หลานชายของข้าพเจ้า
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 11, 2009 9:26 am
น้องสาวข้าพเจ้ามีบุตรแล้ว เป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วน ซึ่งข้าพเจ้าว่าหน้าตาและหุ่นน่ารักจ้ำม่ำดีมาก แต่ซนสะบัดเลย หลานของข้าพเจ้าคนนี้ยังอ่านหนังสือไม่แตก เขียนหนังสือยังไม่เป็นภาษาเท่าไร
ข้าพเจ้าชอบคุยกับหลาน เพราะถ้าหลานอารมณ์ดี เธอจะคุยสนุกมาก และข้าพเจ้าชอบหนุนท้องหลาน เพราะท้องของเธอนุ่มนิ่มยิ่งกว่าหมอนขนเป็ด ตัวอย่างของการสนทนา เช่น
บทสนทนาที่ 1
ข้าพเจ้า: ปลาคาร์พคือปลาแบบไหน
หลาน: ปลาคาร์พคือปลาที่กินเข้าไปแล้วทำให้เป็นคนเรียบร้อย ไม่พูดคำหยาบ เช่น ..... พอกินปลาคาร์พเข้าไปแล้ว ก็จะพูดว่า "สวัสดีคร้าบบบบบบบ ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ"
บทสนทนาที่ 2
ข้าพเจ้า: มัมมี่คืออะไร
หลาน: มัมมีคือผี
ข้าพเจ้า: ผีแบบไหน
หลาน: ผีที่มีทิชชู่พันยาวๆๆๆๆๆๆ
บทสนทนาที่ 3
ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน มีการจัดแสดงเกี่ยวกับวัวนม และเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้ป้อนนมให้ลูกวัวโดยใช้ขวดนมที่ผู้จัดแสดงตระเตรียมไว้ให้ ด้วยความที่หลานของข้าพเจ้าเป็นเด็กกรีนพีซ รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม ก็ได้ไปป้อนนมลูกวัวกับเขาด้วยตามระเบียบ และเขาจัดแสดงกี่วัน หลานข้าพเจ้าก็ไปร่วมกับเขาเกือบเท่านั้นวัน จนที่สุด งานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา การจัดแสดงดังกล่าวสิ้นสุดลง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสคุยกับหลาน
ข้าพเจ้า: วันนี้ได้ไปเล่นกับวัวมาอีกหรือเปล่า
หลาน: ไม่ได้ปายยยย
ข้าพเจ้า: อ้าว ทำไมล่ะ
หลาน: ไม่มีวัวแล้ว วัวกลับบ้านไปแล้ว
ข้าพเจ้า: บ้านวัวอยู่ไหน
หลาน: ฟาร์มมมมมมมมมมมมมมมมม
อยู่มาวันหนึ่ง น้องสาวของข้าพเจ้าเกิดดำริจะส่งหลานของข้าพเจ้าไปเรียนคำสอนเพื่อเตรียมรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ข้าพเจ้าตกใจ เพราะหลานของข้าพเจ้ายังไม่ประสีประสาอะไรนัก จะได้เรื่องไหมเนี่ย
ข้าพเจ้าจึงได้เพียรถามหลานของข้าพเจ้าว่า ไปเรียนคำสอนแล้วได้เรื่องอะไรบ้าง ครูสอนอะไรมาบ้าง หลานข้าพเจ้ากวนโอ๊ย ไม่ยอมตอบคำถาม ข้าพเจ้าเลยไม่รู้ว่าหลานชายข้าพเจ้าเรียนคำสอนได้เรื่องมากน้อยเพียงใด อย่างไร ข้าพเจ้ารู้สึกจนด้วยเกล้า
จนมาวันหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดแผนง้างปากหลานได้สำเร็จ โดยข้าพเจ้าไม่ถามหลานตรงๆเกี่ยวกับการเรียนคำสอนของเขา แต่ตั้งเป็นคำถามเพื่อสร้างความรู้สึกยั่วยุให้เกิดอาการอยากตอบ ดังนี้คือ ข้าพเจ้าทำเป็นพูดลอยๆไปกับลมว่า "เอ๊...มนุษย์คู่แรกของโลกชื่ออะไรน้า" เสร็จจจจจ ... อิ อิ หลานข้าพเจ้าติดกับดักที่ข้าพเจ้าวางไว้ โดยหลานตอบออกมาด้วยด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "อาดามมมมมกับเอวววววววววววา" แล้วก็ไม่หยุดแค่นั้น เธอยังเล่าตำนานเกี่ยวกับอาดัมและเอวาต่อไปด้วยว่า "อาดามมมมกับเอววววววววากินแอ๊ปเปิ้ลเข้าปายยยยยยยย อาดามมมมมมกินคำหญ่ายยยยยยยย เอววววววววววววววากินคำเล็กกก ทำให้แอ๊ปเปิ้ลติดคออาดามมมมมม กลายเป็นลูกกาเดือก ส่วนเอวววววาก็เลยม่ายยยยยยมีลูกกาเดือก" เออ เฮ้ย ค่อยยังชั่ว ข้าพเจ้าโล่งใจ อย่างน้อยหลานของข้าพเจ้าก็ยังรู้จักอาดามมมมกับเอวววววา (คิดว่าคงรู้จักโนอาห์กับโมเสสด้วย...แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สัมภาษณ์ต่อ) แม้จะรู้จักในมุมของตำนาน ไม่ใช่มุมของเทววิทยาตรงๆก็ตาม
และแล้ว หลานข้าพเจ้าก็ได้รับศีลมหาสนิท ซึ่งก่อนหน้านั้นเหมือนจะได้รับศีลอภัยบาปก่อนด้วย พอเธอกลับมาบ้าน แล้วเธอก็ปรารภว่า วันก่อนที่เธอไปแกล้งคุณตาของเธอนั้น เธอรู้สึกว่าเธอได้ทำบาปไป เธอไม่ควรกระทำใช่ไหม คนอื่นในบ้าน กล่าวสนับสนุนความคิดของเธอ จึงพร้อมใจ "อัลเลลูยา" กันใหญ่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกปลื้มใจ อย่างน้อย มโนธรรมของหลานข้าพเจ้าก็ยังทำงานอยู่ อิ อิ
วันก่อน ข้าพเจ้าดูละครเรื่อง "เพื่อนซ่า เทวดาจิ๋ว" ในเรื่องพระเอกกับตัวร้ายต้องต่อสู้กัน อันเนื่องมาจากเหตุในอดีตชาติ ข้าพเจ้าเดินออกไปข้างนอกพอดี กลับมาไม่ทันได้ดูตอนนั้น ก็เลยถามหลานว่า "อดีตชาติอะไร" ที่ถามเช่นนี้ ข้าพเจ้ามีเจตนาจะถามว่า "อดีตชาติมันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการต่อสู้ระหว่างพระเอกกับตัวร้ายอย่างไร" แต่หลานข้าพเจ้าคงเข้าใจไปว่าข้าพเจ้าต้องการถามว่า อดีตชาติในความหมายทั่วไปหมายถึงอะไร จึงตอบว่า "อดีตชาติ ก็คือ คนหนึ่งตายไปแล้ว ก็ไปเกิดใหม่ ชาติก่อนนั่นแหละก็คืออดีตชาติ" ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการถามความหมายของอดีตชาติโดยทั่วไป แต่ต้องการถามอดีตชาติที่ปรากฏในละคร หลานข้าพเจ้าเลยสรุปความเอาง่ายๆเลยว่า ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ จึงตอบมาว่า "ช่างมันเถอะ ลุงไม่เข้าจายยยยอดีตชาติก็ดีแล้วววว เพราะศาสนาของเราไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องอดีตชาติ"

ที่สุด ข้าพเจ้าก็เลยโล่งใจขึ้นอีกระดับต่อการที่น้องสาวข้าพเจ้าส่งหลานของข้าพเจ้าไปเรียนคำสอนเพื่อรับศีลมหาสนิท

ข้าพเจ้าชอบคุยกับหลาน เพราะถ้าหลานอารมณ์ดี เธอจะคุยสนุกมาก และข้าพเจ้าชอบหนุนท้องหลาน เพราะท้องของเธอนุ่มนิ่มยิ่งกว่าหมอนขนเป็ด ตัวอย่างของการสนทนา เช่น
บทสนทนาที่ 1
ข้าพเจ้า: ปลาคาร์พคือปลาแบบไหน
หลาน: ปลาคาร์พคือปลาที่กินเข้าไปแล้วทำให้เป็นคนเรียบร้อย ไม่พูดคำหยาบ เช่น ..... พอกินปลาคาร์พเข้าไปแล้ว ก็จะพูดว่า "สวัสดีคร้าบบบบบบบ ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ"
บทสนทนาที่ 2
ข้าพเจ้า: มัมมี่คืออะไร
หลาน: มัมมีคือผี
ข้าพเจ้า: ผีแบบไหน
หลาน: ผีที่มีทิชชู่พันยาวๆๆๆๆๆๆ
บทสนทนาที่ 3
ณ ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน มีการจัดแสดงเกี่ยวกับวัวนม และเปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้ป้อนนมให้ลูกวัวโดยใช้ขวดนมที่ผู้จัดแสดงตระเตรียมไว้ให้ ด้วยความที่หลานของข้าพเจ้าเป็นเด็กกรีนพีซ รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม ก็ได้ไปป้อนนมลูกวัวกับเขาด้วยตามระเบียบ และเขาจัดแสดงกี่วัน หลานข้าพเจ้าก็ไปร่วมกับเขาเกือบเท่านั้นวัน จนที่สุด งานเลี้ยงก็มีวันเลิกรา การจัดแสดงดังกล่าวสิ้นสุดลง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสคุยกับหลาน
ข้าพเจ้า: วันนี้ได้ไปเล่นกับวัวมาอีกหรือเปล่า
หลาน: ไม่ได้ปายยยย
ข้าพเจ้า: อ้าว ทำไมล่ะ
หลาน: ไม่มีวัวแล้ว วัวกลับบ้านไปแล้ว
ข้าพเจ้า: บ้านวัวอยู่ไหน
หลาน: ฟาร์มมมมมมมมมมมมมมมมม
อยู่มาวันหนึ่ง น้องสาวของข้าพเจ้าเกิดดำริจะส่งหลานของข้าพเจ้าไปเรียนคำสอนเพื่อเตรียมรับศีลมหาสนิทครั้งแรก ข้าพเจ้าตกใจ เพราะหลานของข้าพเจ้ายังไม่ประสีประสาอะไรนัก จะได้เรื่องไหมเนี่ย
ข้าพเจ้าจึงได้เพียรถามหลานของข้าพเจ้าว่า ไปเรียนคำสอนแล้วได้เรื่องอะไรบ้าง ครูสอนอะไรมาบ้าง หลานข้าพเจ้ากวนโอ๊ย ไม่ยอมตอบคำถาม ข้าพเจ้าเลยไม่รู้ว่าหลานชายข้าพเจ้าเรียนคำสอนได้เรื่องมากน้อยเพียงใด อย่างไร ข้าพเจ้ารู้สึกจนด้วยเกล้า
จนมาวันหนึ่ง ข้าพเจ้าคิดแผนง้างปากหลานได้สำเร็จ โดยข้าพเจ้าไม่ถามหลานตรงๆเกี่ยวกับการเรียนคำสอนของเขา แต่ตั้งเป็นคำถามเพื่อสร้างความรู้สึกยั่วยุให้เกิดอาการอยากตอบ ดังนี้คือ ข้าพเจ้าทำเป็นพูดลอยๆไปกับลมว่า "เอ๊...มนุษย์คู่แรกของโลกชื่ออะไรน้า" เสร็จจจจจ ... อิ อิ หลานข้าพเจ้าติดกับดักที่ข้าพเจ้าวางไว้ โดยหลานตอบออกมาด้วยด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "อาดามมมมมกับเอวววววววววววา" แล้วก็ไม่หยุดแค่นั้น เธอยังเล่าตำนานเกี่ยวกับอาดัมและเอวาต่อไปด้วยว่า "อาดามมมมกับเอววววววววากินแอ๊ปเปิ้ลเข้าปายยยยยยยย อาดามมมมมมกินคำหญ่ายยยยยยยย เอววววววววววววววากินคำเล็กกก ทำให้แอ๊ปเปิ้ลติดคออาดามมมมมม กลายเป็นลูกกาเดือก ส่วนเอวววววาก็เลยม่ายยยยยยมีลูกกาเดือก" เออ เฮ้ย ค่อยยังชั่ว ข้าพเจ้าโล่งใจ อย่างน้อยหลานของข้าพเจ้าก็ยังรู้จักอาดามมมมกับเอวววววา (คิดว่าคงรู้จักโนอาห์กับโมเสสด้วย...แต่ข้าพเจ้าไม่ได้สัมภาษณ์ต่อ) แม้จะรู้จักในมุมของตำนาน ไม่ใช่มุมของเทววิทยาตรงๆก็ตาม
และแล้ว หลานข้าพเจ้าก็ได้รับศีลมหาสนิท ซึ่งก่อนหน้านั้นเหมือนจะได้รับศีลอภัยบาปก่อนด้วย พอเธอกลับมาบ้าน แล้วเธอก็ปรารภว่า วันก่อนที่เธอไปแกล้งคุณตาของเธอนั้น เธอรู้สึกว่าเธอได้ทำบาปไป เธอไม่ควรกระทำใช่ไหม คนอื่นในบ้าน กล่าวสนับสนุนความคิดของเธอ จึงพร้อมใจ "อัลเลลูยา" กันใหญ่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกปลื้มใจ อย่างน้อย มโนธรรมของหลานข้าพเจ้าก็ยังทำงานอยู่ อิ อิ
วันก่อน ข้าพเจ้าดูละครเรื่อง "เพื่อนซ่า เทวดาจิ๋ว" ในเรื่องพระเอกกับตัวร้ายต้องต่อสู้กัน อันเนื่องมาจากเหตุในอดีตชาติ ข้าพเจ้าเดินออกไปข้างนอกพอดี กลับมาไม่ทันได้ดูตอนนั้น ก็เลยถามหลานว่า "อดีตชาติอะไร" ที่ถามเช่นนี้ ข้าพเจ้ามีเจตนาจะถามว่า "อดีตชาติมันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการต่อสู้ระหว่างพระเอกกับตัวร้ายอย่างไร" แต่หลานข้าพเจ้าคงเข้าใจไปว่าข้าพเจ้าต้องการถามว่า อดีตชาติในความหมายทั่วไปหมายถึงอะไร จึงตอบว่า "อดีตชาติ ก็คือ คนหนึ่งตายไปแล้ว ก็ไปเกิดใหม่ ชาติก่อนนั่นแหละก็คืออดีตชาติ" ข้าพเจ้าบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการถามความหมายของอดีตชาติโดยทั่วไป แต่ต้องการถามอดีตชาติที่ปรากฏในละคร หลานข้าพเจ้าเลยสรุปความเอาง่ายๆเลยว่า ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ จึงตอบมาว่า "ช่างมันเถอะ ลุงไม่เข้าจายยยยอดีตชาติก็ดีแล้วววว เพราะศาสนาของเราไม่ได้สอนให้เชื่อเรื่องอดีตชาติ"



ที่สุด ข้าพเจ้าก็เลยโล่งใจขึ้นอีกระดับต่อการที่น้องสาวข้าพเจ้าส่งหลานของข้าพเจ้าไปเรียนคำสอนเพื่อรับศีลมหาสนิท


