Holy Bible Week "คู่แข่งของพระเยซู" ยูบีซีค่ะ
Holy bible week ทางเนชั่นแนล จีโอ กราฟฟิค
วันอังคารที่ 2 พฤษภาคมเสนอ "Rival of Jesus" ว่าด้วยเอกสารลับของเก่าแก่ที่เปิดเผยว่า
พระเยซูไม่ใช่พระเมสสิอาห์เพียงพระองค์เดียว แต่ยังมีพระเมสสิอาห์อื่นอีก
ใครที่สามารถจะดูได้ ช่วยดูแล้วเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เรเองดูไม่ได้เพราะเรไม่อยากให้เค้ามองพระเยซูในแง่ไม่ดี
นอกจากนี้ ต่อให้ไม่ติดเรื่องที่บ้าน เรเองก็ไม่แน่ใจว่าจะกล้าดู
เพราะไม่ทราบว่าจะต้องเจอกับการทดลองอะไรบ้าง
แต่แค่ดูจากตัวอย่าง มันเป็นการทดลองขนานใหญ่เลยล่ะค่ะ
ขอสวดให้กับดวงวิญญาณทุกดวงที่จะหลงทางไปเพราะสารคดีในคืนนี้ค่ะ
และขอพระเป็นเจ้าทรงประทานความเข้มแข็งให้กับผู้เชื่อทุกคนที่จะไม่หลงไปกับคำลวงของมารค่ะ
วันอังคารที่ 2 พฤษภาคมเสนอ "Rival of Jesus" ว่าด้วยเอกสารลับของเก่าแก่ที่เปิดเผยว่า
พระเยซูไม่ใช่พระเมสสิอาห์เพียงพระองค์เดียว แต่ยังมีพระเมสสิอาห์อื่นอีก
ใครที่สามารถจะดูได้ ช่วยดูแล้วเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เรเองดูไม่ได้เพราะเรไม่อยากให้เค้ามองพระเยซูในแง่ไม่ดี
นอกจากนี้ ต่อให้ไม่ติดเรื่องที่บ้าน เรเองก็ไม่แน่ใจว่าจะกล้าดู
เพราะไม่ทราบว่าจะต้องเจอกับการทดลองอะไรบ้าง
แต่แค่ดูจากตัวอย่าง มันเป็นการทดลองขนานใหญ่เลยล่ะค่ะ
ขอสวดให้กับดวงวิญญาณทุกดวงที่จะหลงทางไปเพราะสารคดีในคืนนี้ค่ะ
และขอพระเป็นเจ้าทรงประทานความเข้มแข็งให้กับผู้เชื่อทุกคนที่จะไม่หลงไปกับคำลวงของมารค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย -Rei- เมื่อ พุธ พ.ค. 03, 2006 8:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ดูแล้วเมื่อคืนคะ ทุเรศคะ
ดูแล้วโกรธ อย่าดูดีกว่า
เมื่อคืนดูไม่จบด้วยซ้ำ อารมณ์เสียไปเลย
ดูแล้วโกรธ อย่าดูดีกว่า
เมื่อคืนดูไม่จบด้วยซ้ำ อารมณ์เสียไปเลย
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
มันทำให้เขวได้คะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
จะบอกว่ายิ่งมีอะไรแบบนี้มากเท่าไหร่ในยุคนี้ ยิ่งกลับเพิ่มพูนความเชื่อให้พวกเรามากขึ้น เพราะพระองค์ได้ตรัสใว้ล่วงหน้ามา 2000 ปีแล้วมีเพียงพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ในอดีต ในปัจจุบัน และผู้ที่จะเสด็จมาเท่านั้นที่จะทรงรู้เรื่องนี้ได้
ให้พวกเราใช้ความเชื่อที่มีมากขึ้นนี้ในการภาวนาช่วยเหลือวิญญาณหลายๆดวงที่กำลังหลงไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและน่าเศร้าสลดมากกว่าภัยพิบัติใดๆในโลกนี้ เพราะมันคือกับดักแห่งความตายนิรันดร์เราไม่สามารถจะนิ่งนอนใจได้แล้ว ต้องรีบสวดภาวนาทำพลีกรรมให้มากๆ(ซึ่งผมเองก็ยังทำไม่ค่อยได้ - -)ระลึกถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา
ให้พวกเราใช้ความเชื่อที่มีมากขึ้นนี้ในการภาวนาช่วยเหลือวิญญาณหลายๆดวงที่กำลังหลงไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงและน่าเศร้าสลดมากกว่าภัยพิบัติใดๆในโลกนี้ เพราะมันคือกับดักแห่งความตายนิรันดร์เราไม่สามารถจะนิ่งนอนใจได้แล้ว ต้องรีบสวดภาวนาทำพลีกรรมให้มากๆ(ซึ่งผมเองก็ยังทำไม่ค่อยได้ - -)ระลึกถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา
คส 2:6-8 จงดำเนินชีวิตตามความเชื่อแท้จริงในพระคริสตเจ้า ไม่ใช่ตามคำสอนที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อท่านได้รับองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อไป จงหยั่งรากลึกลงในพระองค์ และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่างมั่นคงดังที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมา จงเต็มเปี่ยมไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า จงระวังอย่าให้ผู้ใดใช้
เมื่อท่านได้รับองค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อไป จงหยั่งรากลึกลงในพระองค์ และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่างมั่นคงดังที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมา จงเต็มเปี่ยมไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า จงระวังอย่าให้ผู้ใดใช้
หวัดดีครับ อ่านแล้วหนุกดี แต่รู้สึกว่า จะใจแคบไม่เปิดใจรับฟังอะไรใหม่ๆบ้างเลยครับ แหมม แค่เค้ามีความเห็นแตกต่างก็โกรธ ไม่พอใจซะอย่างงนั้น ก็อยากให้มีความคิดเป็นตัวของตัวเองนะครับ ปิดหู ปิดตา ตัวเอง จะดีหรอครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ขอบคุณที่ชี้แนะนะคะ *heh
ก็อยากจะถามคุณว่า ถ้าศาสดาของคุณถูกลบหลู่ / บอกว่าไม่จริง / บอกว่าในระหว่างที่เผยแพร่ศาสนาแอบมีในให้ศิษย์สาว ฯลฯ
อยากทราบว่าคุณรู้สึกยังไงคะ?
ดูเอาเถอะคะ ขนาดพระพุทธรูปถูกเอามาใส่เสื้อฮาวาย ฯลฯ
ยังโกรธกันแทบตาย ร้องเรียกกรมศาสนากันยกใหญ่
หรือ ศาสดามูฮัมมัด ที่ถูกเขียนการ์ตูนล้อ
มุสลิมทั่วโลกประท้วง ล่าหัวคนวาดกันจ้าละหวัน
ดิฉันแค่เคือง/อารมณ์เสียที่ศาสดาถูกปู้ยี่ปู้ยำ
ก็เป็นการปิดหูปิดตาไปรึคะ *omg
เวลาที่ไม่ใช่ศาสดาของตัวเองโดนก็พูดได้คะ
ถ้าเวลาศาสดาที่คุณรักโดนปู้ยี่ปู้ยำแล้วคุณรับได้ ไม่รู้สึกโกรธสักนิด
ดิฉันก็ขอยินดีกับคุณด้วยนะคะ
แปลว่าคุณบรรลุถึงหลักธรรมคะ
แต่ดิฉันยังไม่บรรลุถึงหลักธรรมขนาดนั้น
การที่ศาสดาของดิฉันถูก ปู้ยี่ปู้ยำ
โดยแน่นอนว่า ต้องมีคนที่เข้าใจพระองค์ผิดอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง
2000 ปีที่แล้วมนุษย์ตรึงการเขนพระองค์
2000 ปีนี้....มนุษย์ก็ยังตรึงกางเขนพระองค์
ดิฉันโกรธและเคืองคะ แต่ดิฉันจะตอบโต้เรื่องนี้อย่างไร
ก็คงไม่ใช่ทั้งการไปวิ่งเต้นร้องเรื่องเขาลงหนังสือพิมพ์ หรือ ไปไล่ล่าหัวคนทำคะ
เพราะศาสดาของดิฉันไม่ได้สอนให้ทำอย่างนั้น
วิธีตอบโต้มีหลายวิธี อยู่ที่ใครจะทำอย่างไรกับความโกรธของตนเอง
เหอ เหอ เหอ *dirty
ก็อยากจะถามคุณว่า ถ้าศาสดาของคุณถูกลบหลู่ / บอกว่าไม่จริง / บอกว่าในระหว่างที่เผยแพร่ศาสนาแอบมีในให้ศิษย์สาว ฯลฯ
อยากทราบว่าคุณรู้สึกยังไงคะ?
ดูเอาเถอะคะ ขนาดพระพุทธรูปถูกเอามาใส่เสื้อฮาวาย ฯลฯ
ยังโกรธกันแทบตาย ร้องเรียกกรมศาสนากันยกใหญ่
หรือ ศาสดามูฮัมมัด ที่ถูกเขียนการ์ตูนล้อ
มุสลิมทั่วโลกประท้วง ล่าหัวคนวาดกันจ้าละหวัน
ดิฉันแค่เคือง/อารมณ์เสียที่ศาสดาถูกปู้ยี่ปู้ยำ
ก็เป็นการปิดหูปิดตาไปรึคะ *omg
เวลาที่ไม่ใช่ศาสดาของตัวเองโดนก็พูดได้คะ
ถ้าเวลาศาสดาที่คุณรักโดนปู้ยี่ปู้ยำแล้วคุณรับได้ ไม่รู้สึกโกรธสักนิด
ดิฉันก็ขอยินดีกับคุณด้วยนะคะ
แปลว่าคุณบรรลุถึงหลักธรรมคะ
แต่ดิฉันยังไม่บรรลุถึงหลักธรรมขนาดนั้น
การที่ศาสดาของดิฉันถูก ปู้ยี่ปู้ยำ
โดยแน่นอนว่า ต้องมีคนที่เข้าใจพระองค์ผิดอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย
ทั้ง ๆ ที่ไม่เป็นความจริง
2000 ปีที่แล้วมนุษย์ตรึงการเขนพระองค์
2000 ปีนี้....มนุษย์ก็ยังตรึงกางเขนพระองค์
ดิฉันโกรธและเคืองคะ แต่ดิฉันจะตอบโต้เรื่องนี้อย่างไร
ก็คงไม่ใช่ทั้งการไปวิ่งเต้นร้องเรื่องเขาลงหนังสือพิมพ์ หรือ ไปไล่ล่าหัวคนทำคะ
เพราะศาสดาของดิฉันไม่ได้สอนให้ทำอย่างนั้น
วิธีตอบโต้มีหลายวิธี อยู่ที่ใครจะทำอย่างไรกับความโกรธของตนเอง
เหอ เหอ เหอ *dirty
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ พ.ค. 03, 2006 2:07 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
สิ่งที่ผมเชื่อนั้น ได้ประจักษ์ในชีวิตตัวเองจริงๆ จึงเข้าใจว่า ใครไม่ได้รับการเปิดเผยแบบเรา เขาย่อมเชื่อยาก ทำให้เข้าใจพระเยซุมากขึ้นด้วยว่า ในสมัยพระองค์ เมื่อทรงสอนในเรื่องที่ทรงทราบความจริงจากพระเจ้า แล้วคนไม่เชื่อนั้นทรงรู้สึกอย่างไรหวัดดีครับ อ่านแล้วหนุกดี
---อ่านอะไรครับ นี่พูดถึงรายการยูบีซี
แต่รู้สึกว่า จะใจแคบไม่เปิดใจรับฟังอะไรใหม่ๆบ้างเลยครับ แหมม แค่เค้ามีความเห็นแตกต่างก็โกรธ ไม่พอใจซะอย่างงนั้น
---ปรกติข้อมูลทำนองนี้ รู้อยู่แล้วครับ มีแหล่งให้ศึกาเยอะแยะ รายการนี้เคยผ่านตานานแล้ว เอากลับมาฉายใหม่ ก็รู้อยู่แล้วว่าจะนำเสนอเรื่องอะไรบ้าง เลยขี้เกียจดู ส่วนใครจะเชื่อใครเรื่องของเขาครับ ไม่ได้สนใจ
ก็อยากให้มีความคิดเป็นตัวของตัวเองนะครับ ปิดหู ปิดตา ตัวเอง จะดีหรอครับ
---มีความคิดของตัวเองแน่นอนครับ และพัฒนาความรู้จากแหล่งความรู้ที่เชื่อถือได้ และมีเหตุผล ไม่ใช่นิยายอ่านสนุกครับ เวลาหาข้อมุลต้องหาหมดทุกด้านและทุกแง่อยู่แล้วครับ และต้องเป้นข้อมูลเชิงลึกด้วย ไม่ใช่ข้อมูลเชิงความเห็นของนักวิชาการ(ซึ่งในรายการมีปนเยอะมาก) แต่ต้องเป็นข้อเท็จจริงครับ ที่แน่ๆก็พบเสมอว่าบรรดาคนเชื่อนิยายส่วนมาก ก็แทบไม่ได้รับข้าวสารด้านอื่นนอกจากนิยาย กับฝ่ายสนับสนุนนิยายอยู่แล้ว
ยน 8:40
แต่บัดนี้ ท่านกำลังพยายามจะฆ่าเรา ซึ่งเป็นคนที่บอกความจริงที่เราได้ยินมาจากพระเจ้าให้ท่านฟัง
ยน 15:26
เมื่อพระผู้ช่วยเหลือซึ่งเราจะส่งมาจากพระบิดา จะเสด็จมา
คือพระจิตแห่งความจริง ผู้ทรงเนื่องมาจากพระบิดา
พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา
1คร 3:18
จงอย่าหลอกลวงตนเอง ถ้าท่านใดคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาดในโลกนี้ ก็จงยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนฉลาดอย่างแท้จริง เพราะความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ในโลกนี้เป็นความโง่เขลาเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
ดีแล้วที่ไม่ได้ดูเรา -*-
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ใช่ครับ
ดีแล้วคับที่ไม่ได้ดู
ดีแล้วคับที่ไม่ได้ดู
ดูแล้วครับมีถึงวันพุธเลยครับเป็นสารคดีตอนต่อเนื่องก็ดูแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งครับSugarRei เขียน: Holy bible week วันนี้ 2 ทุ่ม ทางเนชั่นแนล จีโอ กราฟฟิค
เสนอ "Rival of Jesus" ว่าด้วยเอกสารลับของเก่าแก่ที่เปิดเผยว่า
พระเยซูไม่ใช่พระเมสสิอาห์เพียงพระองค์เดียว แต่ยังมีพระเมสสิอาห์อื่นอีก
ใครที่สามารถจะดูได้ ช่วยดูแล้วเล่าให้ฟังบ้างนะคะ
เรเองดูไม่ได้เพราะเรไม่อยากให้เค้ามองพระเยซูในแง่ไม่ดี
นอกจากนี้ ต่อให้ไม่ติดเรื่องที่บ้าน เรเองก็ไม่แน่ใจว่าจะกล้าดู
เพราะไม่ทราบว่าจะต้องเจอกับการทดลองอะไรบ้าง
แต่แค่ดูจากตัวอย่าง มันเป็นการทดลองขนานใหญ่เลยล่ะค่ะ
ขอสวดให้กับดวงวิญญาณทุกดวงที่จะหลงทางไปเพราะสารคดีในคืนนี้ค่ะ
และขอพระเป็นเจ้าทรงประทานความเข้มแข็งให้กับผู้เชื่อทุกคนที่จะไม่หลงไปกับคำลวงของมารค่ะ
การที่เอกสารฉบับหนึ่งเป็นเอกสารเก่าแก่จริง
ไม่ได้แปลว่าข้อความในเอกสารนั้นเป็นเรื่องจริงค่ะ
ลองคิดดูนะคะว่าจะน่ากลัวขนาดไหน
ถ้าอีก 2000 ปี ข้างหน้า มีคนมาค้นพบการ์ตูนเรื่องเซลเลอร์มูนถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของปี 2006
แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะว่า เป็นเรื่องจริงน่ะ
เอกสารโบราณไม่จำเป็นต้องจริงเสมอไป
สมมุติว่ามันเป็นนิยายที่คนสมัยนั้นแต่งอ่านกันเล่นๆล่ะ
ทั้งคนแต่ง คนอ่าน ขำขำ
แต่คนรุ่นหลังอย่างเราขำไม่ออกนะ
แม้แต่พระพุทธเจ้ายังบอกว่า "จงอย่างเชื่อเพราะฟังตามกันมา แต่จงเชื่อเพราะพิจารณาด้วยตนเอง"
อยากบอกเพื่อนๆที่ไม่ใช่คริสตชนว่าถ้าไม่เชื่อพระเยซู ก็เชื่อพระพุทธเจ้าก็ยังดีค่ะ
ที่เรเชื่อพระเยซู เพราะเรสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของพระองค์ และ กิจการต่างๆของพระองค์
เรามองไม่เห็นลม แต่เราสัมผัสได้ว่ามีลม
และเรารู้สึกเย็นสบายเนื่องด้วยลมนั้น
หากวันหนึ่งมีการค้นพบเอกสารโบราณเขียนว่า
"ลมไม่มีจริงในโลก"
คุณจะเชื่อไหม ในเมื่อลมยังพัดอยู่จนถึงตอนนี้ ?
ไม่ได้แปลว่าข้อความในเอกสารนั้นเป็นเรื่องจริงค่ะ
ลองคิดดูนะคะว่าจะน่ากลัวขนาดไหน
ถ้าอีก 2000 ปี ข้างหน้า มีคนมาค้นพบการ์ตูนเรื่องเซลเลอร์มูนถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังของปี 2006
แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะว่า เป็นเรื่องจริงน่ะ
เอกสารโบราณไม่จำเป็นต้องจริงเสมอไป
สมมุติว่ามันเป็นนิยายที่คนสมัยนั้นแต่งอ่านกันเล่นๆล่ะ
ทั้งคนแต่ง คนอ่าน ขำขำ
แต่คนรุ่นหลังอย่างเราขำไม่ออกนะ
แม้แต่พระพุทธเจ้ายังบอกว่า "จงอย่างเชื่อเพราะฟังตามกันมา แต่จงเชื่อเพราะพิจารณาด้วยตนเอง"
อยากบอกเพื่อนๆที่ไม่ใช่คริสตชนว่าถ้าไม่เชื่อพระเยซู ก็เชื่อพระพุทธเจ้าก็ยังดีค่ะ
ที่เรเชื่อพระเยซู เพราะเรสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของพระองค์ และ กิจการต่างๆของพระองค์
เรามองไม่เห็นลม แต่เราสัมผัสได้ว่ามีลม
และเรารู้สึกเย็นสบายเนื่องด้วยลมนั้น
หากวันหนึ่งมีการค้นพบเอกสารโบราณเขียนว่า
"ลมไม่มีจริงในโลก"
คุณจะเชื่อไหม ในเมื่อลมยังพัดอยู่จนถึงตอนนี้ ?
ประเด็นคือ สารคดีนี้ ถ้าอ่านเป็นหนังสือ กับดูเป็นหนัง
ตัวหนังสือจะเป็นกลางกว่ามาก เพราะปัญหาการแปลของคนแปลที่เอนเอียง
อนึ่ง ผู้ที่พยายามทำตัวเป็นพระผู้ไถ่คนอื่นๆมีจริง ในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามี
กจ 13:4-12 เอลีมัสผู้วิเศษ
เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยังเมือง เซลูเคียและจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส ครั้นถึงเมืองซาลามิส ทั้งสองคนประกาศ พระวาจาของพระเจ้าในศาลาธรรมของชาวยิวมียอห์นเป็นผู้ช่วย เขาทั้งสามคนเดินข้ามเกาะไปถึงเมืองปาโฟส พบผู้วิเศษชาวยิวคนหนึ่งชื่อ บารเยซู ซึ่งอ้างตนเป็นประกาศก เป็นเพื่อนสนิทของเซอร์จีอัส เปาลัส ผู้ว่าราชการ ซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและส่งคนไปเชิญบารนาบัสกับเซาโลมาเพราะต้องการฟังพระวาจาของพระเจ้า แต่บาร์เยซูที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า
ตัวหนังสือจะเป็นกลางกว่ามาก เพราะปัญหาการแปลของคนแปลที่เอนเอียง
อนึ่ง ผู้ที่พยายามทำตัวเป็นพระผู้ไถ่คนอื่นๆมีจริง ในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามี
กจ 13:4-12 เอลีมัสผู้วิเศษ
เมื่อบารนาบัสและเซาโลได้รับมอบภารกิจจากพระจิตเจ้าแล้ว จึงเดินทางไปยังเมือง เซลูเคียและจากที่นั่นก็แล่นเรือไปยังเกาะไซปรัส ครั้นถึงเมืองซาลามิส ทั้งสองคนประกาศ พระวาจาของพระเจ้าในศาลาธรรมของชาวยิวมียอห์นเป็นผู้ช่วย เขาทั้งสามคนเดินข้ามเกาะไปถึงเมืองปาโฟส พบผู้วิเศษชาวยิวคนหนึ่งชื่อ บารเยซู ซึ่งอ้างตนเป็นประกาศก เป็นเพื่อนสนิทของเซอร์จีอัส เปาลัส ผู้ว่าราชการ ซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและส่งคนไปเชิญบารนาบัสกับเซาโลมาเพราะต้องการฟังพระวาจาของพระเจ้า แต่บาร์เยซูที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ พ.ค. 03, 2006 9:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
หนูเรย์พูดถูก ;D
นักเล่นกลคนหนึ่งบังเอิญได้อ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เขาอ่านเรื่องอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าด้วยความสนใจ และด้วยแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพระเยซูที่เขาอ่าน นักเล่นกลปรารถนาที่จะเลียนแบบพระเยซูเจ้าและรับศีลล้างบาป
เขาตัดสินใจเดินทางไปที่วัดที่อยู่ใกล้หมู่บ้านของเขา เพื่อขอรับศีลล้างบาปจากคุณพ่อเจ้าวัด ในระหว่างทางเขาพบกับขบวนแห่ศพ โดยปรารถนา จะเลียนแบบพระเยซูเจ้า เขาบอกให้ขบวนแห่ศพหยุดและเดินตรงไปที่โลงของเด็กหนุ่มผู้ตาย นักเล่นกลกล่าวถ้อยคำ 2-3 คำต่อหน้าศพของเด็ก หนุ่มผู้นั้น ทันใดนั้นผู้ตายก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นนักเล่นกลก็เดินทางต่อไป
เมื่อเขาเข้ามาในหมู่บ้าน เขาเห็นคนยากจนกำลังรวมตัวกัน พวกเขามีเพียงขนมปังห้าก้อนเป็นอาหารที่เหลืออยู่สำหรับทุกคน นักเล่นกลหยิบขนมปังห้าก้อนขึ้นมา เขาเสกมันด้วยเวทย์มนต์ของเขา และมันทวีจำนวนมากมาย และคนจนที่นั่นทุกคนสามารถกินขนมปังอย่างอิ่มหนำ นักเล่นกลมีความสุขมาก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถเลียนแบบพระเยซูเจ้าได้อีกครั้งหนึ่ง
ที่สุดเขามาถึงฝั่งตรงข้ามของวัดซึ่งมีแม่น้ำขวางอยู่ เขาใช้เวทย์มนต์ของเขาอีกครั้ง และช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนั้น เขาสามารถเดินบนน้ำได้ เขาภาคภูมิใจมาก เพราะเขาคิดว่านี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาเลียนแบบพระเยซูได้ "ฉันกำลังเลียนแบบพระเยซู" เขารำพึงกับตนเอง "ตอนนี้ฉันคง เป็นคริสตชนได้แล้วซินะ"
นักเล่นกลเดินตรงไปที่วัดและแนะนำตนเองกับคุณพ่อ "คุณพ่อครับผมอยากเป็นคริสตชน" "ลูกที่รัก ลูกทราบไหมว่าการเป็นคริสตชนมีความหมายอย่างไร " คุณพ่อถาม " ผมคิดว่า ผมทราบนะครับ เพราะจริง ๆ แล้ว คุณพ่อทราบไหมครับว่า วันนี้ผมเลียนแบบพระเยซูเจ้า โดยทำอัศจรรย์ ปลุก คนตายให้กลับคืนชีพ ทวีขนมปัง และเดินบนน้ำ" นักเล่นกลตอบอย่างภาคภูมิใจ
"บอกพ่ออีกนิดหนึ่งนะว่า ลูกสามารถรักศัตรู รับใช้เพื่อนมนุษย์ของลูก ละทิ้งตนเองและแบกกางเขนของลูกติดตามพระเยซูได้ไหม?" คุณพ่อถามอย่างนุ่มนวล
"มันบ้าชัด ๆ เลย สิ่งที่คุณพ่อพูดมา มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้" ชายนักเล่นกลตอบคุณพ่ออย่างหัวเสีย
"แต่ลูกรัก สิ่งเหล่านี้แหละเป็นความหมายของการเป็นคริสตชน ที่พระเยซูเจ้าทรงสอน" คุณพ่อย้ำ เมื่อได้ยินดังนี้ นักเล่นกลเดินจากไปในทันที เขาคิดในใจว่าเขาจะไม่ยอมเป็นคริสตชนอย่างเด็ดขาด
มันง่ายที่จะเลียนแบบอัศจรรย์ของพระเยซู แต่มันยากที่จะเลียนแบบความรักของพระองค์
ข้อคิด "ผู้รักพระราชัยสวรรค์ของพระเยซูมีมาก แต่ผู้แบกกางเขนของพระองค์มีน้อย คนจำนวนมากชอบความบรรเทาใจของพระเยซู แต่คนจำนวนน้อยชอบความลำบากของพระองค์...ส่วนคนที่รักพระเยซูเพราะพระเยซู และมิใช่เพราะความบรรเทาใจจากพระองค์ ย่อมถวายพรแด่พระองค์เสมอเป็นนิตย์ ไม่ว่าเขาจะได้รับความยากลำบาก คับแค้นใจ หรือเป็นสุขใจ"
(จากหนังสือ "จำลองแบบพระคริสต์" ภาค 2 บทที่ 11 ข้อ 1-2, 10 หน้า 159-160)
เขาตัดสินใจเดินทางไปที่วัดที่อยู่ใกล้หมู่บ้านของเขา เพื่อขอรับศีลล้างบาปจากคุณพ่อเจ้าวัด ในระหว่างทางเขาพบกับขบวนแห่ศพ โดยปรารถนา จะเลียนแบบพระเยซูเจ้า เขาบอกให้ขบวนแห่ศพหยุดและเดินตรงไปที่โลงของเด็กหนุ่มผู้ตาย นักเล่นกลกล่าวถ้อยคำ 2-3 คำต่อหน้าศพของเด็ก หนุ่มผู้นั้น ทันใดนั้นผู้ตายก็กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นนักเล่นกลก็เดินทางต่อไป
เมื่อเขาเข้ามาในหมู่บ้าน เขาเห็นคนยากจนกำลังรวมตัวกัน พวกเขามีเพียงขนมปังห้าก้อนเป็นอาหารที่เหลืออยู่สำหรับทุกคน นักเล่นกลหยิบขนมปังห้าก้อนขึ้นมา เขาเสกมันด้วยเวทย์มนต์ของเขา และมันทวีจำนวนมากมาย และคนจนที่นั่นทุกคนสามารถกินขนมปังอย่างอิ่มหนำ นักเล่นกลมีความสุขมาก เพราะเขาคิดว่าเขาสามารถเลียนแบบพระเยซูเจ้าได้อีกครั้งหนึ่ง
ที่สุดเขามาถึงฝั่งตรงข้ามของวัดซึ่งมีแม่น้ำขวางอยู่ เขาใช้เวทย์มนต์ของเขาอีกครั้ง และช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนั้น เขาสามารถเดินบนน้ำได้ เขาภาคภูมิใจมาก เพราะเขาคิดว่านี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาเลียนแบบพระเยซูได้ "ฉันกำลังเลียนแบบพระเยซู" เขารำพึงกับตนเอง "ตอนนี้ฉันคง เป็นคริสตชนได้แล้วซินะ"
นักเล่นกลเดินตรงไปที่วัดและแนะนำตนเองกับคุณพ่อ "คุณพ่อครับผมอยากเป็นคริสตชน" "ลูกที่รัก ลูกทราบไหมว่าการเป็นคริสตชนมีความหมายอย่างไร " คุณพ่อถาม " ผมคิดว่า ผมทราบนะครับ เพราะจริง ๆ แล้ว คุณพ่อทราบไหมครับว่า วันนี้ผมเลียนแบบพระเยซูเจ้า โดยทำอัศจรรย์ ปลุก คนตายให้กลับคืนชีพ ทวีขนมปัง และเดินบนน้ำ" นักเล่นกลตอบอย่างภาคภูมิใจ
"บอกพ่ออีกนิดหนึ่งนะว่า ลูกสามารถรักศัตรู รับใช้เพื่อนมนุษย์ของลูก ละทิ้งตนเองและแบกกางเขนของลูกติดตามพระเยซูได้ไหม?" คุณพ่อถามอย่างนุ่มนวล
"มันบ้าชัด ๆ เลย สิ่งที่คุณพ่อพูดมา มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำแบบนี้" ชายนักเล่นกลตอบคุณพ่ออย่างหัวเสีย
"แต่ลูกรัก สิ่งเหล่านี้แหละเป็นความหมายของการเป็นคริสตชน ที่พระเยซูเจ้าทรงสอน" คุณพ่อย้ำ เมื่อได้ยินดังนี้ นักเล่นกลเดินจากไปในทันที เขาคิดในใจว่าเขาจะไม่ยอมเป็นคริสตชนอย่างเด็ดขาด
มันง่ายที่จะเลียนแบบอัศจรรย์ของพระเยซู แต่มันยากที่จะเลียนแบบความรักของพระองค์
ข้อคิด "ผู้รักพระราชัยสวรรค์ของพระเยซูมีมาก แต่ผู้แบกกางเขนของพระองค์มีน้อย คนจำนวนมากชอบความบรรเทาใจของพระเยซู แต่คนจำนวนน้อยชอบความลำบากของพระองค์...ส่วนคนที่รักพระเยซูเพราะพระเยซู และมิใช่เพราะความบรรเทาใจจากพระองค์ ย่อมถวายพรแด่พระองค์เสมอเป็นนิตย์ ไม่ว่าเขาจะได้รับความยากลำบาก คับแค้นใจ หรือเป็นสุขใจ"
(จากหนังสือ "จำลองแบบพระคริสต์" ภาค 2 บทที่ 11 ข้อ 1-2, 10 หน้า 159-160)
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
ดูได้แปปเดี๋ยวแล้วเลิกม่ะดูอีกเลย เหอะๆๆ >:(
แวะมาดูครับ เผอิญตามลิ้งมา เห็นเวปน่าสนใจดี แต่ผมเป็นชาวพุทธนะครับ
แค่อยากมาออกคห.นิดหน่อยว่า ประเด็นของเรื่องคือ มันขึ้นอยู่กับความเชฃื่อของแต่ละตัวคน สิ่งที่สารคดีนำเสนออาจจะเป็นความจริงก็ได้ หรือไม่เป็นจริงก็ได้ แต่เรื่องคือ คุณเลือกที่จะเชื่อแบบไหนก็แค่นั้น
สำหรับผมแล้วเชื่อคำสอนของพุทธอย่างค่อนข้างสนิทใจ แม้ไม่ทุกข้อ แต่ก็เกือบ โดยเฉพาะข้อที่เป็นหัวใจหลัก เพราะผมลองทำแล้วพบว่ามันเป็นจริง ไม่ได้เชื่ออย่างไม่สนใจอะไร
สำหรับคริสตนั้น ผมสนใจศึกษาเรื่องราวของพระเยซู และประวัติของศาสนานี้พอตัว เพราะผมเป็นคนบ้าปวศ.เข้าสมองโดยไม่สนด้วยว่าจะเป็นปวศ.ของชนชาติหรือศาสนาไหน
ผมชมชอบคำสอนของคริสตในแง่ที่ให้อภัยและมอบความรักแก่ผู้อื่น แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยในเรื่องการสวดภาวนาและการเชื่อในพระเจ้าโดยหมดใจ แต่หากมองอีกแง่ มันก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ปลอบประโลมจิตใจคนที่ดียามที่ไร้ที่พึ่ง
สรุปแล้วมันอยู่ที่ตัวเราเอง ว่าจะเชื่อโดยกล้าที่จะทดลองด้วยตัวเองหรือเลือกจะเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆ
แค่อยากมาออกคห.นิดหน่อยว่า ประเด็นของเรื่องคือ มันขึ้นอยู่กับความเชฃื่อของแต่ละตัวคน สิ่งที่สารคดีนำเสนออาจจะเป็นความจริงก็ได้ หรือไม่เป็นจริงก็ได้ แต่เรื่องคือ คุณเลือกที่จะเชื่อแบบไหนก็แค่นั้น
สำหรับผมแล้วเชื่อคำสอนของพุทธอย่างค่อนข้างสนิทใจ แม้ไม่ทุกข้อ แต่ก็เกือบ โดยเฉพาะข้อที่เป็นหัวใจหลัก เพราะผมลองทำแล้วพบว่ามันเป็นจริง ไม่ได้เชื่ออย่างไม่สนใจอะไร
สำหรับคริสตนั้น ผมสนใจศึกษาเรื่องราวของพระเยซู และประวัติของศาสนานี้พอตัว เพราะผมเป็นคนบ้าปวศ.เข้าสมองโดยไม่สนด้วยว่าจะเป็นปวศ.ของชนชาติหรือศาสนาไหน
ผมชมชอบคำสอนของคริสตในแง่ที่ให้อภัยและมอบความรักแก่ผู้อื่น แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยในเรื่องการสวดภาวนาและการเชื่อในพระเจ้าโดยหมดใจ แต่หากมองอีกแง่ มันก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ปลอบประโลมจิตใจคนที่ดียามที่ไร้ที่พึ่ง
สรุปแล้วมันอยู่ที่ตัวเราเอง ว่าจะเชื่อโดยกล้าที่จะทดลองด้วยตัวเองหรือเลือกจะเชื่ออย่างสนิทใจโดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆ
-
- โพสต์: 1159
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm
ยินดีที่แวะมาวิสาสะนะคะ ชาวพุทธฯ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีที่พึ่งจึงไปพึ่งพระนะคะ คนเราแต่ละคนก็มีหลักยึดเหนี่ยวแตกต่างกัน ถ้าลองค้นลงไปในใจลึก ๆ ก็จะรู้ว่าแต่ละคนมีที่ยึดเหนี่ยวไว้ทั้งนั้น ซึ่งจะเรียกว่าอะไร ก็ต่างไปตามความเชื่อ เรื่องนี้แลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาร่วมกันนานหน่อย และตั้งใจฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง ด้วย ก็จะเข้าใจค่ะ ว่าไม่ใช่เพราะเราไร้ที่พึ่ง จึงไปพึ่งพระ เราไม่ใช่คนไร้ที่พึ่ง อย่าเข้าใจผิดนะคะ
เห็นด้วยครับ ไม่ใช่เพราะเรา ไร้ที่พึ่ง .. อืม มันเป็นอย่างที่พระคัมภีร์เขียนเอาไว้จริงๆ ว่า ความฉลาดของมนุษย์ หรือ ปรัชญาใด ๆ พระเจ้าจะทำให้เขาล้มเพราะอุบายของเขาเอง ..จอมนางกระบี่เดี่ยว เขียน: ยินดีที่แวะมาวิสาสะนะคะ ชาวพุทธฯ ไม่ใช่ว่าเราไม่มีที่พึ่งจึงไปพึ่งพระนะคะ คนเราแต่ละคนก็มีหลักยึดเหนี่ยวแตกต่างกัน ถ้าลองค้นลงไปในใจลึก ๆ ก็จะรู้ว่าแต่ละคนมีที่ยึดเหนี่ยวไว้ทั้งนั้น ซึ่งจะเรียกว่าอะไร ก็ต่างไปตามความเชื่อ เรื่องนี้แลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาร่วมกันนานหน่อย และตั้งใจฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง ด้วย ก็จะเข้าใจค่ะ ว่าไม่ใช่เพราะเราไร้ที่พึ่ง จึงไปพึ่งพระ เราไม่ใช่คนไร้ที่พึ่ง อย่าเข้าใจผิดนะคะ
ผมเปล่าว่า คุณชาวพุทธนะครับ แต่ อ่านโดยทั้งหมด แล้ว จบตอนท้าย สะท้อนให้เห็นว่า คุณชาวพุทธ ไร้ที่พึ่ง ก็เลยอธิบายออกมาอย่างนั้น
เรายังไม่เคยคิดเลยว่า เราไร้ที่พึ่ง อะ .. งง เหมือนกัน ได้ยินมาเยอะว่า มีศาสนาเป็นที่พึ่ง แต่ผมกลับมองว่า ทางของพระเยซูเป็นความจริง ที่สนิทแนบแน่น กับ ชีวิตและสรรพสิ่งอย่างมีเหตุผลและไม่งมงาย คือ ไม่มีภาพของการไร้ที่พึ่ง เลยต้องไปพึ่งพระในความหมายแบบนั้นจริง ๆ
อืม .. ขอบคุณที่พระ ทรงเปิดเผยเรื่องราวให้ผมรู้ตั้งแต่ ยังเรียน ป.2 ครอบครัวผมทั้งหมดเป็นพุทธครับ พ่อ แม่ พี่สาว
แต่ผมคนเดียวที่ได้รับสารนี้จากพระจิตเจ้า ในบ้าน มีพระพุทธรูป เต็มไปหมด ผมมอง ๆ เห็นแม่ของผมเอา ข้าว เอาน้ำใส่ถ้วยเล็ก ๆ ไปให้ บอกว่า ให้พระได้กินแล้วแม่จะได้กิน .. คือ สิ่งที่แม่ทำ มันทำให้ผมเชื่อมากขึ้น เห็นชัดมากขึ้นว่า คำที่เขียนในพระคัมภีร์ หลายพันปี ไม่มีบิดพริ้วเลย
พระของเขา กินไม่ได้ เดินไม่ได้ .. อืม .. ผมแอบคิดในใจ ว่า ถ้านึกดูดีดี สสารกันที่สร้างขึ้นมาเป็นพระพุทธรูป มันก็มากจากดิน นี่เองแหละ แต่มาจัดแต่งให้เป็นรูปเสมือนของศาสดา แล้วก็ .. อืม .. ผมเคยไหว้พระพุทธรูปนะครับ ตอนเด็ก ๆที่ความเชื่อครึ่ง ไม่ครึ่ง .. แต่ตอนนี้ เซย์โนว์ครับ ไม่ไหว้ และ ไม่รู้สึกว่า ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
เพราะว่า ผมไปไหน พระไปด้วย .. พระของผมอยู่ทุกที่ เพราะทุกที่บนโลกนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ บ้านของพระองค์ และ ผมก็เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ไปไหน สบายใจครับ ไม่ต้องหาอะไรมาห้อยให้รกรุงรัง และ ไม่ต้องกังวลว่า ถ้าไม่ได้พกไปด้วย เพราะลืม จะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น
อืม .. ผมเชื่อ เพราะ เหตุผลที่ลึกซึ้ง คิด สาระตะแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พระเจ้าไม่มีจริง ครับ
อืม .. ขอบคุณพระมากๆ ครับ
- lovejesus(cap)
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 17, 2006 7:15 pm
อาแมน....กับเรื่องราวของคุณแทมครับ 8)
แวะมาอีกครับ คนเดิมๆ
จะบอกว่าที่พูดออกมาในประโยคสุดท้ายไม่ใช่เพราะผมไร้ที่พึ่งพิงครับ ผมแค่เปรียบเทียบและยกตย.ให้ฟังเฉยๆ สำหรับคนทั่วไปหลายๆคนน่ะ
สำหรับการกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นก็เหมือนกับการที่ชาวคริสต์นับถือเคารพและให้ความสำคัญต่อไม้กางเขนแหละครับ เป็นลักษณะของสิ่งที่เป็นตัวแทนในฐานะสัญลักษณ์ของสิ่งที่เราเชื่อและนับถือ สำหรับชาวพุทธแล้วการกราบไหว้พระพุทธรูปและสวดมนตร์ก็คือสัญลักษณ์แสดงแทนความเคารพต่อธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบครับ เช่นเดียวกับการที่ชาวคริสตแสดงความศรัทธาและร้องเพลงอวยพรพระเจ้านั่นละ
เพียงแต่ว่าศาสนาพุทธในช่วงหลังๆถูกทำให้เกิดการบิดเบือนไปมาก เช่นการตั้งนิกายธรรมกายขึ้นมาที่เน้นการสร้างวัตถุบูชาและสถานที่อันใหญ่โตอลังการ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการหรือสาระในคำสอนของพระพุทธเจ้าแม้แต่น้อย
การบริจาคทานตามความตั้งใจดั้งเดิมของศาสนาพุทธคือการให้คนเรารู้จักให้ต่อผู้อื่น เพราะนั่นจะทำให้จิตใจของเรารู้จักความสุขของการให้ และทำให้ผู้อื่นได้รับความสุขของการได้รับ แต่ธรรมกายนั้นกลับบอกว่าคนเราต้องบริจาคทานมากๆเพื่อจะได้ไปสวรรค์หรือเกิดมาสบายๆในชาติหน้า
นั่นผิดหลักแท้จริงของพุทธตามที่ผมเชื่อและศึกษามาครับ
มาพูดให้ฟังแค่นี้ละครับ คราวหน้าจะแวะมาอีก
จะบอกว่าที่พูดออกมาในประโยคสุดท้ายไม่ใช่เพราะผมไร้ที่พึ่งพิงครับ ผมแค่เปรียบเทียบและยกตย.ให้ฟังเฉยๆ สำหรับคนทั่วไปหลายๆคนน่ะ
สำหรับการกราบไหว้พระพุทธรูปนั้นก็เหมือนกับการที่ชาวคริสต์นับถือเคารพและให้ความสำคัญต่อไม้กางเขนแหละครับ เป็นลักษณะของสิ่งที่เป็นตัวแทนในฐานะสัญลักษณ์ของสิ่งที่เราเชื่อและนับถือ สำหรับชาวพุทธแล้วการกราบไหว้พระพุทธรูปและสวดมนตร์ก็คือสัญลักษณ์แสดงแทนความเคารพต่อธรรมที่พระพุทธเจ้าค้นพบครับ เช่นเดียวกับการที่ชาวคริสตแสดงความศรัทธาและร้องเพลงอวยพรพระเจ้านั่นละ
เพียงแต่ว่าศาสนาพุทธในช่วงหลังๆถูกทำให้เกิดการบิดเบือนไปมาก เช่นการตั้งนิกายธรรมกายขึ้นมาที่เน้นการสร้างวัตถุบูชาและสถานที่อันใหญ่โตอลังการ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการหรือสาระในคำสอนของพระพุทธเจ้าแม้แต่น้อย
การบริจาคทานตามความตั้งใจดั้งเดิมของศาสนาพุทธคือการให้คนเรารู้จักให้ต่อผู้อื่น เพราะนั่นจะทำให้จิตใจของเรารู้จักความสุขของการให้ และทำให้ผู้อื่นได้รับความสุขของการได้รับ แต่ธรรมกายนั้นกลับบอกว่าคนเราต้องบริจาคทานมากๆเพื่อจะได้ไปสวรรค์หรือเกิดมาสบายๆในชาติหน้า
นั่นผิดหลักแท้จริงของพุทธตามที่ผมเชื่อและศึกษามาครับ
มาพูดให้ฟังแค่นี้ละครับ คราวหน้าจะแวะมาอีก
ผมดูแล้วมันก็เอาพระเยซูเปรียบเทียบนะครับกับคนที่คล้ายๆพระองค์ที่ลงใน กจ อันนี้คงเป็นเรื่องที่สื่อให้เห็นถึงสังคมยุคนั้นที่มีความแตกแยกเรื่องความเชื่อในพระเยซูนะครับ
ผมว่าเราดูแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเพราะตัวเราต้องมีวิจรณญาณไม่ต้องให้บั่นทอนความเชื่อจะดีมากครับควรแยกสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ
ผมว่าเราดูแล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเพราะตัวเราต้องมีวิจรณญาณไม่ต้องให้บั่นทอนความเชื่อจะดีมากครับควรแยกสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ
แก้ไขล่าสุดโดย St.paul เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 18, 2006 4:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- .
- โพสต์: 944
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 18, 2005 11:16 pm
เวลาที่จะได้รับรู้เรื่องราวที่จะขัดกับหลักความเชื่อเช่นนี้
เก๋เลือกที่จะไม่ดู ไม่เปิดหู ไม่เปิดใจ ไม่รับฟังมันเลยค่ะ
เพราะมันทรมานมาก กับการถูกผจญค่ะ
เพราะไม่อยากแม้แต่ให้เรา . . .
มีคำถามขึ้นมาในใจ. .มีความกระวนกระวายใจ .. มีความสงสัยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
หรือมีข้อเปรียบเทียบ หรือสิ่งอื่นใด
เพราะว่า อะไรในโลกนี้ก็มาเทียบพระเป็นเจ้าของเราไม่ได้อีกแล้วค่ะ
(( อย่าเอารายการมาล่อซะให้ยากนะเจ้ามารร้ายย ...ชิส์ แบลลๆๆๆ *wae ))
+ + การที่ใจเราจะ โดนทำให้ไข้วเขวนั้น ง่ายดายเหลือเกิน. . . .
แต่เมื่อเราเจอสิ่งต่างๆเข้ามาผจญกับความรู้สึกแล้วนั้น ..ช่างหาทางออกได้ยากนัก..
ดังนั้น จงดำเนินชีวิตด้วยรัก. . .และเชื่อมั่นว่า . . .รักที่ยิ่งใหญ่และแท้จริง
คือ รักขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว + +
God Bless You
^___^
เก๋เลือกที่จะไม่ดู ไม่เปิดหู ไม่เปิดใจ ไม่รับฟังมันเลยค่ะ
เพราะมันทรมานมาก กับการถูกผจญค่ะ
เพราะไม่อยากแม้แต่ให้เรา . . .
มีคำถามขึ้นมาในใจ. .มีความกระวนกระวายใจ .. มีความสงสัยเรื่องเล็กๆน้อยๆ
หรือมีข้อเปรียบเทียบ หรือสิ่งอื่นใด
เพราะว่า อะไรในโลกนี้ก็มาเทียบพระเป็นเจ้าของเราไม่ได้อีกแล้วค่ะ
(( อย่าเอารายการมาล่อซะให้ยากนะเจ้ามารร้ายย ...ชิส์ แบลลๆๆๆ *wae ))
+ + การที่ใจเราจะ โดนทำให้ไข้วเขวนั้น ง่ายดายเหลือเกิน. . . .
แต่เมื่อเราเจอสิ่งต่างๆเข้ามาผจญกับความรู้สึกแล้วนั้น ..ช่างหาทางออกได้ยากนัก..
ดังนั้น จงดำเนินชีวิตด้วยรัก. . .และเชื่อมั่นว่า . . .รักที่ยิ่งใหญ่และแท้จริง
คือ รักขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว + +
God Bless You
^___^
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ พ.ค. 27, 2006 1:59 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ดีแล้วหล่ะจ้ะ*no1
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
national geographic ลงเป็นสารคดีในหนังสืองับTRUTH? เขียน: อยากดูจัง หาดูได้ที่ไหนครับ มีอีกไหม
เลยต้องเสียตังค์ซื้อหนังสือมาอ่านน่ะสิ แย่จัง มีใครให้ยืมได้ไหมฮับ:+ La BouQueT +: เขียน:national geographic ลงเป็นสารคดีในหนังสืองับTRUTH? เขียน: อยากดูจัง หาดูได้ที่ไหนครับ มีอีกไหม