ขอยกตัวอย่างเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเมืองไทย
ที่โคราช มีอำเภอชื่อท่าช้าง ปัจจุบันเปลียนเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติแล้ว
ที่อำเภอนี้ มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน
เป็นป่าทึบในสมัยโบราณ
มีซากช้างตายอยู่เกลื่อนกลาดริมแม่น้ำ
จนได้ชื่อว่า ท่าช้าง
ลองจินตนาการดูนะ
ถ้าสมัยสองร้อยปีที่แล้ว
มีนายพรานไปล่าสัตว์แล้วเจอ
ซากช้างเหล่านี้ และพบว่า
ช้างเหล่านี้มีสี่งา เน้นงาสองคู่ สี่งา
แล้วกลับมาเล่าให้ชาวบ้านฟัง
จะมีกี่คนที่จะเชื่อเขาว่าเขาไปพบช้างสี่งาจริงๆ
ทุกคนก็คิดว่าเป็นนิยายปรัมปรา พื้นบ้าน
แต่ปัจจุบัน นักบรรพวิทยา ไปสำรวจ
และพบว่ามีช้างเช่นนี้จริง สมกับที่ชื่อว่าท่าช้าง
ก่อนหน้านั้นล่ะ
ทุกคนสงสัยว่า ทำไมถึงมีชื่อท่าช้างที่โคราชหมายถึงอะไร
ซากช้างมีจริงเมื่อหลายล้านปีก่อน
แต่มีคนมาพบเมื่อร้อยกว่าปี
แต่จากซากก็อธิบายได้ว่าเป็นช้างสี่งา
ที่เล่ามานี้ก็เป็นได้ว่ามีคนเคยเจอซากไดโนเสาร์
หรืออาจมีสัตว์จำพวกนี้หลงเหลืออยู่บ้างได้
เช่นมังกร โคโมโด ในอินโดนีเซีย ปัจจุบัน
เพราะฉะนั้นการอธิบายของหนังสือที่คุณโฮลี่อธิบายมา
ยิ่งเข้าใจได้ชัดว่า มีคนมีความรู้เรื่องไดโนเสาร์จริงๆ
จึงเขียนเอาไว้และรอให้วิทยาศาสตร์มาอธิบายต่อไป.
อย่าลืมว่ามนุษย์ได้รับปรีชาญาณมาจากพระเจ้าด้วย
เพื่อทีจะคิดและเข้าใจในแผนการณ์ของพระองค์
และเชื่อว่ามีพระองค์อยู่จริง