แห่ชมฝนดาวตก อุดรฯเฮได้ชม 22 ดวง (ปัดโธ่...นี่มันฝนตกแบบหยิ๋ม ๆ นิ)
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 11:22 pm
แห่ชมฝนดาวตก อุดรฯเฮได้ชม 22 ดวง (คมชัดลึก)
นัก ท่องเที่ยวเรือนหมื่นแห่เฝ้าชมฝนดาวตกลีโอนิคส์ บนวนอุทยานเขาอีโต้ เมืองปราจีน พบหลายจังหวัดสภาพอากาศยังไม่เป็นใจ ชวดชมภาพสวมงาม ส่วนที่อุดรเฮลั่น หลังได้ดูในชั่วโมงแรกมากถึง 22 ดวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนให้ความสนใจชมฝนดาวตกคึกคักหลายพื้นที่ โดยเวลา 22.30น. ของวันที่ 17 พฤศจิกายน บรรยากาศการชมฝนดาวตกลีโอนิคส์บนวนอุทยานเขาอีโต้ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พบว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 1 หมื่นคน ต่างขึ้นมาพักกางเต็นท์รอชมฝนดาวตก โดยเฉพาะตลอดแนวสันเขื่อนจักรพงษ์ ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 เป็นแนวยาวเต็มสันเขื่อนทั้งหมดหนาแน่น
นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเกินกว่า 1 หมื่นคน ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง มารอดูฝนดาวตก สภาพท้องฟ้าเปิด อากาศเย็นมีลมหนาวอ่อนๆ ประมาณ 17 องศาเซลเซียส คาดว่าจะเห็นดาวตกลีโอนิคส์ได้ดี
" ปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ลูกแรกจะขึ้นจากท้องฟ้าทิศตะวันออกค่อนทางเหนือ เวลาประมาณ 24 .00 น. หลังจากนั้นจะเห็นพุ่งมาจากทุกทิศทาง โดยนักดาราศาสตร์คาดว่ามีมากช่วงเวลา 04.00 น. และช่วง 05.00 น. เป็นช่วงปะทะดาวตกลีโอนิคส์สูงสุด นักดาราศาสตร์คาดว่ามีมากกว่า 100-150 ดวง /ชม." นายศิริพงษ์กล่าว
ส่วนที่ จ.ชลบุรี ก็คึกคักไม่แพ้กัน เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่บริเวณจุดชมวิวบนเขา สทร.5 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พากันเดินทางมารอดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์จำนวนมาก ทำให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก แต่ยังไม่สามารถมองเห็นฝนดาวตกลีโอนิคส์ แต่ส่วนใหญ่ยังคงปักหลักนั่งรอลุ้น หวังที่จะเห็นฝนดาวตกลีโอนิคส์ในครั้งนี้อย่างไม่ย่อท้อ
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มคักคักตั้งแต่เวลา 02.30 น. พบว่ามีบรรดานักถ่ายภาพจำนวนมาก ต่างพากันหามุมมืดสงบในที่ทึบแสง ตั้งกล้องเรียงแถวรอบันทึกภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตกอย่างคึกคัก
ขณะที่บรรยากาศของบรรดานักเรียนและผู้สนใจด้านดาราศาสตร์ ที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 100 คน ต่างพากันเฝ้ารอชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์อย่างใจจดจ่อ พร้อมตั้งกล้องเฝ้าคอยบันทึกภาพ โดยบนดาดฟ้าชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เริ่มมีฝนดาวตกลงมาให้เห็นเป็นลูกแรก สีน้ำเงิน เมื่อเวลา 01.00 น. พุ่งลงมาจากด้านทิศตะวันออกเฉียงไปทางทิศใต้ จากนั้นมีฝนดาวตกพุ่งลงมาเป็นกลุ่มต่อเนื่องกันอีกถึง 3 ลูก ทั้งสีน้ำเงิน สีเขียว จากบริเวณกลางศีรษะลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กระทั่งเวลา 03.00 น. สามารถจดบันทึกปริมาณฝนดาวตกไว้ได้จำนวน 10 ลูก และยังคงเฝ้ารอลุ้นช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ต่อไปอีก
บรรยากาศที่สนามฟุตบอล โรงเรียนไผ่แก้ววิทยา อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา นายศักดิ์เดช จุมณี ผอ.โรงเรียน ได้นำนักเรียนทั้งจากในโรงเรียนและจากโรงเรียนในพื้นที่ข้างเคียง กว่า 200 คน จัดกิจกรรมด้านดาราศาสตร์เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้พื้นฐานด้านดาราศาสตร์ของ นักเรียน ก่อนที่จะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 14 กลุ่ม เฝ้าสังเกตการณ์ของปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ด้วย
นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ท้องถิ่น กล่าวถึงความสำคัญของฝนดาวตกลีโอนิคส์ในครั้งนี้ว่า ถือ เป็นโอกาสดีที่นักเรียนในประเทศไทยจะได้มีโอกาสได้ศึกษา เนื่องจากในปีนี้ ฝนดาวตกลีโอนิคส์ จะพีกตรงจังหวะที่โลกหันประเทศไทยเข้าสู่ด้านมืดเข้าหากลุ่มของฝนดาวตกพอดี และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการนำไปสู่เส้นทางของผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ที่จะมีการก่อตั้งหอดูดาวระดับภูมิภาคขึ้นมา ซึ่งกลุ่มของฝนดาวตกลีโอนิคส์ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความสวยงามมากที่สุดกว่า กลุ่มของฝนดาวตกอื่น ๆ
ส่วนที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี คณะอาจารย์และนักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ และนักศึกษาจากประเทศเวียดนามที่มาเรียนร่วมกับนักศึกษาไทยจำนวนมาก นำเต็นท์มากางนอนบนสนามฟุตบอล เพื่อคอยชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ กระทั่งเวลา 02.15 น.ท้องฟ้าเริ่มเปิด เริ่มเห็นดาวตกดวงแรกได้ตกลงมาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของนักท่องเที่ยว จากนั้นได้ทยอยตกลงมาเป็นระยะ สามารถเห็นและนับได้ 22 ดวงในชั่วโมงแร
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่17 พฤศจิกายน 52 ว่า นักศึกษาและอาจารย์ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พร้อมใจช่วยกันนำกล้องส่อง ดูดาวแบบต่าง ๆ ออกมาตรวจดูความพร้อม เพื่อใช้ในการดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์หรือกลุ่มดาวสิงโต ระหว่างวันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ (17 -18 พฤศจิกายน 2552 ) บริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีกันอย่างคึกคัก
โดยจะใช้ศูนย์วิทยาศาสตร์เป็นสถานที่จัดกิจกรรมให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมกัน ดูฝนดาวตกที่จะเกิดขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิน ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของวันนี้ ไปจนถึงเวลา 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ และนอกจากการชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกแล้ว ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์ร่วมด้วย เช่น แนะนำการใช้แผนที่ดาวเพื่อดูดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่าง ๆ การหาทิศเหนือโดยใช้ดาวบนท้องฟ้า การดูดาวผ่านกล้องโทรทรรศน์ทั้งชนิดสะท้อนแสงและหักเหแสง เป็นต้น
พร้อม กันนั้นทางอบจ.สุราษฎร์ธานี ยังได้จัดเตรียมอาหารไว้คอยบริการ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย โดย อ.สมพร ศรีอาภานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายให้กับเยาวชนและผู้ที่สนใจ เรื่องดาราศาสตร์ได้นำไปต่อยอดทางการศึกษาของตนต่อไป จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมใน ครั้งนี้ เนื่องจากปีนี้ คนไทยทุกพื้นที่จะมีโอกาสชมฝนดาวตกได้ทั่วถึงกัน
ซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ คือ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ ที่เกิดจากเศษซากหลงเหลือของดาวหาง 55 พีเทมเพล-ทัตเทิล มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 33.2 ปี โดยดาวหางดวงนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้เกิดฝนดาวตกมากเป็นพิเศษ เรียกว่า "พายุฝนดาวตก" (Meteor Storm) ทำให้สามารถมองเห็นได้ประมาณ 100-200 ดวงต่อชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ต่อเนื่องไปจนถึงเวลาเช้ามืดของวันพรุ่งนี้
สำหรับ วิธีดูฝนดาวตกที่ดีที่สุดคือการดูด้วยตาเปล่า เลือกบริเวณที่ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือห่างจากเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร หันหน้าไปทางดาวเหนือ ส่วนการถ่ายภาพควรตั้งความไวแสง ISO 400-800 ถ้าใช้กล้องสองตาควรมีหน้าเลนส์ไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิเมตร และกำลังขยาย 7 เท่าขึ้นไป ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมควรเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ มาด้วย เช่น เสื่อ ผ้าห่ม ถุงมอ เสื้อกันหนาว เพื่อจะทำให้การดูดาวสุขสบายมากยิ่งขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++
ข่าวสด
เมื่อ วันที่ 17 พ.ย. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ แม้จะไม่ใช่รอบปีของการเกิดพายุ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ แต่เราจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกในอัตราความชุกมากกว่าปีก่อน ๆ โดยอัตราการตกราว 100-500 ดวงต่อชั่วโมง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นฝนดาวตกตลอดทั้งชั่วโมง และจำนวนฝนดาวตกที่เห็นก็ไม่ได้เห็นมากถึง 500 ดวง ตัวอย่างเช่น อัตราการตกที่ 400 ดวงต่อชั่วโมง เราเห็นแค่ช่วงเวลา 15 นาที นั่นคือในช่วงชั่วโมงนั้น เราจะเห็นดาวตกประมาณ 100 ดวง ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว
สำหรับ ช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกสูงสุดในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืน ให้หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นดาวตกลูกแรกคล้ายพุ่งขึ้นมาจากดิน และหลังเวลา 03.00 น. ในการชมเราสามารถนอนหงายจะเห็นฝนดาวตกมาจากทุกทิศทางมาจากกลุ่มดาวสิงโต ถ้าลูกใหญ่จะสวยมีควันที่เรียกว่า ไฟร์บอลล์ และจะเห็นเป็นรอยดาวตกทิ้งไว้เป็นทางด้วย
ด้าน นพ.ไพ จิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาว คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ เดินป่าหรือตั้งเต็นท์พักแรมในป่าเขา สัมผัสอากาศหนาว อีกทั้งในวันที่ 17-18 พ.ย. จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์ และวันที่ 13 ธ.ค. จะมีฝนดาวตกเจมินิดส์ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางไปพักแรมในป่าเขา เพื่อชมปรากฏการณ์ธรรมชาติดังกล่าว หากเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นแหล่งอาศัยของไรอ่อน และบังเอิญถูกไรอ่อนหรือไรแดง (Chigger) ที่มีเชื้อก่อโรคสครับ ไทฟัส กัด จะทำให้ป่วยเป็นโรคสครับ ไทฟัส (Scrub typhus) หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ได้
นพ. ไพจิตร์ กล่าวว่า จากรายงานการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ต.ค. 52 มีผู้ป่วยเป็นโรคสครับไทฟัส เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ 4,197 ราย เสียชีวิต 6 รายโดย ภาคเหนือมีอัตราป่วยสูงสุด พบ 20 คนในประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ภาคใต้ 7 คนในประชากรแสนคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 คนในประชากรแสนคน และภาคกลาง 2 คนในประชากรแสนคน
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ขอแนะนำนักท่องเที่ยวเดินป่า หากจะกางเต๊นท์พักแรม ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนกับพื้นดินติดบริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือที่หญ้าขึ้นรก เนื่องจากเป็นที่อาศัยของตัวไรอ่อน ในการป้องกันตัวไม่ให้ไรอ่อนกัด ขอให้แต่งตัวให้รัดกุมมิดชิด ใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวปิดคอ เหน็บปลายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่รองเท้าและสวมถุงเท้ายาวหุ้มปลายขากางเกงไว้ และทายากันแมลงตามแขนขาส่วนที่พ้นจากเสื้อผ้า เมื่อกลับจากการท่องเที่ยวพักแรมในป่า ขอให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และซักเสื้อผ้าที่ใช้มาแล้วให้สะอาด เพื่อกำจัดตัวไรที่อาจติดมากับเสื้อผ้า
สำหรับโรคสครับไทฟัส เป็นโรคติดต่อในสัตว์ฟันแทะที่อยู่ในป่า เกิดจากเชื้อริกเกตเซีย (Rickettsia) ซึ่งอยู่ในตัวไรอ่อน ที่อาศัยอยู่ตามตัวของสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระแต กระจ้อน เมื่อตัวไรอ่อนดังกล่าวไปกัดคน มักจะเข้าไปกัดในบริเวณร่มผ้า และปล่อยเชื้อริกเกตเซียเข้าสู่คน หลัง ถูกกัดประมาณ 10 -12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ เหงื่อออก หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว บางรายอาจมีอาการปวดน่อง ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ มีตับโต ม้ามโต โดยผู้ที่ถูกไรอ่อนกัดประมาณ ร้อยละ 30 - 40 จะมีแผลบุ๋มสีดำ ลักษณะคล้ายโดนบุหรี่จี้ แต่ไม่เจ็บ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ หลังมีไข้ประมาณ 4-5 วันบางรายจะมีผื่นนูนแดงตามตัว กระจายไปแขนขา ซึ่งจะหายไปใน 2-3 วัน บางรายอาจมีอาการทางปอด ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการสมอง คอแข็ง เสียชีวิตได้ ดังนั้น หาก มีอาการเหล่านี้หลังกลับออกจากเที่ยวป่า ภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วยเพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงถึงชีวิต ซึ่งโรงพยาบาลทุกแห่งมียารักษาโรคนี้หายขาด
ด้าน นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวแนะนำเบื้องต้นว่า ควรจะหาพื้นที่ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆบัง รวมทั้งห่างไกลจากบริเวณที่มีแสงสว่างมาก ๆ เพื่อจะทำให้การดูฝนดาวตกมีความชัดเจนมาก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าในระยะ 2-3 วันนี้จะมีเมฆบางส่วนในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการดูปรากฎการณ์ดาวลีโอนิดส์บ้าง แต่ก็เชื่อในหลายพื้นที่จะสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้อย่างชัดเจน สำหรับ คนที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ก็อาจจะมีโอกาสมองเห็นฝนดาวตกได้ยากหน่อย เพราะนอกจากอาจจะมีเมฆมาบัง แล้วแสงนีออนจากไฟฟ้าในเมืองก็เป็นอุปสรรคสำคัญด้วย ทางที่ดีหากต้องการดูปรากฎการณ์นี้จริง ๆ คงจะต้องออกมาหาพื้นที่ไกลออกไปสักหน่อยเพื่อจะได้เห็นได้ชัดเจน
ทั้ง นี้ ฝนดาวตก เกิดจากดาวหางซึ่งเป็นก้อนน้ำแข็งที่ประกอบด้วยฝุ่นหินเกาะกลุ่มกันจำนวนมาก เมื่อโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ก้อนน้ำแข็งจะเกิดการระเหิด ทิ้งแนวฝุ่นหินเป็นสายธารยาว เมื่อโลกโคจรเข้าไปตัดกับสายธารดังกล่าวนี้ เศษฝุ่นหินจะเคลื่อนตัววิ่งเข้ามาในบรรยากาศของโลกด้วยความ เร็วสูง และเกิดการเสียดสีจนลุกไหม้ปรากฏเป็นขีดแสงสว่างให้เราเห็น ที่เราเรียกว่า "ฝนดาวตก" นั่นเอง สำหรับชื่อของฝนดาวตกลีโอนิดส์ มาจากการอ้างอิงกับแหล่งการเกิด คือกลุ่มดาวสิงโตนั่นเอง คือแม้เราจะเห็นฝนดาวตกในทิศทางต่างๆ กัน แต่เมื่อเราลองลากเส้นย้อนกลับไปยังแหล่งการเกิดแล้ว ฝนดาวตกทุกดวงจะมาจากกลุ่มดาวสิงโต
นัก ท่องเที่ยวเรือนหมื่นแห่เฝ้าชมฝนดาวตกลีโอนิคส์ บนวนอุทยานเขาอีโต้ เมืองปราจีน พบหลายจังหวัดสภาพอากาศยังไม่เป็นใจ ชวดชมภาพสวมงาม ส่วนที่อุดรเฮลั่น หลังได้ดูในชั่วโมงแรกมากถึง 22 ดวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนให้ความสนใจชมฝนดาวตกคึกคักหลายพื้นที่ โดยเวลา 22.30น. ของวันที่ 17 พฤศจิกายน บรรยากาศการชมฝนดาวตกลีโอนิคส์บนวนอุทยานเขาอีโต้ ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี พบว่ามีนักท่องเที่ยวกว่า 1 หมื่นคน ต่างขึ้นมาพักกางเต็นท์รอชมฝนดาวตก โดยเฉพาะตลอดแนวสันเขื่อนจักรพงษ์ ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 เป็นแนวยาวเต็มสันเขื่อนทั้งหมดหนาแน่น
นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวเกินกว่า 1 หมื่นคน ส่วนใหญ่มาจากกรุงเทพมหานครและใกล้เคียง มารอดูฝนดาวตก สภาพท้องฟ้าเปิด อากาศเย็นมีลมหนาวอ่อนๆ ประมาณ 17 องศาเซลเซียส คาดว่าจะเห็นดาวตกลีโอนิคส์ได้ดี
" ปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ลูกแรกจะขึ้นจากท้องฟ้าทิศตะวันออกค่อนทางเหนือ เวลาประมาณ 24 .00 น. หลังจากนั้นจะเห็นพุ่งมาจากทุกทิศทาง โดยนักดาราศาสตร์คาดว่ามีมากช่วงเวลา 04.00 น. และช่วง 05.00 น. เป็นช่วงปะทะดาวตกลีโอนิคส์สูงสุด นักดาราศาสตร์คาดว่ามีมากกว่า 100-150 ดวง /ชม." นายศิริพงษ์กล่าว
ส่วนที่ จ.ชลบุรี ก็คึกคักไม่แพ้กัน เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่บริเวณจุดชมวิวบนเขา สทร.5 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง มีประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พากันเดินทางมารอดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์จำนวนมาก ทำให้บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก แต่ยังไม่สามารถมองเห็นฝนดาวตกลีโอนิคส์ แต่ส่วนใหญ่ยังคงปักหลักนั่งรอลุ้น หวังที่จะเห็นฝนดาวตกลีโอนิคส์ในครั้งนี้อย่างไม่ย่อท้อ
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เริ่มคักคักตั้งแต่เวลา 02.30 น. พบว่ามีบรรดานักถ่ายภาพจำนวนมาก ต่างพากันหามุมมืดสงบในที่ทึบแสง ตั้งกล้องเรียงแถวรอบันทึกภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตกอย่างคึกคัก
ขณะที่บรรยากาศของบรรดานักเรียนและผู้สนใจด้านดาราศาสตร์ ที่โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กว่า 100 คน ต่างพากันเฝ้ารอชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์อย่างใจจดจ่อ พร้อมตั้งกล้องเฝ้าคอยบันทึกภาพ โดยบนดาดฟ้าชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เริ่มมีฝนดาวตกลงมาให้เห็นเป็นลูกแรก สีน้ำเงิน เมื่อเวลา 01.00 น. พุ่งลงมาจากด้านทิศตะวันออกเฉียงไปทางทิศใต้ จากนั้นมีฝนดาวตกพุ่งลงมาเป็นกลุ่มต่อเนื่องกันอีกถึง 3 ลูก ทั้งสีน้ำเงิน สีเขียว จากบริเวณกลางศีรษะลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กระทั่งเวลา 03.00 น. สามารถจดบันทึกปริมาณฝนดาวตกไว้ได้จำนวน 10 ลูก และยังคงเฝ้ารอลุ้นช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ต่อไปอีก
บรรยากาศที่สนามฟุตบอล โรงเรียนไผ่แก้ววิทยา อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา นายศักดิ์เดช จุมณี ผอ.โรงเรียน ได้นำนักเรียนทั้งจากในโรงเรียนและจากโรงเรียนในพื้นที่ข้างเคียง กว่า 200 คน จัดกิจกรรมด้านดาราศาสตร์เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้พื้นฐานด้านดาราศาสตร์ของ นักเรียน ก่อนที่จะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 14 กลุ่ม เฝ้าสังเกตการณ์ของปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ด้วย
นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ท้องถิ่น กล่าวถึงความสำคัญของฝนดาวตกลีโอนิคส์ในครั้งนี้ว่า ถือ เป็นโอกาสดีที่นักเรียนในประเทศไทยจะได้มีโอกาสได้ศึกษา เนื่องจากในปีนี้ ฝนดาวตกลีโอนิคส์ จะพีกตรงจังหวะที่โลกหันประเทศไทยเข้าสู่ด้านมืดเข้าหากลุ่มของฝนดาวตกพอดี และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการนำไปสู่เส้นทางของผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ที่จะมีการก่อตั้งหอดูดาวระดับภูมิภาคขึ้นมา ซึ่งกลุ่มของฝนดาวตกลีโอนิคส์ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความสวยงามมากที่สุดกว่า กลุ่มของฝนดาวตกอื่น ๆ
ส่วนที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี คณะอาจารย์และนักศึกษาภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ และนักศึกษาจากประเทศเวียดนามที่มาเรียนร่วมกับนักศึกษาไทยจำนวนมาก นำเต็นท์มากางนอนบนสนามฟุตบอล เพื่อคอยชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคส์ กระทั่งเวลา 02.15 น.ท้องฟ้าเริ่มเปิด เริ่มเห็นดาวตกดวงแรกได้ตกลงมาทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของนักท่องเที่ยว จากนั้นได้ทยอยตกลงมาเป็นระยะ สามารถเห็นและนับได้ 22 ดวงในชั่วโมงแร
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานีเมื่อวันที่17 พฤศจิกายน 52 ว่า นักศึกษาและอาจารย์ ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พร้อมใจช่วยกันนำกล้องส่อง ดูดาวแบบต่าง ๆ ออกมาตรวจดูความพร้อม เพื่อใช้ในการดูปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์หรือกลุ่มดาวสิงโต ระหว่างวันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ (17 -18 พฤศจิกายน 2552 ) บริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีกันอย่างคึกคัก
โดยจะใช้ศูนย์วิทยาศาสตร์เป็นสถานที่จัดกิจกรรมให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมกัน ดูฝนดาวตกที่จะเกิดขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิน ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ของวันนี้ ไปจนถึงเวลา 06.00 น.ของวันพรุ่งนี้ และนอกจากการชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกแล้ว ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับดาราศาสตร์ร่วมด้วย เช่น แนะนำการใช้แผนที่ดาวเพื่อดูดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่าง ๆ การหาทิศเหนือโดยใช้ดาวบนท้องฟ้า การดูดาวผ่านกล้องโทรทรรศน์ทั้งชนิดสะท้อนแสงและหักเหแสง เป็นต้น
พร้อม กันนั้นทางอบจ.สุราษฎร์ธานี ยังได้จัดเตรียมอาหารไว้คอยบริการ ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อีกด้วย โดย อ.สมพร ศรีอาภานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายให้กับเยาวชนและผู้ที่สนใจ เรื่องดาราศาสตร์ได้นำไปต่อยอดทางการศึกษาของตนต่อไป จึงขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ได้เข้าร่วมกิจกรรมใน ครั้งนี้ เนื่องจากปีนี้ คนไทยทุกพื้นที่จะมีโอกาสชมฝนดาวตกได้ทั่วถึงกัน
ซึ่งปรากฏการณ์ในครั้งนี้ คือ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ ที่เกิดจากเศษซากหลงเหลือของดาวหาง 55 พีเทมเพล-ทัตเทิล มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบใช้เวลา 33.2 ปี โดยดาวหางดวงนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้เกิดฝนดาวตกมากเป็นพิเศษ เรียกว่า "พายุฝนดาวตก" (Meteor Storm) ทำให้สามารถมองเห็นได้ประมาณ 100-200 ดวงต่อชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันนี้ต่อเนื่องไปจนถึงเวลาเช้ามืดของวันพรุ่งนี้
สำหรับ วิธีดูฝนดาวตกที่ดีที่สุดคือการดูด้วยตาเปล่า เลือกบริเวณที่ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือห่างจากเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร หันหน้าไปทางดาวเหนือ ส่วนการถ่ายภาพควรตั้งความไวแสง ISO 400-800 ถ้าใช้กล้องสองตาควรมีหน้าเลนส์ไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิเมตร และกำลังขยาย 7 เท่าขึ้นไป ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมควรเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ มาด้วย เช่น เสื่อ ผ้าห่ม ถุงมอ เสื้อกันหนาว เพื่อจะทำให้การดูดาวสุขสบายมากยิ่งขึ้น
+++++++++++++++++++++++++++++++
ข่าวสด
เมื่อ วันที่ 17 พ.ย. ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ แม้จะไม่ใช่รอบปีของการเกิดพายุ ฝนดาวตกลีโอนิดส์ แต่เราจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกในอัตราความชุกมากกว่าปีก่อน ๆ โดยอัตราการตกราว 100-500 ดวงต่อชั่วโมง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะเห็นฝนดาวตกตลอดทั้งชั่วโมง และจำนวนฝนดาวตกที่เห็นก็ไม่ได้เห็นมากถึง 500 ดวง ตัวอย่างเช่น อัตราการตกที่ 400 ดวงต่อชั่วโมง เราเห็นแค่ช่วงเวลา 15 นาที นั่นคือในช่วงชั่วโมงนั้น เราจะเห็นดาวตกประมาณ 100 ดวง ซึ่งก็ถือว่ามากแล้ว
สำหรับ ช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกสูงสุดในครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืน ให้หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นดาวตกลูกแรกคล้ายพุ่งขึ้นมาจากดิน และหลังเวลา 03.00 น. ในการชมเราสามารถนอนหงายจะเห็นฝนดาวตกมาจากทุกทิศทางมาจากกลุ่มดาวสิงโต ถ้าลูกใหญ่จะสวยมีควันที่เรียกว่า ไฟร์บอลล์ และจะเห็นเป็นรอยดาวตกทิ้งไว้เป็นทางด้วย
ด้าน นพ.ไพ จิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาว คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติ เดินป่าหรือตั้งเต็นท์พักแรมในป่าเขา สัมผัสอากาศหนาว อีกทั้งในวันที่ 17-18 พ.ย. จะมีปรากฏการณ์ฝนดาวตกลีโอนิดส์ และวันที่ 13 ธ.ค. จะมีฝนดาวตกเจมินิดส์ คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางไปพักแรมในป่าเขา เพื่อชมปรากฏการณ์ธรรมชาติดังกล่าว หากเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นแหล่งอาศัยของไรอ่อน และบังเอิญถูกไรอ่อนหรือไรแดง (Chigger) ที่มีเชื้อก่อโรคสครับ ไทฟัส กัด จะทำให้ป่วยเป็นโรคสครับ ไทฟัส (Scrub typhus) หรือโรคไข้รากสาดใหญ่ได้
นพ. ไพจิตร์ กล่าวว่า จากรายงานการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 ต.ค. 52 มีผู้ป่วยเป็นโรคสครับไทฟัส เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ 4,197 ราย เสียชีวิต 6 รายโดย ภาคเหนือมีอัตราป่วยสูงสุด พบ 20 คนในประชากรแสนคน รองลงมาได้แก่ภาคใต้ 7 คนในประชากรแสนคน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 คนในประชากรแสนคน และภาคกลาง 2 คนในประชากรแสนคน
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ขอแนะนำนักท่องเที่ยวเดินป่า หากจะกางเต๊นท์พักแรม ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนกับพื้นดินติดบริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ หรือที่หญ้าขึ้นรก เนื่องจากเป็นที่อาศัยของตัวไรอ่อน ในการป้องกันตัวไม่ให้ไรอ่อนกัด ขอให้แต่งตัวให้รัดกุมมิดชิด ใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวปิดคอ เหน็บปลายเสื้อเข้าในกางเกง ใส่รองเท้าและสวมถุงเท้ายาวหุ้มปลายขากางเกงไว้ และทายากันแมลงตามแขนขาส่วนที่พ้นจากเสื้อผ้า เมื่อกลับจากการท่องเที่ยวพักแรมในป่า ขอให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที และซักเสื้อผ้าที่ใช้มาแล้วให้สะอาด เพื่อกำจัดตัวไรที่อาจติดมากับเสื้อผ้า
สำหรับโรคสครับไทฟัส เป็นโรคติดต่อในสัตว์ฟันแทะที่อยู่ในป่า เกิดจากเชื้อริกเกตเซีย (Rickettsia) ซึ่งอยู่ในตัวไรอ่อน ที่อาศัยอยู่ตามตัวของสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระแต กระจ้อน เมื่อตัวไรอ่อนดังกล่าวไปกัดคน มักจะเข้าไปกัดในบริเวณร่มผ้า และปล่อยเชื้อริกเกตเซียเข้าสู่คน หลัง ถูกกัดประมาณ 10 -12 วัน จะมีไข้สูง ปวดศีรษะมาก คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ เหงื่อออก หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว บางรายอาจมีอาการปวดน่อง ตาแดง ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ มีตับโต ม้ามโต โดยผู้ที่ถูกไรอ่อนกัดประมาณ ร้อยละ 30 - 40 จะมีแผลบุ๋มสีดำ ลักษณะคล้ายโดนบุหรี่จี้ แต่ไม่เจ็บ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ หลังมีไข้ประมาณ 4-5 วันบางรายจะมีผื่นนูนแดงตามตัว กระจายไปแขนขา ซึ่งจะหายไปใน 2-3 วัน บางรายอาจมีอาการทางปอด ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการสมอง คอแข็ง เสียชีวิตได้ ดังนั้น หาก มีอาการเหล่านี้หลังกลับออกจากเที่ยวป่า ภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการไปเที่ยวป่าให้แพทย์ทราบด้วยเพื่อรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงถึงชีวิต ซึ่งโรงพยาบาลทุกแห่งมียารักษาโรคนี้หายขาด
ด้าน นายบุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวแนะนำเบื้องต้นว่า ควรจะหาพื้นที่ท้องฟ้าโปร่งไม่มีเมฆบัง รวมทั้งห่างไกลจากบริเวณที่มีแสงสว่างมาก ๆ เพื่อจะทำให้การดูฝนดาวตกมีความชัดเจนมาก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าในระยะ 2-3 วันนี้จะมีเมฆบางส่วนในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการดูปรากฎการณ์ดาวลีโอนิดส์บ้าง แต่ก็เชื่อในหลายพื้นที่จะสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้อย่างชัดเจน สำหรับ คนที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ก็อาจจะมีโอกาสมองเห็นฝนดาวตกได้ยากหน่อย เพราะนอกจากอาจจะมีเมฆมาบัง แล้วแสงนีออนจากไฟฟ้าในเมืองก็เป็นอุปสรรคสำคัญด้วย ทางที่ดีหากต้องการดูปรากฎการณ์นี้จริง ๆ คงจะต้องออกมาหาพื้นที่ไกลออกไปสักหน่อยเพื่อจะได้เห็นได้ชัดเจน
ทั้ง นี้ ฝนดาวตก เกิดจากดาวหางซึ่งเป็นก้อนน้ำแข็งที่ประกอบด้วยฝุ่นหินเกาะกลุ่มกันจำนวนมาก เมื่อโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ก้อนน้ำแข็งจะเกิดการระเหิด ทิ้งแนวฝุ่นหินเป็นสายธารยาว เมื่อโลกโคจรเข้าไปตัดกับสายธารดังกล่าวนี้ เศษฝุ่นหินจะเคลื่อนตัววิ่งเข้ามาในบรรยากาศของโลกด้วยความ เร็วสูง และเกิดการเสียดสีจนลุกไหม้ปรากฏเป็นขีดแสงสว่างให้เราเห็น ที่เราเรียกว่า "ฝนดาวตก" นั่นเอง สำหรับชื่อของฝนดาวตกลีโอนิดส์ มาจากการอ้างอิงกับแหล่งการเกิด คือกลุ่มดาวสิงโตนั่นเอง คือแม้เราจะเห็นฝนดาวตกในทิศทางต่างๆ กัน แต่เมื่อเราลองลากเส้นย้อนกลับไปยังแหล่งการเกิดแล้ว ฝนดาวตกทุกดวงจะมาจากกลุ่มดาวสิงโต