มาร์ค ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 7:15 pm
นักบุญมาร์คอีแวนเจลลิส หรือ มาระโก (ภาษาอังกฤษ: St. Mark the Evangelist; ภาษาฮีบรู: “מרקוס”; ภาษากรีก: “Μάρκος”) เป็นหนึ่งในสี่อีแวนเจลลิสที่รวมทั้ง แม็ทธิว จอห์น และลูค ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ประพันธ์พระวรสารนักบุญมาร์ค (Gospel of Mark) ซึ่งเป็นเอกสารส่วนหนึ่งของ พันธสัญญาใหม่ (New Testament) และเป็นเพื่อนกับนักบุญปีเตอร์ นักบุญมาร์คได้ร่วมเดินทางกับนักบุญพอลและนักบุญบาร์นาบัสเมื่อ นักบุญพอลเริ่มเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากที่มีข้อขัดแย้งกัน นักบุญบาร์นาบัสก็แยกตัวจากนักบุญพอลโดยเอานักบุญมาร์คไปไซปรัสด้วย (กิจการของสาวก 15:36-40) การแยกตัวครั้งนี้ทำให้เกิดพระวรสารนักบุญมาร์คขึ้น ต่อมานักบุญพอลเรียกตัวนักบุญมาร์คกลับมา ฉะนั้นนักบุญมาร์คจึงกลับมาเป็นผู้ติดตามนักบุญพอลอีกครั้ง
นักบุญมาร์คเชื่อกันว่าเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของเมืองอเล็กซานเดรียของนิกายคอปติกออร์โธดอกซ์และนิกาย Greek Church of Alexandria และเป็นผู้วางรากฐานคริสต์ศาสนาในทวีปแอฟริกา
เช่นเดียวกับอีแวนเจลลิสอีกสามองค์นักบุญมาร์คมักจะปรากฏในภาพเขียนทาง คริสต์ศาสนาใช้สัญลักษณ์สิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทางสถาบันคริสต์ศาสนาตามหนังสือแดเนียล 7 (Book of Daniel)
รูปนักบุญ มาระโก


นักบุญมาร์คเชื่อกันว่าเกิดที่เพ็นตโพลิส (Pentapolis) ทางทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และเมื่อกลับไปหลังจากเดินทางไปเทศนากับนักบุญพอลที่โคลอสซี (Colosse)และ โรม (ฟีเลโมน 24; ทิโมธี 2 4:11) จากเพ็นตโพลิสนักบุญมาร์คก็เดินทางไปอเล็กซานเดรีย
อาจจะเป็นไปได้ว่าการใช้ชื่อ “มาร์ค” ในพันธสัญญาใหม่อาจจะหมายถึงคนหลายคน หรือคนหลายคนที่ว่าอาจจะเป็นคนคนเดียวกันก็ได้ ในการตีความหมาย, “จอห์น มาร์ค” ใน “กิจการของสาวก” 12:12, 25, 15:37 กล่าวถึงเพียง “จอห์น” ใน “กิจการของสาวก” 13:5, 13:13 และ “มาร์ค” ใน“กิจการของสาวก” 15:39 ซึ่งเป็นคนคนเดียวกันกับ “มาร์ค” ที่กล่าวถึงในจดหมายเหตุของนักบุญพอล โคลอสเซียน 4:10, ทิโมธี2 4:11, ฟีเลโมน 24 และ ปีเตอร์1 5:13. “มาร์ค” ในจดหมายเหตุของนักบุญพอลกล่าวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของบาร์นาบัส (โคลอสเซียน 4:10) จึงเป็นสาเหตุที่อธิบายได้ถึงความผูกพันระหว่างมาร์คกับบาร์นาบัสเมื่อมี เรื่องกับนักบุญพอล (กิจการของสาวก 15:37-40) แม่ของมาร์คเป็นผู้นำทางคริสต์ศาสนาในกรุงเยรุซาเล็ม บ้านของแม่ของมาร์คเป็นที่เป็นที่พบปะของผู้ที่นับถือคริสต์ศาสนาและเป็นที่ ที่นักบุญปีเตอร์ไปพักหลังจากที่ถูกปล่อยตัวจากคุก(กิจการของสาวก 12:12-17)
หลักฐานว่านักบุญมาร์คเป็นผู้เขียนพระวรสารนักบุญมาร์คมาจาก นักบุญพาเพียส (Papias)
เรื่องเกี่ยวกับนักบุญมาร์คมีด้วยกันหลายเรื่องแต่ไม่มีหลักฐานใดที่จะยืน ยันเป็นที่แน่นอนได้ในพันธสัญญาใหม่ บางเรื่องก็ว่านักบุญมาร์คเป็นคนรับใช้ในงานแต่งงานที่คานา (Marriage at Cana) ผู้ที่เทน้ำที่พระเยซูเสกให้เป็นไวน์ (จอห์น 2:1-11) และยังเชื่อกันว่านักบุญมาร์คเป็นหนึ่งในสาวก 70 คนที่พระเยซูส่งไป (ลูค 10) หรือเป็นคนรับใช้ที่แบกน้ำเข้ามาในบ้านระหว่างพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย (มาร์ค 14:13) หรือเป็นชายหนุ่มไม่นุ่งผ้าที่วิ่งหนีเมื่อพระเยซูถูกจับ (มาร์ค 14:51-52) และเป็นคนที่รับรองสาวกในบ้านหลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์และเป็นบ้านที่พระเยซูกลับมาหลังจากคืนชีพ (จอห์น 20)
ที่ประเทศอียิปต์ เชื่อกันว่านักบุญมาร์คอีแวนเจลลิสสร้างปาฏิหาริย์ไว้หลายอย่าง ได้สร้างวัดที่นั่น และได้แต่งตั้งอาร์ชบิช็อปอันเนียนุสแห่งอเล็กซานเดรีย (Anianus of Alexandria) และพระตำแหน่งอื่นๆ เมื่อนักบุญมาร์คกลับมาอเล็กซานเดรีย ว่ากันว่าประชาชนที่นั่นไม่พอใจที่นักบุญมาร์คพยายามสั่งสอนให้เลิกนับถือ เทวรูปต่างๆ ที่เคยทำกันมา เมื่อปี ค.ศ. 67 ประชาชนก็จับนักบุญมาร์คผูกกับม้าแล้วลากไปรอบเมืองจนนักบุญมาร์คเสียชีวิต

เมื่อปี ค.ศ. 828 วัตถุมงคลที่เชื่อกันว่าเป็นร่างของนักบุญมาร์คถูกขโมยโดยพ่อค้าชาวเวนิสสอง คนไปจากอเล็กซานเดรียเอาไปเวนิส ขณะนั้นในสมัยไบเซ็นไทน์เวนิสมีนักบุญทีโอดอร์เป็นนักบุญประจำเมือง แต่เมื่อได้ร่างของนักบุญมาร์คมาทางเมืองเวนิสก็สร้างมหาวิหารใหญ่เป็นที่ เก็บวัตถุมงคลของนักบุญมาร์ค ภายในมหาวิหารเวนิสมีภาพโมเสกแสดงให้เห็นกลาสีคลุมร่างของนักบุญมาร์คเป็นชั้นๆ ด้วยหมู จึงสามารถทำให้ลักลอบออกมาได้จากอียิปต์ได้เพราะชาวมุสลิมห้ามแตะต้องหมู
นิกายคอปติกออร์โธดอกซ์ยัง เชื่อกันว่ากะโหลกของนักบุญมาร์คยังอยู่ที่อเล็กซานเดรีย ทุกปีทุกวันที่ 30 ของเดือน Babah วัดคอปติกออร์โธดอกซ์ก็จะฉลองวันสถาปนาวัดเซ็นต์มาร์ค และการปรากฏกะโหลกของนักบุญมาร์คที่อเล็กซานเดรีย งานฉลองนี้ทำกันที่มหาวิหารเซ็นต์มาร์คคอปติกออร์โธดอกซ์ที่เป็นที่เก็บหัว ของนักบุญมาร์ค
เมื่อปี ค.ศ. 1063 ระหว่างการก่อสร้างมหาวิหารเซ็นต์มาร์คที่เวนิส วัตถุมงคลของนักบุญมาร์คก็หายไป แต่ตามที่เล่ากันในปี 1094 นักบุญมาร์คเองมาปรากฏบอกที่ตั้งของวัตถุมงคลของท่านเอง ซากที่พบใหม่เอาไว้ในโลงหินภายในมหาวิหาร
นักบุญมาร์คเชื่อกันว่าเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของเมืองอเล็กซานเดรียของนิกายคอปติกออร์โธดอกซ์และนิกาย Greek Church of Alexandria และเป็นผู้วางรากฐานคริสต์ศาสนาในทวีปแอฟริกา
เช่นเดียวกับอีแวนเจลลิสอีกสามองค์นักบุญมาร์คมักจะปรากฏในภาพเขียนทาง คริสต์ศาสนาใช้สัญลักษณ์สิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทางสถาบันคริสต์ศาสนาตามหนังสือแดเนียล 7 (Book of Daniel)
รูปนักบุญ มาระโก



นักบุญมาร์คเชื่อกันว่าเกิดที่เพ็นตโพลิส (Pentapolis) ทางทวีปแอฟริกาตอนเหนือ และเมื่อกลับไปหลังจากเดินทางไปเทศนากับนักบุญพอลที่โคลอสซี (Colosse)และ โรม (ฟีเลโมน 24; ทิโมธี 2 4:11) จากเพ็นตโพลิสนักบุญมาร์คก็เดินทางไปอเล็กซานเดรีย
อาจจะเป็นไปได้ว่าการใช้ชื่อ “มาร์ค” ในพันธสัญญาใหม่อาจจะหมายถึงคนหลายคน หรือคนหลายคนที่ว่าอาจจะเป็นคนคนเดียวกันก็ได้ ในการตีความหมาย, “จอห์น มาร์ค” ใน “กิจการของสาวก” 12:12, 25, 15:37 กล่าวถึงเพียง “จอห์น” ใน “กิจการของสาวก” 13:5, 13:13 และ “มาร์ค” ใน“กิจการของสาวก” 15:39 ซึ่งเป็นคนคนเดียวกันกับ “มาร์ค” ที่กล่าวถึงในจดหมายเหตุของนักบุญพอล โคลอสเซียน 4:10, ทิโมธี2 4:11, ฟีเลโมน 24 และ ปีเตอร์1 5:13. “มาร์ค” ในจดหมายเหตุของนักบุญพอลกล่าวว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของบาร์นาบัส (โคลอสเซียน 4:10) จึงเป็นสาเหตุที่อธิบายได้ถึงความผูกพันระหว่างมาร์คกับบาร์นาบัสเมื่อมี เรื่องกับนักบุญพอล (กิจการของสาวก 15:37-40) แม่ของมาร์คเป็นผู้นำทางคริสต์ศาสนาในกรุงเยรุซาเล็ม บ้านของแม่ของมาร์คเป็นที่เป็นที่พบปะของผู้ที่นับถือคริสต์ศาสนาและเป็นที่ ที่นักบุญปีเตอร์ไปพักหลังจากที่ถูกปล่อยตัวจากคุก(กิจการของสาวก 12:12-17)
หลักฐานว่านักบุญมาร์คเป็นผู้เขียนพระวรสารนักบุญมาร์คมาจาก นักบุญพาเพียส (Papias)
เรื่องเกี่ยวกับนักบุญมาร์คมีด้วยกันหลายเรื่องแต่ไม่มีหลักฐานใดที่จะยืน ยันเป็นที่แน่นอนได้ในพันธสัญญาใหม่ บางเรื่องก็ว่านักบุญมาร์คเป็นคนรับใช้ในงานแต่งงานที่คานา (Marriage at Cana) ผู้ที่เทน้ำที่พระเยซูเสกให้เป็นไวน์ (จอห์น 2:1-11) และยังเชื่อกันว่านักบุญมาร์คเป็นหนึ่งในสาวก 70 คนที่พระเยซูส่งไป (ลูค 10) หรือเป็นคนรับใช้ที่แบกน้ำเข้ามาในบ้านระหว่างพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย (มาร์ค 14:13) หรือเป็นชายหนุ่มไม่นุ่งผ้าที่วิ่งหนีเมื่อพระเยซูถูกจับ (มาร์ค 14:51-52) และเป็นคนที่รับรองสาวกในบ้านหลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์และเป็นบ้านที่พระเยซูกลับมาหลังจากคืนชีพ (จอห์น 20)
ที่ประเทศอียิปต์ เชื่อกันว่านักบุญมาร์คอีแวนเจลลิสสร้างปาฏิหาริย์ไว้หลายอย่าง ได้สร้างวัดที่นั่น และได้แต่งตั้งอาร์ชบิช็อปอันเนียนุสแห่งอเล็กซานเดรีย (Anianus of Alexandria) และพระตำแหน่งอื่นๆ เมื่อนักบุญมาร์คกลับมาอเล็กซานเดรีย ว่ากันว่าประชาชนที่นั่นไม่พอใจที่นักบุญมาร์คพยายามสั่งสอนให้เลิกนับถือ เทวรูปต่างๆ ที่เคยทำกันมา เมื่อปี ค.ศ. 67 ประชาชนก็จับนักบุญมาร์คผูกกับม้าแล้วลากไปรอบเมืองจนนักบุญมาร์คเสียชีวิต

เมื่อปี ค.ศ. 828 วัตถุมงคลที่เชื่อกันว่าเป็นร่างของนักบุญมาร์คถูกขโมยโดยพ่อค้าชาวเวนิสสอง คนไปจากอเล็กซานเดรียเอาไปเวนิส ขณะนั้นในสมัยไบเซ็นไทน์เวนิสมีนักบุญทีโอดอร์เป็นนักบุญประจำเมือง แต่เมื่อได้ร่างของนักบุญมาร์คมาทางเมืองเวนิสก็สร้างมหาวิหารใหญ่เป็นที่ เก็บวัตถุมงคลของนักบุญมาร์ค ภายในมหาวิหารเวนิสมีภาพโมเสกแสดงให้เห็นกลาสีคลุมร่างของนักบุญมาร์คเป็นชั้นๆ ด้วยหมู จึงสามารถทำให้ลักลอบออกมาได้จากอียิปต์ได้เพราะชาวมุสลิมห้ามแตะต้องหมู
นิกายคอปติกออร์โธดอกซ์ยัง เชื่อกันว่ากะโหลกของนักบุญมาร์คยังอยู่ที่อเล็กซานเดรีย ทุกปีทุกวันที่ 30 ของเดือน Babah วัดคอปติกออร์โธดอกซ์ก็จะฉลองวันสถาปนาวัดเซ็นต์มาร์ค และการปรากฏกะโหลกของนักบุญมาร์คที่อเล็กซานเดรีย งานฉลองนี้ทำกันที่มหาวิหารเซ็นต์มาร์คคอปติกออร์โธดอกซ์ที่เป็นที่เก็บหัว ของนักบุญมาร์ค
เมื่อปี ค.ศ. 1063 ระหว่างการก่อสร้างมหาวิหารเซ็นต์มาร์คที่เวนิส วัตถุมงคลของนักบุญมาร์คก็หายไป แต่ตามที่เล่ากันในปี 1094 นักบุญมาร์คเองมาปรากฏบอกที่ตั้งของวัตถุมงคลของท่านเอง ซากที่พบใหม่เอาไว้ในโลงหินภายในมหาวิหาร