กวดวิชา จำเป็นมากน้อยแค่ไหน?

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

อังคาร พ.ค. 09, 2006 5:10 pm

ผมชักจะรู้สึกว่าการสอบมหาลัยเดี๋ยวนี้ชักจะเป็นการแข่งโรงเรียนกวดวิชามากกว่าแข่งนักเรียนปกติกันเข้าไปใหญ่แล้ว

เอะอะอะไรก็กวดวิชา

อยากรู้ว่า จำเป็นรึที่ต้องไปเรียนกวดวิชาแล้วถึงจะสอบได้

ปัญหาคือ การออกข้อสอบเกินที่เรียนซึ่งเป็นการสอบที่ไม่แฟร์ เหมือนเป็นการบังคับไปเรียนทางอ้อม

(พอดีรู้สึกเคืองน่ะ ที่แม่ผมพยายามรบเร้าให้ผมไปเรียนพิเศษ)

เอาล่ะ ลุยเองดีกว่า เกรดก็3กว่าๆ รายงานทำทันส่งหรือส่งก่อนทุกครั้ง แบบนี้น่าจะไหว
แก้ไขล่าสุดโดย NKL เมื่อ อังคาร พ.ค. 09, 2006 11:14 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
natchanon

อังคาร พ.ค. 09, 2006 5:27 pm

ไม่จำเป็น คับ ดูอย่างพี่ผมสิคับไม่เคยกวดที่ไหนยังติด อักษร จุฬา
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร พ.ค. 09, 2006 10:36 pm

สำหรับบางคนจำเป็น และ บางคนไม่จำเป็น ( อย่างพี่ข้างบนน่ะ )

ถ้าคุณNKL หัวไม่ค่อยดี ไม่มีสมาธิ ชอบให้คนอื่นบังคับ ถึงจะอ่านหนังสือ หรือฝึกฝนวิชา
ก็จำเป็น ตัวกวดฮะ ( อ้อ ต้องมีตังค์เสียค่ากวดด้วย )

-แต่ถ้าคุณเป็นคนมีวินัย ขยันเสมอๆ หัวพอไปได้ ก็ กวดเองที่ผ่านละกัน
amour

อังคาร พ.ค. 09, 2006 11:49 pm

สำหรับผม ผมว่าไม่จำเป็นครับ ตั้งแต่เกิดมาทั้งชีวิต จนผ่านแอดมิชชั่นมาได้ (ถึงจะได้ไม่ใช้คะแนน) ผมไม่เคยเรียนกวดเลยครับ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรานะผมว่า ปีที่แล้ว นักเรียน 9 คนที่ได้คะแนนเอ็นสูงสุดของประเทศ มีคนนึงไม่ได้กวด ซึ่งเค้าอาจจะหัวดีอยู่แล้วหน่ะ หรือไม่เค้าก็ขยัน....
ทำไมหล่ะครับ เราเสียค่าเทอมมาแล้วที่โรงเรียนไม่ใช่เหรอ ยังจะต้องเอาเงินที่พ่อแม่ทำงานแสนเหนื่อยไปหว่านให้กับกวดวิชา ผมไม่รู้นะ ผมเคยอ่านหนังสือกวดวิชาของเพื่อนๆหน่ะ ไม่เห็นตรงไหนเลยที่ไม่มีเนื้อหาในหนังสือเรียน มันมีทั้งนั้นแหละครับ แต่สิ่งที่ผมเห็นก็คือ เค้าจะมีเทคนิคการจำ อันนี้ผมว่า มันก้อไม่ใช่เหตุผลที่เราจะเลือกไปกวดด้วย พวกสถาบันเค้าก้อใช้ปัญญาของเค้าสร้างวิธีการจำเหมือนกัน แล้วเราหล่ะ เราไม่มีสมองเหรอครับ เราก็ใช้สมองของเรา สร้างเทคนิคการจำ หรือการคิดเองก็ได้... น่าสมเพชพวกที่หลงผิดคิดไปเรียนนะ....
สิ่งที่ผมค้นพบ ก็คือ การอ่านเอง ดีที่สุดครับ การที่เราไปเรียนกวด มันก้อเดิมๆแหละครับ เราก้อฟังผู้มีความรู้สูงแต่หาเงินกะเด็ก พูดปาวๆ หรือบางทีก็สอนให้มนุดพูดเป็นเสียงกา เราก็เดิมๆ สมองเราไม่ได้เกิดการคิดอะไรเลยครับ แต่ถ้าเราอ่านเอง จะทำให้เรารู้จักที่จะคิดครับ ผมเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ครับ อ่านไปอ่านมา เริ่ม งงงง ไอ้ตรง งงงง เนี่ยแหละครับจะทำให้เราได้คำตอบที่เยอะขึ้น เพราะเราจะเกิดคำถาม ทำให้เราหาคำตอบ ส่วนคำตอบนั้นก็จะเป็นคำถามข้อต่อไป มันจะทำให้เรารู้จริงครับ
การเรียนในห้องก็สำคัญครับ เราต้องเก็บข้อมูลมาเยอะๆ ถ้าเราอ่านไปก่อนแล้วค่อยไปเรียน ก็จะดีมากด้วย จะทำให้เรารู้ขอบเขตเนื้อหา เวลาอาจารย์พูดผิด(บางที) เราก็จะสามารถยกมือแย้งได้ หรือพูดไปตามอาจารย์ ก็จะทำให้เราจำได้อีกด้วย.....
ผมว่าน่าสมเพชนะ พวกที่หลงผิดคิดไปเรียนกวด สำหรับคนที่อยากกลับตัวกลับใจจากเด็กเกเร แล้วไปเรียน อันนี้ก้อไม่ว่ากัน แต่ว่า สำหรับพวกที่เรียนแล้วเรียนอีก เรียนจนแม่ปาดน้ำตา หรือชื่นใจว่าลูกตัวเองรักเรียน(พิเศษ) พวกเค้าน่าจะมีชีวิตที่ดี รู้จักคิดอะไรที่นอกกรอบ นอกหนังสือในเวลาว่างบ้างอ่ะ
จะบอกว่าบางคนหัวไม่ดี ถึงไปเรียนพิเศษ อันนี้ผมว่า ก้อไม่น่านะ คิดว่าไปเรียนพิเศษแล้วหัวจะดีขึ้นหรือครับ ถ้าหัวไม่ดี ก็ไม่ดีอยู่วันยังค่ำ กวดวิชาเค้าไม่ได้มาเติมสารฉลาดในตัวเราซักหน่อย
การที่เราหยุดคิด หยุดเพื่อมีสมาธิ พักผ่อน ใช้สมองในทางอื่นที่ฝึกสมาธิ อันนี้ผมว่าสำคัญกว่านะครับ
จะทำให้หัวเราทำงานอ่ะ มีอะไรก็จะรับ... รุ่นพี่ผมคนนึงครับ ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเวลาว่าง หนังสือการ์ตูนบ้านเค้าเยอะมาก แต่เค้าสามารถเข้า นิติ มธ.ได้ คะแนนสูงริ้ว เพราะเค้าฝึกสมาธิไงครับ ทำให้มีอะไรเค้าก็จะนิ่ง และคิด และก็รื้อฝื้นความจำที่เคยรู้ คิดดูซิครับ จากเด็กเกรดไม่เท่าไหรเอง อ่านหนังสือการ์ตูนฝึกสมาธิ ทำให้สำเร็จเลย .... รุ่นพี่ผมอีกคนนึง เป็นนักเปียโนที่เคยแข่งชิงแชมป์ชิงแชมป์โลกมั้ง ไม่แน่ใจ คิดว่าหลายคนคงรุ้จัก จากเด็กสมาธิสั้น จำอะไรก้อไม่ได้ ทำอะไรก้อแป็บๆ ฝึกสมาธิจากการเล่นเปียโน จนเก่ง ตอนนี้ก็เรียนอยู่ มหิดลมั้งไม่แน่ใจ...... เห็นมะ ทุกสิ่งเริ่มจากตัวเรา


ถ้าเราคิดที่จะเรียน อะไรจะทำให้เราเป็นคนไม่มีปัญญาหล่ะ เรียนหน่ะมันมีวิธี ถ้ารู้วิธีก็จะเป็นคนที่เรียนได้....
ให้โง่ยังไง ก็ยังโง่อยู่วันยังค่ำ
ให้ฉลาดยังไง ก็ยังฉลาดอยู่วันยังค่ำ
แต่ถ้าคิดจะเรียนเมื่อไหร จากโง่ก็จะฉลาด
ถ้าหยุดเรียนเมื่อไหร จากฉลาดก็จะกลายเป็นโง่
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ พ.ค. 10, 2006 10:06 am

ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนกวดวิชาครับ
ถ้าเราคิดว่า เราสามารถที่จะเรียนรู้ในห้องได้มากพอ
และขยันในห้องพอแล้ว

แต่ถ้าคิดว่า ยังไม่พอก้ไปเรียนครับ
อย่างน้อยก็จะเป็นการทบทวนตัวเองไปในตัวด้วยครับ
St.paul

พุธ พ.ค. 10, 2006 12:11 pm

อะไรก็ช่างเรียนให้มัน จบๆไปเหอะสุดท้ายก็ปริญญาตรีเหมือนกัน
amour

พุธ พ.ค. 10, 2006 10:47 pm

เมื่อวานลืมพูดถึงเรื่องการสอบ
แอดมิชชั่นที่ผ่านมา ใช้หนังสือหลายเล่มมาก เช่นวิชาสังคมใช้หนังสือ จาก 8 สำนักพิมพ์ครับ ตามจริงแต่ละสำนักพิมพ์เนื้อหาก็ต่างไม่มากหรอก แต่ว่าบางทีก็เน้นไม่เหมือนกันเหมือนกันครับ ถ้าเราเป็นคนค้นคว้าหรือมีอาจารย์ดีที่จะเอาเนื้อหาจากที่อื่นมาให้ก็ดีอ่ะครับ ทำให้เรารู้ครอบคลุม
สิ่งที่ผมคิดก็คือ ทำไมประเทศไทยไม่ให้ใช้หนังสือเล่มเดียว ที่เหมือนกันทั่วประเทศ ในการสอบแต่ละครั้งก็ใช้ข้อสอบกลาง (หมายถึงมิดเทอม ไฟล์นอลพวกนี้อ่ะครับ ถ้าสอบเก็บคะแนนก็คงไม่ต้อง) การทำอย่างนี้ก็จะทำให้เรามีมาตรฐานเดียวกันด้วย ส่วนกลางสามารถจะคอนโทรลได้ และปัญหาเด็กกรุงเทพฯกะเด็กต่างจังหวัดก็จะไม่เกิดขึ้น เช่นที่ผ่านมา เด็กกรุงเทพฯซึ่งมีมาตรฐานที่สูงกว่า ร.ร.ต่างจังหวัดบางโรงเรียน มาเรียกร้องให้เอาเปอร์เซน GPAX น้อยๆไรพวกนี้อ่ะครับ ถ้าเกิดทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ก็น่าจะดี เรื่องนี้เคยมีคนเอามาพุดแล้วเมื่อหลายปีก่อน ตอนผมยังอยู่ม.3
อยู่มั้งตอนนั้นอ่ะ แต่ทาง กระทรวงศึกษาธิการก็มาตอบว่า แต่ละภูมิภาคมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน ผมถือว่าอันนี้เป็นคำตอบที่ไม่ถูกอ่ะ ถ้าเกิดมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน ก็ไปเพิ่มวิชาเอาเองซิ ไปเพิ่มให้เด็กเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีในส่วนนั้นเอาเอง สิ่งที่สำคัญการศึกษาต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน การขับเคลื่อนจะได้ง่ายขึ้น จะได้ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างเด็กในเมืองกะเด็กนอกเมือง เหอๆ...
รัฐบาลทำไรอยู่ก็ไม่รู้ เอาเงินไปสนับสนุนแต่ด้านเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลลืมมองเฟืองตัวใหญ่ที่จะไปคอยเปลี่ยนตัวเก่า เด็กทุกวันนี้จะไปแทนพวกเค้า ไม่รู้ว่ากะจะเลี้ยงพวกเราให้เป็นอะไร แม้กระทั่งการปฏิรูปการศึกษาก็ไม่ชัดเจน เด็กทั่วประเทศทุกวันนี้ต้องเรียนตามแผนที่ผู้ใหญ่ตั้งให้ ทั้งที่เด็กเป็นผู้เรียน ต้องพบปัญหาการเรียนมากกว่าผู้ใหญ่ที่นั่งคอรัปชั่นกันอยู่เบื่องบน ลูกท่านหลานเธอพวกนี้นะ ก็บินไปโน่นแล้ววววววววววว เมืองนอก ทิ้งไว้เพียงความโสมมที่ท่านคิดกันมา ((((ขอโทดนะครับที่พูดแรง แต่คิดอย่างนี้จริงๆครับ)))

พระเจ้าทรงนำทางพวกเขาด้วย
พระอวยพรครับ
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

ศุกร์ พ.ค. 12, 2006 9:22 am

บูก้อว่าคงไม่จำเป็นหรอก

ดูง่ายๆละกัน พอบอกว่าติดที่เตรียม แค่เนี้ย ทุกคนก้อถามแล้ว ไปติวที่ไหนมา??

พอบอกป่าว ทุกคนแบบ โห สุดยอด ไม่ได้ไปติวจริงๆเหรอ ทำหน้าตกใจมาก

ทำไมต้องไปต้องไปติวด้วยอ่า เพื่อนที่ไปบางคนยังม่ะติดเลย *swt
ภาพประจำตัวสมาชิก
fizzy vippie
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am

อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 12:18 am

ไม่จำเป็นเลยค่ะ ... และพี่ก็ไม่แนะนำน้องๆด้วย
ถ้าเราอ่านหนังสือมากพอ และเรียนในห้องให้เข้าใจเต็มที่

พี่คนนึงแหละที่เสียเวลาไปมากกะการติวเพื่อสอบเอ็นท์
ผลปรากฏว่าเราเหนื่อยเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้
ทำให้มีผลกระทบกับการเรียนในห้องด้วย
แบบว่า ยิ่งติวมาก คะแนนยิ่งตก น่ะ นีกกลับไปแล้ว สยอง!!!

เพราะคุณแม่พี่เป็นห่วง กลัวพี่จะเอ็นท์ไม่ติด (คิดๆแล้วก็ร่วม 10 ปีมาแล้วล่ะ)
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ก็ส่งเราไปเรียน ศจม. ที่จุฬา ทุกวัน
วันเสาร์อาทิตย์ เอาเราไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับเพื่อนที่เป็นครู
ผลออกมาทันตาเห็นเลย สอบ midterm แรก ตกวิชาภาษาอังกฤษ
เลยขอเลิกเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ ไปก่อนเลย
หันมาใช้วิธีซื้อหนังสือติวทั้งหลายมาอ่านเสริมเอาเอง
แบบว่าค่อยๆอ่านไป ไม่รีบร้อน ทำข้อสอบเก่าๆไปด้วย

จากนั้นก็มาดูที่เรียน ศจม. เลือกเอาเฉพาะที่เราจะใช้สอบ
ส่วนวันที่สอนวิชาอื่นๆที่เราจะไม่ใช้สอบ ก็โผล่ไปแค่ไปเอา
ชีตที่อาจารย์แจกมาทำเล่นที่บ้านเท่านั้นเอง

สุดท้ายก็มีเวลาอ่านหนังสือของตัวเองมากขึ้น คะแนนก็ดีขึ้น
เข้าช่วงเอ็นท์จริงๆ แทบจะไม่ได้โหมอ่านหนังสือแบบคนอื่นๆเลย
กินอิ่มนอนหลับ + สุขภาพดี + สมองโปร่ง ไปสอบแบบสบายๆ
แล้วก็ทำได้ด้วย สอบติดหมดทั้งของรัฐและเอกชน
แก้ไขล่าสุดโดย fizzy vippie เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 12:21 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 5:46 am

fizzy vippie เขียน: พี่คนนึงแหละที่เสียเวลาไปมากกะการติวเพื่อสอบเอ็นท์
ผลปรากฏว่าเราเหนื่อยเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้
ทำให้มีผลกระทบกับการเรียนในห้องด้วย
แบบว่า ยิ่งติวมาก คะแนนยิ่งตก น่ะ นีกกลับไปแล้ว สยอง!!!

เหมือนกันเลย!!!! :o

ก่อนเอนต์ ลงนู่น อังกฤษ เลข บลาๆๆๆๆ ภาษาไทยตังหาก

ไปๆมาๆ เหนื่อย ไปเรียนพิเศษจนตาลาย เป็นลมที่โรงเรียนเลย :-[


ก็เลยพอม.6ทิ้งทวน ทนแม่ด่า แม่ลงอะไร อ่านหนังสืออยู่กับบ้าน ::)

ก็เอ็นติดละเหวย 8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
NKL
โพสต์: 189
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 01, 2005 7:32 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 2:45 pm

พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วนับถอยหลังล่ะเหวยยยย
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 6:22 pm

สู้ตายเฮีย อิๆ^^
TRUTH?

ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 10:38 am

ผมไม่เข้าใจเรื่อง O-net A-net เลย ผมว่าทำให้นักเรียนยิ่งเครียดมากขึ้น ไหนจะต้องตั้งใจเรียนแล้ว ยังต้องไปเรียนกวดวิชา (ไม่งั้นไม่ทันเพื่อน) ยังต้องติวสอบ และสุดท้ายเครียดเรื่องคะแนนไม่ออก ไม่ครบ ออกช้า ออกไม่ตรง ต้องไปคอยตรวจเช็คกันให้วุ่นวาย

เฮ้อ เหนื่อยจริงๆ

เรื่องกวดวิชา ก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะครับว่ามีปัญหาและปัญญามากน้อยแค่ไหน
1. มีปัญหากับการเรียน ไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน ทำไม่ได้ ก็อาจจะต้องไปเรียนเถอะ เพื่ออนาคตที่สดใส - จะได้ถวายเกียรติยศแก่พระเจ้าด้วยการเรียน
2. มีปัญญาสนับสนุนการไปเรียนกวดวิชาหรือไม่ ถ้าต้องกู้สินยืมหนี้ ก็ได้ต้องพิจารณาว่าจะคุ้มไหม แต่ปัจจุบันนี้ไม่รู้ว่าธนาคารกรุงไทยยังให้กู้ไปเรียนอยู่หรือเปล่า? - อย่าเป็นหนี้คนหนึ่งคนใด ยกเว้นเป็นหนี้ในพระคริสต์ (หมายถึงหนี้ทางฝ่ายวิญญาณจิต ที่มีคนช่วยให้รอด ไปสวรรค์ กลับมาหาหนทางของพระเจ้า)

พระเจ้าอวยพรในการเรียน การสอบ การเลือก และการตัดสินใจครับ
amour

ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 6:26 pm

O-net A-net ตามความคิดอ่ะ ดีนะครับ ดีกว่าเอ็นทรานซ์ระบบเก่า เพราะระบบนั้นอ่ะ จะคัดแต่คนที่เก่งๆไปเรียน แต่ระบบนี้จะคัดให้พวกที่เรียนไม่เก่งมาก พอใช้ ไปเรียนด้วย ซึ่งดีกว่าแน่นอน

นี่ผมไม่ได้มาแก้ต่างให้ เฮียภาวิด นะ หึหึ แต่ปัญหาที่พบกันอยู่อ่ะ ก็คือ การตรวจข้อสอบ ซึ่งไม่เกี่ยวกับ ระบบการรับนักเรียนเข้าศึกษาในระดับอุดมฯ นั้นล้มเหลวอย่างมาก ไม่เป็นระบบที่เด่นชัด บางทีไม่โปร่งใส และไม่ได้มาตรฐาน
หลายๆคนก็คาดหวังว่า ปีต่อๆไป น่าจะดีกว่านี้...

ใครยังอยู่ ม.ปลายก็สู้ๆและกันฮะ ตามจริง โอเน็ท กะ เอเน็ท ไม่ได้ต่างอะไรกับ เอ็นเลย เพียงแต่ต้องใช้ความคิดในการคิดวิเคราะห์มากกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คงไม่ได้จากการเรียนพิเศษแน่ นอกจากการพยายามใช้สมองของตัวเองให้เกิดประโยชน์ครับ

สู้ๆ ฮะ
พระอวยพรคับผม
ตอบกลับโพส