tonklakubpom เขียน:
ฮือๆๆๆๆๆ

วั้นนี้ผมซวยมากเลยครับ แงๆๆ ขอระบายหน่อยนะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่าตื่นเช้ามารู้สึกว่าสมองเบลอๆแถมยังหากระเป๋าตัวเองไม่เจออีก ทั้งๆที่จำได้ว่าเอามาแล้ว แล้วพอไปหาที่ร.ร.ค่อยเจอ
และสิ่งที่น่าอายกว่านั้นคือผมถูกครูด่ากลางแถวเลยเพราะว่าตอนที่เพื่อนๆสวดมนต์อยู่ผมไม่ได้สวดเพราะใจผมไม่อยากสวดแล้วทีนี้ผมก็นั่งทำการบ้านคณิตเพราะเพื่อนผมมันรอลอกอยู่ก็เลยรีบทำหวังดีว่าจะให้เพื่อนลอกกลัวเพื่อนลอกไม่ทันแล้วผมก็ต้องเขียนแฟ้มห้องอีกมันเลยทำให้การเข้าแถววันนี้ทำให้ผมยุกๆยิกๆกว่าปกติพอเพื่อนๆสวดมนต์จบก็มีครูผู้ชายคนนึงเดินมากลางแถวผมแล้วเรียกว่า แว่น(ผมใส่แว่น) ยุกๆยิกๆทำไม ทำไมไม่สวดมนต์ฮะ ผมก็เลยบอกว่าผมเป็นคริสต์ครับ(แต่ยังไม่ได้ล้างบาปอ่านะ) แล้วครูก็บอกว่า ก็ช่าง เป็นคริสต์แล้วทำไม ทำไมไม่อยู่เฉยๆแล้วก็ด่าผมชุดใหญ่เลย ผมยอมรับว่าผมยุกยิกจริงๆเพราะผมกลัวเพื่อนการบ้านไม่เสร็จ แล้วผมก็อายมากกกกกก แล้วทุกคนแถวนั้นก็มองมาที่ผมอ่ะแบบว่าอายโคตรๆๆทำอะไรไม่ถูกเลย ผมเกือบจะร้องไห้แล้วอ่ะ เพราะว่าอายมากกกก แต่ยังดีหน่อยที่ครูที่ปรึกษาให้กำลังใจผมครูบอกว่า ต้นกล้าเรื่องเมื่อเช้าอย่าไปสนใจนะ มันบ้า(รู้สึกว่าจะด่าครูคนนั้น)ก็เลยลดความเครียดลงหน่อย แต่ตอนนี้ยังอายไม่หายเลย
-
..มาวิเคราะห์ประโยคต่างๆกันพี่น้องงง..
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะตัวคุณเองเป็นเหตุทั้งนั้น..
ขอแยกแยะไป ทีละส่วนๆ นะ
0."วั้นนี้ผม
ซวยมากเลยครับ..."
-ก่อนอื่น ขอยืมคำจากโฆษณามาบอก ..อย่าโทษ"ซวย"..โทษตัวเอง..
I."..ผมถูก
ครูด่ากลางแถวเลยเพราะว่าตอนที่
เพื่อนๆสวดมนต์อยู่
ผมไม่ได้สวดเพราะใจผมไม่อยากสวด..."
-ประโยคนี้ตีความกันง่ายมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับ กาล(ะ)-เทศ(ะ) อย่างเห็นได้ชั้ด
-กาละ คือ การเข้าแถวตอนเช้า-ระเบี่ยบ วินัย-กฎ
-เทศะ คือ การสวดมนต์-การสงบนิ้ง-การทำจิตใจให้สงบ.
ถ้าทำถูก กาละ-เทศะ-เรื่องร้ายๆ ก็ จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเราอย่างแน่นอน.. แต่นี่ "ผมไม่ได้สวด....ใจผมไม่อยากสวด" ไม่ถูก กาละเทศะ ผลคือ "ครูด่า"
II."..แล้วทีนี้
ผมก็นั่งทำการบ้านคณิต
เพราะเพื่อนผมมันรอลอกอยู่ก็เลยรีบทำ
หวังดีว่า
จะให้เพื่อนลอกกลัวเพื่อนลอกไม่ทัน..."
-อื่ม..อันนี้..เรียกได้ว่า..เป็น พ่อพระ..พ่อนักบุญเดินดินจริงๆ..ตัวมีความสามารถ-มีสักยภาพสูงกว่าเพื่อน..เลยใช้ความสามารถ-สักยภาพของตัว ให้เป็นประโยชน์
คือช่วยเพื่อน แต่มันก็ไม่ถูกไม่ควร..ใช้ผิดที่ผิดทาง..ไม่ถือว่าช่วยเพื่อนนะนี่...แต่เป็นการทำร้าย-ทำลาย เพื่อนทางอ้อมมากกว่า..
"นั่งทำการบ้าน.." อันนี้ ไม่ถูก กาละ-เทศะ ขึ้นชื่อว่า "การบ้าน" ก็ต้องทำที่บ้านไม่ใช่เหรอ.. ไม่ใช่ "การหน้าเสาธง" หรือ "การในแถวตอนเช้า" ซะหน่อย.. การบ้าน นะพี่น้อง การบ้าน..
III."แล้วผมก็
ต้องเขียนแฟ้มห้องอีกมันเลยทำให้การเข้าแถววันนี้
ทำให้ผมยุกๆยิกๆกว่าปกติ"
-อันนี้ขอแปลงสำนวนโบราณสำนวนหนึ่ง ว่า "งานการท่วมหัว..แล้วเอาตัวรอดไหมเนี่ย"
IV."พอเพื่อนๆสวดมนต์จบก็มี
ครูผู้ชายคนนึงเดินมากลางแถวผมแล้วเรียกว่า แว่น(ผมใส่แว่น)
ยุกๆยิกๆทำไม ทำไมไม่สวดมนต์ฮะ ผมก็เลยบอกว่า
ผมเป็นคริสต์ครับ(แต่
ยังไม่ได้ล้างบาปอ่านะ)"
-เพราะผลข้างต้นที่ผ่านๆมานั่นละ..เลยทำให้ 'ครูผู้ชายคนนึง
ต้องเดินมากลางแถว'
-ในส่วนนี้เข้าใจว่าครูเค้าถามอยู่ สอง คำถามนะ.แต่คุณดันไปตอบแค่คำตอบเดียว.. แล้วดันตอบคำถามที่สองเสียอีกนี่..[ควรนึก(หรือจำ)ไว้ก็จะดีมิใช่น้อยนะว่า."คำถามแรกมักจะเป็นคำถามที่สำคัญที่สุด.จงตอบมันก่อนเป็นสิ่งแรก!!"]
-แล้วคำตอบที่ตอบไป
"ผมเป็นคริสต์" ดันไม่ใช่ที่ที่ควรตอบ..แค่นี้คนถามเค้าก็คิดในด้านลบกับศาสนาเราแล้ว(ดูได้จากประโยคที่ครูพูด(ลักษณะ+กริยาที่แสดงออกมา)หลังจากนั้น)...น่าจะถือว่าเป็นบาปน้อยๆข้อนึงได้เลยนะนี่..คือการกีดกันขับไล่ผู้อื่นไม่ให้เข้าหาพระก็ว่าได้..(แรงมั้ยนี่..)
-"ยังไม่ได้ล้างบาป"..แนะนำว่ายังต้องศึกษาอิกเยอะนะพี่น้องงง..
-เหตุการณ์ต่อมา ก็เดาได้เหมือนละครตอนหัวค่ำ..คือ
V."ครูก็บอกว่า ก็ช่าง เป็น
คริสต์แล้วทำไม ทำไมไม่อยู่เฉยๆแล้วก็
ด่าผมชุดใหญ่เลย"
-นี่ถ้าคิดว่าดูละครภาคค่ำอยู่นะ..คงเชียตัวละครสองตัวตบตีกันอยู่..แล้วผมสุดท้าย..เราก็จะพูดกับตัวเองและกับโทรทัศน์ว่า "สม.." (อย่าโกรธกันนะพี่น้อง กะลังมัน.. ^ ^")
VI."ผม
ยอมรับว่า
ผมยุกยิกจริงๆเพราะผม
กลัวเพื่อนการบ้านไม่เสร็จ แล้วผมก็
อายมากกกกกก"
-"ยอมรับ...ผมยุกยิก"อันนี้ถือว่าดีมากนะพี่น้อง..ที่ในห้วงลึกของจิตใจ.ยังมี"สำนึก"อยู่..ซึ่งทุกวันนี้ก็หายากเต็มที..
-"กลัวเพื่อนทำการบ้านไม่เสร็จ" อันนี้ดูเผินๆถือว่าดี มีความเมตตา..แต่ถ้าดูตั้งแต่ต้นแล้ว...ปาบในคราบบุญ หรือ หมาป่าหุ้มหนังแกะ ชัดๆเลย..
-"อาย" ถือว่าดีนะพี่น้อง ที่พี่น้อง ยังมีสิ่งนี้อยุ่.. แต่พี่น้องไม่ชอบมัน..ตรองดูดีดี..มันจะไม่เกิดแน่..ถ้าพี่น้องไม่ทำอะไรอะไรในตอนต้น..
VII."ยังดีหน่อยที่
ครูที่ปรึกษาให้กำลังใจผมครูบอกว่า ต้นกล้าเรื่องเมื่อเช้าอย่าไปสนใจนะ
มันบ้า(รู้สึกว่าจะด่าครูคนนั้น)ก็เลยลดความเครียดลงหน่อย "
-ฮ้า ฮ้า ข้อ เจ็ด ละ ..เท่ากับจำนวนพระคุณพระจิต กับบาปต้น แลยเน้อะ..^&^
-"เรื่องเมื่อเช้าอย่าไปสนใจเลยนะ.."ดูแล้ว ครูที่ปรึกษานี่ เหมือนคนของพระเลยเน้อะ.. ที่มาปลอบมาคอยให้กำลังใจเรา..
-"มันบ้า.." คำคำนี้ไม่น่าจะออกมาจากปาก คนของพระเลยนะนี่..
-จากประโยคที่ผ่านมา..ทำให้พี่น้องคิดว่าตัวมีพวกเดียวกันแล้ว(คนอื่นเค้าดูจากภาพการ) ผลตามมาของการมีพวกคือ ทำให้พี่น้อง"ลดความเครียดลง.."
-------------------จบการวิเคราะห์+วิจารณ์แต่เพียงเท่านี้-------------------
*ปล. ลองมาทำเป็นนิทานกันดูนะ (ในแบบมุมมองอิกมุมหนึงของคน
โลกแคบๆแบบข้าพเจ้า..)
ตัวละครได้แก่
1.พระเยซู 2.ศิษผู้หลงทาง 3.มารในคราบชาวยิว
ลองแต่งๆกันดูนะพี่น้อง...
กราบลา..ขอพระผู้เป็นเจ้า ทรงอำนวยพร..