วิญญาณไฟชำระ ใครเชื่อบ้าง

ใครมาใหม่เชิญทางนี้ก่อน ทักทาย ทดลองโพส
satoshi_b1
โพสต์: 291
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 11:56 am

ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกเนอะ ผมไม่รู้ว่าจะมีคนเชื่อเรื่องนี้หรือป่าว แต่ผมอ่านผมก้อรู้สึกดีนะที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่เพราะถ้าไม่มีชีวิตผมก้อคงทำความดีไม่ได้ ผมว่ามันเหมือนของพุทธเลยนะครับ การที่คนเราทำบุญให้วิญญาณ ที่ต้องการรับสวนบุญ ถามจิง ๆ นะครับ เราทำแบบนี้แล้วเค้าจะได้รับเหรอครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไร ผมเลยมาเป็นคริตส์ แต่ว่าพอได้อ่านมันก็น่าคิด ผมคิดมานานแล้ว และก้อยังไม่ได้คำตอบ นอกจากผมจะได้ประจักพยานเท่านั้นเองถึงจะรุ้ว่า วิญญาณเค้าได้รับหรือป่าว แล้วมีอีกข้อคือว่า ผมเห็นเวลามิสซา บางคนก็ถวายผลไม้ ของ กินบางอย่างให้พระ แบบนี้ทำได้หรอกครับ งง แล้วเวลาเราอุทิศมิสซาวิญญาญไฟชำระ ได้ด้วยเหรอ ใครที่มีประจักพยาน ก้อช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ แล้วก้อมันแตกต่างจากพุทธยังงัย ช่วยบอกด้วยนะครับ .....คนขี้สงสัย
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 5:58 pm

ถามว่าเวลาทำบุญมิสซาไปแล้ววิญญานในไฟชำระจะได้ไหม อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ

แต่เวลาเราทำบุญมิสซา หรือสวดสายประคำ ก็เพื่อให้วิญญานในไฟชำระหลุดพ้นแล้วกลับใจมาอยู่กับพระคริสอะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 8:20 pm

ถ้าคุณเป็นคาทอลิก ลองอ่านอันนี้ครับ
http://www.catholic.or.th/archive/catechism/catech15/ch155.html

ถ้าคุณเป็นโปรเตสแตนต์ คุณอาจะไม่จำเป็นต้องเชื่อเรื่องนี้ก็ได้
เพราะอย่างไรเราก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ พระคริสตเจ้าองค์เดียวกัน
คุณอาจจะฟังหูไว้หู แล้วก็ขอปรีชาญาณจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการพิจารณา

ถ้าคุณเป็นคนต่างศาสนา ผมขอแนะนำว่าอย่าเอาอะไรๆไปปนกัน
เพราะศาสนาพุทธกับศาสนาคริสต์ไม่ได้เชื่อเหมือนกันในส่วนปลีกย่อยครับ
อ่านในลิ้งค์ที่ผมให้ไป ถ้าไม่เข้าใจสอบถามได้ครับ
  : emo027 :
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 9:52 pm

satoshi_b1 เขียน: ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกเนอะ ผมไม่รู้ว่าจะมีคนเชื่อเรื่องนี้หรือป่าว แต่ผมอ่านผมก้อรู้สึกดีนะที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่เพราะถ้าไม่มีชีวิตผมก้อคงทำความดีไม่ได้ ผมว่ามันเหมือนของพุทธเลยนะครับ การที่คนเราทำบุญให้วิญญาณ ที่ต้องการรับสวนบุญ ถามจิง ๆ นะครับ เราทำแบบนี้แล้วเค้าจะได้รับเหรอครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไร ผมเลยมาเป็นคริตส์ แต่ว่าพอได้อ่านมันก็น่าคิด ผมคิดมานานแล้ว และก้อยังไม่ได้คำตอบ นอกจากผมจะได้ประจักพยานเท่านั้นเองถึงจะรุ้ว่า วิญญาณเค้าได้รับหรือป่าว แล้วมีอีกข้อคือว่า ผมเห็นเวลามิสซา บางคนก็ถวายผลไม้ ของ กินบางอย่างให้พระ แบบนี้ทำได้หรอกครับ งง แล้วเวลาเราอุทิศมิสซาวิญญาญไฟชำระ ได้ด้วยเหรอ ใครที่มีประจักพยาน ก้อช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ แล้วก้อมันแตกต่างจากพุทธยังงัย ช่วยบอกด้วยนะครับ .....คนขี้สงสัย
ตกลงว่าเป็นคริสต์ ไม่ได้มาจากการเชื่อพระเจ้าหรอครับ? : emo031 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 10:52 pm

เราคาทอลิกเชื่อใน สหพันธ์นักบุญนะคะ
หมายความว่า คำภาวนาของเรา สามารถลิงค์ถึงกันได้หมด

ทั้งสวรรค์ โลก และ ไฟชำระ


ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 11:03 pm

อ้างคำตอบของพี่โฮลี่นะคะ

ในพระคัมภีร์ส่วนอธิกธรรมที่ มาร์ติน ลูเธอร์ตัดทิ้ง แต่คาทอลิคยังคงไว้ คือ ในหนังสือมัคคาบี ซึ่งเป็นส่วนของพระธรรมเก่า

๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕
42: Betook themselves unto prayer, and besought him that the sin committed might wholly be put out of remembrance. Besides, that noble Judas exhorted the people to keep themselves from sin, forsomuch as they saw before their eyes the things that came to pass for the sins of those that were slain.
43: And when he had made a gathering throughout the company to the sum of two thousand drachms of silver, he sent it to Jerusalem to offer a sin offering, doing therein very well and honestly, in that he was mindful of the resurrection:
44: For if he had not hoped that they that were slain should have risen again, it had been superfluous and vain to pray for the dead.

2มัคคาบี 12:42-45

เขาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเจ้าให้ทรงลบล้างบาปให้หมดสิ้นไป ยูดาผู้ทรงศักดิ์เตือนบรรดาทหารให้รักษาตนให้พ้นจากบาป
เพราะเขาทั้งหลายได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแก่ผู้ที่ตายเพราะได้ทำบาป

ยูดาจึงเรี่ยไรเงินจากทหารแต่ละคน ได้เงินจำนวนสองพันเหรียญดรักมา ส่งไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจัดให้มีการถวายบูชาชดเชยบาป นับว่า
เป็นการกระทำที่งดงามและน่ายกย่อง โดยคำนึงถึงการกลับคืนชีพของผู้ตาย


เพราะถ้าเขาไม่มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพอีก การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประโยชน์และไร้ความหมาย

แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใสต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์
เขาสั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป

----------------------------------------

เหตุการณ์ในมัคคาบีเปนเหตุการณ์ก่อนพระเยซูประสูติ สรุปแปลท่อนนี้คือเราพบว่าชาวยิวมีการทำสิ่งหนึ่งขึ้นคือการอธิษฐานและทำบุญเพื่อผู้ตายครับ


ผมแนะนำอย่างหนึ่งว่า ทัศนคติที่ว่า ถ้าหาคำในพระคัมภีร์ตรงๆไม่เจอแปลว่าไม่มี ก็วานเขาหาคำว่าพระตรีเอกภาพในพระคัมภีร์ให้ด้วย เพราะมันก็ไม่มีในพระคัมภีร์เหมือนกัน แต่โปรแตสแตนท์ยังเชื่อยังสอนกันได้นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 28, 2009 11:56 pm

ผมเห็นเวลามิสซา บางคนก็ถวายผลไม้ ของ กินบางอย่างให้พระ แบบนี้ทำได้หรอกครับ
ปกติในพิธีมิสซา ของถวายที่ขาดไม่ได้จริงๆเลยมีเเค่ "ปังเเละเหล้าองุ่น" ซึ่งจะใช้ประกอบพิธีกรรม

จากหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

การถวายเครื่องบูชา (ภาคถวาย) บางครั้งมีจัดเดินขบวนถวายปังเเละเหล้าองุ่น
ซึ่งพระสงฆ์จะถวายในนามของพระคริสตเจ้าในพิธีบูชามิสซา ซึ่งปังเเละเหล้าองุ่นจะกลายเป็นพระกายเเละพระโลหิตองพระองค์
พิธีนี้เป็นกิจการนั้นเองของพระคริสตเจ้าในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย "เมื่อทรงหยิบปังเเละถ้วยกาลิกษ์"

"พระศาสนจักรเท่านั้นสามารถถวายของถวายบริสุทธิ์นี้เเด่พระผู้สร้าง โดยมอบให้พร้อมกับการขอบพระคุณ
สิ่งซึ่งมาจากการสร้างของพระองค์" (น. อีเรเน Adv. haeres. 4.18 4 : PG 7/1,1027; เทียบ มลค 1:11)

การนำของถวายมาที่เเท่นบูชานี้เป็นการรื้อฟื้นการกระทำของเมลคีเซเดค
เเละเป็นการมอบของประทานของพระผู้สร้าง
ไว้ในพระหัตถ์ของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงนำความพยายามทั้งหมดของมนุษย์ที่จะถวายเครื่องบูชาไปสู่ความสมบูรณ์
โดยอาศัยบูชาของพระองค์
(CCC 1350)

ส่วนเรื่องของถวายอื่นๆนอกจากปังเเละเหล้าองุ่น เช่น ผลไม้ หรือการเก็บถุงทาน
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเราไม่ได้ถวายเพื่อให้พระเจ้า "รับประทาน" เสมือนอาหารเช้า กลางวัน เย็น
และมีลักษณะ(+ความรู้สึก)ที่เเตกต่างออกไปจากการ "เซ่นไหว้ผี"

ตั้งเเต่สมัยเริ่มเเรก บรรดาคริสตชนนำของขวัญของเขามาถวายพร้อมกับปังเเละเหล้าองุ่นสำหรับพิธีโมทนาคุณนี้
เพื่อเเบ่งปันกับบรรดาผู้ซึ่งขาดเเคลน ประเพณี การเรี่ยไร (collection) นี้ เป็นสิ่งเหมาะสม ซึ่งได้รับการดลใจ
จากเเบบฉบับของพระคริสตเจ้าผู้ทรงยอมยากจนเพื่อให้เรามั่งมี (เทียบ 1คร 16:1; 2คร 8:9)

บรรดาคนมั่งมีเเละผู้มีความปรารถนาให้สิ่งที่จำเป็นกับเเต่ละคนอย่างอิสระ สิ่งซึ่งรวบรวมมาได้
ก็มอบให้ประธานในพิธี นำไปช่วยเด็กกำพร้าเเละเเม่หม้าย ผู้ป่วยหรือเพราะเหตุอื่นๆ
บรรดาผู้ต้องขังเเละผู้อพยพ เเละโดยสรุปคือทุกคนที่จัดสน (น.จัสติน)
(CCC 1351)
satoshi_b1
โพสต์: 291
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.พ. 14, 2009 1:34 pm

จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 6:15 pm

Batholomew เขียน:
satoshi_b1 เขียน: ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกเนอะ ผมไม่รู้ว่าจะมีคนเชื่อเรื่องนี้หรือป่าว แต่ผมอ่านผมก้อรู้สึกดีนะที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่เพราะถ้าไม่มีชีวิตผมก้อคงทำความดีไม่ได้ ผมว่ามันเหมือนของพุทธเลยนะครับ การที่คนเราทำบุญให้วิญญาณ ที่ต้องการรับสวนบุญ ถามจิง ๆ นะครับ เราทำแบบนี้แล้วเค้าจะได้รับเหรอครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไร ผมเลยมาเป็นคริตส์ แต่ว่าพอได้อ่านมันก็น่าคิด ผมคิดมานานแล้ว และก้อยังไม่ได้คำตอบ นอกจากผมจะได้ประจักพยานเท่านั้นเองถึงจะรุ้ว่า วิญญาณเค้าได้รับหรือป่าว แล้วมีอีกข้อคือว่า ผมเห็นเวลามิสซา บางคนก็ถวายผลไม้ ของ กินบางอย่างให้พระ แบบนี้ทำได้หรอกครับ งง แล้วเวลาเราอุทิศมิสซาวิญญาญไฟชำระ ได้ด้วยเหรอ ใครที่มีประจักพยาน ก้อช่วยเล่าให้ฟังหน่อยนะครับ แล้วก้อมันแตกต่างจากพุทธยังงัย ช่วยบอกด้วยนะครับ .....คนขี้สงสัย
ตกลงว่าเป็นคริสต์ ไม่ได้มาจากการเชื่อพระเจ้าหรอครับ? : emo031 :
ผมก้อไม่รู้นะ แต่ว่าผมเชื่อว่าพระองค์อยู่กับผมมาตลอดตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าผมอยู่ในครอบครัวที่ไม่ได้เชื่อเรื่องนี้เลยไม่ได้ทำให้ผมเรียนรุ้เรื่องนี้มากเท่าไร แต่ว่าวันนี้ผมโตแล้วเลยศีกษาดู ยิ่งทำให้ผมเชื่อในพระเจ้ามากาขึ้น แต่บ้างครั้งมันก้อมีบ้างที่สงสัยท่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
yack
โพสต์: 816
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 11, 2008 11:01 am

จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 6:23 pm

~@Little lamb@~ เขียน: เราคาทอลิกเชื่อใน สหพันธ์นักบุญนะคะ
หมายความว่า คำภาวนาของเรา สามารถลิงค์ถึงกันได้หมด
ทั้งสวรรค์ โลก และ ไฟชำระ

เริสชนิดยิ่งยวด โดนซะเต็มประดา  ::026::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Trinity
โพสต์: 147
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 06, 2008 2:00 am

จันทร์ มิ.ย. 29, 2009 11:55 pm

ผมว่านะ อย่าอ่านเอง เออเอง ตีความเองเลย บางเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด พระเจ้าเป็นอะไรมากกว่าที่เราจะเข้าใจและนึกคิดได้เอง ปัญญาเราก็มีแค่นี้ จะให้รู้เท่าเศษเสี้ยวนึงของพระองค์ก็ยังไม่ได้เลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 8:39 pm

~@Little lamb@~ เขียน: อ้างคำตอบของพี่โฮลี่นะคะ

ในพระคัมภีร์ส่วนอธิกธรรมที่ มาร์ติน ลูเธอร์ตัดทิ้ง แต่คาทอลิคยังคงไว้ คือ ในหนังสือมัคคาบี ซึ่งเป็นส่วนของพระธรรมเก่า

๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕
42: Betook themselves unto prayer, and besought him that the sin committed might wholly be put out of remembrance. Besides, that noble Judas exhorted the people to keep themselves from sin, forsomuch as they saw before their eyes the things that came to pass for the sins of those that were slain.
43: And when he had made a gathering throughout the company to the sum of two thousand drachms of silver, he sent it to Jerusalem to offer a sin offering, doing therein very well and honestly, in that he was mindful of the resurrection:
44: For if he had not hoped that they that were slain should have risen again, it had been superfluous and vain to pray for the dead.

2มัคคาบี 12:42-45

เขาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเจ้าให้ทรงลบล้างบาปให้หมดสิ้นไป ยูดาผู้ทรงศักดิ์เตือนบรรดาทหารให้รักษาตนให้พ้นจากบาป
เพราะเขาทั้งหลายได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแก่ผู้ที่ตายเพราะได้ทำบาป

ยูดาจึงเรี่ยไรเงินจากทหารแต่ละคน ได้เงินจำนวนสองพันเหรียญดรักมา ส่งไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจัดให้มีการถวายบูชาชดเชยบาป นับว่า
เป็นการกระทำที่งดงามและน่ายกย่อง โดยคำนึงถึงการกลับคืนชีพของผู้ตาย


เพราะถ้าเขาไม่มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพอีก การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประโยชน์และไร้ความหมาย

แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใสต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์
เขาสั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป

----------------------------------------

เหตุการณ์ในมัคคาบีเปนเหตุการณ์ก่อนพระเยซูประสูติ สรุปแปลท่อนนี้คือเราพบว่าชาวยิวมีการทำสิ่งหนึ่งขึ้นคือการอธิษฐานและทำบุญเพื่อผู้ตายครับ


ผมแนะนำอย่างหนึ่งว่า ทัศนคติที่ว่า ถ้าหาคำในพระคัมภีร์ตรงๆไม่เจอแปลว่าไม่มี ก็วานเขาหาคำว่าพระตรีเอกภาพในพระคัมภีร์ให้ด้วย เพราะมันก็ไม่มีในพระคัมภีร์เหมือนกัน แต่โปรแตสแตนท์ยังเชื่อยังสอนกันได้นะครับ

ถ้าตัดออกจะเป็นตามข้อนี้ หรือเปล่าคะ
22:18 ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่ได้ยินคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ว่า ถ้าผู้ใดจะเพิ่มเติมคำเข้าไปในหนังสือนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่เขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้แก่ผู้นั้น
22:19 และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต และที่มีอยู่ในเมืองบริสุทธิ์นั้น และจากสิ่งที่มีเขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้ไปเสีย
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 8:47 pm

เชื่อ...ในพระผู้เป็นเจ้าหนึ่งเดียว พระบิดา พระบุตร พระจิต ค่ะ

ส่วนเรื่องของวิญญาณในไฟชำระ ก็แค่รับทราบเท่านั้นค่ะ ... ที่สำคัญอยากไปสวรรค์เลยหน่ะ ไม่อยากแวะไปอยู่ในไฟชำระหรอก เพราะนักบุญบางท่านที่เคยได้รับการประจักษ์และได้ไปเยี่ยมวิญญาณในไฟชำระบอกว่า ไฟในที่แห่งนี้ ร้่อนกว่าบนโลกมนุษย์มากนัก ไฟบนโลกมนุษย์ที่ร้อนที่สุดก็ยังไม่ร้อนเท่าในไฟชำระ  ::056::

ฉะนั้น ให้เราอดทน ยอมรับการทนทุกข์ทรมานบนโลกนี้ ดีกว่าไปรับในไฟชำระ ค่ะ
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 9:12 pm

ไฟชำรำ มันเป็นข้อความเชื่อไม่ใช่หรอคับ เหมือนบังคับเชื่ออะไรแบบนี้หรือเปล่าคับ- -;
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 9:34 pm

เอกลักษณ์เฉพาะตัวทางความเชื่อของคาทอลิกเลยเชียวละ
PURGATORY
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 9:50 pm

เราตายไปเราคงต้องไปอยู่ในไฟชำระหรือไม่ก็นรก แน่ๆ เลย  ::056::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อังคาร มิ.ย. 30, 2009 11:09 pm

jacky เขียน:
~@Little lamb@~ เขียน: อ้างคำตอบของพี่โฮลี่นะคะ

ในพระคัมภีร์ส่วนอธิกธรรมที่ มาร์ติน ลูเธอร์ตัดทิ้ง แต่คาทอลิคยังคงไว้ คือ ในหนังสือมัคคาบี ซึ่งเป็นส่วนของพระธรรมเก่า

๒ มัคคาบี ๑๒.๔๒-๔๕
42: Betook themselves unto prayer, and besought him that the sin committed might wholly be put out of remembrance. Besides, that noble Judas exhorted the people to keep themselves from sin, forsomuch as they saw before their eyes the things that came to pass for the sins of those that were slain.
43: And when he had made a gathering throughout the company to the sum of two thousand drachms of silver, he sent it to Jerusalem to offer a sin offering, doing therein very well and honestly, in that he was mindful of the resurrection:
44: For if he had not hoped that they that were slain should have risen again, it had been superfluous and vain to pray for the dead.

2มัคคาบี 12:42-45

เขาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเจ้าให้ทรงลบล้างบาปให้หมดสิ้นไป ยูดาผู้ทรงศักดิ์เตือนบรรดาทหารให้รักษาตนให้พ้นจากบาป
เพราะเขาทั้งหลายได้เห็นกับตาแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแก่ผู้ที่ตายเพราะได้ทำบาป

ยูดาจึงเรี่ยไรเงินจากทหารแต่ละคน ได้เงินจำนวนสองพันเหรียญดรักมา ส่งไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อจัดให้มีการถวายบูชาชดเชยบาป นับว่า
เป็นการกระทำที่งดงามและน่ายกย่อง โดยคำนึงถึงการกลับคืนชีพของผู้ตาย


เพราะถ้าเขาไม่มีความหวังว่าผู้ตายจะกลับคืนชีพอีก การอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้ตายคงไม่มีประโยชน์และไร้ความหมาย

แต่ถ้าเขาทำไปเพราะคิดว่าผู้ที่ตายขณะที่ยังเลื่อมใสต่อพระเจ้าจะได้รับบำเหน็จรางวัลงดงาม ก็เป็นความคิดที่ดีและศักดิ์สิทธิ์
เขาสั่งให้ถวายเครื่องบูชาชดเชยบาปของผู้ตาย เพื่อจะได้พ้นจากบาป

----------------------------------------

เหตุการณ์ในมัคคาบีเปนเหตุการณ์ก่อนพระเยซูประสูติ สรุปแปลท่อนนี้คือเราพบว่าชาวยิวมีการทำสิ่งหนึ่งขึ้นคือการอธิษฐานและทำบุญเพื่อผู้ตายครับ


ผมแนะนำอย่างหนึ่งว่า ทัศนคติที่ว่า ถ้าหาคำในพระคัมภีร์ตรงๆไม่เจอแปลว่าไม่มี ก็วานเขาหาคำว่าพระตรีเอกภาพในพระคัมภีร์ให้ด้วย เพราะมันก็ไม่มีในพระคัมภีร์เหมือนกัน แต่โปรแตสแตนท์ยังเชื่อยังสอนกันได้นะครับ

ถ้าตัดออกจะเป็นตามข้อนี้ หรือเปล่าคะ
22:18 ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่ได้ยินคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ว่า ถ้าผู้ใดจะเพิ่มเติมคำเข้าไปในหนังสือนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่เขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้แก่ผู้นั้น
22:19 และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต และที่มีอยู่ในเมืองบริสุทธิ์นั้น และจากสิ่งที่มีเขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้ไปเสีย
ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนว่า "หนังสือ" ในที่นี้เราคิดว่าหมายถึงบท "วิวรณ์" เท่านั้นนะคะ ไม่น่าจะโยงไปถึงเล่มอื่น ไม่เช่นนั้นมัทธิว ยอห์น ลูกา มะระโก ที่มีเนื้อหาปลีกย่อยไม่เหมือนกันในบางตอนก็อาจเป็นประเด็นถกเถียงกันอีก

(ลืมกันไปรึเปล่าเอ่ย ว่าพระคัมภีร์แต่ละบท เคยแยกเป็นเล่ม ๆ หลายเล่มกันมาก่อน แล้วค่อยถูกนำมาจัดเรียงรวมกันเป็นเล่ม ๆ ให้เราได้อ่านกันทุกวันนี้)

ส่วนตัวเป็นคริสเตียนไม่ค่อยเชื่อเรื่องไฟชำระ แต่ก็ไม่กล้าตัดสินเรื่องข้อเชื่อในพระแม่หรือไฟชำระ(กลัวเหมือนกันนะคะว่าดูหมิ่นไปเกิดกลายเป็นความคิดนอกรีตมาก็ซวย) ดังนั้นคงมีแต่พระเจ้าที่รู้

(ทุกวันนี้ก็ยังอยากได้คำตอบจากพระเจ้าเหมือนกันว่าความเชื่อของแต่ละนิกายสิ่งไหนถูกไม่ถูกกันแน่ แต่เราอาจจะ Inability เกินกว่าจะได้ยินคำตอบโดยตรงจากพระองค์กระมัง หรือเรามีความเชื่อไม่พอนะ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พุธ ก.ค. 01, 2009 12:25 am

Pegasus Valkyrie เขียน:
jacky เขียน:
~@Little lamb@~ เขียน: อ้างคำตอบของพี่โฮลี่นะคะ

ถ้าตัดออกจะเป็นตามข้อนี้ หรือเปล่าคะ
22:18 ข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่ได้ยินคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ว่า ถ้าผู้ใดจะเพิ่มเติมคำเข้าไปในหนังสือนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่เขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้แก่ผู้นั้น
22:19 และถ้าผู้ใดตัดข้อความออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต และที่มีอยู่ในเมืองบริสุทธิ์นั้น และจากสิ่งที่มีเขียนไว้ในหนังสือม้วนนี้ไปเสีย
ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนว่า "หนังสือ" ในที่นี้เราคิดว่าหมายถึงบท "วิวรณ์" เท่านั้นนะคะ ไม่น่าจะโยงไปถึงเล่มอื่น ไม่เช่นนั้นมัทธิว ยอห์น ลูกา มะระโก ที่มีเนื้อหาปลีกย่อยไม่เหมือนกันในบางตอนก็อาจเป็นประเด็นถกเถียงกันอีก

(ลืมกันไปรึเปล่าเอ่ย ว่าพระคัมภีร์แต่ละบท เคยแยกเป็นเล่ม ๆ หลายเล่มกันมาก่อน แล้วค่อยถูกนำมาจัดเรียงรวมกันเป็นเล่ม ๆ ให้เราได้อ่านกันทุกวันนี้)

ส่วนตัวเป็นคริสเตียนไม่ค่อยเชื่อเรื่องไฟชำระ แต่ก็ไม่กล้าตัดสินเรื่องข้อเชื่อในพระแม่หรือไฟชำระ(กลัวเหมือนกันนะคะว่าดูหมิ่นไปเกิดกลายเป็นความคิดนอกรีตมาก็ซวย) ดังนั้นคงมีแต่พระเจ้าที่รู้

(ทุกวันนี้ก็ยังอยากได้คำตอบจากพระเจ้าเหมือนกันว่าความเชื่อของแต่ละนิกายสิ่งไหนถูกไม่ถูกกันแน่ แต่เราอาจจะ Inability เกินกว่าจะได้ยินคำตอบโดยตรงจากพระองค์กระมัง หรือเรามีความเชื่อไม่พอนะ)
มันมองได้หลายมุมนะครับ

ถ้ามองในแง่ของที่มา ผู้เขียน และเอกภาพของเอกสาร ก็ต้องบอกว่า ข้อความนี้ พูดถึงวิวรณ์แต่อย่างเดียว

หมายความว่า ภายหลังถ้าไม่ชอบเรื่องเลข 666 ก็ห้ามตัด ไม่ชอบเรื่องสตรีเหยียบปิศาจ ก็ห้ามตัด

หรือ จะชอบนิทานโรมันก็ห้ามเอามาใส่ จะชอบปลาบู่ทองก็ห้ามเอามาใส่ ฯลฯ

แต่ถ้ามองในเชิงที่มา ว่ามาจากพระเจ้าแล้ว ก็ถือว่า ครอบคลุมทั้งหมด แต่การมองลักษณะนี้ ก็ดูจะไม่มีเหตุผลมากไปหน่อย

ไม่งั้นมาร์ตินลูเธอร์ก็ถือว่า ทำผิดตามคำตัดสินของพระคัมภีร์ 2 ข้อนี้เรียบร้อยแล้ว

เรื่องนี้ตอบยากครับ ถามพระดีกว่า ผมไม่มีปัญญามากขนาดนั้น
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

พุธ ก.ค. 01, 2009 12:29 am

ใน purification ผมเชื่อครับ
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พุธ ก.ค. 01, 2009 9:27 am

Leo เขียน: เอกลักษณ์เฉพาะตัวทางความเชื่อของคาทอลิกเลยเชียวละ
PURGATORY
::029::   ใครบอก...เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาทอลิกที่เด่นชัดที่สุด คือ พระแม่มารีย์ ทรงเป็นมารดาของพระเจ้าและมารดาของมนุษย์ เพราะใครก็ตามที่เป็นพี่น้องกับพระเยซูคริสตเจ้า ก็เป็นลูกแม่มารีย์ด้วยเหมือนกัน
*-มู๋ผัดกระเพรา-* เขียน: ไฟชำรำ มันเป็นข้อความเชื่อไม่ใช่หรอคับ เหมือนบังคับเชื่ออะไรแบบนี้หรือเปล่าคับ- -;
สำหรับข้าน้อยเอง เรื่องเกี่ยวกับไฟชำระ เป็นเหมือนทางความรอดของคนบาปที่สำนึกกลับใจแต่หมดเวลาในโลกนี้พอดี เลยได้เข้าำไปอยู่ในไฟชำระ  ::024:: แทนที่จะเป็นนรก
แล้วถ้าพ่อของเราจะชี้บอกให้เรารู้และระวังตัว "อย่าเดินไปทางนั้นนะลูก ตรงนั้นเป็นหุบผาชันอันตราย ต้องเดินมาทางนี้แล้วจะปลอดภัย" หุบผาชันในที่นี้หมายถึงไฟชำระ การที่พ่อของเราบอกทางให้เราเดินด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เราเดินไปสู่หนทางที่อันตราย เราก็ต้องเชื่อพ่อของเราใช่ม๊า ไม่ใช่ไปเชื่อว่าหุบผาชันตรงนั้นมันอันตราย แต่รับทราบและและปฏิบัติตาม
ส่วนนรกเรียกว่าเหวค่ะ...ตกเหวไปตายสถานเดียว...ไม่รอด  ::056::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ค. 01, 2009 9:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พุธ ก.ค. 01, 2009 9:42 am

วอ เขียน: เราตายไปเราคงต้องไปอยู่ในไฟชำระหรือไม่ก็นรก แน่ๆ เลย  ::056::
น่ารักอย่างนี้ คงไปไม่ถึงนรกหรอกค่ะ  ::024:: แต่อาจเอาเท้าไปลองแย่เล่นดูก็ได้นะคะ
TROS

พุธ ก.ค. 01, 2009 5:57 pm

พระเจ้ารักเรามากนะ เราไม่ได้เป็นขยะในสายตาพระองค์ เราเป็นบุตรที่พระเจ้ารักมาก และพระองค์เอง ยอมสละตัวเองลงมาเพื่อเรา เจ็บปวด เพื่อให้เรารอด และชำระเราโดยโลหิตพระคริสต์แล้ว สะอาดสมบูรณ์ เมื่อเราสารภาพความผิดบาป และกลับใจใหม่เชื่อฟัง ไม่ดื้อรั้น (คนที่จะเชื่อจริงๆและมีพระวิญญาณของพระเจ้า จะอยากกลับใจใหม่ ไม่อยากกลับไปทำบาปอีก)

โรม 3:23 เพราะว่า ทุกคน ทำ บาป และ เสื่อม จาก พระสิริ ของ พระเจ้า แต่ พระเจ้า ทรง พระกรุณา ให้ เขา เป็น ผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดย ที่ พระเยซู คริสต์ ทรง ไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว

อิสยาห์ 1:18-20 ถึงบาปของจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึงมันจะแดงอย่างผ้าแดง ก็จะกลายเปนอย่างขนแกะ

สดุดี 103:  8-12 พระเจ้าทรงกรุณาและมีพระคุณทรงกริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคงพระองค์จะไม่ทรงปรับปรำเสมอหรือทรงกริ้วอยู่เป็นนิตย์ พระองค์มิได้ทรงกระทำต่อเราตามเรื่องบาปของเรา หรือทรงสนองตามบาปผิดของเรา...ตะวันออกไกลจากตะวันตกเท่าใด พระองค์ทรงปลดการละเมิดของเราจากเราไปไกลเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

พุธ ก.ค. 01, 2009 8:41 pm

ใครบอก...เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาทอลิกที่เด่นชัดที่สุด คือ พระแม่มารีย์ ทรงเป็นมารดาของพระเจ้าและมารดาของมนุษย์ เพราะใครก็ตามที่เป็นพี่น้องกับพระเยซูคริสตเจ้า ก็เป็นลูกแม่มารีย์ด้วยเหมือนกัน
จ้า จ้า ข้าน้อยผิดเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

พุธ ก.ค. 01, 2009 9:14 pm

กรอกสมบูรณ์ เขียน:
Leo เขียน: เอกลักษณ์เฉพาะตัวทางความเชื่อของคาทอลิกเลยเชียวละ
PURGATORY
::029::   ใครบอก...เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาทอลิกที่เด่นชัดที่สุด คือ พระแม่มารีย์ ทรงเป็นมารดาของพระเจ้าและมารดาของมนุษย์ เพราะใครก็ตามที่เป็นพี่น้องกับพระเยซูคริสตเจ้า ก็เป็นลูกแม่มารีย์ด้วยเหมือนกัน
ประท้วง... ออธอดอกซ์ก็เชื่อเรื่องเเม่พระ  : xemo016 :  โห่ะๆ  ::045::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ค. 01, 2009 11:22 pm

ผมมีประสบการณ์ส่วนตัวที่ยืนยันข้อความจริงที่พระศาสนจักรสอนเกี่ยวกับเรื่องไฟชำระ

แต่ผมไม่เล่าในที่สาธารณะเพราะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว

ผมจึงขอไม่เล่าในที่นี้

แต่บอกได้เพียงว่า ผมไม่ได้โกหก


1คร 15:29
บางท่านรับศีลล้างบาปเพื่อผู้ตาย ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ จะมีประโยชน์ใดที่จะรับศีลล้างบาปเพื่อเขาเหล่านั้น
 
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 10:28 am

Leo เขียน:
ใครบอก...เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาทอลิกที่เด่นชัดที่สุด คือ พระแม่มารีย์ ทรงเป็นมารดาของพระเจ้าและมารดาของมนุษย์ เพราะใครก็ตามที่เป็นพี่น้องกับพระเยซูคริสตเจ้า ก็เป็นลูกแม่มารีย์ด้วยเหมือนกัน
จ้า จ้า ข้าน้อยผิดเอง
คุณ Leo นี่ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงจังเลยค่ะ  ::025::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 12:06 pm

เค้าประท้วงไปแล้วครับพี่น้อง

พี่ลีโอมันประชดตะหาก (อ้าว! มาเสี้ยมเขาให้ชนกันซะงั้น)

เรื่องของแม่พระ ถ้าจำไม่ผิด พระศาสนจักรเริ่มให้ความสำคัญในศตวรรษที่ 3

หมายความว่าก่อนการแตกแยกครั้งใหญ่ปี 1054 เรามีความเชื่อเรื่องแม่พระกันแล้ว

ดังนั้น ทั้งคาทอลิก และออร์โธดอกซ์ฺก็มีความเชื่อเรื่องนี้เหมือนกัน eg. แม่พระนิจจานุเคราะห์ฺที่เป็นศิลปะทางฝั่งตะวันออกเขา

แต่เรื่องไฟชำระเนี่ย สภาสังคายนาสมัยก่อน 1054 เค้าชำระเรื่องนี้ไม่เสร็จกัน

ความเชื่อนี้จึงคงเหลือในฝั่งคาทอลิกอย่างที่เป็นในปัีจจุบัน แต่ฝั่งตะวันออกก็พัฒนาแนวทางในแบบที่เขาเข้าใจอีก

เค้าไม่ได้เรียกเหมือนเ้รา และลักษณะก็ไม่เหมือนกัน ทีนี้ก็แล้วแต่ว่าใครจะยังไง

อีกกันที่สำคัญ ก็คือ สภาพทางเทววิทยาของพระจิต หรือกรณี Filioque ครับ

คาทอลิกเชื่อว่า พระจิต เป็นมาแต่พระบิดา และพระบุตร (ตามหลักข้่อเชื่อ) "ทรงเนื่องมาจากพระบิดา และำพระบุตร"

แต่ฝั่งตะวันออกเค้า จะมีถึงแค่ "ทรงเนื่องมาจากพระบิดา" แล้วก็ไปข้อต่อไป

และิอื่นๆ อีกมากมาย

แต่เอาเถอะ ไม่ใช่สาระสำคัญ มาสวดภาวนากันดีกว่า
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 4:25 pm

ขอบคุณ คุณEdwardius สำหรับข้อมูลค่ะ  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 4:30 pm

กรอกสมบูรณ์ เขียน: ขอบคุณ คุณEdwardius สำหรับข้อมูลค่ะ  : xemo026 :
ไม่เป็นไรครับ เพื่อข้อมูลที่ถูกต้อง เรายินดีนำเสนอ
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2009 8:01 pm

†Ecclesia เขียน:
กรอกสมบูรณ์ เขียน:
Leo เขียน: เอกลักษณ์เฉพาะตัวทางความเชื่อของคาทอลิกเลยเชียวละ
PURGATORY
::029::   ใครบอก...เอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาทอลิกที่เด่นชัดที่สุด คือ พระแม่มารีย์ ทรงเป็นมารดาของพระเจ้าและมารดาของมนุษย์ เพราะใครก็ตามที่เป็นพี่น้องกับพระเยซูคริสตเจ้า ก็เป็นลูกแม่มารีย์ด้วยเหมือนกัน
ประท้วง... ออธอดอกซ์ก็เชื่อเรื่องเเม่พระ  : xemo016 :  โห่ะๆ  ::045::
ขอโทษค่ะ... ::049::  เนื่องจาก ข้าเจ้า ไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องราวของเพื่อนพี่น้องในนิกายอื่นๆ เลย
แบบว่า ก้มหน้าก้มตา สวดสายประคำอย่างเดียวเลยเจ้าค่ะ
Viridian
โพสต์: 2762
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 30, 2008 11:40 pm

ศุกร์ ก.ค. 03, 2009 12:50 pm

เรื่องของไฟชำระ ก็เป็นสิ่งที่เตือนใจเราว่า อย่าได้กระทำผิดบาปเลย แม้ว่าเราจะได้รับศีลล้างบาปแล้วก็ตาม
เพราะความเชื่ออย่างเดียว ไม่ช่วยทำให้เรารอด

พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ
ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน
แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Viridian เมื่อ ศุกร์ ก.ค. 03, 2009 12:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอบกลับโพส