Belong to the Truth Jesus Christ

คุนอยากได้เหตผลหรอคับ

ขอถามหน่อยว่า

คนที่ตายไปแล้ว ละเกิดขึ้นมาใหม่ เปนเหตผลยังไง

อยากรู้คับ

ขอแบบที่เปนวิทยาศาสตร์

Haleruya เขียน: คุนอยากได้เหตผลหรอคับ

ขอถามหน่อยว่า

คนที่ตายไปแล้ว ละเกิดขึ้นมาใหม่ เปนเหตผลยังไง

อยากรู้คับ

ขอแบบที่เปนวิทยาศาสตร์

ถ้าเป็นในเรื่องของพระเยซู ที่สิ้นพระชนม์แล้วกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพ เป็นเรื่องที่ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบใด ๆ ได้เลย เพราะเรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องที่เหนือวิทยาศาสตร์

(เปิดประเด็นใหม่น่าจะตั้วกระทู้ใหม่นะ - -")

Immanuel (MichaelPaul) เขียน:

Haleruya เขียน: คุนอยากได้เหตผลหรอคับ

ขอถามหน่อยว่า

คนที่ตายไปแล้ว ละเกิดขึ้นมาใหม่ เปนเหตผลยังไง

อยากรู้คับ

ขอแบบที่เปนวิทยาศาสตร์

ถ้าเป็นในเรื่องของพระเยซู ที่สิ้นพระชนม์แล้วกลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพ เป็นเรื่องที่ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบใด ๆ ได้เลย เพราะเรื่องของพระเจ้าเป็นเรื่องที่เหนือวิทยาศาสตร์

(เปิดประเด็นใหม่น่าจะตั้วกระทู้ใหม่นะ - -")

หนับหนุนการเปิดกระทู้ใหม่ เพื่อประเด็นใหม่ครับ

ถ้าหมายถึงเรื่อง สังสารวัฎ
การเวียนว่ายตายเกิดตามความเชื่อพุทธหรือพราหมณ์

เราคริสตศาสนิก ไม่เชื่อครับ จึงไม่สามารถตอบได้^^''

ยังไม่เข้าใจคำถามค่ะ

ถามอีกทีสิคะ

ไม่เข้าใจครับ

ไม่เข้าใจคับ

มึนตึบเลยอะ   
จะให้ผมถกปัยหาพระธรรมเหรอเหอะๆๆๆๆๆ

ไม่มีปัญญาตอบเเบบวิทยาศาสตร์อ่าค่ะ
ตอนนี้มีเเต่สมมุติฐานซึ่งอ้างอิงมาจากความเชื่อ 

(ใครตอบได้ตอบไปเน้อ)

วิทยาศาสตร์เป็นการมองด้วยตาของมนุษย์ (และในบางเวลามันก็กลายเป็นความ "โง่" ในความฉลาด)

แต่การเป็นขึ้นจากความตาย เป็นปาฏิหาริย์ในสายตาของพระเจ้า และกระทำโดยพระองค์เอง

จบ
(ไม่เครียดแล้วนะ วันนี้หมดแรงจากขึ้นดอย มช. ไม่มีแรงไปโบสถ์ เลยขอทดแทนให้พระเจ้าโดยพยายามไม่อารมณ์เสีย)

Haleruya เขียน: คุนอยากได้เหตผลหรอคับ

ขอถามหน่อยว่า

คนที่ตายไปแล้ว ละเกิดขึ้นมาใหม่ เปนเหตผลยังไง

อยากรู้คับ

ขอแบบที่เปนวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์พยายามพิสูจน์ครับ
แต่ไม่สำเร็จ

วิทยาศาสตร์เป็นหลักของเหตุผลครับ การใช้การทดลองและพิสูจน์ แต่เหตุผลบางอย่างก็เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะอธิบายออกมาในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ เช่นการตายแล้วเกิดเป็นต้น  แต่หลักทางศาสนาคือหลักแห่งความเชื่อหลักแห่งศรัทธาครับ เมื่อเรามีความเชื่อก็ไม่ต้องการอะไรอีกมาพิสูจน์

เหตุผลที่ขึ้นอยู่กับอายตนะของมนุษยืนั้นใช้การไม่ได้ในการเข้าใจความหมายเรื่องตายแล้วเกิดใหม่
เนื่องจากว่าเวลาไม่ได้มีอยู่จริงดังที่มนุษย์โดยทั่วไปเข้าใจ (เวลาเป็นเพียงสิ่งอ้างอิง)
ดังนั้นจึงไม่มีความตายอย่างแท้จริง
สรรพสิ่งเพียงเปลี่ยนแปรสภาพไปสู่สภาวะใหม่
โดยเฉพาะมนุษย์
ผู้ทีมีฉายาดุจเดียวกับพระเป็นเจ้า
นั้นคือการที่มนุษย์มีจิตวิญญาณและอิสระในการแสดงเจตจำนงหล่อหลอมรวมกันไว้
ดังนั้นเมื่อมนุษย์สิ้นชีพทางกายภาพ
กลายเป็นฝ่นธุลี
บัดนั้นเองที่มนุษย์จะได้บังเกิดใหม่ต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า เป็นมนุษย์แห่งจิตวิญญาน
และเมื่อซิโยนใหม่ถูกสร้าง
จิตก็จะบันดาลให้เกิดร่างกายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

ผู้ใดแสวงหาสัจจะเพียงใช้อายตนะแห่งกาย ผู้นั้นย่อมไม่เข้าใจสัจจะในภาษาแห่งธรรม

อ่านคำถามแล้วไม่เค้าใจเช่นเดียวกับทุกๆคนครับ