อะ ไหนๆก็พูดเรื่องของกินกันมามากแล้ว วันนี้ขอแนะนำเมนูที่ที่บ้านทำกินกันอย่างหนึ่ง แต่ไม่ค่อยทำกันบ่อยเพราะมันเหนื่อยยากลำบากกายมากมายชื่อของมันคือ
ไก่อุ๊ก ถ้าฟังแล้วมันพิลึกจะเรียกว่าไก่พม่าก็ได้ เพราะแปลงมาจากพม่าอีกที
เครื่องปรุง
ไก่ครึ่งซีก สับให้ได้สิบหกชิ้น คือสับเอาให้ใหญ่ไว้ก่อนแต่ไม่ต้องถึงกับเบ้อเร่อ แนะนำว่าไม่ควรเป็นไก่ไทยไม่งั้นเดี๋ยวปากกัดตีนถีบ แต่ถ้าท่านมั่นใจในฟันในเหงือกของท่านก็ตามใจ
ไข่ต้ม สามฟอง หรือจะใช้ไข่นกกระทาก็เก๋อีกแบบ
มะเขือม่วงที่ลูกขนาดพอดีคำ สิบลูก
หากหาใบสมุยได้ให้หามาด้วยสักสี่ห้าก้าน แต่ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ชอบกลิ่นของมันก็งด
ต้นหอมผักชีซอยละเอียดยิบๆ
น้ำมันพืชเยอะๆ
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ
ผักแนม เช่นผักกาดขาว แตง มะเขือเจ้าพระยา ถั่วค้าง ถั่วพู ฯลฯ
ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดเล็ก สามสิบเม็ด (ลดได้ หากไม่กินเผ็ด)
พริกไทยดำ ยี่สิบห้าเม็ด
ตะใคร้สองต้น
หอมกระเทียมอย่างละเท่าๆกัน ถ้าเป็นกระเทียมจีนหัวใหญ่ๆสักหัวครึ่ง หอมก็ให้พอๆกัน ถ้ากระเทียมไทยเล็กๆก็สักฟายมือหนึ่ง
รากผักชีสองราก
ขิงเท่าหัวแม่มือ
ยี่หร่า นิดหน่อย
ขมิ้นผง นิดหน่อย
กุ้งแห้งอย่างดีขีดครึ่ง (อร่อยไม่อร่อยอยู่ตรงนี้ด้วย)
ขั้นตอนเตรียม
ทำไก่ให้สะอาด ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ ไข่ต้ม บั้งเป็นริ้วๆเอาไว้ มะเขือม่วงตัดขั้วทิ้ง เพราะกินไม่ได้ ซอยหอมผักชีให้ละเอียด ใบสมุยถ้ามีก็ล้างตั้งไว้ ถ้าได้ใบใหญ่เด็ดเอาแต่ใบสักก้านเดียวก็พอ แต่ถ้าเป็นสมุยต้นเล็กๆฝอยๆใส่ไปสี่ห้าก้าน ผักแนมก็ล้างไว้ให้สะอาด
เตรียมพริกแกง
แช่กุ้งแห้งไว้ให้นิ่มเพื่อจะได้ตำง่าย แต่ถ้าใช้เครื่องปั่นก็ไม่ต้องแช่ คั่วยี่หร่าไฟอ่อนจัดสักนิดพอให้หอม ตำให้ละเอียดพักไว้ ตำพริกแห้งพริกไทยดำกระเทียมหอม ตะไคร้ ขิง รากผักชี ระหว่างตำใส่เกลือเม็ดลงไปหยิบมือหนึ่ง ถ้าไม่มีก็เกลือป่นสักช้อนชาพูนๆ ใครจะใส่อะไรก่อนหลังก็แล้วแต่ความถนัดนะครับ ของผมแฟนตำให้อยู่แล้ว เมื่อเนียนดีแล้วใส่กุ้งแห้งลงไปโขลกต่อให้ละเอียดเนียน
ขั้นตอนการทำ
ใส่น้ำมันเยอะๆ ใส่พริกแกงลงไปผัดไฟอ่อนค่อนไปทางกลาง คอยหยอดน้ำมันเรื่อยๆอย่าให้ใหม้ อย่าให้ติดกระทะเพราะกุ้งแห้งมันจะดูดน้ำมัน ผัดไปเรื่อยๆจนหอม เมื่อหอมแล้วใส่ไก่แล้วใช้ไฟกลางผัดไปเรื่อยๆ หมั่นพลิกบ่อยๆจนไก่สุกดี ช่วงนี้น้ำมันไก่จะเริ่มออกมา ไม่ต้องหยอดน้ำมันเพิ่มอีก เว้นแต่ว่าดูแล้วมันแห้งเกินไป ตอนที่ผัดอยู่นี้ใส่เกลือลงไปเรื่อยๆทีละนิด ชิมให้ค่อนข้างเค็มไว้ก่อน อย่าให้จืด หรือเค็มน้อยไม่งั้นมันไม่อร่อย ตอนทีไก่เริ่มสุกใส่มะเขือลงไป ผัดไปเรื่อยๆจนไก่สุกทั่วถึงเนื้อไก่รัดดีมะเขือสุกนิ่ม ราวสิบ-สิบห้านาที ช่วงผัดให้ได้ที่นี้ให้ราไฟลงอย่าแรงไม่งั้นใหม้ จากนั้นใส่ไข่ต้มที่บั้งแล้วลงไป ใส่ซีอิ๊วดำลงไป คลุกให้ทั่ว ใส่ยี่หร่า ขมิ้นผง ใบสมุย ผัดให้เข้ากัน ชิมรสครั้งสุดท้ายต้องให้เค็มเผ็ดนะครับ ไม่ต้องใส่น้ำตาลหรือชูรส เพราะว่ากุ้งแห้งมันช่วยชูรสอยู่แล้ว ถ้าเห็นว่าไม่อร่อยก็ปรุงให้ได้ที่ หรือจะทำประการหนึ่งประการใดเพื่อขจัดมันก็ได้ถ้าเห็นว่าอร่อยแล้วก็ปิดไฟใส่ต้นหอมผักชี ตักใส่ชามให้สวยงาม
เมื่อเย็นน้ำมันจะออกมาเยอะหน่อย แต่ไม่เลี่ยนเพราะรสมันจัด
ทานกับผักแนม เครื่องคลุกกับข้าวกินอร่อยมาก มีน้ำๆไว้แก้เผ็ดอีกสักถ้วยก็เด็ดแล้วละครับ
ใช้เวลาทำนานสักนิดและค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง เอาไว้ทำตอนแขกมาบ้านก็ดี
ลองทำดูนะครับ
อนึ่งถ้าเห็นว่ากระทู้นี้นอกเรื่องไปนิดหรือไปมาก ขอให้แจ้งนะครับ ผมจะได้งดกระทู้ประเภทนี้ กลัวกลายเป็นเกรียนประจำบอร์ดอะครับ อายเขา
อาหารอร่อย
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
คือไม่ต้องการทราบวิธีทำค่ะ
แต่อยากจะชิม ;D
แต่อยากจะชิม ;D
เจ๊ขอร่วมด้วยช่วย(พี่อันตน)โพสต์ เจ๊ขอนำเสนออาหารเทศ ชื่อว่า paella คำๆนี้เป็นภาษาสเปน และหลายๆคนจะออกเสียงไม่ถูกต้อง โดยออกเสียงเป็น "ปาเอล่า" ซึ่งจริงๆแล้ว ต้องออกเสียงว่า "ป่าเอ๊ญ่ะ" อาหารนี้ก็คือสิ่งที่คนไทยรู้จักกันในชื่อไทยว่า ... แอ่น แอน แอ๊นนนน "ข้าวผัดสเปน"นั่นเองค่ะ
ข้าวผัดสเปน
ส่วนผสม
1. กุ้งชีแฮ้ 250 กรัม
2. ใบเบย์ลีฟ 1 ใบ
3. หอยแมลงภู่ 750 กรัม
4. ไวน์ขาว 1 ถ้วย
5. น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ
6. หัวหอมใหญ่ซอย 1 หัว
7. กระเทียมสับ 2 กลีบ
8. พริกหวานแดงหั่นเป็นลูกเต๋า 1 ผล
9. ข้าวarborio ( อ่านว่าอารโบ๊ริโอะ ) 300 กรัม
10. น้ำ 3 ถ้วย
11. ปลาหมึก 750 กรัม
12. หญ้า saffron ( อ่านว่าซัฟฟรอน ) 1 ช้อนชา
13. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
* ข้าวอารโบ๊ริโอะ คือ ข้าวอิตาลีที่มีเมล็ดที่สั้น ทั้งข้าวอารโบรี้โอะ และ หญ้าซัฟฟรอน สามารถหาซื้อได้ที่วิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต
วิธีทำ
1. ทำน้ำสต๊อกกุ้ง โดยการปอกเปลือกกุ้งและนำหัวกุ้งใส่หม้อ เติมน้ำ 3 ถ้วย และใส่ใบเบย์ลีฟ ตั้งไฟให้เดือด แล้วลดระดับไปที่ไฟอ่อน และเคี่ยวน้ำสต็อกต่อไปอีก 10 นาที แล้วนำไปกรอง
2. ใส่หอยแมลงภู่ลงในหม้อ เติมไวน์ขาวแล้วปิดฝาหม้อ ตั้งไฟปานกลาง คอยเปิดฝาหม้อดูทุก 3 นาที พอหอยแมลงภู่อ้าปาก ( พูดว่า นี่พ่อคู้ณ ร้อนเกินไปแล้ว :o ไม่ช่ายยย ล้อเล่น ... ;D อิ อิ ) ให้ยกลงจากเตา แกะเนื้อหอยออกจากฝาส่วนหนึ่ง และที่เหลือเก็บไว้ตกแต่งจาน
3. ตั้งหม้อที่ไฟปานกลาง แล้วนำหญ้าซัฟฟรอน ไปคั่วจนหอม เติมน้ำสต็อกกุ้งและปิดฝา พักไว้
4. ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง เติมน้ำมันมะกอก หัวหอม กระเทียม พริกหวานไปผัดประมาณ 4 นาที จนหัวหอมสลด
5. เติมข้าวและน้ำสต็อกในข้อ 3 ลงไปในกระทะ ลดไฟไปที่ระดับไฟอ่อน ปิดกระทะทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้ข้าวสุก ( วิธีสังเกตว่าข้าวสุกแล้ว คือ น้ำสต็อกได้ถูกดูดซึมไปจนค่อนข้างแห้ง )
6. เติมกุ้งและปลาหมึกลงไปในข้าว ตั้งไฟต่ออีก 5 นาที จนกุ้งและปลาหมึกสุก เติมเนื้อหอยแมลงภู่
7. แต่งจานด้วยหอยแมลงภู่ทั้งฝา และโรยหน้าด้วยผักชีซอย
ท่านผู้สนใจการทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"ที่รักทุกท่านคะ เจ๊มีข้อเสนอแนะที่ทุกท่านพึงรู้เล็กน้อยค่ะ
1. ถ้าท่านหาวัตถุดิบบางอย่างไม่ได้ เจ๊ขอเสนออย่าได้ไปเพียรพยายามหาให้เหนื่อยแรงค่ะ เพราะท่านอาจหมดแรงก่อนได้กิน"ป่าเอ๊ญ่ะ"
1.1 ถ้าท่านอยู่เหนือสุดแดนสยาม แต่เพื่อจะหาซื้อข้าวอารโบ๊ริโอะ กับ หญ้าซัฟฟรอน ต้องพากเพียรมาซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตวิลล่า ซึ่งท่านอาจไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เจ๊คิดว่าไม่เป็นการคุ้มกันกับเวลาและค่าเดินทางที่ท่านอาจต้องเสียไป
1.2 ถ้าท่านหาซื้อวัตถุดิบบางอย่างไม่ได้ เจ๊ก็ขอเสนอว่า ให้ลืมๆไปเสียเถอะค่ะว่า การทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"นี้ ต้องใส่วัตถุดิบดังกล่าวด้วย ก็ใส่เฉพาะที่ท่านมีหรือพอหาได้ในท้องถิ่น
2. เจ๊ขอห้ามอย่างเด็ดขาดในการหาวัตถุดิบบางชนิดมาทดแทนกัน เพราะอาจทำให้อาหารไม่อร่อย หรือกินไม่ลง หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายทันได้
2.1 ถ้าท่านหาใบเบย์ลีฟไม่ได้ จะไปเอาใบมะกรูด ใบสะระแหน่ ใบชะพลู อะไรพวกนี้มาใส่แทนไม่ได้นะคะ เรากำลังทำอาหารฝาหรั่งนะคะ เน้น อาหารฝาหรั่งค่ะ จะมาใส่ใบไม้ท้องถิ่นเอเชียแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ได้กำลังทำต้มยำกุ้ง ต้มโคล้งปลาดุกย่าง ลาบนัว น้ำตก ซกเล็ก อยู่นะคะ ไม่มี หรือ หาไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ คงไม่เสียรสชาติหนักหนาอะไร
2.2 ถ้าท่านหาข้าวอารโบ๊ริโอะไม่ได้ ก็อย่าพาซื่อตามข้อ 2.1 เออ...ไม่มีข้าวก็ไม่ต้องใส่แล้ว ข้าว เขิ้ว ถ้าอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ข้าวผัดแล้วสิ ใช่ไหมคะ เจ๊ก็เสนอให้ใส่ข้าวเสาไห้ สระบุรี ข้าวหอมมะลิ ข้าวซ้อมมือ ฯลฯ อะไรไปแทน แต่อย่าใส่ข้าวเปลือกนะคะ เดี๋ยวเคี้ยวแล้วฟันหัก
2.3 ถ้าท่านหาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่เช่นเดียวกับข้อ 2.1 ค่ะ จะพาซื่อไปเก็บหญ้าคา ( บาดปากตายเลย ) หญ้าแพรก ( ที่ใช้วันไหว้ครู ) หรือไปหาซื้อหญ้ามาเลเซีย หญ้าเบอร์มิวดา หญ้านวลน้อย หรือแม้แต่หญ้าเจ้าชู้ ( ตำปากแย่เลย ) มาใช้แทน อันนี้ขอเน้นว่า ไม่ด้ายยยยยยยยยยยยยยนะคะ ห้ามเด็ดขาดค่ะ เราเป็นมนุษย์มีกระเพาะเดียว ไม่ได้เคี้ยวเอื้อง มี 4 กระเพาะ ฉะนั้น ถ้าหาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ เน้นค่ะ หญ้าซัฟฟรอนนี้ ถ้าไม่มีหรือหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ ลืมๆไปเลย ไม่ใส่ก็คงไม่ทำให้รสชาติของ"ป่าเอ๊ญ่ะ"ของท่านด้อยลงไปเท่าไรหรอกค่ะ
2.4 อนึ่ง ในกรณีที่หาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ ก็อย่าเจ้าเล่ห์ใส่"ย่า"แทน"หญ้า"นะคะ กล่าวคือ ห้ามไปอุ้มคุณย่ามาโยนลงกระทะเป็นวัตถุดิบในการทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"แทน"หญ้าซัฟฟรอน"ด้วยค่ะ อันนี้เป็นบาปหนัก ผิดพระบัญญัติประการที่ 5 ค่ะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการกิน"ป่าเอ๊ญ่ะ" ข้าวผัดสเปน นะคะ
ข้าวผัดสเปน
ส่วนผสม
1. กุ้งชีแฮ้ 250 กรัม
2. ใบเบย์ลีฟ 1 ใบ
3. หอยแมลงภู่ 750 กรัม
4. ไวน์ขาว 1 ถ้วย
5. น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ
6. หัวหอมใหญ่ซอย 1 หัว
7. กระเทียมสับ 2 กลีบ
8. พริกหวานแดงหั่นเป็นลูกเต๋า 1 ผล
9. ข้าวarborio ( อ่านว่าอารโบ๊ริโอะ ) 300 กรัม
10. น้ำ 3 ถ้วย
11. ปลาหมึก 750 กรัม
12. หญ้า saffron ( อ่านว่าซัฟฟรอน ) 1 ช้อนชา
13. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
* ข้าวอารโบ๊ริโอะ คือ ข้าวอิตาลีที่มีเมล็ดที่สั้น ทั้งข้าวอารโบรี้โอะ และ หญ้าซัฟฟรอน สามารถหาซื้อได้ที่วิลล่าซุปเปอร์มาร์เก็ต
วิธีทำ
1. ทำน้ำสต๊อกกุ้ง โดยการปอกเปลือกกุ้งและนำหัวกุ้งใส่หม้อ เติมน้ำ 3 ถ้วย และใส่ใบเบย์ลีฟ ตั้งไฟให้เดือด แล้วลดระดับไปที่ไฟอ่อน และเคี่ยวน้ำสต็อกต่อไปอีก 10 นาที แล้วนำไปกรอง
2. ใส่หอยแมลงภู่ลงในหม้อ เติมไวน์ขาวแล้วปิดฝาหม้อ ตั้งไฟปานกลาง คอยเปิดฝาหม้อดูทุก 3 นาที พอหอยแมลงภู่อ้าปาก ( พูดว่า นี่พ่อคู้ณ ร้อนเกินไปแล้ว :o ไม่ช่ายยย ล้อเล่น ... ;D อิ อิ ) ให้ยกลงจากเตา แกะเนื้อหอยออกจากฝาส่วนหนึ่ง และที่เหลือเก็บไว้ตกแต่งจาน
3. ตั้งหม้อที่ไฟปานกลาง แล้วนำหญ้าซัฟฟรอน ไปคั่วจนหอม เติมน้ำสต็อกกุ้งและปิดฝา พักไว้
4. ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง เติมน้ำมันมะกอก หัวหอม กระเทียม พริกหวานไปผัดประมาณ 4 นาที จนหัวหอมสลด
5. เติมข้าวและน้ำสต็อกในข้อ 3 ลงไปในกระทะ ลดไฟไปที่ระดับไฟอ่อน ปิดกระทะทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้ข้าวสุก ( วิธีสังเกตว่าข้าวสุกแล้ว คือ น้ำสต็อกได้ถูกดูดซึมไปจนค่อนข้างแห้ง )
6. เติมกุ้งและปลาหมึกลงไปในข้าว ตั้งไฟต่ออีก 5 นาที จนกุ้งและปลาหมึกสุก เติมเนื้อหอยแมลงภู่
7. แต่งจานด้วยหอยแมลงภู่ทั้งฝา และโรยหน้าด้วยผักชีซอย
ท่านผู้สนใจการทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"ที่รักทุกท่านคะ เจ๊มีข้อเสนอแนะที่ทุกท่านพึงรู้เล็กน้อยค่ะ
1. ถ้าท่านหาวัตถุดิบบางอย่างไม่ได้ เจ๊ขอเสนออย่าได้ไปเพียรพยายามหาให้เหนื่อยแรงค่ะ เพราะท่านอาจหมดแรงก่อนได้กิน"ป่าเอ๊ญ่ะ"
1.1 ถ้าท่านอยู่เหนือสุดแดนสยาม แต่เพื่อจะหาซื้อข้าวอารโบ๊ริโอะ กับ หญ้าซัฟฟรอน ต้องพากเพียรมาซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตวิลล่า ซึ่งท่านอาจไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เจ๊คิดว่าไม่เป็นการคุ้มกันกับเวลาและค่าเดินทางที่ท่านอาจต้องเสียไป
1.2 ถ้าท่านหาซื้อวัตถุดิบบางอย่างไม่ได้ เจ๊ก็ขอเสนอว่า ให้ลืมๆไปเสียเถอะค่ะว่า การทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"นี้ ต้องใส่วัตถุดิบดังกล่าวด้วย ก็ใส่เฉพาะที่ท่านมีหรือพอหาได้ในท้องถิ่น
2. เจ๊ขอห้ามอย่างเด็ดขาดในการหาวัตถุดิบบางชนิดมาทดแทนกัน เพราะอาจทำให้อาหารไม่อร่อย หรือกินไม่ลง หรือเป็นอันตรายต่อร่างกายทันได้
2.1 ถ้าท่านหาใบเบย์ลีฟไม่ได้ จะไปเอาใบมะกรูด ใบสะระแหน่ ใบชะพลู อะไรพวกนี้มาใส่แทนไม่ได้นะคะ เรากำลังทำอาหารฝาหรั่งนะคะ เน้น อาหารฝาหรั่งค่ะ จะมาใส่ใบไม้ท้องถิ่นเอเชียแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ได้กำลังทำต้มยำกุ้ง ต้มโคล้งปลาดุกย่าง ลาบนัว น้ำตก ซกเล็ก อยู่นะคะ ไม่มี หรือ หาไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ คงไม่เสียรสชาติหนักหนาอะไร
2.2 ถ้าท่านหาข้าวอารโบ๊ริโอะไม่ได้ ก็อย่าพาซื่อตามข้อ 2.1 เออ...ไม่มีข้าวก็ไม่ต้องใส่แล้ว ข้าว เขิ้ว ถ้าอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ข้าวผัดแล้วสิ ใช่ไหมคะ เจ๊ก็เสนอให้ใส่ข้าวเสาไห้ สระบุรี ข้าวหอมมะลิ ข้าวซ้อมมือ ฯลฯ อะไรไปแทน แต่อย่าใส่ข้าวเปลือกนะคะ เดี๋ยวเคี้ยวแล้วฟันหัก
2.3 ถ้าท่านหาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่เช่นเดียวกับข้อ 2.1 ค่ะ จะพาซื่อไปเก็บหญ้าคา ( บาดปากตายเลย ) หญ้าแพรก ( ที่ใช้วันไหว้ครู ) หรือไปหาซื้อหญ้ามาเลเซีย หญ้าเบอร์มิวดา หญ้านวลน้อย หรือแม้แต่หญ้าเจ้าชู้ ( ตำปากแย่เลย ) มาใช้แทน อันนี้ขอเน้นว่า ไม่ด้ายยยยยยยยยยยยยยนะคะ ห้ามเด็ดขาดค่ะ เราเป็นมนุษย์มีกระเพาะเดียว ไม่ได้เคี้ยวเอื้อง มี 4 กระเพาะ ฉะนั้น ถ้าหาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ เน้นค่ะ หญ้าซัฟฟรอนนี้ ถ้าไม่มีหรือหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่ค่ะ ลืมๆไปเลย ไม่ใส่ก็คงไม่ทำให้รสชาติของ"ป่าเอ๊ญ่ะ"ของท่านด้อยลงไปเท่าไรหรอกค่ะ
2.4 อนึ่ง ในกรณีที่หาหญ้าซัฟฟรอนไม่ได้ ก็อย่าเจ้าเล่ห์ใส่"ย่า"แทน"หญ้า"นะคะ กล่าวคือ ห้ามไปอุ้มคุณย่ามาโยนลงกระทะเป็นวัตถุดิบในการทำ"ป่าเอ๊ญ่ะ"แทน"หญ้าซัฟฟรอน"ด้วยค่ะ อันนี้เป็นบาปหนัก ผิดพระบัญญัติประการที่ 5 ค่ะ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการกิน"ป่าเอ๊ญ่ะ" ข้าวผัดสเปน นะคะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อิ อิ พูดเล่นค่ะ
LL เลิกกินเนื้อสัตว์บกตั้งนานแล้ว
จะกินเฉพาะเวลาไม่มีอะไรให้กินค่ะ
วันศุกร์ทุกวัน *no1
ปล.
ถ้ามีปลาอุ๊กค่อยว่ากัน ;D
LL เลิกกินเนื้อสัตว์บกตั้งนานแล้ว
จะกินเฉพาะเวลาไม่มีอะไรให้กินค่ะ
วันศุกร์ทุกวัน *no1
ปล.
ถ้ามีปลาอุ๊กค่อยว่ากัน ;D
;D ;D ;D ดีนะครับ มีสีสรรค์ดี
ประดับความรู้ด้วยนะครับนี่
ท่าทางจะอร่อยทั้ง 2 รายการเลยนะครับ
ส่วนรสนิยมในการทาน ผมทานหมดอยู่แล้วถ้าทำมาให้ทาน (ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่ทานก็คงจะเป็นสะพาน ของป่าที่ไม่ทานก็คงจะเป็นฤาษี..น่ะครับเหอะๆๆ) ;D ;D ;D
ประดับความรู้ด้วยนะครับนี่
ท่าทางจะอร่อยทั้ง 2 รายการเลยนะครับ
ส่วนรสนิยมในการทาน ผมทานหมดอยู่แล้วถ้าทำมาให้ทาน (ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่ทานก็คงจะเป็นสะพาน ของป่าที่ไม่ทานก็คงจะเป็นฤาษี..น่ะครับเหอะๆๆ) ;D ;D ;D
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
kornkrid เขียน: ;D ;D ;D ดีนะครับ มีสีสรรค์ดี
ประดับความรู้ด้วยนะครับนี่
ท่าทางจะอร่อยทั้ง 2 รายการเลยนะครับ
ส่วนรสนิยมในการทาน ผมทานหมดอยู่แล้วถ้าทำมาให้ทาน (ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ไม่ทานก็คงจะเป็นสะพาน ของป่าที่ไม่ทานก็คงจะเป็นฤาษี..น่ะครับเหอะๆๆ) ;D ;D ;D
งั้นก็คงคอเดียวกับพี่โฮลี่แหละค่ะ
รายนั้น..........ชิมเรียบไม่มีละเว้น
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
S.PAULVS เขียน:
อยากจัดใช่มะ555555
ไม่ได้อยากจัด อยากชิมต่างหาก ::)