สุขสันต์วันปัสกาครับ
คำว่า "อีสเตอร์" (Easter) หมายถึง "เทศกาลของคริสตจักรที่ระลึกถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์ ตรงกับช่วงเวลาเทศกาลปัสกาของชาวยิว" (A festival of the Christian Church, commemorating the resurrection of Christ and corresponding to the Jewish Passover.) (From The Shorter Oxford English Dictionary on Historical Principles, Volume 1, A-Markworthy Clarendon Press, Oxford, pp. 624-625.)
เทศกาล "ปัสกา" หรือ "ปัศคา" นี้ (พระธรรมอพยพ 12) คือ เทศกาลที่ชาวยิวระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ ในช่วงประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล เราจะเห็นภาพเหล่านี้ได้จากภาพยนตร์อมตะ อย่างเช่น "บัญญัติ 10 ประการ" (The Ten Commandments) หรือ "โมเสส" (Moses) และภาพยนตร์การ์ตูนชื่อดังของโลก "The Prince of Egypt" ของ สตีเฟน สปิลเบิร์ก
กล่าวคือ ในคืนก่อนที่ฟาโรห์จะยอมปล่อยชาวอิสราเอลให้ออกเดินทาง พระเจ้าทรงสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เกิดภัยพิบัติประการที่ 10 หลังจากที่ฟาโรห์ปฏิเสธที่ปล่อยพวกอิสราเอล ตามคำบัญชาของพระเจ้ามาแล้ว 9 ครั้ง (พระธรรมอพยพ 7-10)
ภัยพิบัติที่ 10 คือ ทูตมรณะจะเข้าไปในทุกครัวเรือนของชาวอียิปต์ เพื่อปลิดชีพของบุตรหัวปีของทุกครอบครัว ยกเว้นแต่ครอบครัวที่เชื่อฟังพระเจ้า โดยการนำเอาโลหิตของลูกแกะมาทาไว้ที่ประตูบ้านของตน เหมือนที่พวกยิวกระทำตามบัญชาของพระองค์
บ้านใด ได้กระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา ทูตมรณะก็จะไม่เข้าไปในบ้าน แต่จะ "ผ่าน เว้นไป" (Passover) และบุตรหัวปีของครอบครัวนั้นก็จะรอดตาย !
คำว่า "ผ่าน เว้น" (Passover) นี้มาจากภาษาฮีบรู ว่า "Paschal" และภาษาอังกฤษว่า "Passover" ส่วนภาษาไทย เรียกว่า "ปัสกา"
ชาวอิสราเอลจึงมีการเฉลิมฉลองวันนี้เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
และหลังจากนั้นมา ราว ๆ 1500 ปี พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จลงมาประสูติในโลก ในวัน "คริสตมาส" และทรงกระทำพันธกิจในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และเทศนาสั่งสอนแผ่นดินของพระเจ้า จนกระทั่งมาถึงช่วงเทศกาล "ปัสกา" ราว ๆ ค.ศ. 33 พระเยซูคริสต์ก็ทรงยอมถูกจับ ทรมาน และถูกตรึง สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โลหิตของพระองค์ที่ไหลรินเปรียบเหมือนเลือดของลูกแกะ ที่ช่วยชีวิตทุกคนที่เชื่อให้รอด เหมือนเหตุการณ์ในคืนวันปัสกา
จากนั้น ในวันที่ 3 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า สำคัญมากที่สุด เรื่องหนึ่ง ในความคิดและความเชื่อของชาวคริสต์
"ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่มีหลักด้วย" (1โครินธ์ 15:14)
"และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย" (1โครินธ์ 15:17-18)
วันที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น เป็นวันอาทิตย์ !
ต่อมา เราเรียกวันนั้นว่า "วันอีสเตอร์" (Easter or Easter Sunday)
ฉะนั้น เทศกาลปัสกา (Passover) ของชาวยิว ก็มาเกี่ยวข้องกับวันอีสเตอร์ (Easter) ของชาวคริสต์ด้วยประการฉะนี้
แท้จริงแล้ว คำว่า "อีสเตอร์" (Easter) มาจากภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันเก่าแก่ว่า "Eastre" ซึ่งตรงกับภาษากรีกว่า "Pascha" ภาษาฮีบรู "Pessach" หรือ "Passover" ในภาษาอังกฤษปัจจุบัน
บางตำราก็บอกว่า "Easter" มาจากคำว่า "Eostre" ซึ่งเป็นชื่อเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่ชาวแซกซอนในยุโรปเฉลิมฉลอง ต่อมาคริสเตียนเปลี่ยนมาฉลองพระคริสต์แทน แต่ใช้ชื่อเดิม
สภาไนเซีย ของคริสตศาสนจักร ในราว ค.ศ. 325 ได้ประกาศให้ฉลองวันอีสเตอร์ โดยให้อยู่ในวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์วันเพ็ญในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะตรงกับวันอาทิตย์ที่ใกล้วันที่ 14 เดือนนิสาน (Nisan) ของชาวยิว คือ อยู่ช่วงระหว่าง วันที่ 21 มีนาคม - 25 เมษายน (Dictionary of Christian Lore and Legend, JCJ Metford)
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือ ไข่ (สัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่), กางเขน และ อุโมงค์ว่างเปล่า ! (สัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นจากความตาย)
โดยปกติคริสตชนแท้ จะดำเนินชีวิตให้เหมือนกับว่า
"พระคริสต์ทรงประสูติในวันคริสตมาส
และสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐ เพื่อเราเมื่อวานนี้ (อดีต) !
และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์
และทรงอยู่กับเราวันนี้ (ปัจจุบัน) !
และพระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา (ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้ (อนาคต) !"
ชีวิตอย่างนี้ จึงเป็นชีวิตที่ปีติยินดีด้วยความหวังใจในชีวิต ไม่ยอมแพ้ หรือท้อถอยง่าย ๆ !
วันนี้ เราควรพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในแบบที่กล่าวมา ใช่ไหมครับ !
อ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ จากหนังสือ:อีสเตอร์ความจริงที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้้
สำหรับพี่น้องทุกท่านที่รับศีลศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้ก็ยินดีด้วยนะครับ
ได้เป็นประชากรของพระเป็นเจ้าอย่างเต็มตัวแล้วครับ
สำหรับคริสตังเก่าอย่างพวกเราก็ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีในชีวิตคริสตชนนะครับ
เพื่อจะได้เป็นเทียนส่องแสงสว่างโลกนี้ไม่ให้อยู่ในความมืดและได้รับพระคริสตเจ้ามาสองแสงท่ามกลางดวงใจ
ดังบทเพลงที่ว่า
พระคริสตเจ้าส่องแสงท่ามกลางดวงใจ
โปรดเปิดดวงใจอย่าให้ความมืดเข้าครอบครอง
พระคริสตเจ้าส่องแสงท่ามกลางดวงใจ
โปรดเปิดใจด้วยความรักของพระองค์
เทศกาล "ปัสกา" หรือ "ปัศคา" นี้ (พระธรรมอพยพ 12) คือ เทศกาลที่ชาวยิวระลึกถึงการที่พระเจ้าทรงนำพวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ ในช่วงประมาณ 1500 ปีก่อนคริสตกาล เราจะเห็นภาพเหล่านี้ได้จากภาพยนตร์อมตะ อย่างเช่น "บัญญัติ 10 ประการ" (The Ten Commandments) หรือ "โมเสส" (Moses) และภาพยนตร์การ์ตูนชื่อดังของโลก "The Prince of Egypt" ของ สตีเฟน สปิลเบิร์ก
กล่าวคือ ในคืนก่อนที่ฟาโรห์จะยอมปล่อยชาวอิสราเอลให้ออกเดินทาง พระเจ้าทรงสำแดงอิทธิฤทธิ์ให้เกิดภัยพิบัติประการที่ 10 หลังจากที่ฟาโรห์ปฏิเสธที่ปล่อยพวกอิสราเอล ตามคำบัญชาของพระเจ้ามาแล้ว 9 ครั้ง (พระธรรมอพยพ 7-10)
ภัยพิบัติที่ 10 คือ ทูตมรณะจะเข้าไปในทุกครัวเรือนของชาวอียิปต์ เพื่อปลิดชีพของบุตรหัวปีของทุกครอบครัว ยกเว้นแต่ครอบครัวที่เชื่อฟังพระเจ้า โดยการนำเอาโลหิตของลูกแกะมาทาไว้ที่ประตูบ้านของตน เหมือนที่พวกยิวกระทำตามบัญชาของพระองค์
บ้านใด ได้กระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา ทูตมรณะก็จะไม่เข้าไปในบ้าน แต่จะ "ผ่าน เว้นไป" (Passover) และบุตรหัวปีของครอบครัวนั้นก็จะรอดตาย !
คำว่า "ผ่าน เว้น" (Passover) นี้มาจากภาษาฮีบรู ว่า "Paschal" และภาษาอังกฤษว่า "Passover" ส่วนภาษาไทย เรียกว่า "ปัสกา"
ชาวอิสราเอลจึงมีการเฉลิมฉลองวันนี้เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
และหลังจากนั้นมา ราว ๆ 1500 ปี พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จลงมาประสูติในโลก ในวัน "คริสตมาส" และทรงกระทำพันธกิจในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และเทศนาสั่งสอนแผ่นดินของพระเจ้า จนกระทั่งมาถึงช่วงเทศกาล "ปัสกา" ราว ๆ ค.ศ. 33 พระเยซูคริสต์ก็ทรงยอมถูกจับ ทรมาน และถูกตรึง สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โลหิตของพระองค์ที่ไหลรินเปรียบเหมือนเลือดของลูกแกะ ที่ช่วยชีวิตทุกคนที่เชื่อให้รอด เหมือนเหตุการณ์ในคืนวันปัสกา
จากนั้น ในวันที่ 3 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย ซึ่งเรื่องนี้ถือว่า สำคัญมากที่สุด เรื่องหนึ่ง ในความคิดและความเชื่อของชาวคริสต์
"ถ้าพระคริสต์มิได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา การเทศนาของเรานั้นก็ไม่มีหลัก ทั้งความเชื่อของท่านทั้งหลายก็ไม่มีหลักด้วย" (1โครินธ์ 15:14)
"และถ้าพระคริสต์ไม่ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมา ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์ ท่านก็ยังตกอยู่ในบาปของตน และคนทั้งหลายที่ล่วงหลับในพระคริสต์ก็พินาศไปด้วย" (1โครินธ์ 15:17-18)
วันที่พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายนั้น เป็นวันอาทิตย์ !
ต่อมา เราเรียกวันนั้นว่า "วันอีสเตอร์" (Easter or Easter Sunday)
ฉะนั้น เทศกาลปัสกา (Passover) ของชาวยิว ก็มาเกี่ยวข้องกับวันอีสเตอร์ (Easter) ของชาวคริสต์ด้วยประการฉะนี้
แท้จริงแล้ว คำว่า "อีสเตอร์" (Easter) มาจากภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันเก่าแก่ว่า "Eastre" ซึ่งตรงกับภาษากรีกว่า "Pascha" ภาษาฮีบรู "Pessach" หรือ "Passover" ในภาษาอังกฤษปัจจุบัน
บางตำราก็บอกว่า "Easter" มาจากคำว่า "Eostre" ซึ่งเป็นชื่อเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่ชาวแซกซอนในยุโรปเฉลิมฉลอง ต่อมาคริสเตียนเปลี่ยนมาฉลองพระคริสต์แทน แต่ใช้ชื่อเดิม
สภาไนเซีย ของคริสตศาสนจักร ในราว ค.ศ. 325 ได้ประกาศให้ฉลองวันอีสเตอร์ โดยให้อยู่ในวันอาทิตย์แรกหลังจากพระจันทร์วันเพ็ญในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งจะตรงกับวันอาทิตย์ที่ใกล้วันที่ 14 เดือนนิสาน (Nisan) ของชาวยิว คือ อยู่ช่วงระหว่าง วันที่ 21 มีนาคม - 25 เมษายน (Dictionary of Christian Lore and Legend, JCJ Metford)
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือ ไข่ (สัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่), กางเขน และ อุโมงค์ว่างเปล่า ! (สัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นจากความตาย)
โดยปกติคริสตชนแท้ จะดำเนินชีวิตให้เหมือนกับว่า
"พระคริสต์ทรงประสูติในวันคริสตมาส
และสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐ เพื่อเราเมื่อวานนี้ (อดีต) !
และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์
และทรงอยู่กับเราวันนี้ (ปัจจุบัน) !
และพระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา (ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้ (อนาคต) !"
ชีวิตอย่างนี้ จึงเป็นชีวิตที่ปีติยินดีด้วยความหวังใจในชีวิต ไม่ยอมแพ้ หรือท้อถอยง่าย ๆ !
วันนี้ เราควรพร้อมที่จะดำเนินชีวิตในแบบที่กล่าวมา ใช่ไหมครับ !
อ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ จากหนังสือ:อีสเตอร์ความจริงที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้้
สำหรับพี่น้องทุกท่านที่รับศีลศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้ก็ยินดีด้วยนะครับ
ได้เป็นประชากรของพระเป็นเจ้าอย่างเต็มตัวแล้วครับ
สำหรับคริสตังเก่าอย่างพวกเราก็ขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีในชีวิตคริสตชนนะครับ
เพื่อจะได้เป็นเทียนส่องแสงสว่างโลกนี้ไม่ให้อยู่ในความมืดและได้รับพระคริสตเจ้ามาสองแสงท่ามกลางดวงใจ
ดังบทเพลงที่ว่า
พระคริสตเจ้าส่องแสงท่ามกลางดวงใจ
โปรดเปิดดวงใจอย่าให้ความมืดเข้าครอบครอง
พระคริสตเจ้าส่องแสงท่ามกลางดวงใจ
โปรดเปิดใจด้วยความรักของพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย St.paul เมื่อ พุธ เม.ย. 19, 2006 3:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
Happy Easter ครับ
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
*blushhappy *no
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously

yeahhhh
today is easter day here ja^^
สวัสดีครับพี่น้องทุกคน ผมก็ได้ล้างบาปแล้ว ดีใจมากที่ได้ถึงวันนี้ เพราะรอมานาน มีการคัดสรรอย่างเข้มข้นจากพระเจ้า หลายคนที่วัดก็แสดงความยินดีด้วย รู้สึกปราบปลื้มมาก ขอขอบคุณทุกๆๆคนที่เป็นกำลังใจให้ต่อสู้ จนในที่สุดพระก็เห็นว่าเราสมควรได้ล้างบาป
ล้างบาปที่วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสววรค์ ภูเก็ต
ล้างบาปที่วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสววรค์ ภูเก็ต
พระบิดาได้จดชื่อไว้ในบัญชีแล้ว พระองค์ให้เราดำรงชีวิตเพื่อติดตามพระเยซู และเมื่อเป็นศิษย์พระองค์ได้บอกว่า ใครก็ตามที่เป็นศิษย์ของเรา และพระพฤติ ปฏิบัติตามเราผู้นั้นจะก้าวหน้า และเติบ โตขึ้น และจะทำหน้าที่เป็นพยานยืนยันถึงความรักที่พระเป็นเจ้ามีต่อมวลมนุษย์ และพระองค์ทรงมอบบัญญัติให้เรา แต่สิ่งที่พระองค์ทรงเน้นก็คือ "จงรักพระเจ้าสุดๆในชีวิตของเรา" ประการที่ 2 เพื่อพิสูจน์ว่ารัก พระเป็นเจ้าคือ "จงรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" แต่พระเป็นเจ้ารักเราทุกคน พระเป็นเจ้าเรียกร้องให้เราทุกคนมีจิตใจเอื้ออารี และพระองค์ทรงยอมตายเพื่อเราบนไม้กางเขน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และพระองค์ตรัสอีกว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร พระเยซูเจ้าทรงให้อภัย และเรียกร้องให้เรามนุษย์ที่มีความผิดผ้องหมองใจกัน จึงต้องให้อภัย
ดังที่พระเยซูเจ้าให้อภัยผู้ที่ตรึงพระองค์บทสวดสำคัญที่พระทรงมอบให้เราไว้นั่นคือบทข้าแต่พระบิดา และในตอนที่ว่า โปรดอภัย แก่ข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เราอยู่กันได้อย่างสงบในบ้านเมืองของเรา
วันนี้ที่เรามาเพื่อจะรับการเจิมจากพระจิตเจ้า โดยที่พระเยซูเจ้าก็ได้รับการล้างบาปและการเจิมจากพระจิตเจ้าเช่นกัน และวันมะรืนนี้เป็นวันอาทิตย์ปัสกาคือพระเยซูเจ้าทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตายและเมื่อเราได้รับการเจิมแล้วเราก็จะได้รับการกลับคืนชีพเหมือนพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกัน และเราก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์
พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู
ดังที่พระเยซูเจ้าให้อภัยผู้ที่ตรึงพระองค์บทสวดสำคัญที่พระทรงมอบให้เราไว้นั่นคือบทข้าแต่พระบิดา และในตอนที่ว่า โปรดอภัย แก่ข้าพเจ้าเหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้เราอยู่กันได้อย่างสงบในบ้านเมืองของเรา
วันนี้ที่เรามาเพื่อจะรับการเจิมจากพระจิตเจ้า โดยที่พระเยซูเจ้าก็ได้รับการล้างบาปและการเจิมจากพระจิตเจ้าเช่นกัน และวันมะรืนนี้เป็นวันอาทิตย์ปัสกาคือพระเยซูเจ้าทรงกลับเป็นขึ้นมาจากความตายและเมื่อเราได้รับการเจิมแล้วเราก็จะได้รับการกลับคืนชีพเหมือนพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกัน และเราก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์
พระคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
veevy2006 เขียน: สวัสดีครับพี่น้องทุกคน ผมก็ได้ล้างบาปแล้ว ดีใจมากที่ได้ถึงวันนี้ เพราะรอมานาน มีการคัดสรรอย่างเข้มข้นจากพระเจ้า หลายคนที่วัดก็แสดงความยินดีด้วย รู้สึกปราบปลื้มมาก ขอขอบคุณทุกๆๆคนที่เป็นกำลังใจให้ต่อสู้ จนในที่สุดพระก็เห็นว่าเราสมควรได้ล้างบาป
ล้างบาปที่วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสววรค์ ภูเก็ต
จริงเหรอเนี่ย....ว๊าว~~~~~~~~~
ยินดีด้วยคับ *no1
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
veevy2006 เขียน: สวัสดีครับพี่น้องทุกคน ผมก็ได้ล้างบาปแล้ว ดีใจมากที่ได้ถึงวันนี้ เพราะรอมานาน มีการคัดสรรอย่างเข้มข้นจากพระเจ้า หลายคนที่วัดก็แสดงความยินดีด้วย รู้สึกปราบปลื้มมาก ขอขอบคุณทุกๆๆคนที่เป็นกำลังใจให้ต่อสู้ จนในที่สุดพระก็เห็นว่าเราสมควรได้ล้างบาป
ล้างบาปที่วัดแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสววรค์ ภูเก็ต
:) ยินดีด้วยจ๊ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
ยินดีกับผู้ที่ได้ล้างบาปปีนี้ด้วยครับ