:+: seraphim :+: เขียน:
bigect07 เขียน:
ปล.การภาวนาแห่งหัวใจก็คือการสวดสายประคำแบบออโธด็อกนั่นเอง แล้วนี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้สวด แต่พี่น้องบางท่านไม่เข้าใจ มาโจมตีผม เฮ้อ ผมเลยเริ่มไม่สบายใจแล้วที่มีคนมาด่าเพราะเรื่องแค่นี้ ทั้งๆที่คุณพ่อผู้แต่งหนังสือท่านอยากให้ลองทำดูมั่ง ถ้าไม่เชื่อผมนะครับ ลองไปซื้อมาอ่านดู ว่าผมไม่ได้โกหก
แต่ที่แน่ๆ นะบิ๊ก พ่อวิรัชหน่ะสวดสายประคำอย่างเดียว ไม่เห็นลองสวดแบบที่ว่านี่นา พี่ว่านะสวดอะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ ถ้าเราตั้งใจและเข้าลึกถึงแก่นจริงๆ แก่นในที่นี้น่าจะรวมไปถึงทำของเราให้ดีที่สุดด้วยนะ คือถ้าจะพูดว่า " ใกล้เกลือ จะไปกินด่างทำไม " เนี่ย คงไม่คิดว่าพี่ว่าเรานะ เพราะอยากบอกว่า เรามีของเที่ยงแท้ ที่ดีที่สุดแล้ว จะไปแสวงหาอย่างอื่นทำไม ในที่นี้ก็ไม่ได้ว่าของใครไม่ดีนะ มั่นใจทางไหน ก็น่าจะมั่นคงไปทางนั้นจะดีกว่า ทำให้ดีที่สุดอย่างเดียวก็พอแล้ว พี่ว่าพระดูเราที่เจตนา กับความตั้งใจมากกว่า ส่วนศาสนสัมพันธ์หน่ะ แค่เรามีมิตรภาพที่ดีต่อเพื่อนพี่น้องในพระคริสต์ก็น่าจะพอแล้ว
ชอบคำพูดสองที่นี้ของพี่ฟีม เน้นให้เป็นสีเขียวเลย จะได้สะดุดตา ::020::
เหมือนที่ได้เคยบอกน้องบิ๊กไปนะ ไม่ใช่ว่าเราคาทอลิกไม่มีสายประคำนะ เช่นนั้นเราก็สามารถสวดสายประคำตามแบบของเรา ถ้าสวดอย่างดี สวดด้วยจิตและความสัตย์จริง ก็เข้าถึงพระได้ครับ
และถ้าเราคิดว่าคาทอลิกเป็นทางเลือกที่พระจัดสรรให้ น้องมีกระแสเรียกในทางนี้ ก็จงรับคาทอลิกทั้งครบมาเป็นชีวิตของน้องเถิด งานคริสตสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องมีหลักการของตนเอง ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ไปหมด เช่นนั้นแล้วเราจะไม่มีความชัดเจนในตัวตนของเราเองน่ะครับ ไม่ใช่การไปทำตามแบบอย่างเขาในเรื่องต่างๆ และนั่นก็ไม่ใช่งานคริสตสัมพันธ์แล้วล่ะครับ หรือในงานศาสนสัมพันธ์ ถ้าเราไปสัมพันธ์พี่น้องพุทธ เห็นว่าการบวชอุทิศบุญกุศลให้พ่อแม่เป็นสิ่งดี ก็เลยไปเข้าบ้านเณรบ้าง พอได้บวช อยู่ทำงานในเขตวัดสักปีหนึ่ง ก็สึก ก็คิดว่าพึงพอใจแล้ว ด้วยว่าพ่อแม่ได้เกาะชายเสื้อหล่อขึ้นสวรรค์ ได้รับความรอดแน่นอนแล้ว และเช่นกันครับ นี่ก็ไม่ใช่แนวทางและเป้าหมายของงานศาสนสัมพันธ์เลย
ในเมืองไทย วัดคาทอลิกมีมาก มีมิสซาหลายรอบตลอดวัดอาทิตย์ และยังมีมิสซาในวันธรรมดาอีกด้วย วัดคาทอลิกหาง่าย เราจึงไม่ขาดแคลนสิ่งใดทั้งศีลศักดิ์สิทธิ์และพระวาจาพระเจ้าที่เราถือว่าทั้งสองเป็นแหล่งชีวิตของคริสตชน พี่น้องออร์โธดอกซ์ในไทยแทบไม่มีวัดเลย หาเข้าลำบาก วันอาทิตย์ที่วัดนักบุญนิโคลัสก็มีมิสซาแค่รอบเดียวเอง เมื่อคำนึงถึงความสะดวกหรือความลำบากในการหาศาสนบริการ น่าจะเป็นทางฝ่ายออร์โธดอกซ์ที่ถามว่า เราสามารถร่วมพิธีกรรมของคาทอลิกได้ไหม แก้บาปกับพ่อคาทอลิกได้ไหม ฯลฯ ( จะได้หรือไม่ ผมไม่ให้คำตอบไว้ตรงนี้ แค่สาธกยกตัวอย่างขึ้นมาว่า คำถามที่น่าจะเป็นไปได้น่าจะเป็นคำถามอะไรได้บ้าง ) แต่กลับเป็นเราที่มีศาสนบริการอยู่ทุกหัวระแหงกลับอยากไปมีส่วนร่วมตรงนั้นราวกับว่าวัดคาทอลิกมีอยู่วัดเดียวทั้งประเทศไทย :cheesy:
เรื่องคริสตสัมพันธ์เป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องมีการศึกษาและอบรม เพราะถ้าไปสัมพันธ์ไม่ถูกทิศถูกทาง อาจกลับกลายเกิดเป็นผลเสีย ทั้งต่อตนเองและแต่คู่ร่วมสัมพันธ์ ไม่แน่ว่าอาจสูญเสียอัตลักษณ์ของนิกายตนเอง สับสน ไม่แน่ใจ ลังเล ฯลฯ อีกหน่อยแก้บงแก้บาป ก็ไปขอแก้กับพ่อออร์โธดอกซ์หรอกครับ
การภาวนาทุกรูปแบบก็นำมาซึ่งความสงบในจิตใจทั้งสิ้น ผู้ปฏิบัติอาจมีประสบการณ์เหนือผัสสะได้ สัมผัสได้ถึงพระเจ้าก็ดี หรือไม่ก็สัมผัสกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ คนที่ได้ลองหมดแล้ว ก็อาจบอกว่า ดีแฮะ สวดนั่นก็เข้าถึงพระ สวดนี่ก็จิตใจสงบ แต่ลองคิดดู คนๆหนึ่ง เดี๋ยวก็สวดสายประคำคาทอลิก เดี๋ยวก็สวดลูกประคำออร์โธดอกซ์ อีกแป๊บก็ไปสาวสายประคำมหายาน เดี๋ยวก็ไปร่วมมิสซาคาทอลิก เดี๋ยวก็ไปร่วมมิสซาออร์โธดอกซ์ เดี๋ยวก็ไปนมัสการที่โบสถ์โปรแตสแตนท์ เดี๋ยวก็ไปละหมาด เดี๋ยวก็ไปใส่บาตร กรวดน้ำ ฯลฯ พอทำหมดแล้ว ก็บอกว่าใจสงบ สัมผัสสิ่งที่อยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ธรรมชาติ ก็เลยเหมาหมดเลย แล้ว
จุดยืนอยู่ที่ไหนเล่า ตัวอย่างเช่น รูปแบบพิธีกรรมต่างๆก็น่าจะมีแนวคิดปรัชญาแฝงซ่อนอยู่เบื้องหลัง พิธีกรรมของพี่น้องชาวพุทธก็คงมีปรัชญาสนับสนุนพิธีกรรมตรงนี้เหมือนกัน ถ้าเรารับมาประยุกต์ใช้บ้าง เช่น เราจะกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล(หรือส่วนบุญ)ให้วิญญาณในไฟชำระ หรือตักบาตรอุทิศผลบุญให้เพื่อนที่กำลังเจ็บป่วย ผมว่าคงไม่เข้ากับปรัชญาเบื้องหลังของพิธีกรรมทางพุทธตรงนั้น ในอีกด้านหนึ่ง ก็ไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติที่คาทอลิกเราจะทำเช่นนั้น แต่เราจะสวดภาวนา พลีกรรม ขอมิสซา ฯลฯ
ย้อนกลับไปที่สายประคำออร์โธดอกซ์ ถ้าน้องรับมาสวดในฐานะที่เป็นการภาวนา(pureๆ ที่ไม่อิงนิกายใด [แต่อย่างไรก็ดีอาจแปลกอยู่บ้างที่ตัวคนสวดดันอิงนิกายคาทอลิก])ที่จัดรูปแบบมาเพื่อช่วยให้น้องยกจิตใจขึ้นหาพระ ก็น่าสนใจ แต่ถ้ารับมาในฐานะที่เป็นเหมือนกิจศรัทธากึ่งพิธีกรรมที่มีรูปแบบเฉพาะ(หรือพูดง่ายๆคือรับของออร์โธดอกซ์มาใช้โดยตระหนักรู้ และยอมรับว่านั่นเป็นของออร์โธดอกซ์ ในขณะภาวนาก็สำนึกว่าฉันกำลังสวดภาวนาแบบออร์โธดอกซ์อยู่) ก็น่าประวิงไว้ก่อน เพราะอาจเป็นรูปแบบกิจศรัทธาที่มีปรัชญาแฝงที่ไม่สอดคล้องกับแนวคิดคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกก็เป็นได้ครับ
อนึ่ง การไม่สวดสายประคำออร์โธดอกซ์ ก็ไม่ทำให้น้องสูญเสียความรอด แต่ในอีกด้านหนึ่ง ศีลศักดิ์สิทธิ์ พิธีกรรม กิจศรัทธาของคาทอลิกทั้งหลายที่ตกทอดกันมาเป็นธรรมประเพณีของพระศาสนจักรคาทอลิก ก็เพียงพอที่จะ
ช่วยเสริมให้น้องมุ่งหน้าไปสู่ความรอดได้ครับ ก็เหมือนที่พี่ฟีมว่า ใกล้เกลือแล้วเราจะเหนื่อยไปหาด่างมากินทำไมเล่าครับ เรามีแนวทางของเรา ก็ยึดมั่นกับแนวทางของเราเถิดครับ :cheesy:
การสละบางสิ่งเพราะเห็นแก่พระ (สละไม่สวดสายประคำออร์โธดอกซ์ เป็นต้น) นับว่าเป็นบุญเป็นกุศล เป็นการฝึกปฏิเสธน้ำใจตนเอง ได้บุญหลาย และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเรียนรู้ในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า(เพราะน้ำใจเราโดนปฏิเสธไปแล้ว) เป็นจุดสตาร์ทมุ่งไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ การสละน้ำใจตนเองเป็นบุญ ถือเป็นพลีกรรมอุทิศให้เป็นผลดีต่อเพื่อนพี่น้องได้ด้วยครับ ::017::
ครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้น้องบิ๊กมุ่งมั่นในหนทางอันสอดคล้องกับธรรมประเพณีของพระศาสนจักร ศักดิ์สิทธิ์ สากล และสืบเนื่องมาจากอัครสาวก ครับ