกว่าทองคำ เราควรจะ
รำพึงคิดถึงถ้อยคำเหล่านี้บ่อย ๆ ขอให้คำเหล่านี้ติดอยู่ที่ริมฝีปากของเราเพื่อเราจะได้กล่าวออกมาเป็น
คาถาประจำชีวิตของเรา สวดแล้วสวดเล่า

บุญราศีอาลัง​ กล่าวว่า นางชีคนหนึ่ง ซึ่งมีความศรัทธาต่อการสวดลูกประคำมาก หลังจากความตาย
ได้ปรากฏตัวมาหาซิสเตอร์คนหนึ่งในคณะเดียวกันพูดว่า​ “ถ้าฉันจะได้รับอนุญาตให้กลับคืนไปอยู่กับร่าง
กายใหม่ เพื่อจะมีโอกาสสวดบทวันทามารีอาเพียงบทเดียว แม้อาจจะสวดอย่างเร็ว ๆ โดยไม่ร้อนรนก็ตาม
ฉันยินดีที่จะรับความเจ็บปวดทนทรมานของการเจ็บป่วยครั้งสุดท้ายครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะได้กุศลจากสวด
บทนี้” (บุญราศีอาลัง เดอ ลาร้อช เรื่อง​ De dignitate Psalterii บท 49) - นี่ยิ่งเป็นเรื่องน่าคิดหนัก
เพราะเธอต้องนอนแซ่วอยู่บนเตียง ทรมานปางตายหลายปีก่อนจะสิ้นใจ

ท่านมีแช็ล เดอ ลิสเลอะ สังฆราชแห่งสังฆมณฑลซาลือ​บรอง​ ซึ่งเป็นลูกศิษย์และผู้ร่วมงานของบุญราศี
ในการรณรงค์ฟื้นฟูการสวดสายประคำ กล่าวว่า บทคำนับของเทวทูตนี้สามารถเยียวยาอาการป่วยไข้ได้
ทุกชนิดหากเราสวดด้วยความเชื่อและศรัทธาร้อนรน

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 27, 2025 12:47 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 33 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 20 (วันทา​มา​รี​ย์​ - คำอธิบาย​) 🌹

ท่านตกในบาปอย่างน่าสงสารหรือ? จงเรียกหาพระแม่และสวดว่า อาเว ซึ่งหมายความว่า
“ข้าขอเคารพพระนาง ด้วยความเคารพอย่างสูง พระนางผู้ปราศจากบาป” และพระนางจะช่วยท่าน
ให้หลุดพ้นจากบาปร้ายทั้งปวง

ท่านกำลังคลำหาทางในความมืดแห่งความโง่และความหลงหรือ? จงไปหาแม่พระและพูดว่า
“วันทามารีย์” ซึ่งหมายความว่า “ขอไหว้ท่านผู้อิ่มอาบในแสงอาทิตย์แห่งความยุติธรรรม”​ -
และพระนางจะแบ่งแสงสว่างของพระนางให้ท่านบ้าง

ท่านหลงทางไปสวรรค์หรือ? จงเรียกหาพระแม่เถิด เพราะพระนามของท่านนั้นหมายความถึง
“ดาราแห่งทะเล”​ คือดาวเหนือซึ่งนำทางแก่เรือแห่งวิญญาณของเรา ขณะที่เดินทางอยู่ในชีวิตนี้
และพระนางจะพาท่านไปยังเมืองท่าแห่งชีวิตนิรันดร

ท่านตกอยู่ในความทุกข์ระทมหรือ? จงหันไปหาพระแม่มารี​ย์​เถิด พระนามของพระนางยังหมาย
ความอีกว่า “ทะเลแห่งความระทมซึ่งเต็มด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวในโลกนี้ แต่บัดนี้กลับกลายเป็น
ทะเลแห่งความยินดีอันบริสุทธิ์ที่สุดในสวรรค์ และพระนางจะเปลี่ยนความทุกข์โศกของท่านให้เป็น
ความยินดี และความตรมใจของท่านเป็นความบรรเทา”

ท่านสูญเสียฐานะแห่งพระหรรษทานหรือ? จงสรรเสริญและถวายเกียรติแก่พระหรรษทานนานา
ประการซึ่งพระเป็นเจ้าได้ประทานแก่พระแม่ และพูดกับพระแม่ว่า “ท่านเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและ
เต็มด้วยพระคุณต่าง ๆ ของพระจิตเจ้า แล้วพระนางจะแบ่งปันพระหรรษทานเหล่านี้ให้แก่ท่านแน่นอน”​

ท่านรู้สึกว่าตนอยู่โดดเดี่ยวเอกา พระเป็นเจ้าก็ดูเหมือนจะไม่เหลียวแลท่านแล้วหรือ? จงสวดขอ
พระแม่เถิดว่า “พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน”​ - และความเป็นหนึ่งนี้สูงศักดิ์และสนิทสนมยิ่งกว่าที่พระองค์​
(พระเจ้า) มีกับบรรดานักบุญและผู้ชอบธรรม เพราะพระนางเป็นอันเดียวกับพระองค์ พระองค์เป็น
พระบุตรของพระนาง มังสาของพระองค์ก็เป็นมังสาของพระแม่ พระนางเป็นอันเดียวกับพระเจ้า
(พระบุตร) ก็เพราะความคล้ายคลึงอันสมบูรณ์กับพระองค์ และโดยความรักต่อกันและกัน เพราะ
พระนางเป็นมารดาของพระองค์ แล้วพูดกับพระแม่ว่า "พระตรีเอกภาพสามพระบุคคลอยู่กับพระแม่
เพราะพระแม่เป็นพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระตรีเอกภาพ” และพระนางวางท่านอีกครั้งหนึ่ง
ภายใต้ความเอาใจใส่และคุ้มครองของพระเจ้าสูงสุด

ท่านเคยถูกทอดทิ้งและสาปแช่งจากพระเป็นเจ้าหรือ? จงพูดกับพระแม่เถิดว่า “ท่านมีบุญยิ่งกว่า
สตรีทั้งหลาย อยู่เหนือประชาชาติทั้งหลาย โดยความบริสุทธิ์และความอุดมสมบูรณ์ (fertility) พระนาง
ได้กลับเปลี่ยนการสาปแช่งของพระเป็นเจ้าให้เป็นการอวยพรแก่เรา”​ - และพระนางจะอวยพรท่าน

ท่านหิวกระหายปังแห่งพระหรรษทานและปังแห่งชีวิตหรือไม่? จงเข้ามาใกล้พระแม่รับเอาปังแห่ง
ชีวิตที่ลงมาจากสรรค์และกล่าวแก่พระนางว่า “ผลแห่งอุทรของท่านทรงบุญนักหนา ผลซึ่งท่านได้ปฏิสนธิ
โดยไม่สูญเสียความพรหมจรรย์แม้แต่น้อย เป็นผลซึ่งอุ้มแบกไปมาโดยไม่รู้สึกรำคาญแม้แต่น้อย และ
เป็นผู้ที่ท่านให้กำเนิดโดยไม่เจ็บปวดประการใด มหาบุญลาภจงมีแก่พระเยซู​ซึ่งได้ไถ่โลก​ที่ทรมานของเรา
เมื่อเราอยู่ในพันธนาการของบาป พระองค์ผู้ได้รักษาโลกจากความเจ็บไข้ ผู้ได้ยกคนตายให้กลับคืนชีพ
พากลับบ้าน​ ชำระล้าง และปลุกคนบาปให้กลับมาหาชีวิตแห่งพระหรรษทาน และช่วยมนุษย์จากความ
พินาศนิรันดร” - แน่นอนวิญญาณของท่านจะอิ่มหนำด้วยปังแห่งหรรษทานในชีวิตนี้
และมีสิริมงคลนิรันดรในโลกหน้า - อาแมน

ครั้นแล้ว ในตอนปลายการภาวนาของท่าน ลองสวดกับ พระศาสนจักรว่า :
วันทามารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งกายและวิญญาณ ท่านศักดิ์สิทธิ์เพราะความศรัทธานิรันดรสุดพรรณา
ต่อการรับใช้พระเป็นเจ้า ศักดิ์สิทธิ์ในตำแหน่งอันสูงเกียรติ ที่เป็นมารดาของพระเป็นเจ้า ผู้โปรดประทาน
ให้พระนางเพียบด้วยความศักดิ์สิทธิ์ พระนางสมกับสมญาว่า “มารดาพระเจ้า” และมารดาของเรา ทนาย
ความและคนกลางของเรา พระนางเป็นขุนคลังแห่งพระหรรษทานของพระเจ้า แจกจ่ายให้เราตามความ
เหมาะสม เราวอนขอพระแม่วอนขอการอภัยบาปแก่เรา ให้เราคืนดีกับพระองค์ กับพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ
โปรดภาวนาเพื่อเราคนบาป พระนางเปี่ยมล้นด้วยความเมตตาเสมอสำหรับคนที่ยากจน และขัดสน
พระแม่ไม่ทอดทิ้ง และไม่ประมาทคนบาป หรือขับไล่ไสส่ง เพราะแม่เป็นผู้ร่วมไถ่บาป โปรดกรุณาเพื่อเรา
ณ บัดนี้ และตลอดชีวิตอันแสนสั้นนี้ เต็มด้วยความทุกข์โศกและอนิจจัง โปรดภาวนาเพื่อเราบัดนี้ บัดนี้​ -
เพราะไม่มีอะไรที่ แน่นอน เว้นแต่ปัจจุบัน เราถูกโจมตีจากศัตรูทั้งวันและคืน บัดนี้ และเมื่อจะตาย ซึ่งเป็น
เวลาที่น่ากลัวและเสี่ยงอันตราย เรี่ยวแรงเรากำลังจะหมด จิตตารมณ์ของเราก็กำลังอ่อนแอ วิญญาณและ
ร่างกายเมื่อยล้าด้วยความกลัวและเจ็บปวด โปรดภาวนาเพื่อเรา ณ เวลาใกล้จะตาย เมื่อปีศาจกำลังทำ
งานหนักหน่วง ด้วยเล่ห์กลและกำลัง เพื่อให้เราตกหลุมพรางและกับดัก โปรดภาวนาเพื่อเรา และเมื่อถึง
จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ เมื่อความตายจะมาเยือนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วชะตากรรมของเราจะยืดยาวนิรันดร์ ไม่ว่า
จะสวรรค์หรือนรก โปรดมาช่วยลูกที่น่าสงสารเถิด โอ้แม่ใจดีที่เมตตา โอ ทนายความและที่พึ่งของคนบาป
โปรดป้องกันเรา ในเวลาใกล้จะตาย จงขับไล่ปีศาจร้ายให้ห่างไปจากเรา ขับไล่ปีศาจนักฟ้องที่มุ่งร้าย รวม
ทั้งผู้ที่ทำให้หวาดกลัวทั้งหมด โปรดส่องสว่างแก่ทางเดินของเรา ผ่านหุบเขาและร่มเงาแห่งความตาย
โปรดนำเราเถิด พระแม่เจ้าขา นำเราไปหาบัลลังก์แห่งจอมตุลาการ อย่าทิ้งเราโดดเดี่ยวที่นั่น แต่จงวิงวอน
เพื่อเรา ขอพระบุตรให้อภัยเราให้เราได้เข้าอยู่ในหมู่ผู้เลือกสรร - รวมอยู่ในอาณาจักรนิรันดร​ - อาแมน สาธุ!

ไม่มีใครอาจอดชมเชยความงดงามของการสวดสายประคำได้​ การสวดสายประคำนี้ถูกทำขึ้นด้วยชิ้น
ส่วนจากสวรรค์ 2 ชิ้น คือ​ บทภาวนาของพระสวามีเจ้า (พระเยซู​) และบทคำนับของเทวดา​ และใครบ้างจะ
สวดบทภาวนา ซึ่งเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้าและจับใจแม่พระมากไปกว่านี้ แต่จะหาบทไหนที่ง่ายกว่า
มีค่ามากกว่า​ มีประโยชน์มากกว่า 2 บทนี้? สองบทนี้ฝังลึกในดวงใจเรา และติดอยู่กับริมฝีปากของเรา
พร้อมที่จะใช้ถวายเกียรติแก่พระตรีเอกภาพ​ หรือพระเยซูคริสตเจ้า และพระแม่ของเราได้เสมอ

สุดท้ายขอแนะนำว่า เมื่อจบสิบเม็ดหนึ่งแล้ว ขอให้คั่นจังหวะด้วย​ สิริพึงมี...

หมายเหตุ บทสิริพึงมีนี้บางคนว่านักบุญหลุยส์ เดอ มงฟอร์ต​ เป็นคนแต่ง

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ย. 28, 2025 2:11 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 34. )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 21 (ข้อลึกลับ​ 15 ข้อ) 🌹

ข้อลึกลับที่เราพูดถึงในที่นี้ ตามศัพท์ที่พณฯ นิตโย แต่งไว้ว่าเป็นพระอาคาธัตถ์ คือ ข้อความ
หรือ ความคิดที่ลึกลับเข้าใจไม่ได้​ เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ และพระเป็นเจ้าเปิดเผยแก่เรา เปิดเผยแล้ว
ก็ยังไม่เข้าใจเลย หรือเข้าใจบ้างเท่านั้น งานการของพระเยซูเจ้าก็เรียกว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ
มาจากพระเช่นกัน เพราะพระองค์ก็เป็นทั้งพระเจ้า และมนุษย์เวลาเดียวกัน งานของแม่พระก็ศักดิ์สิทธิ์​
เพราะพระนางเป็นสิ่งสร้างที่ครบครันและบริสุทธิ์ที่สุด และงานของพระเยซูเจ้า และแม่พระอาจถูก
เรียกรวมกันว่าเป็นพระอาคาธัตถ์ก็ได้ เพราะเต็มด้วยความลึกลับน่าพิศวง มีความครบครันทุกรูปแบบ​
มีความจริงที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อน ซึ่งพระจิตเจ้าได้เปิดเผยแก่คนซื่อ ๆ และสุภาพ และซึ่งให้เกียรติ
แก่ข้อลึกลับเหล่านี้

งานของพระเยซูและแม่พระอาจเรียกกันอีกว่า ช่อบุปผาสวรรค์ ความสวยและความหอมของมัน
อาจรู้ได้โดย พิจารณาดูมันอย่างเอาใจใส่เท่านั้น หรือเป็นผู้เปิดกลีบดอกเหล่านี้ และดื่มด่ำในรสของ
มันด้วยการรำพึงที่จริงใจและขยันหมั่นเพียร

นักบุญดอมินิกได้แบ่งชีวิตของพระเยซู​และแม่พระออกเป็นข้อลึกลับ 15 ตอน ซึ่งแสดงถึง ฤทธิ์กุศล
ต่าง ๆ และการกระทำของพระองค์ท่านทั้งสอง สิบหัวข้อนี้เป็นดังกระดานวาดรูปซึ่งเปิดเผยชีวิตต่าง ๆ
ของพระองค์ เพื่อเป็นตัวอย่างและดลใจเรา เป็นต้น​ ดวงเทียนที่ลุกโพลง 15 ดวง ส่องทางชีวิตเราในโลกนี้

เป็นดังกระจกเงา 15 ใบ ฉายให้เราเห็นว่าพระเยซูเจ้าและแม่พระเป็นใคร ทำอะไร อย่างไร
กระจกเหล่านี้ยังช่วยจุดไฟความรักในดวงใจเราด้วย

เป็นดังเตาไฟ 15 เตา ซึ่งสามารถเผาพวกเราทั้งหมดในเปลวไฟสวรรค์นี้

แม่พระได้สอนนักบุญดอมินิกถึงวิธีสวดลูกประคำอย่างวิเศษนี้​ และสั่งสอนให้เทศน์และเผยแพร่ไป
ให้มากที่สุด เพื่อจะปลุกความร้อนรนคริสตัง และปลุกเร้าความรักต่อพระอาจารย์เจ้าของเรา

แม่พระยังได้สอนบุญราศีอาลัง​ เดอ​ ลาร้อช และบอกท่านในนิมิตว่า “เมื่อประชาชนสวดบทคำนับ
ของเทวดานี้ 150 ครั้ง มันช่วยเขามาก และเป็นที่พอใจแม่มาก แต่จะดีกว่านั้นอีก และพอใจแม่มากขึ้น
หากพวกเขาสวดบทคำนับนี้โดยรำพึงถึงชีวิต การทรมาน และความตายของพระเยซูเจ้าไปด้วย​ เพราะ
การรำพึงนี้เป็นวิญญาณของการภาวนานี้”​

คิด ๆ ดูแล้ว การสวดลูกประคำโดย ไม่รำพึงถึงข้อลึกลับแห่งความรอดนี้ ก็จะเป็นเหมือนร่างกาย
ปราศจากวิญญาณ การรำพึงนี้ทำให้ความศรัทธาผิดแผกไปจากความศรัทธาแบบอื่นทั้งปวง

ภาคแรก ของสายประคำประกอบด้วยข้อลึกลับ 5 ข้อ คือ
1. เทวดา กาเบรียลมาแจ้งสาส์นแก่พระนางพรหมจารีย์มารีย์
2.​ พระนางมารียไปเยี่ยมญาติผู้มีชื่อว่านางเอลิซาแบธ
3. การบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า
4. การถวายพระกุมารเยซูในพระวิหาร และการชำระตนให้พ้นมลทินของพระนางมารีย์ และ
5.​ การพบพระเยซูเจ้าในพระวิหารในท่ามกลางนักปราชญ์

ข้อรำพึงเหล่านี้เรียกว่า ข้อลึกลับยินดี เพราะความยินดีที่ข้อรำพึงเหล่านี้นำมาให้แก่โลก
พระแม่เจ้าและอินทร์พรหมเทวดาได้เต็มตื้นด้วยความปราโมทย์เมื่อพระบุตรของพระเป็นเจ้าลงมา
รับเอากาย​ - นักบุญเอลิซาเบธและยวง บัป​ติสต์ ปลื้มใจและลิงโลดด้วยความหฤหรรษ์โดยการมา
เยี่ยมของพระเยซูและมารีย์สวรรค์วิมาน​ และทั่วธรณียินดีในการสมภพขององค์พระมหาไถ่​
ท่านผู้เฒ่าซีเมออนผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้มีความบรรเทาและซาบซ่านเมื่อท่านอุ้มกุมารน้อยไว้ในอ้อมแขน
แล้วก็พวกนักปราชญ์ราชครูและคัมภีราจารย์พิศวงงงงวยในคำตอบของกุมารเยซู​ และใครเล่า
จะอาจบรรยายได้ถึงความดีใจของพระแม่มารีย์และพ่อเลี้ยงยอแซฟ เมื่อค้นพบพระเยซู​เจ้า
หลังจากหายไปสามวัน

ภาคที่สอง​ ของการสวดสายประคำก็ยังประกอบด้วยข้อลึกลับอีก 5 ข้อ ซึ่งเรียกกันว่า “ข้อลึกลับ
แห่งความทุกข์ระทม” เพราะมันแสดงให้เราเห็นความเศร้า ความระทมใจของพระเยซู การถูกตีจน
เป็นแผลฟกช้ำทั่วสรรพางค์ การด่าทอสาปแช่ง และการทนทรมาน​ และเฆี่ยนตีดังเดียรัจฉาน
ข้อรำพึงข้อแรก จะบรรยายให้เรามีจินตนาการถึงพระเยซูเจ้าเข้าไปคุกเข่าสวดในสวนมะกอก
แล้วเศร้าใจถึงกับเข้าตรีทูต
ข้อสอง ฉายภาพพระองค์กำลังถูกรุมเฆี่ยนตีอย่างโหดร้าย
ข้อสาม ทั่วร่าง ยับเยินยังไม่พอ พระเศียรจะอยู่ว่างเปล่าไม่ได้ ความคิดโหดร้ายของเพชรมาต
ได้สรรหามงกุฎหนามมากดลงบนพระเศียรนั้น
ข้อสี่ ครั้นแล้วต้องแบกกางเขน อันเป็นตะแลงแกง
เครื่องประหารตนเอง มีนักโทษคนใดบ้างที่ต้องแบกเครื่องประหารของตนเช่นนี้
และสุดท้ายข้อ 5 เราต้องมองด้วยหัวใจหดหู่และเศร้าโศกเพราะบาปของเรา ขอบคุณพระองค์
เพราะความเมตตายอมรับความรณาชดใช้บาปของเรา ถูกตรึงอย่างเหี้ยมโหด และอดสูท่าม
กลางโจรผู้ร้าย 2 คน บนภูเขากัลวาร์

และแล้วภาคที่ 3 ของลูกประคำก็บรรจุข้อคิดซึ่งเราเรียกว่า ข้อลึกลับแห่งความรุ่งเรือง
ก็เพราะเราจะได้ข้อรำพึงชัยชนะและศิริมงคลของพระเยซูเจ้าและแม่พระ โดยเปิดฉาก

ข้อต้น​ ให้เห็นองค์พระเยซูคริสต์กลับฟื้นคืนชีพจากความตาย

ข้อสอง​ หลังจากปรากฏตัวมาอยู่กับศิษย์และสั่งสอนเขาเพิ่มเติมเป็นเวลา​ 40 วัน แล้ว พระองค์ก็พา
เขาไปยังยอดเขา ร่ำลา และสั่งการสั่งงานเขาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนไปหาพระบิดาเจ้า

ข้อสาม พระจิตเจ้าเสด็จลงมาบันดาลให้เป็นคนกล้าหาญ ร้อนรน​ และฉลาดในการประกาศ​พระ​วรสาร
​ของพระเป็นเจ้า

ข้อสี่ หลังจากการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้า และหลังจากอยู่ในโลกกับสาวก​ และท่านจอห์น
​ ศิษย์ผู้พระเยซูเจ้ามอบหมายให้เป็นลูกด้วยเวลายาวนานพอสมควรแล้ว พระแม่ก็ลาโลกและถูก
ยกขึ้นสวรรค์ไปรับรางวัลสำหรับความดี ความเสียสละ และความทุกข์ยาก ความร่วมเป็นร่วม
ตายกับพระเยซูเจ้า

ข้อ 5 สมควรแล้วที่พระนางจะได้รับสวมมงกุฎเป็นราชินีสวรรค์

ทั้งหมดนี้เป็นดอกไม้หอมฟุ้งแห่งต้นกุหลาบทิพย์ ซึ่งวิญญาณที่เสื่อมใสโบยบินไปเหมือนผึ้งที่ฉลาด
เพื่อรวบรวม​ เกษรดอกไม้​ และน้ำหวานไปสร้างรวงรังแห่งความศรัทธาทางใจของตน

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 01, 2025 6:16 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ (. 35. )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 22 (การเป็น​เหมือน​พระ​คริสตเจ้า) 🌹

จุดสนใจใหญ่​ของ​ชาวเราคริสต​ชนควรเป็น​การมุ่งหาความครบครัน นักบุญเปาโลบอก
เราว่า “จงเป็นผู้เดินตาม​พระเป็นเจ้าเหมือนลูกที่น่ารักที่สุดของพระองค์”​ (เอฟ 5:1) คำสั่งเป็น
ข้อผูกมัดเรา เป็นดังพรหมลิขิตสำหรับเราตลลอดนิรันดร เป็นเครื่องมือแต่อย่างเดียวที่
พระเป็นเจ้ากะไว้ให้เรา เพื่อบรรลุถึงชีวิตนิรันดร

นักบุญเกรกอรี แห่งนิสสา (Nyssa) ได้ทำการเปรียบเทียบอย่างชื่นชมเมื่อกล่าวว่า พวกเรา
ทุกคนเป็นดังศิลปิน และวิญญาณของเราเป็นดังผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า ซึ่งเราต้องวาดภาพลงบนผืน
ผ้านี้​ สีที่เราจะแต้มลงไปนั้นได้แก่ฤทธิ์กุศลคริสตัง​ และหุ่นแบบของเราก็คือพระเยซูเจ้า (ตัวบุคคล)
ซึ่งเป็นภาพอันมีชีวิตของพระบิดาเจ้า​ ก็เหมือนกับนักวาดภาพ ปอร​เตรต (Portrait) ที่ดี ย่อมนั่งลง
หน้าหุ่นแบบและมองดูแบบนั้นก่อนที่จะขีดเส้นหรือประจงแต้มสีแต่ละครั้งฉันใด คริสตชนต้องมีชีวิต
และฤทธิ์กุศลของพระเยซูเจ้าอยู่ต่อหน้าต่อตาเสมอ จนไม่กล้าคิดหรือทำหรือพูดอะไรที่คิดว่ามันผิดเ
พี้ยนจากความคิด การกระทำ และวาจาของผู้เป็นแบบนั้น

เป็นเพราะความร้อนใจของพระนางที่อยากช่วยเราให้รอด จึงได้ส่งนักบุญดอมินิกให้สอนเรา
ให้รู้จักรำพึงความลึกลับแห่งชีวิตของพระเยซูเจ้า ทั้งนี้มิได้หวังจะให้พวกเรานมัสการและสรรเสริญ
พระองค์เท่านั้น แต่เป็นต้นเพื่อพวกเราจะได้หล่อหลอมชีวิตและกิจการของเราด้วยฤทธิ์กุศลของพระองค์

เด็ก ๆ มักเลียนแบบพ่อแม่โดยเฝ้าดูท่าน พูดกับท่าน และเรียนพูดโดยฟังท่านพูด ผู้ฝึกงานก็เรียน
การอาชีพต่างๆ โดยดูครูหรือหัวหน้าว่าทำอย่างไร ก็เช่นเดียวกันสมาชิกที่จริงจังของคณะภราดรภาพ
แห่งลูกประคำก็จะมีลักษณะเหมือนพระอาจารย์เจ้า​ หากพวกเขาเรียนอย่างเคารพและเอาอย่างฤทธิ์
กุศลของพระเยซูเจ้าดังมีแสดงไว้ในข้อลึกลับ 15 ประการของชีวิตของพระองค์ พวกเขาอาจทำเช่นนี้ได้
โดยพระหรรษทานของพระองค์ และการวิงวอนของพระแม่มารีย์

สมัยโบราณ โมเสส​ ได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า ให้สั่งพวกยิวไม่ต้องลืมพระหรรษทานนานา
ประการที่พระเป็นเจ้าทุ่มเทให้พวกเขา ฉะนั้น​ พระบุตรของพระเจ้า ก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะส่งเราให้จารึก
ชีวประวัติเหล่านี้ลงในใจของเรา​ พยายามคิดถึงราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมาสด ๆ ร้อน ๆ ต่อหน้าต่อตา
เราเสมอ เพราะข้อลึกลับแต่ละข้อนั้นเตือนเราให้คิดถึงพระทัยดี ความรัก และ ความเป็นห่วงถึงความ
รอดของพระองค์ต่อเรา ดูราวกับว่าพระองค์คอยตรัสกับเราเสมอว่า “ดูกรเธอทั้งหลายที่เดินผ่านไปทางนี้
จงหยุด และดูเถอะว่า มีความทุกข์โศกอันใดจะใหญ่ยิ่งเท่าความเศร้าของเราซึ่งได้รับเพราะหลงรักพวกเธอ
จงคิดถึงความยากจน ความถูกสบประมาทของเรา และความต่ำต้อยของเรา จงคิดถึงน้ำส้มปนกับน้ำดีที่
เราได้ดื่มในระหว่างการทรมานอันแสนจะเจ็บปวดนั้นเถิด”​

วาจาเหล่านี้และอื่น ๆ ซึ่งอาจให้แก่เรานั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เรามั่นใจว่า เราไม่ต้องสวดลูกประคำ
ด้วยปากอย่างเดียวแต่ต้องรำพึงพิจารณาตามข้อลึกลับต่าง ๆ เหล่านี้ไปด้วย

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 01, 2025 6:20 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 36 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 23 (อนุสาวรีย์​) 🌹

พระเยซูคริสตเจ้าผู้เป็นสวามีของวิญญาณเรา และมิตรรักของเรา​ อยากให้เราระลึกถึง​พระ​ทัยดี
ของ​พระองค์​ต่อ​เรา​ และ​พระคุณต่าง ๆ ที่ประทานให้เรา และอยากให้เราตีค่าสิ่งเหล่านี้เหนือสิ่งอื่นใด
ทุกครั้งที่เรารำพึงอย่างศรัทธา และเต็มด้วยความตั้งใจถึงข้อลึกลับแห่งลูกประคำนี้ พระองค์กับ
พระมารดามารีย์ รวมทั้งบรรดานักบุญทั้งหลาย ก็มีความยินดียิ่งนัก

ข้อลึกลับเหล่านี้เป็นผลที่แสดงถึงความรักของพระองค์ต่อเรา​ และแสดงถึงของขวัญสำคัญ ๆ
ที่พระองค์อาจให้เรา ทั้งนี้ก็เพราะว่า​ โดยฤทธิ์แห่งของขวัญเหล่านี้เองที่ทำให้พระมารดามารีย์และ
นักบุญทั้งหลายได้รับความรุ่งเรืองในสวรรค์

วันหนึ่งบุญราศีอันเยลา แห่ง ฟอลีโย (Foligno) ได้ขอพระเยซูเจ้าได้ไปรดให้เธอทราบว่าต้อง
ทำกิจศรัทธาอะไร จึงจะเป็นที่พอพระทัยพระองค์มากที่สุด พระองค์ประจักษ์มาหาเธอในสภาพถูก
ตรึงกางเขนและตรัสว่า “ลูกรักจงดูบาดแผลของเรา” ดังนั้นเธอก็แน่ใจว่าไม่มีอะไรเป็นที่พอพระทัย
พระองค์ เท่าการรำพึงถึงมหาทรมานของพระองค์ ครั้นแล้วพระองค์ยังแสดงบาดแผลต่าง​ ๆ​ บนศีรษะ
และยังแสดงการทรมานอย่างอื่นอีก ตรัสว่า “เราได้ทนทรมานทุกอย่างนี้ เพื่อความรอดของลูก ลูกจะ
ทำอะไรบ้าง เพื่อตอบแทนความรักของเราเช่นนี้?”​

มหาบูชามิสซาได้ถวายเกียรติและความเคารพต่อพระตรีเอกภาพอย่างสูงสุด เพราะแสดงถึง
พระมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า และโดยการถวายมิสซานี้ เราถวายผลบุญแห่งการนบนอบ
แห่งการทรมาน​ และแห่งพระโลหิตอันประเสริฐของ พระบุตรแก่พระบิดา กองพันเทวดาทั้งหลาย
ก็ร่วมยินดีกับการถวายบูชานี้เช่นกัน มีนักปราชญ์ของพระศาสนจักรหลายคน รวมทั้งนักบุญโทมัส​
อากวีนัส บอกเราว่า “โดยเหตุผลเดียวกัน บรรดานักบุญในสวรรค์ก็มีความยินดีในการเป็นสหพันธ์
กับสัตบุรุษ เพราะศีลมหาสนิทนั้นเป็นอนุสรณ์แห่งการทรมานและความตายของพระเยซูเจ้า และ
โดยศีลมหาสนิทนี้ เราก็มีส่วนในผลของการบูชาซึ่งจะพาเราไปสู่ชีวิตนิรันดร”​

บัดนี้สายประคำอันศักดิ์สิทธิ์ที่พร่ำสวดบ่อย ๆ โดยการรำพึงถึงข้อลึกลับต่าง ๆ นั้น ล้วนเป็นการ
บูชาเพื่อสรรเสริญพระเป็นเจ้า​ และเพื่อขอบคุณพระองค์สำหรับพระคุณยิ่งใหญ่แห่งการ ไถ่บาปของเรา​
และยังเป็นการเตือนเราให้ระลึกถึงการทรมาน ความตาย และความรุ่งเรืองของพระเยซู​คริสตเจ้า ฉะนั้น
จึงเป็นความจริงที่ว่า การสวดลูกประคำให้ศิริมงคล ให้ความยินดีพิเศษ แก่พระเยซูเจ้า แก่แม่พระ​ และ
นักบุญทั้งหลาย เพราะพวกท่านไม่สามารถปรารถนาอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ หรือที่เป็นผลแก่ชีวิตนิรันดร
แก่เรามากไปกว่าการมองเห็นพวกเราทำกิจศรัทธาที่นำศิริมงคลแก่พระคริสตเจ้า​ และนำความรอดแก่
เราเช่นนี้

พระวรสารสอนเราว่า คนบาปกลับใจและเป็นทุกข์ใช้โทษบาปทำให้เทพนิกรในสวรรค์ดีใจเป็น
อย่างยิ่ง หากการเป็นทุกข์และกลับใจของคนบาป ทำให้เทพนิกรทั้งหลายยินดีแล้ว ความสุขใจและ
การยินดีปรีดาของชาวสวรรค์ทั้งหลายจะยิ่งใหญ่เพียงใด และจะเป็นความพึงพอใจของพระเยซูเจ้า
สักเพียงใด หากพระองค์เห็นพวกเราบนโลกนี้รำพึงอย่างเลื่อมใสและสุดรักถึงการถูกสบประมาท
​ การทรมานอันทารุณและความตายอันน่าบัดสีของพระองค์ ยังจะมีอะไรอีกหรือที่จะประทับใจเรา
มากกว่าเรื่องนี้ และจูงเราไปให้เป็นทุกข์และกลับใจอย่างแท้จริงมากกว่าการรำพึงนี้?

ส่วนคริสตชนที่ไม่รำพึงถึงข้อลึกลับแห่งสายประคำนี้ ก็เท่ากับว่าเป็นคนอกตัญญูต่อพระเจ้า เพราะ
ไม่สนใจถึงสิ่งที่พระองค์ได้กระทำเพื่อไถ่โลกให้รอด ท่าทีหรือรสนิยมอันนี้ล้วนแสดงว่าเขาไม่ทราบหรือ
แทบไม่รู้อะไรเลยถึงประวัติของพระเยซู และเขาก็ไม่เคยสนใจว่าพระองค์เป็นใคร และทำอะไรเพื่อช่วย
เขาอย่างไร?
คริสตชนที่ไม่มีพระองค์ในหัวใจเช่นนี้ ก็น่าจะคิดถึงคำติเตียนของพระองค์ในวันพิพากษาประมวล
พร้อมว่า “จริงแท้ เราขอกล่าวแก่พวกเจ้าว่า เราหารู้จักพวกเจ้าไม่”​ (มัธ 25:12)

ฉะนั้นในการสวดลูกประคำ ขอให้เราคิดรำพึงถึงข้อลึกลับถึงชีวิต การทรมาน และความตายของ
พระองค์ด้วย ให้เราพยายามรู้จัก​ รักและกตัญญูต่อพระองค์ เพื่อว่าในวันสุดท้ายปลายชีวา พระองค์จะ
นับเอาเราเข้าเป็นหนึ่งในบรรดาลูก ๆ และมิตรสหายของพระองค์ด้วย

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ ธ.ค. 01, 2025 6:24 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 37 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 24 (อุปกรณ์​แห่งครบครัน) 🌹

นักบุญทั้งหลายย่อมเอาชีวิตของพระเยซูเจ้าเป็นเป้าหมายแห่งการเรียนรู้เสมอ หากเขาจะรำพึง
ถึงฤทธิ์กุศลต่าง ๆ การงานและการทรมานต่าง ๆ ของพระองค์บ่อย ๆ และโดยวิธีนี้เขาจะบรรลุ​ถึง​
ความครบครันได้โดยไม่ผิดพลาด

นักบุญแบร์นาร์ดได้เคยพูดถึงการรำพึงแบบนี้และได้กล่าวว่า
“ตอนแรกแห่งการกลับใจของผม ผมได้ทำช่อดอกมีร่าห์ (Myrrh) ช่อหนึ่งประกอบด้วยความทุกข์โศก
ของพระมหาไถ่ ผมวางช่อนี้ลงบนหัวใจของผม คิดถึงการเฆี่ยนตีทารุณที่พระองค์ได้รับ คิดถึงมงกุฎ
หนามและตะปูแห่งมหาทรมาน ผมใช้กำลังสมองทั้งหมดรำพึงถึงข้อลึกลับเหล่านี้ทุก ๆ วัน”​

การกระทำเช่นนี้เป็นวิธีปฏิบัติของเหล่ามรณสักขีด้วย พวกเราทุกคนคงทราบดีว่า พวกท่านได้ชนะ
การทรมานนองเลือดมหาโหดของเพชฌฆาตอย่างไร นักบุญแบร์นาร์ด​ยืนยันว่า ความมั่นคงดังเหล็ก
เพชรของพวกท่านนั้นเกิดมาจากต้นตออย่างหนึ่งคือ การรำพึงถึงบาดแผลของพระเยซูเจ้าอย่างสม่ำ
เสมอ มรณสักขีเป็นนักกีฬาประจำสนามชัยของพระคริสตเจ้า เป็นแชมเปี้ยนของพระองค์​ ระหว่างที่
โลหิตไหลนองแผ่นดิน ร่างกายถูกฉุดคร่าไปอย่างทารุณ​ วิญญาณอันเหี้ยมหาญของเขาเข้าไปพักพิง
อยู่ในรอยแผลของพระคริสตเจ้า บาดแผลของพระองค์ทำให้พวกเขาเป็นผู้ไม่รู้จักคำว่า​ “ปราชัย” เลย

ตลอดชีวิตของพระนาง พระนางใช้เวลาในการรำพึงถึงฤทธิ์กุศลและการทรมานของพระบุตรมาก
เมื่อพระนางได้ยินเสียงเทวดาขับร้องในวันบังเกิดพระองค์ เมื่อเห็นนายชุมพาบาลพากันมานมัสการ
พระองค์ที่คอกสัตว์ ดวงใจของพระนางเต็มตื่นตื้นด้วยความยินดีและพิศวง และพิจารณาถึงเหตุการณ์
เหล่านี้ พระนางเปรียบเทียบความยิ่งใหญ่แห่งพระ​ วจนาตถ์ที่มารับเอากายกับความต้อยต่ำของตน
และวิธีการที่พระองค์ลดตัวลงมาเกิดเป็นมนุษย์ผู้ยากไร้ คิดถึงพระองค์นอนอยู่ในรางหญ้าปูด้วยฟางข้าว
ทั้ง ๆ ที่บัลลังก์แท้จริงอยู่บนสวรรค์ อยู่ในอ้อมอกนิรันดรของพระบิดา​ พระนางคิดเปรียบฤทธานุภาพอัน
ยิ่งใหญ่ของพระเจ้ากับความอ่อนแอของทารก เทียบความปรีชาฉลาดของพระองค์ กับความง่าย ๆ ซื่อ ๆ
ของพระองค์

วันหนึ่งแม่พระพูดกับนักบุญบริดเยต์ (Bridget) ว่า​ เมื่อแม่คิดถึงความสง่างาม ความสำรวม และความ
ปรีชาฉลาดของลูกแม่ ดวงใจก็เต็มตื้นด้วยความยินดี และเมื่อไรที่คิดถึงมือและเท้าที่เจาะไชด้วยตะปู แม่ก็
ร้องไห้อย่างขื่นขม และดวงใจแทบหยุดเต้นด้วยความเจ็บปวดระทมใจ”

หลังจากการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูเจ้า พระมารดาก็ยังคงไปเยี่ยมสถานที่ต่าง ๆ ที่พระองค์เคยไป
และรับทรมาน และรำพึงถึงความรักอันหาเขตมิได้​ รวมทั้งการทรมานมหาโหดของพระองค์

ส่วนมารีย์​ มักดาเลนา ก็คงไม่ทำอะไร นอกจากจำศีลภาวนาตลอดสามสิบปีที่เหลือในชีวิต
ในสถานที่เรียกว่า “น้ำมันศักดิ์สิทธิ์”​ (แซ็งตโบม)

พวกจาริกแสวงบุญ มักมาที่โบสถ์คณะดอมินิกันที่นี่ เพื่อเคารพพระธาตุศีรษะของท่านซึ่งเก็บไว้ที่นี่
​ (Catholic Encyclopaedia)

นักบุญเยโรมเล่าว่า แต่ก่อนความศรัทธาต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นิยมมากในศตวรรษแรก ๆ
ของพระศาสนจักร คริสตชนพากันหลั่งไหลมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จากทุกมุมโลก เพื่อระลึกถึงและแสดง
ความจงรักภักดีต่อพระมหาไถ่ ผู้ซึ่งได้ฝังรอยจารึกในดวงใจของพวกเขา โดยการที่ได้เห็นสถานที่ และ
สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการสมภพ การงาน การทรมาน และการมรณภาพของพระองค์​

เราคริสตชนทั่วโลกล้วนมีความเชื่อเดียวกัน และนมัสการพระเจ้าองค์เดียวกัน และทุกคนต่างก็หวัง
ที่จะมีความสุขในสวรรค์ทั้งนั้น พวกเขามีคนกลางเดียวกันคือพระเยซู​ ฉะนั้น​ พวกเขาน่าที่จะเอาอย่าง
พระองค์ แต่เพื่อทำเช่นนี้ พวกเขาต้องรำพึงข้อลึกลับแห่งชีวิตของพระองค์ รำพึงถึงการทรมานและ
ความรุ่งเรืองของพระองค์

เป็นความเข้าใจผิดที่คิดว่ามีแต่นักบวชชีสงฆ์และผู้หลุดพ้นจากความวุ่นวายของโลกเท่านั้นจะรำพึง
ถึงสัจธรรมแห่งความเชื่อและข้อลึกลับถึงประวัติของพระเยซูเจ้าได้ ถ้าหากพระองค์ยังมีข้อผูกมัดให้รำพึง
เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของตนได้ ก็สาอะไรกับฆราวาสผู้ต้องเผชิญกับอันตรายที่จะสูญเสียวิญญาณมากมาย
พวกเขาจึงควรต้องใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์คือการรำพึงถึงข้อลึกลับแห่งชีวิต การทรมาน​ และความตายของ
พระเยซู​เจ้า ซึ่งมีบรรจุอยู่ในข้อลึกลับ​ 15 ข้อแห่งการสวดลูกประคำนี้เอง

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 05, 2025 5:13 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 38 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 25 (ช่วยสร้างความศักดิ์​สิทธิ์​) 🌹

ไม่มีใครจะสามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงขุมทรัพย์มหาศาลแห่งความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งฝังซ่อนอยู่
ในบทภาวนาเหล่านี้ และข้อลึกลับแห่งสายประคำ การรำพึงถึงข้อลึกลับเหล่านี้ เป็นต้นกำเนิดแห่ง
ผลไม้อันวิเศษสำหรับคนที่ใช้

ทุกวันนี้มนุษย์เรามักชอบสิ่งของที่ทำให้ตื่นเต้น และฝากความประทับใจลึกซึ้งในวิญญาณ
แต่ไม่มีเรื่องราวใดในประวัติศาสตร์ของโลกที่ตื่นเต้นประทับใจเท่ากับเรื่องชีวิต ความตาย​ และ
ความรุ่งเรืองของพระมหาไถ่ในการสวดลูกประคำนี้ จะมีบทสวดใดบ้างที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้ง และ
ประทับใจเท่ากับบทภาวนาของพระอาจารย์​ และบทคำนับของอัครเทวดาอีกเล่า? ยิ่งกว่านั้นความ
ปรารถนา และความต้องการของเราก็มีอยู่ในบทภาวนาทั้งสองนี้อย่างพร้อมมูลแล้ว

อนึ่ง การรำพึงถึงข้อลึกลับ และการสวดสายประคำนี้ นับว่าเป็นการภาวนาที่ง่าย ๆ ที่สุด เพราะ
ความแตกต่างของฤทธิ์กุศลต่าง ๆ​ ของพระเยซูเจ้า และขั้นตอนต่าง ๆ ของชีวิตของพระองค์ที่เรา
พิจารณานั้นทำให้จิตใจเราสดชื่นเข้มแข็งอย่างประหลาด และยังเป็นการประคับประคองเรามิให้
วอกแวกง่าย ๆ อีกด้วย

สำหรับผู้มีความรู้ ข้อลึกลับเหล่านี้เป็นคลังแห่งความรู้ที่ลึกซึ้ง แต่คนธรรมดา ๆ จะรู้สึกว่าในข้อ
รำพึงเหล่านี้เป็นเครื่องมือสอนธรรมะอย่างดีเลิศ

ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้รูปแบบง่าย ๆ แห่งการรำพึงนี้เสียก่อนที่เราจะก้าวไปถึงการเพ่งพิจารณา​
(Contemplation) ขั้นสูงสุด​ นี่เป็นความคิดของนักบุญโทมัส อาควีนัส และคำแนะนำซึ่งท่านให้เมื่อ
พูดว่า ก่อนอื่นเราต้องฝึกในสนามรบเลยทีเดียว โดยการแสวงหาฤทธิ์กุศลต่าง ๆ ที่สายประคำให้เรา
เอาอย่าง ท่านปราชญ์กาเยตัน​ กล่าวว่า​ นี่เป็นหนทางที่เราจะร่วมสนิทกับพระเป็นเจ้าโดยแท้จริง เพราะ
ถ้าปราศจากการร่วมสนิทนี้แล้วไซร้ การวิปัสสนาก็ไม่เป็นอะไรนอกจากความเพ้อฝันที่มีแต่จะพา
วิญญาณให้ออกนอกทางไปเท่านั้น

ถ้าพวกเฮเรติก อิลลูมีนิสต์ (Illuminism พวกหาความสว่าง) หรือ ควีเอติสซึ่ม
(พวกชอบวิปัสสนาเงียบ ๆ) ของทุกวันนี้ถือตามคำแนะนำ พวกเขาคงจะไม่ตกต่ำเช่นนี้ กลายเป็น
ตัวอย่าง ไม่ดีและเป็นที่สะดุดของประชาชน เพราะเขาอ้างว่า พวกตนจะสามารถหาบทภาวนาที่ดี
กว่าบทข้าแต่พระบิดาและวันทามารีย์ได้ ซึ่งก็เป็นคำพูดที่เพ้อฝันหรือจองหองเกินไปเท่านั้นเอง

บทสวดภาวนาแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องค้ำจุน เป็นกำลัง และเครื่องป้องกันภัยสำหรับวิญญาณ
แต่ข้าพเจ้าคิดว่า คงไม่จำเป็นที่ต้องสวดเป็นเสียงดังเสมอ สวดด้วยใจด้วยความคิดก็ได้ บางทีอาจ
ดีกว่าด้วย แต่คิดว่าน่ากลัวมากหรือเป็นอันตรายมาก หากท่านเลิกสวดลูกประคำตามที่เคยสวด
โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้ามากขึ้น

บางทีบางคนก็ชอบทำอะไรด้วยวิธีลึกซึ้ง และอยากทำทุกอย่างภายในใจเงียบ ๆ เพื่อบรรลุขั้น
การเข้าณาณสมาธิดังที่นักบุญเคยบรรลุ โดยเลิกล้มการสวดเสียงดังเสียเพราะเห็นว่าเป็นการปฏิบัติ
ขั้นต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เจริญก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์เท่าไรนัก คิดเช่นนี้ก็ไม่ถูก

แต่คนเช่นนี้ย่อมจงใจทำหูทวนลมต่อบทภาวนา และบทคำนับของเทวดา โดยไม่นึกว่าบทนั้นเป็น
บทที่พระอาจารย์เจ้าเองได้สอนไว้ “ฉะนั้น​ เมื่อท่านจะสวดภาวนาจงสวดว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้า
ทั้งหลาย...” (มัธ 6:9)” - เมื่อเขาหลงทางมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็น่ากลัวว่าเขาจะต้องตกเหวลึกยิ่งกว่านี้
อย่างแน่นอน

เชื่อข้าพเจ้าเถอะ ท่านพี่น้องแห่งสมาคมภราดรภาพแห่งสายประคำ ถ้าหากท่านอยากก้าวหน้า
ในการสวดภาวนาอย่างจริงใจ​ และไม่อยากหลงกลของปีศาจจอมมารยาแล้ว ก็จงพยายายามสวด
ลูกประคำนี้หมดทั้งสายคือ 150 เม็ด แต่ถ้าลำบากจริง ๆ ก็อย่างน้อยสัก 50 เม็ด

และถ้าโดยพระเป็นเจ้าช่วยท่านได้บรรลุถึงขั้นสูงแห่งการภาวนาแล้วก็ขอจงรักษาการสวดลูกประคำ
ไว้ต่อไป ท่านจะมีเสถียรภาพในการภาวนาของท่านและยังจะเป็นการช่วยท่านให้มั่นคงในความสุภาพด้วย
เพราะว่าไม่มีใครเลยที่สวดลูกประคำทุกวัน​จะเป็นเฮเรติกโดยจริงใจ หรือหลงทางไปตามปีศาจเจ้าเล่ห์​
นี่เป็น​คำประกันที่ข้าพเจ้าอยากเขียนไว้ด้วยโลหิตของข้าพเจ้าเอง

อีกด้านหนึ่งนั้น หากพระเป็นเจ้ากรุณาดึงดูดเอาท่านอย่างร้อนแรงเวลากำลังสวดลูกประคำ เหมือนดัง
ที่พระองค์ทำกับนักบุญบางองค์ ก็จงปล่อยให้พระองค์ลากพาหรือจูงไปตามใจชอบของพระองค์เถิด จงปล่อย
ให้พระทำงาน และสวดภาวนาในท่าน และจงปล่อยพระองค์สวดสายประคำของท่านตามวิถีทางของพระองค์
และสำหรับวันนี้ก็นับว่าดีแล้ว

แต่ถ้าท่านยังชอบการวิปัสสนาแบบแอ็กทีฟ หรือการภาวนาเงียบ ๆ ตามปรกติ ซึ่งเป็นการตั้งตัวอยู่
เฉพาะพักตร์พระเป็นเจ้าและรักพระองค์ ท่านก็ยังไม่มีเหตุผลอันใดที่จะละทิ้งการสวดลูกประคำของท่าน
การสวดนี้ไม่มีการทำลายจิตภาวนาหรือความเจริญทางวิญญาณของท่านเลย แถมยังจะช่วยท่านในเรื่องนี้
อย่างมาก ท่านจะรู้สึกว่าการสวดลูกประคำนี้เป็นดังบันไดของยากอบซึ่งมี 15 ขั้น แต่ละขั้นก็เป็นดังการ
ก้าวจากฤทธิ์กุศลหนึ่งไปยังอีกฤทธิ์กุศลหนึ่ง ดังนี้โดยไม่ต้องวิตกว่าท่านจะหลงทาง ไม่ช้าท่านกลับจะ
บรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งยุคของพระคริสตเจ้าเสียอีก

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 05, 2025 5:23 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 39 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 26 (การภาวนา​ที่ซึ้งใจ) 🌹

ท่านทำอะไร ก็จงอย่าทำเหมือนสตรีใจศรัทธาคนหนึ่งในกรุงโรม​ แต่เป็นคนชอบทำอะไรตามใจ
ตนเอง เรื่องของสตรีคนนี้ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ เป็นต้น เวลาพูดถึงเรื่องการสวดลูกประคำ เ​ธอสวดด้วย
ใจร้อนรนจนอาจทำให้นักบวชหลายคนต้องอายได้จริง​ ๆ

วันหนึ่งเธอตัดสินใจที่จะไปขอคำแนะนำฝ่ายวิญญาณจากนักบุญดอมินิกโดยไปขอสารภาพบาป
กับท่าน และเพื่อเป็นการใช้โทษบาป คุณพ่อได้สั่งให้เธอสวดลูกประคำหนึ่งสาย (150 เม็ด) และแนะนำ
ให้สวดทุกวัน เธอบอกว่าไม่มีเวลาสวด บอกว่ามีงานแยะ​ และยังต้องเดินรูป 14 ภาคที่กรุงโรมทุกวัน
อ้างว่าตนต้องสวมกระโปรงเป็นกระสอบและเสื้อแซมด้วยขนสัตว์หยาบหลายครั้งในหนึ่งในสัปดาห์ ยัง
ทำการใช้โทษอย่างอื่นอีกมากมายและจำศีลอีก​ นักบุญเตือนเธอหลายครั้ง แต่ก็ไม่ฟัง ที่สุดเธอก็ออกจาก
ที่สารภาพบาป รู้สึกเบื่อผู้ฟังแก้บาปคนใหม่นี้เป็นกำลัง คิดว่าทำไมหนอจึงมาชักชวนตนให้ทำกิจศรัทธา
ที่ไม่ถูกเส้นกันกับตนเช่นนี้

ต่อมาวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังสวดภาวนาอยู่ ก็เข้าณาณไปและมองเห็นวิญญาณของตนไปอยู่ต่อหน้า
บัลลังก์ของพระมหาตุลาการเจ้า เทวดาไมเคิ้ลได้เอาการใช้โทษบาป และการสวดภาวนาของเธอลงบน
จานเครื่องชั่งด้านหนึ่ง และเอาบาปและเอาความบกพร่องของเธอลงอีกจานข้างหนึ่ง ปรากฏว่าจานด้าน
การภาวนานั้น แพ้จานบาปเสียหลุดลุ่ย

ด้วยความกลัวสุดขีด เธอร้องสุดเสียงวอนขอพระแม่ช่วย ซึ่งเธอถือว่าเป็นทนายความที่ใจดีของตน
เสมอมา พระแม่ได้หยิบเอาสายประคำแต่สายเดียวซึ่งเธอได้สวดเป็นการใช้โทษบาป และวางลงบนจาน
ที่ชั่งกิจการดี สายประคำนั้นสายเดียว หนักกว่าบาปทั้งหมดและกิจการดีทั้งหมดของเธอ ครั้นแล้วแม่พระ
ก็ติเตียนเธอที่ปฏิเสธคำแนะนำของคุณพ่อดอมินิโกในการที่ไม่ยอมสวดสายประคำทุกวัน

เมื่อเธอฟื้นตัวแล้วก็รีบวิ่งมา​กราบลงที่เท้าของนักบุญดอมินิก​ เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พร้อมกับขอโทษ
สำหรับความดื้อรั้นของตน​ และสัญญาว่าจะสวดสายประคำอย่างดีทุกวัน โดยการทำเช่นนี้เธอก็ก้าวหน้า
ในความครบครันคริสตัง​ และที่สุดได้รับชีวิตนิรันดร

พวกท่านซึ่งเป็นประชากรแห่งการภาวนา จงเรียนจากเรื่องนี้ว่าการศรัทธาต่อแม่พระโดยการสวด
ลูกประคำนั้นมีผลดีเพียงใด​ หากสวดพร้อมกับการรำพึงถึงข้อลึกลับประจำบทสวดนี้

มีนักบุญไม่กี่องค์ที่บรรลุขั้นสูงสุดแห่งการภาวนา ดังเช่นนักบุญมารีย์​ มักดาเลน ซึ่งถูกยกขึ้นสวรรค์
ทุกวันโดยเทวดา และเป็นผู้มีบุญที่ได้เรียนรู้หลายอย่างแทบเท้าพระอาจารย์เจ้าและพระมารดาของพระองค์
เอง มาวันหนึ่งเธอขอพระเป็นเจ้าให้แสดงวิถีทางที่แน่นอนสำหรับการก้าวหน้าในความรักและลุความ
ครบครันชั้นสูง พระเป็นเจ้าก็ส่งพรหมเทพไมเคิลมาบอกเธอว่า ไม่มีทางใดดีไปกว่าการรำพึงถึงการทรมาน
ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงวางกางเขนอันหนึ่งไว้ที่หน้าถ้ำของเธอ บอกให้เธอสวดหน้ากางเขนนี้​
ให้พิจารณารำพึงถึงข้อลึกลับแห่งความเศร้าโศกของพระองค์ที่เธอได้เห็นด้วยตาของเธอเอง

ตัวอย่างของนักบุญฟรังซิส​ เดอ​ ซาล ซึ่งเป็นผู้นำวิญญาณมือฉมังคนหนึ่งในสมัยนั้น คงอาจกระตุ้นท่าน
ให้เข้าร่วมในสมาคมภราดรภาพแห่งสายประคำเป็นแน่ เพราะท่านนักบุญองค์นี้ได้ปฏิญาณตัวว่า ตราบเท่า
ชีวิตจะหาไม่ ท่านจะสวดลูกประคำให้ครบ​ (150 เม็ด) ทุกวัน

นักบุญการ์โล โบโรเมโอ ก็ได้สวดทุกวัน และยังได้เตือนพระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษของท่านทำเช่นเดียวกัน

นักบุญปีโอที่ 5 พระสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง ได้สวดลูกประคำทุกวัน​ นักบุญโทมัส​ วิลลานอวา
อัครสังฆราชแห่งวาเล็นซ์ น​ักบุญอิกนาซีอุส​ นักบุญฟรังซิส ซาเวียร์​ นักบุญฟรังซิส บอร์เจีย​ นักบุญเทเรซา
นักบุญฟิลิปเนรี ล้วนแต่สวดลูกประคำเป็นประจำทุกวันทั้งนั้น

ฉะนั้น​ จึงใคร่เชิญชวนท่านให้เดินตามแบบฉบับนักบุญต่าง ๆ​ เหล่านี้ และผู้ศรัทธาเลื่อมใสทั้งหลาย
ซึ่งล้วนถือว่าการสวดลูกประคำเป็นอาหารประจำวัน และประจำใจทั้งนั้น

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6901
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 05, 2025 5:29 pm

📿 ความลับของสายประคำ​ 📿
👉 โดย​ : นักบุญ​ หลุยส์​ เดอ​ มงฟอร์ต​ 👈
ตอนที่​ ( 40 )
🌹 กุหลาบ​ดอก​ที่​ 27 (ผลประโยชน์​) <A>🌹

ข้าพเจ้า​ใคร​่จะ​ให้​เหตุ​ผล​บาง​ประ​การ​ว่า​ทำไม​เรา​จึง​ควร​มี​ความ​ศรัทธา​ต่อ​สาย​ประ​คำซึ่งคน
ศักดิ์​สิทธิ์​หลาย​คน​ปฏิบัติ​มา​แล้ว​ การสวดสายประคำพร้อมกับรำพึงถึงข้อลึกลับนั้น
ทำให้เราได้รับผลดี​ ดัง​นี้:-
1. ช่วยให้เราทีละเล็กละน้อยมีความรู้ถึงพระเยซูเจ้าโดยสมบูรณ์
2. ทำให้วิญญาณเราสะอาดหมดจด กวาดล้างบาปออกไปให้สิ้นซาก
3. ช่วยเราให้ชนะศัตรูหมู่มาร
4. ให้เราปฏิบัติกุศลได้ง่ายขึ้น
5. ให้ใจเราลุกเป็นไฟด้วยความรักต่อพระเยซู
6. วิญญาณเราเต็มด้วยพระหรรษทานและบุญกุศล
7. ​ให้กุศลแก่เราเพื่อใช้หนี้ของเราต่อพระเป็นเจ้า และเพื่อนมนุษย์ และให้พระหรรษทานที่จำเป็นแก่เรา

ความรู้เรื่องพระเยซูเจ้าเป็นวิชาการสำหรับคริสตชนและวิชาแห่งความรอด นักบุญเปาโลบอกว่า
มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือวิชาการใด ๆ​ ของมนุษย์ทั้งในเรื่องคุณค่าและความครบครัน (ฟิลิป 3:8)
นี่เป็นความจริง:-
1. เพราะเกียรติของเป้าหมายเอง (object) ซึ่งเป็นมนุษย์-พระ​ (พระเยซู) ซึ่งเมื่อเอาโลกมาเปรียบแล้ว
โลกก็เป็นเพียงหยดน้ำค้างหยดเดียว หรือเม็ดทรายเม็ดเดียว
2. ในแง่ผลประโยชน์ของมัน ตรงข้ามความรู้ของมนุษย์ทำให้เราต้องพองตัวด้วยควันไฟ และความ
เปล่าแห่งความจองหอง
3. ที่สุด เพราะความจำเป็นของการสวดนี้ : เพราะไม่มีใครจะเอาตัวรอดได้โดยไม่มีความรู้ถึงพระเยซู
แต่คนที่ไม่รู้เรื่องอื่นใดเลย อาจเอาตัวรอดได้ หากเขามีความรู้เรื่องพระเยซูเจ้าบ้าง

นับว่าเป็นโชคดีของเราที่การสวดลูกประคำได้ให้ความรู้เรื่องพระเยซูเจ้าแก่เรา โดยการรำพึงถึง
ชีวิต ความตาย การทรมานและศิริมงคลของพระองค์

พระราชินีแห่งซาบา ผู้พิศวงในความปรีชาฉลาดของกษัตริย์​ ซาโลมอน​ ร้องว่า “คนของพระองค์ช่าง
มีบุญวาสนาจริง ๆ และราชวัลลภของพระองค์ก็ช่างมีบุญวาสนาจริง ๆ เพราะพวกเขาได้ฟังพระปรีชาดำริ
ของพระองค์ (3 กษัตริย์ 10:8) - แต่สัตบุรุษที่พยายามรำพึงถึงชีวิต ฤทธิ์กุศลการทรมาน และความรุ่งโรจน์
ของพระมหาไถ่นั้นต้องถือว่ามีบุญวาสนากว่านั้นอีก เพราะโดยการรำพึงนี้ พวกเขาจะมีความรู้อันครบถ้วน
ซึ่งเป็นส่วนประกอบของชีวิตนิรันดร สมตามคำของพระคัมภีร์ว่า “นี่คือชีวิตนิรันดร” (จอห์น 17:3)

แม่พระได้เปิดเผยแก่บุญราศีอาลังว่า นักบุญดอมินิกได้เริ่มเทศน์เรื่องลูกประคำไปไม่ทันไร คนบาปหนา
คนหนึ่งก็ประทับใจและร้องไห้อย่างขื่นขมสำหรับบาปหนัก ๆ ของเขา เด็กวัยรุ่นทำการใช้โทษบาปอย่างไม่
น่าเชื่อ และทุกแห่งที่ท่านไปเทศน์เรื่องการสวดลูกประคำ ก็เกิดมีความร้อนรนขึ้น คนบาปกลับใจและเปลี่ยน
ชีวิต​ และทำให้ทุกคนเลื่อมใสขึ้นเนื่องมาจากการเป็นทุกข์ถึงบาปและกลับใจของเขา

ถ้าหากบางครั้ง มโนธรรมของเราว้าวุ่นเพราะบาป จงหยิบเอาลูกประคำของท่าน ลงมือสวดอย่างน้อย
สักส่วนหนึ่ง โดยคิดถึงเรื่องชีวิต การทรมาน และความรุ่งโรจน์ของพระเยซู แล้วจงแน่ใจเถอะว่า ขณะที่ท่าน
รำพึงถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยความเคารพ พระองค์จะแสดงบาดแผลอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แก่พระบิดาในสวรรค์
พระองค์จะเสนออ้อนวอนเพื่อท่าน และจะเอาความทุกข์ถึงบาปและการอภัยบาปมาให้ท่าน

วันหนึ่งพระอาจารย์เจ้ากล่าวแก่บุญราศีอาลังว่า​ “ถ้าหากเพียงแต่คนบาปที่น่าสงสารเหล่านี้จะสวดสาย
ประคำของเราเท่านั้น เขาก็จะได้มีส่วนร่วมในผลบุญแห่งการทรมานของเรา และเราก็จะยินดีเป็นทนายความ
ให้เขา เพื่อ ปัดเป่าความยุติธรรมของพระบิดาเจ้า”

🍀โปรดติดตาม​ตอนต่อไป​🍀
ตอบกลับโพส