มาถวายเงินให้มากขึ้นกันเถอะ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 10, 2009 4:52 pm
เดือนที่แล้วเป็นเดือนแรกที่โบสถ์เราติดลบ
เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้คนถวายน้อยลง
ลองคิดดูว่าถ้าโบสถ์อยู่ไม่ได้ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน
โบสถ์เราติดลบแล้วนะ...อาจารย์พูดขึ้นมา แล้วทุกคนก็อึ้ง...ก้มหน้านิ่ง
ใช่แล้วล่ะ... ทุกคนก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น
ไหนบอกว่าเราให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง เราจะรับใช้พระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เรามีอยู่
แต่พอเราได้เงินน้อยลง ส่วนที่ลดลงกลับเป็นส่วนของพระเจ้า ไม่ใช่ส่วนของเรา
ขอบคุณพระเจ้าที่เงินส่วนที่ลูกได้รับน้อยลงนั้นเป็นส่วนของพระองค์ ส่วนของลูกยังอยู่ครบ... เรากล้าทูลแบบนี้จริงๆเหรอ?
ของโบสถ์อื่นเราไม่รู้ แต่ตอนที่เรารับบัพติสมา เราสัญญาจะถวาย 10% ของเงินได้คืนเข้าสู่ท้องพระคลังของพระองค์
สารภาพผิดว่าไม่เคยถวายถึง 10% จริงๆ เลย เพราะมันเ็ป็นเงินเกือบครึ่งแสน
ที่จริงแล้วเดือนหนึ่งๆ ถวายไม่ถึง 5% ของเงินได้ต่อเดือนด้วยซ้ำ
ด้วยความอ่อนแอของมนุษย์... เราได้แค่ติดว่าพระเจ้าคะ ถ้าลูกมีเิงินมากพอที่จะถวายโดยไม่เดือดร้อนลูกจะถวายพระองค์แน่
แต่วันนั้นไม่เึคยมาถึงเลย...เราไม่เคยมีเงินพอที่ถวาย 10% โดยไม่ต้องเอาไปจ่ายค่าอย่างอื่น
มาคิดดูดีๆ ที่เราไม่เคยมี เพราะเราไม่ได้ถวายอย่างสัตย์ซื่อหรือเปล่า เราจะทวงสัญญาว่าพระองค์จะทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับเราได้ยังไง
ถ้าเราเองไม่ได้สัตย์ซื่อกับสัญญาที่ให้พระองค์ ที่จริงแล้วทุกอย่างที่เรามีเป็นของพระองค์ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะสมองทีใช้คิด มือที่ใช้ทำงาน อาหารที่เรากิน งานที่เราทำ โอกาสในการหารายได้
ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของพระองค์ทั้งนั้น แม้แต่เส้นผมของเราก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น
ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
ถ้าพระเจ้าจะให้การงานของเราไม่เป็นผล เราตื่นแ่เช้า กระหืดกระหอบทำงานไปก็เหนื่อยเปล่า
แต่ถ้าจะทรงอวยพระพร เราย่อมจะได้มาก พระคัมภีร์ว่าไว้อย่างนั้น
ปากเราบอกว่าเชื่อ แต่เราไม่กล้าจะทำตาม เหมือนเศรษฐีที่พระเยซูบอกให้ไปขายทรัพย์สินแจกจ่ายแก่คนยากจนแล้วตามพระองค์มา
สุดท้ายเขาก็กลับไปบ้านด้วยสีหน้าเศร้าหมองและไม่ได้ทำตาม หรือเรากำลังเป็นเศรษฐีคนนั้น
เราให้คุณค่ากับเงินทองมากกว่าแผ่นดินของพระองค์บนโลกหรือเปล่า
ประโยชน์อะไรที่จะได้ทรัพย์สินทั้งโลกแต่เสียชีวิตของตนเอง
พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกเรามาให้มีเงินมากกว่านี้อีก 10% แต่เรียกเรามาเพื่อให้รับชีวิตนิรันดร์ต่างหาก
และนั่นมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองไหนๆ เพราะแลกมาด้วยพระโลหิตบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิของพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้าสูงสุด
เราจะแก้ตัวกับคนที่ถูกเฆี่ยนจนยับไปทั้งตัวและถูกตรึงกางเขนตายแทนเราได้ยังไงว่า
รอก่อนนะพระองค์ ขอลูกเอาเงินไปเที่ยวเล่น ดูหนัง ซื้อทีวีจอแบนก่อน เหลือแล้วลูกจะถวายเพื่อการขยายพระอาณาจักรทีหลัง!
ถ้าเมื่อ 2 พันกว่าปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งไม่ได้ถวายขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวที่เขามีให้พระเยซูทรงใช้
คน 5 พันคนก็ไม่มีืทางได้อิ่ม
อย่างที่อาจารย์สมศักดิ์ ชูสงฆ์พูดไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนว่า เงินที่เราถวายให้พระเจ้าทรงใช้ จะเกิดประโยชน์มากกว่าเราใช้เองแน่นอน
เงินไม่กี่หมื่นของเราจะเกิดผล 30 เท่า 60 เท่า เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากกว่าที่เราจะเอามาใช้ซื้อความสุขส่วนตัวแน่นอน
พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่าจงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า
เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง
เราเชื่ออย่างจริงใจหรือเปล่าว่าถ้าเราถวาย 10% อย่างสัตย์ซื่อแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้เราเดือดร้อน
ถ้าเราเชื่อ... แล้วทำไมเราไม่ทำตาม
เรเองตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้จะถวายสิบลดให้ครบถ้วนตามจำนวน เพื่อให้สามารถพูดได้เต็มปากกว่าเรารักษาสัญญากับพระเจ้า
เราอาจไม่มีปัญญาไปประกาศข่าวประเสริฐด้วยตนเอง แต่เงินที่เราถวายจะช่วยให้ทีมประกาศมีใบปลิว ช่วยให้คนยากจนได้อิ่ม
ช่วยให้แผ่นดินของพระองค์ได้ขยายออกไป
เ้หมือนตอนที่เราอธิษฐานอดอาหาร เราปฏิเสธโลกและตัวตนโดยพึ่งพาพระเจ้าในทุกทาง
และครั้งนี้ก็เช่นกัน หากมันทำให้เรา "ยอม" ให้กับพระเจ้าเป็นผู้นำชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่
ทรัพย์สินเงินทองก็เป็นเรื่องเล็ก
เราไม่ได้พูดได้เพราะเรามีเงิน บ้านเรามีหนี้สินอีกหลายล้าน แม่เราเป็นมะเร็ง รถเราเสียตลอดเวลา เครื่องซักผ้า ตู้เย็น พังไม้เว้นแต่ละวัน
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังไม่ขัดสน และต่อไปถึงแม้เราถวายมากขึ้นเราก็เชื่อมั่นว่าเราจะไ่ม่ขัดสน
ดูอย่างสาวกของพระเยซูที่ทรงใช้ออกไป เสื้อผ้าก็ไม่มี เงินทองก็ไม่มี
แต่พวกเขากลับไม่ขาดสิ่งใดเลย พระเยซูผู้ทรงเลี้ยงนกน้อยใหญ่จะทรงเลี้ยงเราเช่นกัน
เหตุฉะนั้นเรอยากขอให้เพื่อนๆ ลองถวายเงินให้มากขึ้น อธิษฐานให้มากขึ้น
ยอมให้พระเจ้าใช้ให้มากขึ้น
เพื่อนๆ อาจได้พบสันติสุขที่ไม่เหมือนที่โลกให้ยิ่งกว่าตอนที่ถวายน้อยเสียอีก มาถวายด้วยกันเถอะนะคะ
เพื่อนๆ บางคนอาจยังใจไม่เข็งพอจะถวาย 10% แต่ขอให้ถวายให้มากกว่าที่เคย แล้วอธิษฐานขอให้ทรงดูแลจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้
เพื่อนๆ อาจจะพบกับพระพรอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็ได้ เพราะพระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่และทรงกระทำได้ทุกอย่างค่ะ!
เพราะสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้คนถวายน้อยลง
ลองคิดดูว่าถ้าโบสถ์อยู่ไม่ได้ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน
โบสถ์เราติดลบแล้วนะ...อาจารย์พูดขึ้นมา แล้วทุกคนก็อึ้ง...ก้มหน้านิ่ง
ใช่แล้วล่ะ... ทุกคนก็มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น
ไหนบอกว่าเราให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่ง เราจะรับใช้พระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เรามีอยู่
แต่พอเราได้เงินน้อยลง ส่วนที่ลดลงกลับเป็นส่วนของพระเจ้า ไม่ใช่ส่วนของเรา
ขอบคุณพระเจ้าที่เงินส่วนที่ลูกได้รับน้อยลงนั้นเป็นส่วนของพระองค์ ส่วนของลูกยังอยู่ครบ... เรากล้าทูลแบบนี้จริงๆเหรอ?
ของโบสถ์อื่นเราไม่รู้ แต่ตอนที่เรารับบัพติสมา เราสัญญาจะถวาย 10% ของเงินได้คืนเข้าสู่ท้องพระคลังของพระองค์
สารภาพผิดว่าไม่เคยถวายถึง 10% จริงๆ เลย เพราะมันเ็ป็นเงินเกือบครึ่งแสน
ที่จริงแล้วเดือนหนึ่งๆ ถวายไม่ถึง 5% ของเงินได้ต่อเดือนด้วยซ้ำ
ด้วยความอ่อนแอของมนุษย์... เราได้แค่ติดว่าพระเจ้าคะ ถ้าลูกมีเิงินมากพอที่จะถวายโดยไม่เดือดร้อนลูกจะถวายพระองค์แน่
แต่วันนั้นไม่เึคยมาถึงเลย...เราไม่เคยมีเงินพอที่ถวาย 10% โดยไม่ต้องเอาไปจ่ายค่าอย่างอื่น
มาคิดดูดีๆ ที่เราไม่เคยมี เพราะเราไม่ได้ถวายอย่างสัตย์ซื่อหรือเปล่า เราจะทวงสัญญาว่าพระองค์จะทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นให้กับเราได้ยังไง
ถ้าเราเองไม่ได้สัตย์ซื่อกับสัญญาที่ให้พระองค์ ที่จริงแล้วทุกอย่างที่เรามีเป็นของพระองค์ทั้งนั้น
ไม่ว่าจะสมองทีใช้คิด มือที่ใช้ทำงาน อาหารที่เรากิน งานที่เราทำ โอกาสในการหารายได้
ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของพระองค์ทั้งนั้น แม้แต่เส้นผมของเราก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น
ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเยโฮวาห์มิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า
ถ้าพระเจ้าจะให้การงานของเราไม่เป็นผล เราตื่นแ่เช้า กระหืดกระหอบทำงานไปก็เหนื่อยเปล่า
แต่ถ้าจะทรงอวยพระพร เราย่อมจะได้มาก พระคัมภีร์ว่าไว้อย่างนั้น
ปากเราบอกว่าเชื่อ แต่เราไม่กล้าจะทำตาม เหมือนเศรษฐีที่พระเยซูบอกให้ไปขายทรัพย์สินแจกจ่ายแก่คนยากจนแล้วตามพระองค์มา
สุดท้ายเขาก็กลับไปบ้านด้วยสีหน้าเศร้าหมองและไม่ได้ทำตาม หรือเรากำลังเป็นเศรษฐีคนนั้น
เราให้คุณค่ากับเงินทองมากกว่าแผ่นดินของพระองค์บนโลกหรือเปล่า
ประโยชน์อะไรที่จะได้ทรัพย์สินทั้งโลกแต่เสียชีวิตของตนเอง
พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกเรามาให้มีเงินมากกว่านี้อีก 10% แต่เรียกเรามาเพื่อให้รับชีวิตนิรันดร์ต่างหาก
และนั่นมีค่ามากกว่าทรัพย์สินเงินทองไหนๆ เพราะแลกมาด้วยพระโลหิตบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิของพระบุตรพระองค์เดียวของพระเจ้าสูงสุด
เราจะแก้ตัวกับคนที่ถูกเฆี่ยนจนยับไปทั้งตัวและถูกตรึงกางเขนตายแทนเราได้ยังไงว่า
รอก่อนนะพระองค์ ขอลูกเอาเงินไปเที่ยวเล่น ดูหนัง ซื้อทีวีจอแบนก่อน เหลือแล้วลูกจะถวายเพื่อการขยายพระอาณาจักรทีหลัง!
ถ้าเมื่อ 2 พันกว่าปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งไม่ได้ถวายขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัวที่เขามีให้พระเยซูทรงใช้
คน 5 พันคนก็ไม่มีืทางได้อิ่ม
อย่างที่อาจารย์สมศักดิ์ ชูสงฆ์พูดไว้เมื่ออาทิตย์ก่อนว่า เงินที่เราถวายให้พระเจ้าทรงใช้ จะเกิดประโยชน์มากกว่าเราใช้เองแน่นอน
เงินไม่กี่หมื่นของเราจะเกิดผล 30 เท่า 60 เท่า เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากกว่าที่เราจะเอามาใช้ซื้อความสุขส่วนตัวแน่นอน
พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่าจงนำทศางค์ เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า
เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่
เราจะขนาบตัวที่ทำลายให้แก่เจ้า เพื่อว่ามันจะไม่ทำลายผลแห่งพื้นดินของเจ้า และผลองุ่นในไร่นาของเจ้าจะไม่ร่วง
เราเชื่ออย่างจริงใจหรือเปล่าว่าถ้าเราถวาย 10% อย่างสัตย์ซื่อแล้วพระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้เราเดือดร้อน
ถ้าเราเชื่อ... แล้วทำไมเราไม่ทำตาม
เรเองตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้จะถวายสิบลดให้ครบถ้วนตามจำนวน เพื่อให้สามารถพูดได้เต็มปากกว่าเรารักษาสัญญากับพระเจ้า
เราอาจไม่มีปัญญาไปประกาศข่าวประเสริฐด้วยตนเอง แต่เงินที่เราถวายจะช่วยให้ทีมประกาศมีใบปลิว ช่วยให้คนยากจนได้อิ่ม
ช่วยให้แผ่นดินของพระองค์ได้ขยายออกไป
เ้หมือนตอนที่เราอธิษฐานอดอาหาร เราปฏิเสธโลกและตัวตนโดยพึ่งพาพระเจ้าในทุกทาง
และครั้งนี้ก็เช่นกัน หากมันทำให้เรา "ยอม" ให้กับพระเจ้าเป็นผู้นำชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่
ทรัพย์สินเงินทองก็เป็นเรื่องเล็ก
เราไม่ได้พูดได้เพราะเรามีเงิน บ้านเรามีหนี้สินอีกหลายล้าน แม่เราเป็นมะเร็ง รถเราเสียตลอดเวลา เครื่องซักผ้า ตู้เย็น พังไม้เว้นแต่ละวัน
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่เรายังไม่ขัดสน และต่อไปถึงแม้เราถวายมากขึ้นเราก็เชื่อมั่นว่าเราจะไ่ม่ขัดสน
ดูอย่างสาวกของพระเยซูที่ทรงใช้ออกไป เสื้อผ้าก็ไม่มี เงินทองก็ไม่มี
แต่พวกเขากลับไม่ขาดสิ่งใดเลย พระเยซูผู้ทรงเลี้ยงนกน้อยใหญ่จะทรงเลี้ยงเราเช่นกัน
เหตุฉะนั้นเรอยากขอให้เพื่อนๆ ลองถวายเงินให้มากขึ้น อธิษฐานให้มากขึ้น
ยอมให้พระเจ้าใช้ให้มากขึ้น
เพื่อนๆ อาจได้พบสันติสุขที่ไม่เหมือนที่โลกให้ยิ่งกว่าตอนที่ถวายน้อยเสียอีก มาถวายด้วยกันเถอะนะคะ
เพื่อนๆ บางคนอาจยังใจไม่เข็งพอจะถวาย 10% แต่ขอให้ถวายให้มากกว่าที่เคย แล้วอธิษฐานขอให้ทรงดูแลจัดเตรียมสิ่งจำเป็นให้
เพื่อนๆ อาจจะพบกับพระพรอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อนก็ได้ เพราะพระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่และทรงกระทำได้ทุกอย่างค่ะ!